เยี่ยนเอ๋อ ชุ่ยเอ๋อและอิงกูจุดโคมไฟให้สว่างขึ้น สว่างไสวดุจไข่มุกราตรี
เฉินตันจูนั่งอยู่บนระเบียงทางเดิน พัดในมือโบกอย่างแผ่วเบา
“เฉินตันจู ตกลงมีเรื่องอันใด” โจวเสวียนยืนอยู่บนระเบียงทางเดิน บดบังแสงไฟที่พลิ้วไหว ขมวดคิ้วถาม ก่อนจะโน้มตัวกดเสียงต่ำ “ข้าสามารถบอกความลับอันยิ่งใหญ่นั้นกับท่านได้แล้ว ท่านแม้แต่เรื่องที่ไม่สบายใจยังบอกข้าไม่ได้หรือ”
เฉินตันจูมองเขา “เรื่องที่เศร้า ข้าไม่อยากพูดออกมาให้ท่านเศร้าไปด้วย”
โจวเสวียนมองนางด้วยความฉงน ถาม “จริงหรือ ท่านเป็นกังวลว่าข้าจะเสียใจ?”
หญิงสาวยิ้ม “ย่อมไม่จริง”
โจวเสวียนหัวเราะเย้ยหยัน “เฉินตันจู ท่านพูดเองนะ ท่านอย่าโทษว่าข้าคิดว่าเป็นเรื่องจริง…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ก็เห็นดวงตาเศร้าโศกของหญิงสาว ก่อนที่นางจะถอนหายใจออกมา “ท่านโหวโจว ท่านอย่าโกรธ ข้าแค่ไม่สบายใจเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงพูดไปเรื่อยเปื่อย”
ท่าทางนี้มีความเป็นไปได้ที่จะแสร้งทำกว่าครึ่ง โจวเสวียนคิดในใจ แต่ยังคงอดที่จะผ่อนสีหน้าและน้ำเสียงลง “ตกลงมีเรื่องอันใด”
เฉินตันจูบอกให้เขานั่งลง เอ่ยถามเสียงเบา “พูดแล้วเรื่องยาว เป็นเรื่องเก่าของตระกูลข้า ท่านรู้จักพี่เขยข้า หลี่เหลียงใช่หรือไม่”
ตอนเริ่้มสงคราม เขามีหน้าที่นำทัพอยู่ในเมืองโจว ไม่รู้เรื่องทางเมืองอู๋มากนัก แต่ว่า เวลานี้เขาย่อมต้องรู้ทุกเรื่องของเฉินตันจูอย่างกระจ่าง เรื่องที่ทุกคนรู้อาทินางต้อนรับฮ่องเต้เข้าเมืองอู๋อย่างไร รวมทั้งเรื่องที่ทุกคนอาจไม่รู้อาทิ ชอบกินไชเท้าดิบ ไม่ชอบกินไชเท้าสุก
“เขาเป็นอย่างไร” โจวเสวียนขมวดคิ้ว “ตายไปตั้งนานแล้ว”
เฉินตันจูพูด “เขาเป็นคนขององค์รัชทายาท”
โจวเสวียนกระจ่าง อีกทั้งเขายังกระจ่างว่าองค์รัชทายาทต้องการทำสิ่งใด
“ตามหลักแล้วคนตายอย่างเขา องค์รัชทายาทไม่จำเป็นต้องละโมบในความดีความชอบแค่นั้น” เขาพูด
เฉินตันจูพูด “เพราะว่ายังมีคนเป็นอีกหนึ่งคน เหยาฝูหรือคุณหนูสี่แห่งตระกูลเหยา ท่านรู้จักหรือไม่”
โจวเสวียนครุ่นคิด “ข้าเคยพบนาง คุณหนูสี่นี้มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับหลี่เหลียงใช่หรือไม่”
เฉินตันจูพูด “นางเป็นหญิงงามที่องค์รัชทายาทใช้หลอกล่อหลี่เหลียง หลี่เหลียงเลี้ยงดูนางไว้ที่ด้านนอกจวน อีกทั้งยังมีบุตรด้วยกันหนึ่งคน”
โจวเสวียนแสดงว่าตนเองเข้าใจแล้ว “ผู้ชายไม่สนใจสิ่งอื่นนอกจากอำนาจและความงาม หลี่เหลียงมีประโยชน์ สามารถเสริมสร้างความดีความชอบให้แก่องค์รัชทายาท แต่คนที่มีประโยชน์มากกว่าคือเหยาฝูที่ยังมีชีวิตอยู่ ยังไม่ต้องพูดถึงหญิงสาวผู้นี้สามารถมีชีวิตอยู่เพื่อตักเตือนความชอบของนางต่อฮ่องเต้และคนทั่วแผ่นดิน นอกจากนี้ เมื่อหญิงสาวผู้นี้สามารถกำราบหลี่เหลียงได้ ย่อมสามารถกำราบผู้อื่นเพื่อองค์รัชทายาทได้อีก…”
เขาพูดมากมาย ดวงตาของหญิงสาวกลับไม่ได้มองเขาด้วยความแพรวพราว แสดงออกถึงความชื่นชม หากแต่โบกพัดไล่แมลงเม่าตัวหนึ่งไป
“เฉินตันจู!” โจวเสวียนตะโกนอย่างโกรธจัด “ฟังที่ข้าพูดอยู่หรือไม่”
เฉินตันจูส่งเสียงตอบรับ “ฟัง แต่องค์รัชทายาทคิดอย่างไรไม่เกี่ยวกับข้า ข้าเพียงแค่ไม่ต้องการให้ศัตรูของข้ากลายเป็นขุนนางผู้มีความดีความชอบของราชสำนัก”
โจวเสวียนยื่นมือบีบแมลงเม่าที่บินวนอยู่รอบโคมไฟแล้วนั่งลง จากนั้นยัดใส่มือของเฉินตันจู “เวลานี้คงจัดการได้ยาก ในเมื่อองค์รัชทายาทเอ่ยปากแล้ว ฝ่าบาทย่อมไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน ท่านควรจะสังหารหญิงสาวผู้นั้นให้เร็วกว่านี้ เหมือนดั่งที่สังหารหลี่เหลียง”
เฉินตันจูมองแมลงเม่าในมือ “ข้าก็คิด แต่หญิงสาวผู้นี้หลบอยู่ข้างกายขององค์รัชทายาท ข้าไม่มีโอกาส”
โจวเสวียนลูบใต้คาง “นางอยู่ข้างกายองค์รัชทายาท ข้าก็ไม่อาจลงมือได้ แต่รอเมื่อใดที่นางออกมา คงจะง่ายแล้ว” เขาใช้ข้อศอกดันเฉินตันจู “อย่าเสียใจ เรื่องนี้มอบให้ข้า”
เฉินตันจูถลึงตาใส่เขา “ท่านอย่าวู่วาม หากท่านฆ่านาง คงไม่ใช่ถูกโบยแค่ห้าสิบทีแล้ว”
โจวเสวียนยิ้ม “กลัวข้ามารักษาแผลที่นี่อีกหรือ”
เฉินตันจูพูดเสียงทุ้ม “ข้ากลัวท่านทำให้ข้าเดือดร้อน สาเหตุที่ข้าต้องการฆ่าศัตรูของข้า เพื่อให้ข้าและครอบครัวของข้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้ ไม่ใช่ตายไปพร้อมกับนาง เพื่อนางคนเดียว แต่ต้องแลกกับชีวิตของทั้งครอบครัวข้า ไม่คุ้ม”
โจวเสวียนหน้าดำลง “ข้ารู้ ข้าไม่สร้างความเดือดร้อนให้ท่านหรอก”
เฉินตันจูผ่อนคลายสีหน้าลง พูดเสียงเบา “อีกทั้งข้าไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้ท่าน ท่านโหวโจว พวกเราต้องมีชีวิตอยู่”
โจวเสวียนส่งเสียงไม่พอใจ ครุ่นคิด ก่อนจะพูดเสียงเบา “อย่างไรก็ตาม เจ้าอย่ากลัว อีกทั้งอย่าเสียใจมาก ในเมื่อพวกเราต่างยังมีชีวิตอยู่ เรื่องแบบนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้”
เฉินตันจูคลายสองนิ้วออก แมลงเม่าที่จับไว้โบยบินขึ้นไป
โจวเสวียนมองแมลงเม่าที่หายลับไปในยามราตรี ยิ้มพร้อมลุกขึ้นยืน “ข้าไปแล้ว”
เฉินตันจูกล่าวขอบคุณ
โจวเสวียนก้มหน้ามองนาง “ไม่ต้องขอบคุณ ครั้งหน้า หากท่านยังคิดถึงข้าอีก อย่าเพียงแค่มองแล้วจากไป” พูดจบเขาก็เดินจากไป
คิดถึงอันใดกัน! เฉินตันจูรีบพูด “ตอนนั้นสิ่งที่ข้าคิดไม่ใช่คิดถึงแบบนั้น ท่านอย่าคิดมาก”
โจวเสวียนไม่หันกลับมามอง เขากระโดดข้ามกำแพง หายไปในยามค่ำคืน
ลานบ้านขนาดเล็กเงียบสงบลงอีกครั้ง เฉินตันจูนั่งอยู่บนระเบียงทางเดิน โบกพัดในมือแผ่วเบา ลมจากภูเขาพัดผ่านมา แสงไฟสะท้อนลงบนใบหน้าของนาง
ในเวลานี้ ฮ่องเต้ในพระตำหนักใหญ่ภายในพระราชวังเดินออกมาอย่างระอา มองไปยังแม่ทัพหน้ากากเหล็กที่นั่งอยู่ภายใต้การส่องของแสงไฟ
“กระหม่อม…” แม่ทัพชราในเสื้อคลุมสีเทาโน้มตัว
พูดยังไม่ทันจบก็ถูกฮ่องเต้ขัดขึ้นด้วยความรำคาญ “พอ พอ เจ้ามาทำอันใดอีก ข้ากำลังยุ่ง มีเรื่องใดพูดพรุ่งนี้ไม่ได้หรือ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กกล่าวว่าเขามีความผิด ก่อนจะถาม “ฝ่าบาทกำลังทรงงานใด ใช่เรื่องที่องค์รัชทายาทขอโปรดความดีความชอบให้หลี่เหลียงหรือไม่”
เป็นอย่างที่คิด…ฮ่องเต้กดคิ้วที่กระตุกไว้ พูดเสียงต่ำ “ท่านแม่ทัพรู้ได้อย่างไร เรื่องนี้เป็นเรื่องลับภายในพระราชวัง ไม่ใช่เรื่องสำหรับหารือในท้องพระโรง”
ข้อหาสอดแนมเรื่องลับในพระราชวังไม่ใช่ข้อหาเล็ก ขันทีจิ้นจงกลั้นหายใจอยู่ด้านข้าง โดยเฉพาะฐานะของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก…
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ได้มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย “องค์ชายสามทราบเรื่อง ไปพบกับเฉินตันจู ดังนั้นกระหม่อมจึงรู้เรื่องด้วย”
เรื่องที่องค์ชายสามทราบเรื่องนั้น ขันทีจิ้นจงได้ทูลต่อฮ่องเต้แล้ว ฮ่องเต้เองก็รู้ว่าองค์ชายสามรีบออกจากพระราชวังไปพบเฉินตันจู ดังนั้นหลังจากเฉินตันจูรู้ จึงรีบไปร้องไห้อ้อนวอนบิดาบุญธรรมผู้นี้ บิดาบุญธรรมผู้นี้จึงรีบวิ่งมาขอความเป็นธรรมให้บุตรสาวบุญธรรมหรือ?
เมื่อได้ยินว่าแม่ทัพหน้ากากเหล็กขอเข้าเฝ้า ฮ่องเต้ก็มีการคาดเดาลำดับเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นภายในใจ ดังนั้นเขาจึงยืดเยื้อไม่ยอมพบ แต่แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ยอมไป เป็นอย่างที่คิด เขามาเพื่อการนี้!
“เจ้าคิดจะทำอย่างไร” ฮ่องเต้ถามอย่างขุ่นเคือง
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูดทันที “กระหม่อมขอคัดค้าน”
“เหลวไหล!” ฮ่องเต้ตำหนิ ก่อนจะกดเสียงต่ำ “เจ้า ข้าเตือนเจ้า ควรรู้จักพอ เจ้าคิดว่านางเป็นบุตรสาวจริงหรือ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้ทำเพื่อเฉินตันจู กระหม่อมทำเพื่อตนเอง”
เพื่อตนเองอันใดกัน ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว
“องค์รัชทายาทขอโปรดความดีความชอบให้หลี่เหลียง” เสียงของแม่ทัพหน้ากากเหล็กราบเรียบ “ย่อมแสดงว่าต้องการแย่งชิงความดีความชอบกับกระหม่อม กระหม่อมย่อมต้องคัดค้าน”
แย่งชิงความดีความชอบ?
ฮ่องเต้ครุ่นคิดเล็กน้อยก็กระจ่าง ถึงแม้เมืองอู๋ถูกกำราบโดยไม่ต้องใช้กองกำลัง แต่หากพูดถึงความดีความชอบ ย่อมต้องเป็นของแม่ทัพหน้ากากเหล็กมากกว่า
เวลานี้องค์รัชทายาทยกหลี่เหลียงออกมา ต้องการแบ่งความดีความชอบจากตรงนี้ สำหรับแม่ทัพหน้ากากเหล็กแล้วย่อมเป็นการแย่งชิงความดีความชอบ
เขาย่อมไม่ยอม
สีหน้าของฮ่องเต้ผ่อนคลายลง “ไม่จำเป็นต้องมีความกังวลนี้ องค์รัชทายาทมีความดีความชอบ ก็ไม่กระทบต่อความดีความชอบของท่านแม่ทัพ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ฝ่าบาท เรื่องนี้ย่อมกระทบ เฉินตันจูถูกกระหม่อมกำราบ แต่เวลานี้องค์รัชทายาทบอกว่าหลี่เหลียงมีความดีความชอบ มีหลี่เหลียงก่อนจึงมีเฉินตันจู เช่นนั้นความดีความชอบของกระหม่อมย่อมต้องเป็นขององค์รัชทายาท”
คำพูดเหล่านี้ยิ่งไม่เหมาะสม ขันทีจิ้นจงก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม แน่นอน เขาได้ยินฮ่องเต้เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นด้วยเสียงทุ้ม “ทั้งแผ่นดินเป็นของข้า หากพูดเช่นนี้ ความดีความชอบของเจ้าไม่เกี่ยวกับข้า?”