รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 328 ปุถุชน เจ้านี่ดีจริง!

บทที่ 328 ปุถุชน เจ้านี่ดีจริง!

บทที่ 328 ปุถุชน เจ้านี่ดีจริง!

ท่ามกลางมหาสมุทรกว้างไกลมองไม่เห็นจุดสิ้นสุด

ที่นี่พิศวงชวนผวาเป็นพิเศษ ผืนน้ำทะเลเป็นสีดำล้วน มีหมอกพิษปกคลุมอยู่ตลอด ขาดแคลนความมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก!

ปักษาที่บินผ่านไปบนฟ้าพิลึกน่ากลัว พวกมันมีใช่นกธรรมดา แต่ละตัวล้วนเป็นโครงกระดูกปักษา ทั้งยังมีเศษเนื้อเน่าเปื่อยติดอยู่หร็อมแหร็ม โลหิตสีดำหยดย้อย เห็นแล้วชาไปทั้งหนังศีรษะ น่าสะอิดสะเอียนที่สุด

เกลียวคลื่นทะเลซัดสาด มีปลากระโจนขึ้นจากน้ำ ซึ่งหาใช่ปลาธรรมดาอีกเช่นเคย แต่เป็นปลาที่มีเศษเนื้อเน่าเปื่อยเกาะติดก้าง

ครืน!

เสียงระเบิดดังมาจากอากาศ ชั้นบรรยากาศที่นี่โกลาหลบิดเบี้ยวเป็นพิเศษ แม้กระทั่งแสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาจากฟ้ายังถูกบดบัง ไม่อาจทาบทับสถานที่แห่งนี้

ที่นี่มิใช่ดินแดนหยิน ที่นี่มิใช่ดินแดนฮวง ที่นี่มิใช่ดินแดนฝอ ไม่มีดินแดนใดสามารถประกาศสิทธิ์ว่ามหาสมุทรผืนนี้อยู่ในดินแดนของตน!

ที่นี่คือแดนต้องห้าม ห้ามมิให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงเข้าใกล้ ผู้ใดบังอาจบุกเข้ามา ยากจะรอดออกไปได้

ต่อให้เป็นสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนในยุคโบราณ ยังยำเกรงในทะเลแดนต้องห้ามนี้เป็นที่สุด ไม่กล้าเข้าใกล้แม้แต่น้อย!

ใช่แล้ว ที่นี่คือหนึ่งในเก้าแดนต้องห้าม ทะเลต้องห้าม!

จุดสิ้นสุดของน้ำทะเลสีดำมีเกาะมหึมาแห่งหนึ่งลอยอยู่ บนเกาะเต็มไปด้วยสิ่งปลูกสร้างโบราณทุกชนิด กลิ่นอายกาลเวลาเข้มข้นเป็นพิเศษ จนไม่อาจแน่ใจได้ว่าสิ่งปลูกสร้างเหล่านี้เกิดขึ้นในยุคใด

“หืม!?”

ภายในตำหนักใหญ่แห่งหนึ่ง สิ่งมีชีวิตตนหนึ่งขมวดคิ้วขณะส่งเสียงออกมา

นี่คือสิ่งมีชีวิตที่ครึ่งท่อนบนเป็นมนุษย์ ครึ่งท่อนล่างเป็นงู พลังปราณสยดสยองท่วมท้นฟ้า

“หนึ่งในองครักษ์อุบัติกาลเกิดเรื่องแล้ว…”

เขาเอ่ยเสียงเบา สีหน้าเคร่งขรึม เขาถือครองรายชื่อองครักษ์อุบัติกาล เมื่อครู่จากรายชื่อองครักษ์อุบัติการนี้ เขาสัมผัสได้ว่าพลังปราณของสมาชิกผู้หนึ่งหายไป

หมายความว่าสมาชิกผู้นั้นตายแล้ว!

องครักษ์อุบัติกาลคือ องครักษ์ที่พวกเขาเตรียมการไว้เป็นอย่างดี มีประโยชน์มหาศาล เป็นหนึ่งข้อต่อของแผนใหญ่พวกเขา

“มีคนจากแดนสังสารวัฏมาเยือนอาณาจักรนี้ จะใช่ฝีมือของคนจากแดนสังสารวัฏหรือไม่”

เขาขมวดคิ้วเป็นปมกว่าเดิม

สิ่งที่แดนสังสารวัฏหมายตานั้นไม่ต่างจากพวกเขามากนัก เขาจึงสงสัยแดนสังสารวัฏขึ้นมาในใจ

“มีวี่แววของการปรากฏในทุก ๆ เหตุการณ์ ใกล้จะอลหม่านแล้วจริง ๆ!”

เขาหัวเราะเสียงเย็น สิ่งที่พวกเขารอคอยเริ่มงอกงามขึ้นมาบ้างแล้ว อาณาจักรนี้เริ่มไม่สงบอย่างที่คิด เกิดเรื่องกับองครักษ์อุบัติกาล!

เขาส่งยอดฝีมือออกไปสืบค้น ข้อมูลที่เขามีในตอนนี้น้อยเกินไป

ณ เขาหยงหมิง เหยียนโจว

หลิงอินกลับมาแล้ว นางใช้พลังจากค่ายกลเคลื่อนย้าย เพียงไม่นานก็เดินทางจากหุบเขาคงหลิงกลับมาถึงเขาหยงหมิง

นางกลับไปอยู่ในห้องของตน อารมณ์ไม่ดีเท่าไรนัก

ถึงแม้นางสังหารจักรพรรดิบุปผา ล้างแค้นแทนเสี่ยวหยาได้แล้ว กระนั้นเมื่อหวนระลึกถึงชีวิตที่ผ่านมาของเสี่ยวหยา นางไม่อาจดีใจได้ไหว

ชีวิตของเสี่ยวหยาโชคร้ายเหลือเกิน…

บุพการีตายจากตั้งแต่ยังเด็ก เหลือพี่ชายเพียงคนเดียวที่พึ่งพาอาศัยกัน ต่อมา แม้แต่พี่ชายก็ยังหายตัวไป ท้ายที่สุดต้องมาเจอจักรพรรดิบุปผาที่เลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน ถูกขุดกระดูกจักรพรรดิธรรมชาติเนรมิตไปทั้งเป็น!

“เสี่ยวหยา…”

นางถอนหายใจหนักหน่วง

เสี่ยวหยามีกระดูกจักรพรรดิติดตัวมาตั้งแต่เกิด อนาคตย่อมต้องเฉิดฉายยิ่งใหญ่ ผู้ใดจะล่วงรู้ว่าชะตากรรมของนางช่างลำเค็ญนัก ไม่ทันได้เปล่งประกายเจิดจ้าก็ถูกจักรพรรดิบุปผาทำร้าย ต้องจากโลกนี้ไปอย่างเจ็บปวด…

“เพราะเหตุใด!?”

นางเจ็บใจยิ่ง กำหมัดแน่นขณะคาดคั้นสวรรค์ด้วยความแค้นใจ วิถีสวรรค์ปรวนแปรเกินหยั่งเป็นที่สุด นาทีก่อนเปี่ยมไปด้วยวาสนา นาทีต่อมาก็ต้องประสบเคราะห์ร้าย

“เสี่ยวหยา ข้าจักนำเจ้าไปฝังไว้ใกล้ ๆ เมืองชิงซาน ที่นั่นคือสถานที่ที่ดีที่สุด!”

นางสงบจิตใจ เอ่ยเสียงแผ่ว

แสงตะวันเหลืองอร่าม พระอาทิตย์เพิ่งลอยตัวขึ้น หลี่จิ่วเต้าตื่นมาแล้วรู้สึกกระปรี้กระเปร่าเป็นพิเศษ

เขาล้างหน้าล้างตาอย่างลวก ๆ ก่อนเข้ามาอยู่ในลานซึ่งมีทัศนียภาพสวยดุจภาพวาด ออกลวดลายมวยไปชุดหนึ่งเนิบ ๆ

มิใช่วิชามวยเก่งกาจอันใด หาได้มีพลังทำลายล้างไม่ นี่คือวิชามวยที่เขาคิดค้นขึ้นเอง ใช้ออกกำลังกายเป็นปกติ

“น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

หน้าประตูลาน ผู้อาวุโสเก้าตระกูลซางยกข้าวเช้ามาให้หลี่จิ่วเต้า ทันเห็นหลี่จิ่วเต้าต่อยมวยพอดี

เขาเห็นแล้วชาไปทั้งหนังศีรษะ สะเทือนไปทั้งดวงวิญญาณ ตัวสั่นหงึกหงัก

ทุกหมัดทุกลูกเตะของท่านเซียนล้วนมีจังหวะแห่งเต๋าสูงส่งเกินจินตนาการไหลเวียน ลึกล้ำเหนือสิ่งทั้งปวง อยู่เหนือสรรพวิถีในใต้หล้า!

เขาไม่สงสัยเลยว่าหากท่านเซียนตั้งใจ หมัดเดียวของท่านเซียนอาจพังทลายอาณาจักรแห่งนี้ได้!

ภายในลาน หลี่จิ่วเต้าต่อยมวยจบไปหนึ่งชุด สบายผ่อนคลายไปทั้งตัว

ตื่นเช้าจำต้องออกกำลังกายสิดี…

เมื่อผู้อาวุโสเก้าเห็นว่าท่านเซียนต่อยมวยจบแล้ว จึงรีบยกข้าวเช้าเข้าไป

“มวยชุดนี้ของท่านเซียนยอดเยี่ยมยิ่ง!”

ผู้อาวุโสเก้ากล่าว พร้อมกับวางอาหารเช้าไว้บนโต๊ะในลาน

นี่เขาทำตัวแวร์ซาย*[1]ใส่ข้าหรือ?

หลี่จิ่วเต้านึกถึงคำศัพท์ดังในดาวเคราะห์สีฟ้า แวร์ซาย

เขาคิดในใจไปว่า มวยของข้ายอดเยี่ยมเพียงใดแล้วจะสู้ผู้ฝึกตนได้หรือ?

ผู้อาวุโสเก้าผู้นี้ดูก็รู้ว่าชำนาญในด้านแวร์ซายเป็นอย่างดี!

เขาไม่ให้โอกาสผู้อาวุโสเก้าได้ทับถมเขา รีบเอ่ยขึ้นพลางยิ้ม “ต่อยไปเรื่อย ไม่ควรค่าแก่การพูดถึง อย่าได้กล่าวถึงอีกเลย”

หลังรับมื้อเช้าเสร็จ หลิงอิน เซี่ยเหยียน อันหลานเสวี่ย พวกอ้ายฉาน ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียน และพวกสือเฟิงต่างเดินทางมาที่นี่

พวกเขานัดกันไว้ว่าจะไปเดินเล่นแถบเขาหยงหมิง

“ทุกท่านอยู่กันพร้อมหน้าเยี่ยงนี้จะไปไหนหรือ จะกลับกันแล้วหรือ”

ทันทีที่พวกหลี่จิ่วเต้าลงจากเขาหยงหมิงก็ได้พบหานเยว่จากตระกูลหาน หานเยว่ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

หลี่จิ่วเต้าหัวเราะ “มาภาคกลางครั้งแรก อย่างไรก็ต้องออกไปเดินท่องดูบรรยากาศหน่อยมิใช่หรือ”

“อ้อ แบบนี้นี่เอง”

หานเยว่งามพิลาส กล่าวแย้มยิ้ม “ทิวทัศน์แถบเขาหยงหมิงไม่เลวทีเดียว”

นี่เป็นการพบกันโดยบังเอิญหรือ?

ไม่ใช่เลย

นางได้รับคำสั่งจากผู้นำตระกูล ให้นางจับตาดูความเคลื่อนไหวของพวกหลี่จิ่วเต้าอย่างใกล้ชิด นางจึงมารออยู่ใต้เขานานแล้ว

ตระกูลหานในยุคนี้มองไม่เห็นความหวังในการชนะแต่อย่างใด จึงตั้งใจเข้าเป็นพรรคพวกกับอาณาจักรเทียนหยวน และข้อมูลของยอดนิกายคือของขวัญแสดงความภักดีของพวกเขาต่ออาณาจักรเทียนหยวน

พวกเขาจะพิชิตพวกหลี่จิ่วเต้า เพื่อให้ได้ข้อมูลของยอดนิกายมามากกว่านี้!

พวกเขาได้ตกลงร่วมมือกับเผ่าฉงฉี และจะลงมือร่วมกัน

เมื่อได้ยินว่าหลี่จิ่วเต้าจักออกไปเดินเล่นรอบ ๆ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจหานเยว่ทันที

“ข้าชอบท่องเที่ยวขุนเขาชมทัศนียภาพเป็นที่สุด หลังมาอยู่ที่ภาคกลาง ข้าไม่ได้ทำการอื่น แต่ไปไถ่ถามถึงทิวทัศน์งดงามในภาคกลางมีแหล่งใดบ้างเป็นอันดับแรก แล้วก็…ออกไปท่องเที่ยวชมธรรมชาติ”

หานเยว่ยิ้มละไม “หากทุกท่านอยากชมทิวทัศน์กันจริง ๆ ข้าขอแนะนำยอดเขาท่องนภาของภาคกลาง ทัศนียภาพที่นั่นวิจิตรราวภาพวาด ได้รับขนานนามว่าเป็นแดนวิมานในโลกมนุษย์”

“ยอดเขาท่องนภาหรือ”

หลี่จิ่วเต้าตาเป็นประกาย เมื่อได้ยินคำแนะนำของหานเยว่ เขาสนอกสนใจเป็นอย่างมาก

“อืม”

หานเยว่พยักหน้า “มาภาคกลางแล้วไม่ไปยอดเขาท่องนภาได้เยี่ยงไร ที่นั่นคือสถานที่ที่ต้องไปให้ได้!”

ปุถุชนคนหนึ่ง มัวเตร็ดเตร่ไปทั่วอยู่ได้…

หนนี้เจ้าจะเตร็ดเตร่จนชีวิตหาไม่!

หานเยว่คิดในใจ

ปุถุชนเฉกเช่นหลี่จิ่วเต้าย่อมไม่มีประโยชน์ใด ถึงคราวนั้นฆ่าได้ง่าย ๆ

ทว่าท้ายที่สุดนางต้องขอบคุณปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้า

หากมิใช่ปุถุชนอย่างหลี่จิ่วเต้าที่ชอบเดินเล่นเตร็ดเตร่ ไฉนเลยนางจะมีโอกาสเช่นนี้

ปุถุชน เจ้านี่ดีจริง…

หานเยว่หัวเราะในใจด้วยความเบิกบาน

[1] ทำตัวแวร์ซาย เป็นศัพท์แสลงของจีน หมายถึง คนที่แกล้งถ่อมตัวแต่จริง ๆ อวดเนียน ๆ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท