ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < A Love Marriage > 2-9

Side Story < A Love Marriage > 2-9

อะไรน่ะ ของนั่น แหวนใช่ไหม ทำไมถึงใส่แหวนไว้ที่สร้อยคอล่ะ… …ดูๆ ไปแล้วก็รู้สึกว่าอีอูยอนเองก็สวมแหวนวงใหม่ที่ปรับให้ถูกขนาดแล้ว และคล้ายๆ กับแหวนวงนั้นไว้ที่นิ้วเหมือนกะ…

อินซอบตกใจเพราะกลัวว่าใครจะเห็น และซ่อนแหวนไว้ในเสื้ออีกครั้ง ใบหน้าขาวซีดของเขาแดงซ่านจนน่าสงสาร นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาถูกเปรียบเทียบเป็นอย่างมากกับใครบางคนที่สวนแหวนไปไหนมาไหนอย่างหน้าตาเฉยโดยไม่คิดที่จะซ่อนเรื่องที่มีคนรักเลย

ดูเหมือนจะเป็นแหวนคู่สินะ เพราะอย่างนั้นช่วงสองสามวันมานี้ไอ้เจ้าอีอูยอนถึงได้ดูอารมณ์ดีจนน่าขนลุกเหรอ

หัวหน้าทีมชาคิดอย่างไม่สนใจอะไร และจงใจเปลี่ยนเรื่องพูด

“ช่วงนี้ที่มหา’ลัยเป็นยังไงบ้าง”

“อ้อ เรื่องมหา’ลัย กะ ก็เป็นไปได้ด้วยดีครับ”

อินซอบลูบชายเสื้อเชิ้ตพลางเอ่ยตอบ

โธ่เอ๋ย เจ้าเด็กนี่ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องแสดงออกมากกว่านี้สิ

หัวหน้าทีมชาไม่สามารถห้ามความรู้สึกสงสารไว้ได้และพูดต่อ

“มีเพื่อนบ้างไหม”

“ก็…มีนิดหน่อยครับ เป็นพวกน้องๆ ที่ไปไหนมาไหนด้วยกันที่มหา’ลัยน่ะครับ”

อินซอบเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ถ้าไปไหนมาไหนด้วยกันที่มหา’ลัยก็คือเพื่อนสิ แล้วก็เป็นเพื่อนที่ไปดื่มเหล้าและเที่ยวเล่นด้วยกันด้วย”

หัวหน้าทีมชาติดใจกับคำพูดที่ว่าไม่มีเพื่อนคนอื่นนอกจากอีอูยอนที่เกาหลี เขายิ้มกว้างพลางตบไหล่อินซอบ อินซอบหลุบตามองด้านล่างและยิ้มด้วยความโล่งใจ

“ว่าแต่ช่วงนี้นายดูสุขภาพดีขึ้นนะ เหมือนแก้มจะเยอะขึ้นด้วย”

“อ้อ อย่างนั้นเหรอครับ”

อินซอบลูบแก้มของตัวราวกับเขินอาย

“มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอ ใบหน้าดูสดใสมากเลยนะ”

นี่ก็เป็นคำพูดที่พูดด้วยบริบทที่คล้ายกับการพูดเรื่องมหาวิทยาลัยด้วยเหมือนกัน มันเป็นแค่การพูดที่ไม่ได้สำคัญอะไร และเป็นเรื่องที่หยิบยกขึ้นมาพูดเพื่อทำให้บรรยากาศดีขึ้นเท่านั้น

แต่…

“ครับ”

พอคำตอบแบบนั้นถูกส่งกลับมา หัวหน้าทีมชาก็ถามซ้ำว่า “หา?” อินซอบหน้าแดงทันทีเพราะเป็นคำตอบที่ตอบออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“เอ่อ…คือว่า…”

อินซอบพูดตะกุกตะกักอย่างหนัก และสีหน้าก็ตื่นตระหนกกว่าตอนที่ถามเกี่ยวกับการไปเที่ยวอเมริกาหลายเท่า

“เพราะมีเรื่องที่ดีเป็นพิเศษ…ถึงจะไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น…”

การพูดวกไปวนมาของอินซอบหยุดลงอย่างกะทันหัน เสียงชัตเตอร์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในกองถ่าย และเสียงอุทานด้วยความประทับใจที่ถูกกดเอาไว้ก็ดังอยู่รอบๆ เป้าสายตาที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจของทุกคนคืออีอูยอน

อีอูยอนใช้มือข้างขวาเท้าคางและหลับตาลงครึ่งหนึ่ง แม้จะสวมเครื่องประดับที่มีเพชรหรูหราฝังอยู่ แต่ความงามของชายหนุ่มที่มีเอกลักษณะเฉพาะตัวก็ยังเด่นชัด ดูเหมือนเขาจะรู้เหตุผลที่ช่างภาพบอกว่าการถ่ายทำวันนี้จะเป็นภาพขาวดำแล้ว สร้อยข้อมือที่สวมไว้ที่ข้อมือกับแหวนที่สวมไว้ที่นิ้วที่มีข้อหนา แม้จะเป็นท่าทางที่ทำให้เห็นเครื่องประดับได้อย่างชัดเจน แต่สายตาทุกคู่ก็พุ่งไปที่อีอูยอน

ว้าว ไอ้คนหล่อจนน่าขยะแขยง

หัวหน้าทีมชาที่กลั้นคำด่าไว้ในใจหันหน้ามาเพื่อพูดกับอินซอบ

“…”

สายตาของอินซอบกำลังมองไปทางอีอูยอน ไม่สิ แค่คำว่า ‘มองไปทาง’ ยังไม่พอด้วยซ้ำ สายตาของเขาโดนอีอูยอนขโมยไปต่างหาก ในดวงตากลมโตนั้นเต็มไปด้วยอีอูยอน อินซอบใช้นิ้วลูบแหวนที่สวมไว้ที่คออย่างไม่รู้ตัว

หัวหน้าทีมชารับรู้ถึงความรู้สึกที่อยู่ในดวงตาที่มีความเขินอายเจืออยู่ทันที ไม่จำเป็นต้องฟังคำตอบก็รู้ว่าเรื่องดีๆ นั่นคืออะไร ต้องเป็นเรื่องดีๆ กับหมอนั่นอย่างแน่นอน

…จนถึงตอนนี้ก็ยังมีความสุขขนาดนั้นอยู่เหรอ

หัวหน้าทีมชากระแอมพลางหันหน้าไป เขารู้สึกเหมือนตัวเองใช้กำลังเข้าไปในสวนดอกไม้ของบ้านคนอื่นที่มีดอกไม้บานสะพรั่ง

“คุณอินซอบ ฉันขอตัวก่อนนะ”

“ครับ? จะไปแล้วเหรอครับ”

“อื้อ พอดีเป็นเรื่องด่วนน่ะ ต้องไปแล้ว”

เขาไม่ได้ไม่มีเซ้นส์พอที่จะอยู่ตรงกลางระหว่างการคบหากันของคนอื่นที่เต็มไปด้วยกลิ่นดอกไม้

“กลับดีๆ นะครับ แล้วคราวหน้าผมจะติดต่อไปหาครับ”

อินซอบเอ่ยลาอย่างมีมารยาท

“ได้ๆ ไว้เจอกันนะ”

หัวหน้าทีมชายิ้มพลางโบกมือ เขาเดินไปสักพักแล้วหันกลับไปมองอีกครั้ง เมื่อสบตากัน อินซอบก็ค้อมศีรษะให้อีกครั้ง ขณะที่หัวหน้าทีมชาทำมือบอกให้อีกฝ่ายหันกลับไป ส่วนตัวเองก็หันกลับมา อีอูยอนที่กำลังจ้องเขม็งมาทางนี้ก็เข้ามาในครรลองสายตาพอดี

…ฉันล่ะเกลียดแกจริงๆ

หัวหน้าทีมชาเดินออกมาจากกองถ่าย เขาไม่มีแม้กระทั่งความจำเป็นที่จะหันกลับไปมอง

***

[อยู่ไหน]

เขาได้รับข้อความจากกรรมการผู้จัดการคิมหลังจากนั้นไม่กี่วัน

ดูเหมือนว่าวันนี้ไม่เหมาะที่จะกลับบ้านสินะ

หัวหน้าทีมชาจิ๊ปากอย่างไม่ชอบใจพลางขมวดคิ้ว

[จะอยู่ไหนล่ะ ก็อยู่ที่บริษัทน่ะสิ]

พอส่งข้อความตอบกลับไปก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาทันที

[ฮยอนคยยยู]

“มีอะไรอีกล่ะครับ”

[ฟังที่ฉันจะพูดหน่อย นะ?]

บทพูดที่ว่า ‘ฟังที่ฉันจะพูดหน่อย’ มักจะเริ่มด้วยอีอูยอนและจบลงด้วยอีอูยอนเสมอ

[เรื่องไอ้อีอูยอนน่ะ]

“เพิ่งรู้ตอนนี้เหรอครับว่าไอ้หมอนั่นมันเฮงซวย ใครบอกให้คุณต่อสัญญากันเหรอ”

กรรมการผู้จัดการคิมเริ่มกรีดร้องด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความแค้นเพราะปฏิกิริยาที่หยาบคายของหัวหน้าทีมชา

[ต่อให้เป็นไอ้เฮงซวยนั่นยังไงก็ยังมีขอบเขตนะ ฉันทำดีกับเจ้านั่นมากแท้ๆ แต่เขาทำแบบนั้นกับฉันได้ยังไง!]

หัวหน้าทีมชาเอาโทรศัพท์ออกจากหูครู่หนึ่ง และใช้นิ้วแคะหู หลังจากรออยู่อย่างนั้นสักพัก เขาก็เริ่มคุยโทรศัพท์ใหม่ด้วยน้ำเสียงใจเย็น

“กรรมการผู้จัดการอยู่ที่ไหนครับ”

[บ้าน]

“ให้ไปที่บ้านเหรอ”

[อื้อ]

“จะให้ซื้ออะไรเข้าไปไหมครับ ซื้อแค่โซจูพอไหมครับ”

[…ซื้อมาแค่สี่ขวดพอ ฉันมีเบียร์อยู่แล้ว]

“กับแกล้มล่ะ?”

[อะไรก็ได้]

“ผมจะซื้อตีนไก่ไปครับ”

แถวบริษัทมีร้านขายตีนไก่ที่กรรมการผู้จัดการคิมชอบอยู่ กรรมการผู้จัดการคิมตอบรับด้วยน้ำเสียงหงอยๆ ว่า “เออ” หัวหน้าทีมชาห่อตีนไก่กับไก่ย่างเสียบไม้ในปริมาณที่พอกินและไปที่บ้านของกรรมการผู้จัดการคิม พอเขานั่งลง กรรมการผู้จัดการคิมก็เริ่มบ่นอย่างจริงจัง

“ฉันน่ะทำดีกับไอ้คนเฮงซวยอีอูยอนนั่นมากเลยนะ แต่มันไม่รู้จักบุญคุณเลย ถ้าเก็บหมามาเลี้ยง มันยังจำเจ้าของตัวเองได้เลย ถึงฉันไม่คิดจะเป็นเจ้าของไอ้คนเฮงซวยนั่นเด็ดขาดก็เถอะ แต่ยังไงก็ตาม ไอ้เจ้าอีอูยอนมันทำแบบนี้กับฉันได้ยังไง!”

หัวหน้าทีมชาดื่มเหล้าพลางตอบรับอย่างส่งๆ ว่า “ครับ ครับ ใช่ครับ”

ทำได้ยังไงอะไรล่ะ ก็เขาเป็นคนแบบนั้นอยู่แล้วน่ะสิ

อีอูยอนปฏิบัติกับทุกคนยกเว้นอินซอบอย่างเท่าเทียม เขาทำแบบนั้นกับทุกคน และจะเป็นคนแบบนั้นต่อไปในอนาคตด้วย

“แต่งงานงั้นเหรอ? แต่งงาน! บ้าไปแล้วหรือไง ตอนนี้ยังอยู่ในยุคทองแท้ๆ จะมาแต่งงานอะไรล่ะ ไม่สิ เขาจัดงานสำคัญในชีวิตแบบนั้นโดยไม่พูดอะไรเลยได้ยังไง ฉันถามว่าเขาจัดงานแบบนั้นโดยไม่มีแม้แต่คำพูดสั้นๆ ให้กรรมการผู้จัดการของต้นสังกัดได้ยังไง!”

“ครับ? แต่งงานเหรอครับ หมายความว่ายังไงครับ”

หัวหน้าทีมชาถามซ้ำตาโต

“อีอูยอนมันบอกว่าแต่งงานกับชเวอินซอบแล้วน่ะสิ! ที่อเมริกา!”

“จริงเหรอครับ แต่งจริงๆ เหรอครับ”

“ก็จริงน่ะสิ! คิดว่าแต่งปลอมๆ เหรอ! โธ่เว้ย”

“ไม่สิ ผู้ชายด้วยกันจะแต่งงานกันได้ยังไง…”

“ก็พวกเขาเป็นคนอเมริกาไงล่ะ!”

กรรมการผู้จัดการคิมที่ยกโซจูทั้งขวดขึ้นซดกัดฟันพลางพูดต่อ

“คงนึกว่าฉันจะอยู่เฉยๆ! ถ้าคิดอย่างนั้นละก็ ผิดมหันต์เลย ฉันเป็นคนน่ากลัวมากนะ”

“…คุณจะทำอะไรเหรอครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมยกตกตีนไก่ขึ้นมาแทะเสียงดังพลางยิ้มเย็น

“หมอนั่นบอกว่าจะถ่ายละครอีกแค่สิบเรื่อง”

“ครับ?”

“เขาบอกว่าจะถ่ายละครอีกแค่สิบเรื่องก่อนจะออกจากวงการและกลับไปที่อเมริกา เขาบอกว่าสัญญากับอินซอบไว้แบบนั้นน่ะ ไหนลองดูสิ ฉันน่าจะให้เขาถ่ายละครทั้งสิบเรื่องนั้นช้าที่สุด ช้ามากๆ จะต้องถ่ายละครแค่หนึ่งเรื่องต่อปี ไม่สิ ต้องถ่ายหนึ่งเรื่องต่อสองปี ถ้าทำให้ฉันหงุดหงิดก็สามารถถ่ายแค่เรื่องเดียวต่อสามปีได้! ลองดูสิ!”

เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็ทำสัญญากับอีอูยอนได้อย่างน้อยที่สุดยี่สิบปี…โอ๊ย ไอ้สารเลวนี่…

“หนึ่งเรื่องต่อปีบ้าอะไรล่ะ! เล่นสามเรื่องต่อปีไปเลย! ไม่สิ เล่นสี่เรื่องต่อปี แล้วก็ไล่เขาออกไปตอนนี้เลยครับ!”

หัวหน้าทีมชาทนไม่ไหวอีกต่อไปและตะโกนออกมา

“ไม่เอา! ไม่ได้! ไม่ทำ! ฉันไม่ทำแบบนั้นแน่! ใครบอกว่าอยากจะทำ!”

กรรมการผู้จัดการคิมเทโซจูพรวดๆ ใส่แก้วก่อนจะดื่มเข้าไปรวดเดียว จากนั้นก็ถลึงตา

“ไอ้คนอกตัญญูที่ไม่เชิญฉันไปงานแต่ง ไม่สิ ไอ้คนไม่มีน้ำใจ ฉันน่าจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กิน ฉันคิดเอาไว้อยู่แล้วเชียว!”

“…”

สุดท้ายเพราะไม่ได้รับเชิญในงานแต่งงานของอีอูยอนเลยทำเป็นบ้าเป็นบออยู่ตอนนี้…

“ไอ้พวกคนชั่ว มันเป็นโมฆะ งานแต่งงานที่แต่งกันสองคนโดยไม่มีพยานเรียกว่าเป็นโมฆะ! มีงานแต่งงานแบบนั้นที่ไหนล่ะ!”

ดูเหมือนตอนที่ไปอเมริกาคราวนี้ทั้งสองคนจะจัดพิธีกันอย่างเรียบง่าย แหวนก็ด้วย…ใช่แล้ว เป็นแบบนั้นเองสินะ

“ถ้ารู้สึกไม่ยุติธรรมขนาดนั้น สุดสัปดาห์นี้ก็จองสถานที่ที่แพงที่สุดในชองดัม แล้วกรรมการผู้จัดก็จัดงานแต่งงานให้เลยไหมล่ะครับ ไม่เลวเลยนะ”

กรรมการผู้จัดการคิมที่ยกโซจูทั้งขวดขึ้นมาดื่มถลึงตา เพราะการเหน็บแนบที่มีจิตใจชั่วร้ายปนอยู่ของหัวหน้าทีมชา

“ว่าไงนะ? บ้าไปแล้วเหรอ? ถ้ามีข่าวลือออกไป เขาจะถูกคว่ำบาตรในวงการนี้นะ จะให้อีอูยอนลาออกจากการเป็นนักแสดงเหรอ”

“ถ้าลาออกแล้วจะเป็นยังไงเหรอครับ พูดกันตรงๆ กรรมการผู้จัดการเองก็หาเงินได้เยอะพอและตั้งหลักได้แล้วด้วย ปั้นเด็กคนอื่นเอาก็ได้”

“ไม่เอา ไม่ได้ ไม่มีใครทำอย่างอีอูยอนได้แล้ว ไม่ว่าจะตั้งใจหายังไงก็ไม่มีคนที่จะทำอย่างหมอนั่นได้แล้ว! ไอ้คนเฮงซวยซังกะบ๊วย ทำไมถึงได้หล่ออย่างไม่มีเหตุผลขนาดนั้นนะ!”

ภาพการถ่ายนิตยสารที่เห็นเมื่อไม่กี่วันก่อนผ่านเข้ามาในหัวของหัวหน้าทีมชา ภาพของอินซอบที่จ้องมองสิ่งนั้นก็ด้วย

“…ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เลยนะครับ”

“ไม่รู้ๆ ไอ้สัตว์หัวดำ เก็บมาเลี้ยงอย่างเปล่าประโยชน์แท้ๆ…ให้ตายเถอะ”

กรรมการผู้จัดการคิมน้ำตาคลอพลางดื่มโซจูอีกครั้ง หัวหน้าทีมชาช่วยตบหลังกรรมการผู้จัดการคิมพลางพูดว่า “งั้นตอนนี้ก็ปล่อยสัตว์ตัวนั้นไปดีไหมครับ” และยิ้มอย่างมีเมตตา

“ไม่เอา! ใครบอกว่าจะทำ! ไอ้เจ้าคนที่แย่ซะยิ่งกว่าสัตว์! แถมยังไม่รู้จักบุญคุณอีก!”

กรรมการผู้จัดการคิมชกอกตัวเองพลางคร่ำครวญราวกับเจ็บใจ สรุปแล้วนี่ก็เป็นแค่การกระทำที่ขาดสติในเวลาที่ดื่มเหล้าเท่านั้น

หัวหน้าทีมชาทำสมองและหัวใจให้ว่างเปล่าก่อนจะรินเหล้าใส่แก้วที่วางอยู่ตรงหน้า กรรมการผู้จัดการคิมสงสารอินซอบที่แต่งงานกับสัตว์หัวดำที่ไม่รู้จักบุญคุณและเริ่มร้องไห้คร่ำครวญ

“อินซอบที่น่าสงสาร ชีวิตคงจะพินาศย่อยยับแน่ๆ เพราะแต่งงานกับคนแบบนั้น!”

“หย่าได้ครับ”

“คนบ้าแบบนั้นจะหย่าให้เหรอ”

“…นั่นสินะครับ”

“อินซอบที่น่าสงสาร ไอ้หนูที่น่าสงสาร”

หัวหน้าทีมชานึกถึงภาพของอีอูยอนที่ลูบแหวนราวกับเคยชินและอินซอบที่ลูบแหวนที่สวมอยู่ที่คออย่างไม่รู้ตัว

จนถึงตอนนี้ก็ยังมีความสุขขนาดนั้นอยู่จริงๆ…

“ทำยังไงดี ฉันสงสารอินซอบ ทำไมถึงได้คบกับคนแบบนั้นจนแต่งงาน…”

“หยุดสนใจเรื่องความรักของคนอื่นเถอะ เอ้า ดื่มครับ”

หัวหน้าทีมชารินเหล้าจนเต็มแก้วของกรรมการผู้จัดการคิมแทนคำพูดว่า “ชีวิตของคุณที่ยังพึ่งพาอีอูยอนอยู่น่าสงสารที่สุดแล้ว”

“การคบกันกับการแต่งงานน่ะต่างกันอย่างสิ้นเชิงเลยนะ อินซอบที่น่าสงสาร มันไม่ใช่แค่การตายแล้วไปนรกนะ!”

หัวหน้าทีมชายิ้มพลางริมเหล้าใส่แก้วเหล้าที่ว่างเปล่าของกรรมการผู้จัดการคิม ไม่รู้ทำไมวันนี้เขาถึงไม่อยากสนับสนุนการพูดซ้ำๆ ว่า ‘อินซอบที่น่าสงสาร’ เขารู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้น

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ…

‘มีเรื่องอะไรดีๆ เหรอ ใบหน้าดูสดใสมากเลยนะ’

‘ครับ’

ตนนึกถึงตอนที่อินซอบพยายามจะกุเรื่องราวกับว่าการไปกินข้าวด้วยกันสองคนหลังเสร็จงานไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเผลอแสดงความสุขของตัวเองออกมา

บางทีเขาคงจะมีความสุขมากจนไม่สามารถรับมือกับความรู้สึกของตัวเองที่ล้นออกมาได้

หัวหน้าทีมชากลืนคำที่อยากพูดลงไปพลางกระดกแก้วเหล้า

เขาคิดถึงภาพของอินซอบที่มองอีอูยอนอย่างกระตือรือร้น

ต่อให้ยืนอยู่กลางสวนดอกไม้ก็ไม่น่าจะมีกลิ่นที่หอมหวานขนาดนั้นลอยออกมา

…แค่พวกเขามีความสุขก็พอ

หัวหน้าทีมชาดื่มเหล้าที่รินไว้เต็มแก้วจนหมดอีกครั้ง เหล้าที่ค่อยๆ กลืนลงไปหวานเป็นพิเศษ แล้วคืนนั้นก็กลายเป็นคืนที่ชายวัยกลางคนสองคนเมาจนหน้าแดง

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท