Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 247 ราชาโอสถ (1)

ตอนที่ 247 ราชาโอสถ (1)

การถือกำเนิดขึ้นของปู้ลั่วการ์ตูนนับเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับแฟนการ์ตูน สำหรับแฟนการ์ตูนตัวยงอย่างหลูเหว่ยก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นเมื่อแพลตฟอร์มการ์ตูนปรากฏขึ้นแล้ว เขาก็รีบกดเข้าไปทันที เช่นเดียวกับผู้ที่หลงใหลในการ์ตูนซึ่งตั้งหน้าตั้งตารอกันมานาน

เว็บไซต์ใหม่เชิญนักวาดการ์ตูนแนวหน้าของวงการมาลงผลงานใหม่เป็นจำนวนมาก

หลูเหว่ยอ่านผลงานของนักวาดชื่อดังที่สุดสามสี่ท่านจบ ก็ยังรู้สึกไม่หนำใจสักที จึงเริ่มเสาะหาการ์ตูนเรื่องอื่นๆ มาอ่าน

เว็บไซต์ใหม่นี้เป็นขุมสมบัติที่ยังไม่ได้เปิดใช้งานสำหรับแฟนการ์ตูน

แฟนการ์ตูนต่างเฝ้ารอที่จะได้ค้นพบอาหารใจอันโอชะบนเว็บไซต์ใหม่แห่งนี้!

หลังจากนั้นเขาก็สังเกตเห็นเรื่อง ‘จิตวิญญาณสือจี่’

เรื่อง/ภาพ: อิ่งจือ

หลูเหว่ยไม่เคยอ่านปรินซ์ออฟเทนนิสมาก่อน จึงไม่ได้รู้จักอิ่งจือเป็นพิเศษ

เขาสังเกตเห็นว่าผลงานประเภทนี้มีความพิเศษอยู่สักหน่อย…

อาหาร!

การ์ตูนทุกประเภทล้วนมีฐานผู้อ่าน เพียงแต่ฐานผู้อ่านมีจำนวนมากแค่ไหนก็เท่านั้น

และหลูเหว่ยเป็นหนึ่งในนักอ่านเพียงไม่กี่คนซึ่งชื่นชอบการ์ตูนแนวอาหารเป็นอย่างมาก

ที่น่าเสียดายก็คือ เมื่อกระแสของการ์ตูนแนวอาหารสิ้นสุดลง การ์ตูนประเภทนี้จึงกลายเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็นแนวเฉพาะกลุ่ม

เพราะฉะนั้นหลูเหว่ยจึงไม่ได้อ่านการ์ตูนแนวอาหารเรื่องใหม่มานานมากแล้ว

เรื่องนี้ทำให้หลูเหว่ยรู้สึกเสียดายมาโดยตลอด

แต่ขณะเดียวกันหลูเหว่ยก็เข้าใจดีว่า การ์ตูนแนวอาหารได้กลายเป็นแนวที่สูญเสียพลังชีวิตไปแล้ว

ต่อให้เขาเป็นผู้มีใจรักในการ์ตูนแนวอาหารมาอย่างยาวนาน ตอนนี้เมื่อกลับมาอ่านการ์ตูนแนวอาหารอีกครั้ง ก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายขึ้นมา

เป็นเรื่องยากสำหรับหลูเหว่ยที่จะจินตนาการว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จะมีคนที่ยังคงวาดการ์ตูนอาหารต่อไป

นั่นทำให้หลูเหว่ยสัมผัสได้ถึงความสนิทชิดเชื้อขึ้นมาหลายส่วน

คงจะเป็นความรู้สึกสนิทชิดเชื้อสักอย่างนั่นแหละมั้ง?

ด้วยความคิดถึงเรื่องราวเก่าๆ และการ์ตูนแนวอาหาร หลูเหว่ยจึงกดเปิดเรื่องจิตวิญญาณสือจี่

ลองอ่านสักหน่อยก็ไม่ได้เสียหายอะไร คิดซะว่าเป็นการหวนระลึกถึงความหลงใหลที่ตนมีต่อการ์ตูนแนวอาหารเมื่อก่อนก็แล้วกัน

ฉากเปิดของการ์ตูน เกิดขึ้นหลังร้านอาหารขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

เด็กหนุ่มผมสีแดงนั่งอยู่หน้าเตาย่างอาหารพลางฉีกยิ้มแปลกพิลึก “หนวดปลาหมึกย่างกับซอสถั่วลิสง…ไม่อร่อยเลยแฮะ…ฮ่าๆๆ…”

หลูเหว่ยชะงักไป

อะไรฟระเนี่ย? นี่มันการ์ตูนแนวอาหารเหรอ? แน่ใจนะว่าไม่ใช่เปิบพิสดาร

หนวดปลาหมึกย่างจิ้มซอสถั่วลิสงอะไรเนี่ย แค่คิดก็ขนลุกไปทั้งตัวแล้ว

ขณะนั้นเอง ในห้องก็มีเสียงดังมา “ซิ่งผิง เพื่อนมาแล้วน่ะ”

“ครับ…”

เด็กหนุ่มผมแดงลุกพรวดขึ้นทันใด ปลดแถบสีขาวซึ่งพันอยู่รอบข้อมือออก ก่อนจะคาดไว้รอบหน้าผาก “เริ่มกันเถอะ”

ภาพเริ่มซูมเข้าไปยังเด็กหนุ่มผมแดง

ถ้าหากเป็นไปอย่างที่คิดละก็ ซิ่งผิงก็คือตัวเอกของการ์ตูนเรื่องนี้

ฉากเปลี่ยนไป

ซิ่งผิงและพ่อของเขาทำข้าวผัดไข่คนละชาม โดยมีสาวน้อยคนหนึ่งเป็นกรรมการตัดสินฝีมือการทำอาหารของทั้งสอง

“อื้ม…”

หลังจากที่สาวน้อยกินเข้าไปหนึ่งคำ จู่ๆ สตอรีบอร์ดก็ตัดค้างไว้ที่มุมมองแปลกพิกล สองขาของสาวน้อยก็กระชับเข้าหากัน กระโปรงสั้นของเธอแลดูราวถูกลมพัด จากนั้นใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

“อ๊า…”

สาวน้อยพรูลมหายใจหอมกรุ่นออกมา รู้สึกสบายตัวสุดขีด ทั้งร่างกายเบาหวิวแทบลอยได้

และหลูเหว่ยซึ่งนั่งอ่านฉากนี้อยู่หน้าจอโทรศัพท์ ก็นึกสงสัยขึ้นมาว่าการ์ตูนเรื่องนี้กำลังเล่นมุกสัปดนอะไรหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่มีหลักฐาน

ขณะเดียวกันนั้นเอง หลูเหว่ยก็รู้สึกแปลกใหม่เหลือเกิน

นักวาดที่ชื่ออิ่งจือคนนี้มีฝีมือในการวาดภาพดีมาก ข้าวผัดไข่ทั้งสองชามบนโต๊ะน่ากินจนทำให้ท้องร้อง ราวกับแค่วาดรูปก็กระตุ้นต่อมรับรสของผู้อ่านได้แล้ว

ผลคือพ่อของซิ่งผิงคว้าชัยไปครอง

ที่แท้ซิ่งผิงก็มักจะประชันฝีมือการทำอาหารกับบิดาอยู่เป็นประจำ โดยมีลูกค้าเป็นกรรมการ

พวกเขาแข่งขันอยู่นับร้อยครั้ง ซิ่งผิงไม่เคยชนะเลยสักครั้งเดียว

ทว่าสิ่งที่ทำให้หลูเหว่ยร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออกก็คือ…

ซิ่งผิงกับพ่อของเขาถึงกับเริ่มแข่งกันแล้วว่าใครจะทำอาหารออกมาได้รสชาติแย่กว่ากัน

ซิ่งผิงรู้สึกว่าปลาหมึกจิ้มซอสถั่วลิสงของเขาชวนคลื่นไส้มากทีเดียว แต่พ่อของเขากลับคิดว่าปลาเล็กปลาน้อยตากแห้งราดซอสสตรอว์เบอร์รีน่าขยะแขยงยิ่งกว่า

ปลาเล็กปลาน้อยตากแห้งราดซอสสตรอว์เบอร์รีบ้าบออะไรฟระ

การประชันเสน่ห์ปลายตะหลิวของทั้งสองพ่อลูกทำให้หลูเหว่ยรู้สึกขบขัน

การ์ตูนแนวอาหารเรื่องอื่น ล้วนแข่งกันว่าอาหารของใครอร่อยกว่ากัน

และการ์ตูนแนวอาหารเรื่องนี้ ไม่เพียงแข่งกันว่าใครทำอาหารอร่อยกว่ากัน แต่ยังแข่งกันว่าใครทำอาหารได้แย่กว่ากันอีก…

เมื่อคิดถึงปฏิกิริยาของลูกค้าหลังจากรับประทานอาหาร จู่ๆ หลูเหว่ยก็เริ่มสนใจการ์ตูนเรื่องนี้ขึ้นมา

แน่นอนว่าเพียงนิดเดียวเท่านั้น

เพราะฝีมือการทำอาหารของตัวเอกนั้นไม่ได้โดดเด่นอะไร ถึงขั้นพ่ายแพ้ให้พ่อตนเองมาไม่รู้กี่ครั้ง และพ่อของตัวเอกก็เป็นเพียงพ่อครัวของร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง

ถึงแม้จะฟังดูหยาบคายไปสักหน่อย…

แต่หลูเหว่ยก็รู้สึกว่า ถ้าหากตัวละครเอกของการ์ตูนแนวอาหารนั้นไม่ได้มีฝีมือที่เก่งกาจมากพอ ความตื่นเต้นของเรื่องก็จะลดลง

มีใครชอบให้ตัวเอกเป็นพวกไก่อ่อนบ้างล่ะ

เขาเปิดอ่านหน้าต่อไปด้วยความรู้สึกเฉยชา

ตกเย็น ร้านอาหารปิด

ปรากฏว่าในตอนนั้นเอง ผู้หญิงสวมแว่นตาดำคนหนึ่งก็เดินวางมาดเข้ามาในร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้พร้อมกับบอดีการ์ด

ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นตัวแทนของนายทุน เตรียมสร้างอพาร์ตเมนต์ขนาดยักษ์ใหญ่ฝั่งตรงข้ามกับร้านอาหารเล็กแห่งนี้

เพราะฉะนั้นเธอจึงต้องการบีบบับคับให้ร้านอาหารแห่งนี้ปิดกิจการ

ซิ่งผิงตอบปฏิเสธไปโดยให้เหตุผลว่าแต่ไหนแต่ไรทางร้านไม่เคยทำให้ลูกค้าผิดหวัง

ปรากฏว่าในรุ่งขึ้น ด้านหลังของร้านอาหารแห่งนี้เละเทะ รวมไปถึงในตู้เย็น วัตถุดิบจำพวกเนื้อทั้งหมดถูกทำลายจนเสียหาย

เมื่ออ่านถึงตรงนี้ หลูเหว่ยก็รู้สึกโมโหขึ้นมา

นายทุนกลุ่มนี้ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ร้านอาหารเล็กๆ แห่งนี้ปิดกิจการ ก็เหมือนกับนายทุนในโลกแห่งความเป็นจริงที่บีบคั้นชาวบ้านทุกวิถีทางเพื่อขับไล่ที่!

อุกอาจเกินไปแล้ว!

ซิ่งผิงเองก็เดือดดาลเช่นเดียวกัน เขาบึ่งออกมาจากร้านอาหาร ข้างเท้ามีสีหยดแปะลงมา

เขาเงยหน้าขึ้นมอง พบว่าป้ายอาหารจานเด็ดของร้านตน ถึงกับถูกสีขาวทาทับไว้

ในตอนนั้นเอง

หญิงสาวตัวแทนนายทุนก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ยังอยู่ในรถเก๋งสุดหรู ท่ามกลางวงล้อมของบอดีการ์ด ท่าทางเปี่ยมไปด้วยความเย่อหยิ่ง “ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ ก็นึกอยากกินเนื้อขึ้นมา ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เนื้อลายหินอ่อนที่เคยกินในภัตตาคารกลางก่อนหน้านี้อร่อยจริงๆ”

เธอไขว่ห้างสังเกตการณ์

“ฉันว่านะน้องชาย ลองทำอาหารจานเนื้อฉ่ำๆ อร่อยๆ มาสักจานเป็นไง”

ซิ่งผิงใบหน้าเย็นชาไม่พูดไม่จา

ตัวแทนเอ่ยเย้าหยอก “เมื่อวานนายบอกเองไม่ใช่หรือ ว่าถ้าทำอาหารที่ลูกค้าพึงพอใจไม่ได้ก็ควรปิดร้านไม่ใช่หรือไง ยังไงซะป้ายหน้าร้านก็เละเทะไปแล้ว ปิดกิจการไปเลยคงดีกว่า ฉันจะจ่ายเงินชดเชยก้อนโตที่นายปฏิเสธไม่ได้เลยล่ะ”

เธอหัวเราะลั่น

หลูเหว่ยรู้สึกอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ

อย่างไรก็ดี ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ซิ่งผิงก็ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “อาหารจานเนื้อฉ่ำๆ อร่อยๆ ที่ต้องการคืออันนี้หรือเปล่า…”

เขาแกะผ้าซึ่งพันข้อมือออกทันที

แถบผ้าขยับได้ประหนึ่งมีชีวิต โบยบินฉวัดเฉวียนอย่างสง่างาม สีหน้าของซิ่งผิงแลดูคลุมเครือ ทว่าบทพูดกลับขยายใหญ่และเน้นหนาขึ้น “สาบานกับผมว่าคุณจะไม่มาสร้างปัญหาที่นี่อีก ขอเพียงคุณกล้าสาบาน ผมจะทำให้คุณได้ลิ้มลองรสชาติของอาหารอย่างหนำใจ”

………………………………………………

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท