กิเลนอัคคีไม่สะทกสะท้านกับปฏิกิริยาของอสรพิษโลหิตเลยด้วยซ้ำ
เจ้านายที่มันเคารพนั้นมักจะสูงส่งและสง่างามอยู่เสมอ เขาคงไม่เปิดเผยความสามารถของตัวเองง่ายๆ แน่
แต่ทันทีที่เขาเริ่มลงมือ เขาก็สามารถทำให้บรรดาสัตว์อสูรทั้งหมดถึงกับตัวสั่นงันงกได้ด้วยการขมวดคิ้วเพียงครั้งเดียว
แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะยังไม่เข้าใจเรื่องนี้
มันถึงได้แยกเขี้ยวอันแหลมคมและอาบไปด้วยพิษร้ายนั้นใส่เขา
กิเลนอัคคีไม่ชอบงู สิ่งมีชีวิตอันมืดมนและเย็นชานี้เป็นศัตรูตามธรรมชาติของกิเลนอัคคี
อสรพิษโลหิตยังไม่เห็นกิเลนอัคคี เพราะไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยังไม่ได้ปล่อยมันออกมา
อสรพิษโลหิตเริ่มตั้งสติจากอาการตกใจเมื่อครู่นั้นได้อย่างช้าๆ ลิ้นของมันเริ่มตวัดไปมา ดวงตาละโมบและชั่วร้ายของมันหรี่ลงระหว่างส่งเสียงขู่ดังฟ่อ มันพร้อมที่จะกัดคอของชายคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้แล้ว
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยถือปีกแห่งเทพราตรีเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง พร้อมกับจ้องมองมันอย่างเย็นชา ”เจ้าเป็นคนที่ปล่อยกลิ่นน่ารังเกียจนี่ออกมาหรือ”
ติ๋ง ติ๋ง…
เลือดสีเข้มอีกหยดไหลลงมาจากส่วนหัวของเจ้างูตัวนั้น
“ใช่แล้ว ฮ่าๆๆ! นึกไม่ถึงเลยว่ามนุษย์ธรรมดาจะสังเกตเห็นข้าได้ แต่ก็ไม่สำคัญหรอก เพราะอย่างไรเจ้าก็ต้องตายแล้ว!” นัยน์ตาของอสรพิษโลหิตหดแคบเข้าหากันระหว่างที่มันพูดเช่นนั้น จากนั้นมันก็พุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย!
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับตัวเลยแม้แต่น้อย เสื้อคลุมขนจิ้งจอกที่เขาสวมอยู่ดูแสนจะธรรมดา แม้จะถูกลมพัดเข้าใส่ แต่ขนสัตว์ที่เป็นมันวาวพวกนั้นก็ไม่พันกันแต่อย่างใด
อสรพิษโลหิตอ้าปาก แต่ก่อนที่มันจะทันได้กัดเขา เขาก็ยกมือขึ้นแล้วจับมันเหวี่ยงออกไปไกลหลายฉื่อ!
“โง่เง่า” คำพูดสองคำอันเจ็บแสบและเย็นชาดังขึ้น
ระหว่างที่ชายคนนั้นก้าวเข้าไปหามันด้วยฝีเท้าอันสม่ำเสมอ อสรพิษโลหิตก็สัมผัสได้ถึงอันตรายมหาศาล
มันสะบัดศีรษะขนาดใหญ่ของตน แล้วตวัดหางไปมาอย่างเจ้าเล่ห์ สร้างพายุขนาดใหญ่ขึ้นมาจากธุลีดินและก้อนกรวดโดยรอบ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ตา ขาเพรียวได้รูปพาเขาเดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ใจกลางของพายุหินนั้น นิ้วที่มีถุงมือสีดำสวมทับเอาไว้แกว่งอยู่ข้างตัว
“หึๆๆ ทำไมเจ้าถึงยังไม่เข้าใจอีก”
ดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเป็นประกายด้วยความเย็นชาอยู่กลางม่านควันอันเกิดจากธุลีดินนั้น รอยยิ้มบนมุมปากของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความโหดเหี้ยมและชั่วร้าย
ทันทีที่เห็นภาพนี้ อสรพิษโลหิตก็รีบเร่งฝีเท้าหนี!
เขาไม่เคยเห็นมนุษย์คนใดที่สามารถเดินออกมาจากพายุหินได้มาก่อน!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยอ้าปากกัดถุงมือของตน เผยให้เห็นรอยแผลเป็นราวกับเถาวัลย์สีดำบนข้อมือของเขา
หลังจากได้เห็นแผลไฟไหม้อันแสนคุ้นตานั้น สีหน้าของอสรพิษโลหิตก็เปลี่ยนไปทันที มันกระโจนขึ้นฟ้าไปอย่างไม่คิดที่จะลังเล
เฮ่อเหลียนเวยเวยยังคงเกาะอยู่บนโซ่ยาวเส้นนั้น ขณะที่นางกำลังไต่ลงมานั้น จู่ๆ งูยักษ์ขนาดเจ็ดฉื่อก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของนาง!
มันมองนางราวกับว่านางเป็นอาหารสด
มันอ้าปากอย่างกระหายเลือด หมายที่จะกลืนนางลงท้อง
นางไม่มีเวลาให้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วในตอนที่นางกำลังจะขยับตัวหลบ นางก็ได้ยินเสียงเหมือนมีสิ่งของตกน้ำดังขึ้น
นางไม่รู้ว่าเจ้าของพลังปราณอันแสนทรงพลังที่สามารถสร้างกำแพงกระจกสูงตระหง่านนั่นขึ้นมา และอัดร่างของงูยักษ์ตัวนั้นลงไปกระแทกกับพื้นผิวทะเลสาบได้คือใครกันแน่
หลังจากแสงสีเงินนั้นระเบิดออก งูยักษ์ที่เคยดุร้ายก็ไม่ต้องการที่จะเข่นฆ่าใครอีก มันทำได้เพียงหายใจรวยรินอย่างหมดทางสู้เท่านั้น
ปากของมันขยับเล็กน้อยราวกับกำลังเรียกใครสักคนอยู่
แต่มันก็ไม่ได้รับการตอบกลับ
เฮ่อเหลียนเวยเวยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง นางไม่สามารถประมวลผลจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ แล้วในตอนนั้นนั่นเอง นางก็เห็นชายคนหนึ่งถือปีกแห่งเทพราตรีเอาไว้ในมือ เส้นผมสีดำสนิทราวกับน้ำหมึก และเสื้อคลุมตัวยาวที่เขาสวมอยู่นั้นทำให้เขาดูสูงส่งยิ่งนัก
เกิดเหตุการณ์นองเลือดอันโหดเหี้ยมขึ้นบนทะเลสาบชิงหลง การเคลื่อนไหวของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนั้นไม่อาจมองเห็นได้ชัดเจนนักหลังจากเกิดแสงสีเงินวาบขึ้น จะมีก็แต่เสียงร้องโหยหวนและสิ้นหวังของงูยักษ์ที่ดังขึ้นไปถึงท้องฟ้าเท่านั้น แต่ในชั่วพริบตา งูยักษ์ตัวนั้นก็ถูกจับกระแทกจากผิวน้ำลงสู่พื้นดิน แรงสั่นสะเทือนนั้นทำให้สำนักไท่ไป๋เกิดแผ่นดินไหวไปพักหนึ่งเลยทีเดียว
ลูกศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักไท่ไป๋ต่างก็ไม่รู้ว่าที่นั่นเกิดอะไรขึ้น เพราะมันถูกปกคลุมไปด้วยม่านควัน
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเก็บอาวุธกลับไป การต่อสู้จบลงโดยที่ตัวเขาไม่เปื้อนเลือดเลยแม้แต่หยดเดียว เวลานี้เขากำลังมองเฮ่อเหลียนเวยเวยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ไม่เคยเห็นใครช่วยคนอื่นด้วยท่าทางอวดดีขนาดนี้มาก่อนเลย!
เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ความรู้ความเข้าใจที่นางมีต่อองค์ชายยกระดับขึ้นไปอีกขั้นแล้ว
บรรดาศิษย์ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต่างอ้าปากค้างด้วยความตกใจทันทีที่รู้ถึงการปรากฏตัวของอสรพิษโลหิต
ทำไมถึงมีสัตว์อสูรที่ชั่วร้ายถึงเพียงนี้อยู่ในสำนักได้
ใครเป็นคนอัญเชิญมันมา
ใช้วิธีการอันใดกัน
อาจารย์มองศีรษะขนาดใหญ่ของงูตัวนั้นด้วยความกลัวที่ยังไม่เลือนหายไป หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ
ถ้างูตัวนี้ไม่ได้ถูกใครบางคนสังหารไปก่อนละก็ เช่นนั้นมันก็อาจจะนำความโกลาหลครั้งใหญ่มาให้ และกินลูกศิษย์ไปหลายคนแล้ว
ยิ่งกว่านั้น ร่างของมันก็ยังปกคลุมไปด้วยพิษที่อันตรายร้ายแรงถึงชีวิต และยังชื่นชอบการกินเลือดมนุษย์อีกด้วย
สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายเช่นนี้ไม่สมควรได้รับอนุญาตให้ปรากฏตัวขึ้นนอกป่าวิญญาณ
นี่มัน… เกิดความผิดพลาดอะไรขึ้นกันแน่
อาจารย์เงยหน้าขึ้นทั้งที่มือยังสั่นอยู่ จากนั้นเขาก็มองขึ้นไปเหนือศีรษะของตนอีกครั้ง และเห็นชิงหลงที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว แม้ว่าดวงตาของมันจะปิดลงเพียงแค่ครึ่งเดียวก็ตาม
เขาคิดว่าเทพมังกรคงพิโรธมากเสียจนต่อให้กลืนมนุษย์เข้าไปแล้วก็ยังไม่อาจระงับโทสะของตนได้เสียอีก
ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันตัดสินใจที่จะไม่กลับไป และอยู่ที่สำนักไท่ไป๋แทน เรื่องนี้ทำให้อาจารย์รู้สึกลำบากใจนัก
แต่เขาไม่รู้ว่าความจริงแล้วชิงหลงเพียงแค่ยอมร่วมมือกับเฮ่อเหลียนเวยเวยที่บอกให้มันหลับเท่านั้น เพราะตอนที่โซ่ตรวนเหล็กน้ำแข็งทมิฬถูกปลดออก มันจะต้องสัมผัสกับเกล็ดมังกรนั้น และถ้าหากว่ามันยังตื่นอยู่ เกล็ดมังกรเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเปลวไฟ และทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยบาดเจ็บได้
ในเวลานั้นเอง อวิ๋นปี้ลั่วก็กุมไหล่ข้างซ้ายของตัวเองเอาไว้แน่นพร้อมกับก้าวถอยหลังไป ดูเหมือนจะไม่มีใครสังเกตเห็นว่านางกระอักเลือดสีดำออกมาจากปากพร้อมกับตอนที่งูยักษ์ตัวนั้นร่วงลงกระแทกพื้น
นางพิงร่างของตนเข้ากับลำต้นของต้นไม้ต้นหนึ่งราวกับไม่สามารถข่มอาการของตนได้อีกต่อไป ดวงตาของนางจ้องลึกเข้าไปในกลุ่มควันนั้น
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าภายใต้หมอกควันอันหนาทึบนั้นมีอะไรเกิดขึ้น
เด็กชายหัวโล้นยืนขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ถามสัตว์ตัวที่เขาพามาด้วยน้ำเสียงติดจะภูมิใจว่า ”คนที่ลงมือคือพี่สามของข้าหรือ”
“เป็นองค์ชายสามไม่ผิดแน่ขอรับ” เด็กชายที่ตัวใหญ่กว่าเด็กชายหัวโล้นเล็กน้อยโผล่ออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ เขาตอบคำถามนั้นอย่างรู้งาน จากนั้นจึงหายวับไป
องค์ชายเจ็ดตัวน้อยตอบอย่างใจเย็นว่า ”เช่นนั้นก็คงไม่มีอะไรต้องกังวล พี่สามของข้าจะต้องอยู่กับพี่สะใภ้สามอย่างแน่นอน งูตัวนั้นดูน่าอร่อยทีเดียว เอามันไปทำความสะอาด แล้วคืนนี้เราเอามาย่างกินกัน”
“ขอรับ” เด็กชายคุ้นเคยกับเจ้านายของตัวเองดี เจ้าตัวนั้นมันก็เป็นแค่อสรพิษโลหิต พวกเขาเคยกินมังกรมาแล้ว นับประสาอะไรกับงูเพียงแค่ตัวเดียว! รีบเอามันไปทำความสะอาดเร็วเข้า! มันไม่ชอบงู ดังนั้นมีงูน้อยลงสักตัวก็ดีเหมือนกัน!
จิ่งอู๋ซวงยืนอยู่ท่ามกลางความสับสนอลหม่านนั้น เขาสวมเสื้อคลุมสีขาวสลับเขียว ดูล้ำค่าราวกับหยก เขายกมือขึ้นมาที่มุมปากแล้วไอออกมา พร้อมกับใช้นิ้วโป้งลูบริมฝีปากของตนไปด้วย จากนั้นจึงหันไปมองชิงหลงที่อยู่ด้านข้าง
ความอิจฉาริษยายิ่งก่อตัวขึ้นภายในหัวใจของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์อย่างรุนแรงเมื่อนางสังเกตเห็นสายตาของเขา
นางก็เป็นแค่หญิงผิวคล้ำหน้าตาอัปลักษณ์เท่านั้น
ทำไมคุณชายอู๋ซวงถึงได้ให้ค่านางมากถึงเพียงนั้นกัน
แต่นางก็ไม่จำเป็นต้องยื่นมือเข้าไปยุ่งอีก อย่างไรเสียหลังจากนังนั่นถูกเทพมังกรกลืนลงท้องไป ในอีกไม่ถึงครึ่งชั่วยาม นางก็คงจะถูกย่อยไปทั้งตัวอย่างแน่นอน!
หึ นางก็แค่ต้องรอให้เทพมังกรคายกระดูกของนังคนชั้นต่ำนั่นออกมาเท่านั้น!