ผลงานใหม่ของอิ่งจือดึงดูดความสนใจ จำกัดอยู่เพียงแฟนคลับของอิ่งจือ รวมไปถึงบุคลากรในแวดวงการ์ตูน
หากมุ่งเป้าไปมองในมุมของผู้อ่านของแวดวงการ์ตูนทั้งหมด ข้อมูลเกี่ยวกับผลงานใหม่ของอิ่งจือ ถูกลิขิตชะตามาให้จุดกระแสไม่ติด
บรรดาแฟนการ์ตูนทั้งหลายยังคงดื่มด่ำกับการเฝ้ารอปู้ลั่วการ์ตูนซึ่งกำลังจะเปิดตัว!
นั่นก็เพราะ…
กองทัพนักวาดการ์ตูนที่ปู้ลั่วการ์ตูนเชิญมานั้นอลังการงานสร้างซะเหลือเกิน!
ผลงานใหม่ของนักเขียนการ์ตูนชื่อดังก็ล้วนควรค่าแก่การรอคอยทั้งนั้น!
เมื่ออิ่งจือเข้าไปผสมโรงในรายชื่อนี้จึงไม่ได้เป็นที่สะดุดตาแต่อย่างใด
ถึงขั้นที่ไม่มีใครสนใจนักวาดบริสุทธิ์คนนี้ด้วยซ้ำไป
และเมื่อบรรยากาศนี้อัดแน่นไปจนถึงวันที่เก้า ความคึกคักและคาดหวังทั้งหมดก็ระเบิดออกมาพร้อมกับช่วงเวลาที่แพลตฟอร์มเปิดตัว!
พรึ่บๆๆ
ผู้อ่านการ์ตูนนับไม่ถ้วนกรูกันไปยังเว็บไซต์การ์ตูนซึ่งเพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ ของปู้ลั่ว!
แต่ว่า…
ในช่วงเวลาเช่นนี้เอง หลินเยวียนกลับไม่ได้กระวนกระวายหรือสนใจสถานการณ์ของตน
เขาส่งต่อหน้าที่อัปโหลดเรื่องจิตวิญญาณสือจี่ให้กับหลัวเวยซึ่งเป็นผู้ช่วย
เพราะวันที่ 1 กันยายนไม่ได้เป็นเพียงวันที่ปู้ลั่วเปิดตัวแพลตฟอร์มการ์ตูนใหม่ ขณะเดียวกัน…
ก็เป็นวันที่วิทยาลัยศิลปะฉินโจวเปิดเรียนเช่นเดียวกัน
ถึงแม้หลินเยวียนจะเริ่มต้นโหมดลาเรียนอย่างไม่จำกัดเวลาตั้งแต่ภาคเรียนที่สองของปีสาม แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลให้ขาดเรียนตั้งแต่วันแรกของปีสุดท้ายในรั้วมหาวิทยาลัย
ในชั้นเรียน
เพื่อนร่วมชั้นกลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง ทุกคนมีท่าทีเป็นมิตรและกระตือรือร้น แลดูประหนึ่งเฝ้ารอการเริ่มต้นของปีการศึกษาใหม่
หลินเยวียนก็ยังได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากเพื่อนร่วมชั้น และยังคงได้รับการปฏิบัติด้วยความเอ็นดูจากเพื่อนๆ เฉกเช่นที่ผ่านมา
มหาวิทยาลัยบนบลูสตาร์ใช้เวลาเรียนห้าปี
ทว่าในความจริงแล้ว เมื่อถึงชั้นปีที่สี่ ทุกคนก็แทบจะไม่มีวิชาเรียนแล้ว
มหาวิทยาลัยไม่ได้เข้มงวดกับนักศึกษาปีสี่
ไม่อยู่ในหอพักก็ไม่มีใครตามตรวจตรา
นักศึกษาจะไม่พักในหอพักของมหาวิทยาลัย แล้วย้ายออกไปอยู่ข้างนอกก็ได้ จะเข้าเรียนหรือไม่เข้าเรียนก็ไม่ค่อยมีใครเช็กชื่อ อย่าสอบตกนับว่าเป็นอันเพียงพอ
ในยุคสมัยนี้ ขอเพียงทบทวนบทเรียนอย่างตั้งใจ นักศึกษาส่วนใหญ่ก็ไม่สอบตกหรอก
ในชั้นปีที่สี่ การเข้าเรียนเทียบไม่ได้กับการทำกิจกรรมภาคปฏิบัติ
ส่วนปีห้า…
ปีห้าคือนักศึกษาซึ่งเตรียมตัวเรียนจบ
ไม่ว่านักศึกษาจะหาสถานที่ฝึกงาน หรือเริ่มต้นธุรกิจของตนเอง มหาวิทยาลัยก็ล้วนสนับสนุน
ตัวอย่างเช่นผู้ช่วยของหลินเยวียนอย่างหลัวเวยก็เป็นนักศึกษาปีห้าของวิทยาลัยศิลปะฉินโจว
วันนี้เธอไม่ได้มาที่วิทยาลัยด้วยซ้ำ
หลังจากนี้เธอก็ไม่จำเป็นต้องแวะเวียนมาที่วิทยาลัยบ่อยๆ เธออาจงานยุ่งเล็กน้อยเมื่อต้องทำปริญญานิพนธ์
ตอนนี้นับได้ว่าเธอทำงานให้กับหลินเยวียนอย่างเต็มตัว และนับว่าได้กลายเป็นคนวัยทำงานกึ่งหนึ่งแล้ว
ที่บอกว่ากึ่งหนึ่งก็เพราะว่าเธอยังไม่รับปริญญาจากวิทยาลัยศิลปะฉินโจวอย่างเป็นทางการ
แต่หลินเยวียนก็มีแผนการสำหรับช่วงเวลาปีสี่ของเขาแล้ว
เงื่อนไขแรกที่จำเป็นต้องมีก็คือ…
ตอนปีสี่เขาจะลาเรียนบ่อยครั้งกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ถึงอย่างไรปีสี่ก็มีวิชาเรียนน้อย แถมกระจัดกระจาย หากจะลาเรียนก็ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังเท่าตอนอยู่ปีสาม
นอกจากนั้น…
ในตอนนี้หลินเยวียนไม่มีเวลาไปขลุกอยู่ที่ชมรมจิตรกรรมแล้ว
ไม่เพียงหลัวเวยที่ขึ้นปีห้า
รุ่นพี่ที่หลินเยวียนคุ้นเคยที่สุดในชมรมจิตรกรรมอย่างจงอวี๋ก็ขึ้นปีห้าเช่นเดียวกัน
ขึ้นปีห้าแล้ว หลังจากนี้จงอวี๋ก็คงไม่ได้โผล่มาให้เห็นหน้าค่าตาที่ชมรมจิตรกรรมบ่อยนัก
สำหรับหลินเยวียน ชมรมจิตรกรรมที่มีคนรู้จักน้อยลง ทำให้รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไป
อย่างไรชมรมจิตรกรรมที่เขาคุ้นเคย ก็คือช่วงเวลาที่มีรุ่นพี่จงอวี๋อยู่เป็นหลัก
……
แม้ว่าใบหน้าที่พอจะรู้จักมักคุ้นในชมรมจิตรกรรมจะน้อยลงไปมาก แต่หลินเยวียนยังคงแวะเวียนไปดูสักรอบด้วยความรู้สึกคิดถึง
เพราะวันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรก ฉะนั้นคนในชมรมจิตรกรรมจึงไม่มากเท่าช่วงปกติ
ทว่าคนที่รู้จักหลินเยวียน ยังคงมีอยู่ไม่น้อย
เพราะถึงอย่างไรชมรมจิตรกรรมก็เป็นศูนย์รวมของนักศึกษาหลากหลายคณะและสาขาวิชา
ต่อให้เป็นนักศึกษาที่เข้ามาทีหลังหลินเยวียน ก็มีบางคนที่เคยเรียนสเก็ตช์ภาพและสีกวอชจากหลินเยวียนมาก่อน
หลังจากทักทายทุกคน หลินเยวียนก็เดินมายังห้องเปียโน
ห้องเปียโนยังคงเหมือนเดิม
เปียโนหลายตัวในห้องเปียโนแต่ละห้อง หลินเยวียนยังรู้สึกคุ้นเคยมาจนถึงตอนนี้
เขานั่งลงบนเก้าอี้ ลงมือบรรเลงเพลงเล็กน้อย ก่อนจะเตรียมเก็บของออกไป
ปรากฏว่ากำลังจะเดินออกจากประตู ก็พบร่างอันคุ้นเคย
กู้ซี!
ครั้งก่อนที่พบกับกู้ซี ก็คือที่วิทยาลัยศิลปะฉีโจว นึกไม่ถึงว่าไม่ทันไร เวลาก็ผ่านมานานขนาดนี้ กู้ซีเองก็กลับมาจากวิทยาลัยศิลปะฉีโจวแล้วเช่นกัน
เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไม…
แววตาที่กู้ซีมองมายังหลินเยวียนจึงซับซ้อนเหลือเกิน
แลดูมีความประหลาดใจเล็กน้อย ระคนกับความขุ่นเคืองอีกส่วนหนึ่ง ทั้งยังแฝงความรู้สึกหดหู่ หว่างคิ้วยังคงหลงเหลือความโศกเศร้าซึ่งยังไม่จางหายไป
“หลินเยวียน เจอกันอีกแล้ว” เธอออกตัวเอ่ยทักทาย
หลินเยวียนพยักหน้า “สวัสดีครับ”
เมื่อทักทายกันเรียบร้อย หลินเยวียนก็กำลังจะเดินออกไป แต่นึกไม่ถึงว่ากู้ซีกลับเอ่ยเรียกเขาไว้ เค้นรอยยิ้มเอ่ย “หลินเยวียน นายไม่อยากเจอฉันขนาดนี้เลยเหรอ”
หลินเยวียนส่ายหน้า “เข้าใจผิดแล้วครับ”
กู้ซีชะงัก ทันใดนั้นก็คล้ายกับจะนึกเรื่องหนึ่งได้ จึงพึมพำออกมา “ฉันคงจะเข้าใจนายผิดหลายครั้ง เพียงแต่มีความเข้าใจผิดหลายเรื่องที่ยังไม่เข้าใจ…”
“มีอะไรหรือเปล่า”
หลินเยวียนไม่เข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด
ยังคงเย็นชาอย่างที่คิดจริงๆ ด้วย กู้ซีลอบถอนหายใจ
อันที่จริงท่าทีที่หลินเยวียนมีต่อตนเอง ก็เหมือนกับท่าทีปกติที่ตนมีต่อผู้อื่นไม่ใช่หรือ?
กล่าวได้เพียงว่า พวกชอบประจบประแจงไม่ได้มีจุดจบที่ดีสักเท่าไหร่หรอก
ต่อให้ฝืนพยายามประจบประแจงต่อไป ก็ไม่มีทางประจบประแจงคนที่ไม่ใส่ใจได้อยู่ดี
ตั้งแต่นี้ต่อไป ตนจะไม่ประจบประแจงใครหน้าไหนอีก
ไม่แม้แต่พ่อเพลง
ศักดิ์ศรี สำคัญกว่าพ่อเพลง!
“ไม่มีอะไร…”
เมื่อนึกถึงจุดนี้ เธอก็คลี่ยิ้มขมขื่น
หลินเยวียนพยักหน้า ทันใดนั้นก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงเอ่ยว่า “ช่วงนี้คุณว่างมั้ย”
“ว่างค่ะ ว่าง!”
กู้ซีเงยหน้าขึ้นมาทันที
หลินเยวียนตกใจกับความกระตือรือร้นของเธอซึ่งพลุ่งพล่านขึ้นมากะทันหัน ราวกับเกิดขึ้นใหม่จากเถ้าถ่าน
“ผมกำลังจะทำหนัง…”
หลินเยวียนอยากขอความช่วยเหลือจากกู้ซี “ในหนังเรื่องนี้ต้องใช้เพลง ฝีมือการเล่นเปียโนของคุณดีกว่าผม”
“ไม่มีปัญหา!”
กู้ซีพยักหน้ารัว ก่อนจะยิ้มกว้างด้วยความกระตือรือร้น “ที่จริงฝีมือของนายไม่ได้ด้อยกว่าฉันเลย แต่ถ้านายต้องการให้ฉันช่วย ฉันก็ยินดี!”
“แอดช่องทางติดต่อกันไว้ก็ได้ครับ”
หลินเยวียนพูด “ค่าตอบแทนเจรจาได้นะครับ จะให้คุณทำงานฟรีไม่ได้หรอก”
กู้ซีรีบตอบ “ไม่เป็นไรๆ ฉันทำให้ฟรีๆ ได้เลย!”
ราวกับตระหนักได้ว่าคำพูดของตนไม่ค่อยเหมาะสม ใบหน้าของกู้ซีเปลี่ยนเป็นสีแดงทันใด รีบร้อนอธิบาย “ฉันหมายความว่าฉันทำฟรีๆ ได้ ไม่สิ ทำฟรีๆ หมายถึง…”
ทำไมผู้หญิงคนนี้พูดวกไปวนมาแบบนี้ล่ะ
หลินเยวียนมองเธอด้วยสายตาแปลกพิลึก “ขอเบอร์โทรศัพท์หน่อยครับ”
กู้ซียกมือขึ้นปิดหน้า พลางกล่าว “เบอร์ฉันคือ1008612580…”
หนึ่งนาทีให้หลัง
ทั้งสองแลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกัน
หลินเยวียนเดินออกจากห้องเปียโน
ส่วนกู้ซีกลับทรุดกายนั่งลงที่ระเบียงทางเดินห้องเปียโน ฮัมเพลงพลางกระโดดอย่างมีความสุข ราวกับกำลังเต้นรำอยู่
จนกระทั่งมีคนเดินผ่านมา เธอจึงกระแอมครั้งหนึ่ง สำรวมสีหน้า เชิดคอระหงด้วยท่าทีเย่อหยิ่งประหนึ่งนกยูงแสนสวยก่อนจะเดินจากไป
และในตอนนั้นเอง
เมื่อปู้ลั่วการ์ตูนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ก็มีคนเข้ามา และกดเข้าไปอ่านการ์ตูนชิ้นใหม่ล่าสุดของอิ่งจือ…จิตวิญญาณสือจี่
……………………………………………………….