ขุนนางผู้หนึ่งต้องการแย่งชิงความดีความชอบกับจักรพรรดิ ทั้งที่ควรจะทูลถวายให้ทั้งสองมือ ขุนนางล้วนทำเพื่อจักรพรรดิ
แม่ทัพหน้ากากเหล็กในฐานะแม่ทัพพูดเช่นนี้ ถือเป็นการละเมิดต่อเบื้องบน
จักรพรรดิองค์ใดสามารถยอมรับแม่ทัพเช่นนี้ได้
ภายในตำหนักในช่วงต้นฤดูร้อนที่สว่างไปด้วยแสงไฟราวกับแปรเปลี่ยนเป็นฤดูหนาวในทันใด
“ฝ่าบาท” แม่ทัพหน้ากากเหล็กเงยหน้ามองฮ่องเต้ “ความดีความชอบของกระหม่อมล้วนเพื่อฝ่าบาท แต่เวลานี้องค์รัชทายาทยังไม่ใช่ฝ่าบาท เขาเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป แต่เขาก็ยังเป็นขุนนาง ความดีความชอบที่เป็นของเขาย่อมเป็นของเขา หากไม่ใช่ของเขาย่อมไม่อาจแย่งชิงไปได้”
อันที่จริงแม่ทัพสามารถพูดแบบนี้ได้ คนที่เป็นฮ่องเต้ย่อมดีใจอย่างมาก เพราะอย่างไรสิ่งที่ฮ่องเต้กังวลที่สุดคือแม่ทัพสนิทสนมกับเหล่าองค์ชายมากเกินไป แต่เมื่อนึกถึงตัวตนที่แท้จริงภายใต้เสื้อคลุมสีเทาและผมสีขาวนี้ สีหน้าของฮ่องเต้ดูลังเลเล็กน้อย…
“แม่ทัพอวี๋” ฮ่องเต้พูดอย่างจริงจัง “ข้าเข้าใจเจตนาของเจ้า แต่ว่าเรื่องนี้องค์รัชทายาทมีความดีความชอบจริง เจ้าลองคิดดู เหตุใดเฉินตันจูจึงสังหารหลี่เหลียง ย่อมเป็นเพราะหลี่เหลียงเป็นภัยคุกคามที่มากพอ หากไม่ใช่เพราะหลี่เหลียง เฉินตันจูจะทำเช่นนี้หรือไม่ เฉินเลี่ยหู่จะถูกท่านอ๋องอู๋เนรเทศหรือไม่ พวกเราจะยึดแผ่นดินเมืองอู๋โดยไม่ต้องสูญเสียกองกำลังหรือไม่”
ฮ่องเต้ยอมลดตัวอธิบายถึงเพียงนี้แล้ว ท่านแม่ทัพพอเสียเถิด ขันทีจิ้นจงอดส่งสายตาให้แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ได้ เวลานี้เนื่องจากเรื่องขององค์ชายห้าและฮองเฮา ฮ่องเต้กำลังเกิดความสงสารองค์รัชทายาทขึ้นภายในใจ
หน้ากากเหล็กของแม่ทัพหน้ากากเหล็กทำให้ใบหน้าของเขาแข็งกระด้าง น้ำเสียงก็แข็งกระด้าง “ฝ่าบาท พระองค์ทรงคิดถึงแต่สาเหตุ แต่ทรงไม่ได้คิดถึงถ้าหาก ใช่ เฉินตันจูสังหารหลี่เหลียงเพราะจับได้ว่าเขาถูกซื้อตัวไป ไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเฉินและเมืองอู๋ แต่เวลานั้นหญิงสาวเพียงแค่สังหารคนเพราะความโกรธ ส่วนหลังจากสังหารหลี่เหลียงแล้ว นางไม่ได้คิดว่าต้องทำอย่างไรเสียด้วยซ้ำ”
ดังนั้น? ฮ่องเต้มองไปยังแม่ทัพหน้ากากเหล็ก
“เวลานั้นในค่ายทหาร คุณหนูตันจูเพียงแค่อาศัยองครักษ์สิบคนก็ต้องการควบคุมกองกำลัง หลังจากคนของหลี่เหลียงสังเกตเห็นย่อมต้องขัดขืน แต่คุณหนูตันจูย่อมไม่นั่งนิ่ง เมื่อถึงเวลาปะทะกันขึ้นมา อาศัยชื่อของเฉินเลี่ยหู่ และคุณหนูรองแห่งตระกูลเฉิน คนของหลี่เหลียงก็ไม่อาจได้รับชัยชนะ เฉินเลี่ยหู่ย่อมต้องสังเกตเห็นความผิดปกติ เมื่อถึงเวลานั้นเมืองอู๋เพิ่มการป้องกันทั้งภายในภายนอก ฝ่าบาท การไม่ใช้กองกำลังย่อมเป็นไปไม่ได้ หากใช้กองกำลัง เฉินเลี่ยหู่นำทัพเก่งกาจเพียงใด ฝ่าบาทก็รู้ดีแก่ใจ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด สีหน้าของฮ่องเต้แปรเปลี่ยนไป
“ฝ่าบาท” เสียงของแม่ทัพหน้ากากเหล็กแหบพร่า “หลี่เหลียงไม่ได้มีความดีความชอบ หากแต่เป็นความผิดพลาด ความผิดพลาดนี้ส่งผลให้แผนการเดิมของพวกเราถูกทำลาย เป็นเพราะกระหม่อมสยบเฉินตันจู เกลี้ยกล่อมให้นางยอมจำนนต่อราชสำนัก จึงมีเรื่องที่คุณหนูตันจูปิดบังเฉินเลี่ยหู่ ให้ท่านอ๋องอู๋ยอมตกลงรับข้อเสนอของกระหม่อม ฝ่าบาท กระหม่อมไม่ได้ต้องการครอบครองความดีความชอบคนเดียว แต่เรื่องจริงเป็นเช่นนี้ หากฝ่าบาทยังคงยืนกรานคิดว่าเป็นความดีความชอบขององค์รัชทายาท เป็นความดีความชอบของหลี่เหลียง ย่อมถือเป็นการให้รางวัลและลงโทษที่ไม่ชัดเจน ทำให้ทหารนับหมื่นพันใจสลาย อีกทั้งยังไม่อาจทำให้องค์รัชทายาทได้รับบารมีมากมาย มีเพียงสร้างข้อถกเถียงมากขึ้นเท่านั้น”
ฮ่องเต้เงียบ
“ฝ่าบาท” แม่ทัพหน้ากากเหล็กโน้มตัว “กระหม่อมเข้าใจเจตนาของฝ่าบาทที่มีต่อองค์รัชทายาท แต่ในฐานะจักรพรรดิองค์ต่อไป การไม่รีบร้อนแสวงหาความดีความชอบ การสุขุมย่อมเป็นชื่อเสียงที่ดีที่สุด”
ฮ่องเต้ถอนหายใจ น้ำเสียงระอา “เจ้านะเจ้า เจ้ารู้จักใช้เหตุผลได้ดีเสมอมา”
“เหตุผลที่กระหม่อมพูดก็เพื่อฝ่าบาท” แม่ทัพหน้ากากเหล็กกล่าว “กระหม่อมอายุมากเพียงนี้แล้ว ร่างฝังอยู่ในดิน ไร้บุตรไร้หลานไร้บ่วง สามารถเห็นความมั่นคงของต้าเซี่ย ราชวงศ์โปร่งใส จักรพรรดิองค์ต่อไปมั่นคง ฝ่าบาททรงพระปรีชา กระหม่อมย่อมตายได้อย่างไร้ความเสียใจ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กอายุเพียงนี้ ชีวิตของเขาเริ่มต้นการนับถอยหลังแล้ว คนหากตายไป ความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ล้วนต้องถูกกลบลงดิน ไม่ต้องกังวลเรื่องความดีความชอบที่มากเกินกว่าจักรพรรดิ ฮ่องเต้เงียบไปสักพัก พยักหน้า “เอาเถิด ข้ารู้แล้ว เจ้าถอยลงไปเถิด”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กโน้มตัวก้มคำนับอีกครั้ง “ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถ กระหม่อมขอทูลลา”
ฮ่องเต้มองแม่ทัพหน้ากากเหล็กที่ลุกขึ้น ก่อนจะหัวเราะเย้ยหยันอีกครั้ง “อย่าเอาแต่พูดว่าไร้บุตรไร้หลาน แสร้งทำตัวน่าสงสาร เจ้ามีบุตรสาวบุญธรรมแล้วไม่ใช่หรือ”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กก้มหน้าพูด “แผ่นดินเป็นของฝ่าบาท กระหม่อมเป็นของฝ่าบาท บุตรสาวของกระหม่อมย่อมเป็นของฝ่าบาท”
ฮ่องเต้โบกมือด้วยความขุ่นเคือง “รีบไปๆๆ”
ครานี้แม่ทัพหน้ากากเหล็กถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ฮ่องเต้ยืนเงียบอยู่ในพระตำหนักใหญ่สักพัก ก่อนจะส่ายหัว
“ปวดหัว” เขาพูด
ขันทีจิ้นจงตกใจ เขากระโดดเขาไปพยุง “ฝ่าบาท ฝ่าบาททรงเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ” ต้องเรียกหมอหลวงอีกครั้ง
ฮ่องเต้รู้สึกขบขัน “ข้าปวดหัวเพราะเหล่าโอรส”
ขันทีจิ้นจงถอนหายใจด้วยความโล่งอก พยักหน้า “เหล่าโอรสโดดเด่นเกินไป ผู้เป็นบิดาย่อมกังวล”
ฮ่องเต้หัวเราะอีกครั้ง ก่อนจะนึกถึงโอรสที่ไม่โดดเด่น ส่ายหน้าถอนหายใจ “ข้าไม่ขอให้พวกเขาโดดเด่นมากเพียงใด เพียงแค่พวกเขาไม่กระทำการชั่ว เคารพพี่น้องก็เพียงพอ”
ขันทีจิ้นจงพยุงฮ่องเต้เดินทางด้านหลัง พูดเสียงเบา “มีฝ่าบาทอยู่ย่อมสั่งสอนให้ดีได้ ผู้ที่ไม่รู้กฎระเบียบก็จับขังไว้สั่งสอน ผู้ที่ไม่สงบมั่นคงย่อมต้องคอยตักเตือน ท่านเป็นบิดาทั้งเป็นโอรสสวรรค์ พวกเขาเป็นบุตรชายและขุนนาง เอ๊ะ…หากพูดเช่นนี้ อาเสวียนเป็นเด็กที่รู้เรื่องก่อนผู้อื่น”
ฮ่องเต้หัวเราะอีกครั้ง
ขันทีจิ้นจงมองสีหน้าของเขา พูดด้วยรอยยิ้ม “กระหม่อมมีความคิดหนึ่ง ฝ่าบาท พวกเราไปนั่งกับพระสนมสวี ให้นางผู้เป็นมารดาสั่งสอนบุตรชาย ฝ่าบาทย่อมไม่ต้องออกหน้า”
ใช่แล้ว ยังมีองค์ชายสามอีกคน ร่างกายของเขาหายดีแล้ว อีกทั้งออกเดินทางมาแล้ว คิดว่าสงบมั่นคงแล้ว สุดท้ายเล่า? เมื่อได้ยินเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฉินตันจู เขาก็รีบวิ่งออกไปบอกความลับ! ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อ “ไป!”
สามีและภรรยาสั่งสอนบุตรก็เป็นการแสดงความรักประเภทหนึ่ง ขันทีจิ้นจงเดินตามด้วยรอยยิ้ม เมื่อเดินไปถึงประตู เขาก็เห็นขันทีตัวน้อยชะโงกหน้าขยิบตาให้เขา ขันทีตัวน้อยนั้นวิ่งไปทางพระตำหนักของพระสนมสวีราวกับบิน อีกทั้งยังไม่ลืมจับแขนเสื้อให้แน่น เพื่อไม่ให้สูญเสียผลประโยชน์ที่ได้รับจากพระสนมสวี
…
เหยาฝูยังคงยืนอยู่นอกประตูของพระชายา ราวกับยังเป็นเหมือนเคย อีกทั้งนางยังทนต่อสายตาเย็นชาและการดุด่าของพระชายาอย่างเชื่อฟังเหมือนแต่ก่อน แต่เมื่อองค์รัชทายาทสนทนากับพระชายาเสร็จสิ้น ลุกขึ้นเดินไปยังห้องทรงพระอักษรนั้น นางมักจะเดินตามหลังไป ไม่สนใจสีหน้าดำทะมึนของพระชายาด้านหลัง
“เรื่องนี้ เสด็จพ่อกลับคำอีกแล้ว” องค์รัชทายาทที่เดินเข้าห้องทรงพระอักษรพูดขึ้นทันที
สีหน้าของเหยาฝูทั้งตกตะลึงทั้งตื่นตระหนก “หรือว่าฝ่าบาทจะไม่พอใจท่าน”
องค์รัชทายาทเย้ยหยัน “ไม่ใช่เสด็จพ่อไม่พอใจข้า แต่เพราะแม่ทัพหน้ากากเหล็กขอเข้าเฝ้าฝ่าบาท บอกว่าหากยืนกรานว่าหลี่เหลียงมีคุณงามความดี ย่อมเป็นการแย่งชิงคุณงามความดีกับเขา”
เหยาฝูถลึงตาโตในทันที นางจับแขนเสื้อขององค์รัชทายาทเอาไว้ “องค์รัชทายาท เรื่องนี้เป็นฝีมือของเฉินตันจู! เพราะเฉินตันจูหลอกล่อแม่ทัพหน้ากากเหล็ก!”
เฉินตันจูหรือ องค์รัชทายาทระลึกถึงหญิงสาวที่งดงามในวันนั้น เขายิ้ม “มีเสน่ห์เสียจริง”
สมกับเป็นชายหนุ่มเสียจริง ความคิดแรกที่เห็นหญิงสาวมีเพียงหนึ่งเดียว เหยาฝูเขย่าแขนเสื้อของเขาด้วยความหึงหวง “องค์รัชทายาท ท่านยังยิ้มออกมาได้ เฉินตันจูนื้ทำลายแผนการขององค์รัชทายาทมาหลายครั้งแล้วเพคะ”
องค์รัชทายาทพูด “คงต้องบอกว่าทำลายแผนการของเจ้าเสียมากกว่า?”
ไม่สามารถโต้เถียงชายหนุ่มที่ฉลาดตรงหน้านี้ เหยาฝูก้มหน้าพึมพำเรียกขานองค์รัชทายาท พูดเสียงสะอื้น “หม่อมฉันเจ็บใจเสียจริง หลายครั้งล้วนเป็นเพราะเฉินตันจู หากไม่ใช่เฉินตันจู หลี่เหลียงยังมีชีวิตอยู่ ย่อมไม่มีเรื่องมากมายในวันนี้”