อันที่จริงเขาโทรศัพท์หาอีอูยอนทันทีที่ออกมาจากโรงพยาบาล อินซอบตอบอีอูยอนที่เอ่ยถามถึงผลตรวจว่า “ไม่เป็นไร” อย่างไม่รู้ตัว
เขาตัดสินใจที่จะไม่โกหกเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพอย่างเด็ดขาด นี่เป็นคำสัญญาระหว่างคนทั้งสองคน นั่นจึงถือเป็นครั้งแรก
มันต่างกับการพูดว่าท้องไส้ไม่ดี เหมือนจะเป็นไข้ รู้สึกว่าจะเป็นหวัด หรือเหนื่อย
‘ด้วยสภาพในตอนนี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่จะตายตอนไหนก็ได้’
เขาไม่สามารถพูดเรื่องที่ได้ยินวันนี้ออกไปได้โดยเด็ดขาด เพราะเขารู้สึกเหมือนต้องยอมรับความจริงนั้นในวินาทีที่พูด
ปลายนิ้วที่กำโทรศัพท์มือถือไว้เย็นเฉียบ
…ทำยังไงดี เราจะพูดเรื่องนั้นกับอีอูยอนได้ยังไง…ถ้าอธิบายไปแล้วจะเป็นยังไง แล้วถ้าโดนโกรธล่ะ และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือถ้าอีกฝ่ายได้รับความเจ็บปวดล่ะ…
เขานึกถึงชายหนุ่มที่ร้องไห้อ้อนวอนตนว่า ‘อย่าไป อย่าตาย’
[ท้องไส้ไม่ดีเหรอ]
คำถามที่อ่อนโยนถูกส่งกลับมา ภายในคอของเขาร้อนผ่าว เพราะความรู้สึกที่น้ำตาเอ่อขึ้นมา
“…ครับ”
[ไม่ดีมากหรือเปล่าครับ ให้ผมกลับไปที่เกาหลีตอนนี้เลยไหมครับ]
“ไม่ต้องครับ เป็นแค่นิดหน่อยเอง ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นเพราะผมตื่นเช้าน่ะครับ”
อีอูยอนเดาะลิ้นเบาๆ
[เพราะอย่างนั้นผมถึงบอกให้ไปด้วยกันไงครับ]
“ครับ”
พออินซอบหัวเราะเบาๆ และเห็นด้วย อีอูยอนพึมพำราวกับคาดไม่ถึงเล็กน้อย
[เรื่องใหญ่เลยนะครับ คุณอินซอบที่ดื้อรั้นพูดแบบนั้น]
“เพราะผมคิดถึงคุณอูยอนน่ะครับ”
พอพูดแบบนั้นออกไป เขาก็คิดถึงอีอูยอนมากกว่าเมื่อกี้ขึ้นมาอีกขั้น เขาได้ยินเสียงสบถว่า “แม่งเอ๊ย” จากปลายสาย
[คุณจะให้ไป หรือจะห้าม]
งานเทศกาลภาพยนตร์คือเย็นวันพรุ่งนี้ อีอูยอนตัดสินใจจะกลับประเทศด้วยเครื่องบินในเช้าวันมะรืน
“ห้ามมานะครับ”
พออินซอบพูดอย่างระมัดระวัง อีอูยอนก็หัวเราะ
[ฮ่าๆๆๆ]
เพราะได้ยินเสียงของอีอูยอนหัวเราะแบบนั้นสักพักราวกับมีความสุขมาก เขาจึงรู้สึกดีขึ้นมากกว่าเมื่อสักครู่นี้เล็กน้อย
[เฮ้อ คิดถึงจัง]
อินซอบกระชับฝ่ามือที่จับโทรศัพท์ไว้ทันที่ได้ยินอีกฝ่ายพึมพำด้วยความจริงใจราวกับจงใจพูดให้เขาได้ยินทันที
[…ทำไมยิ่งเวลาผ่านไปถึงยิ่งชอบมากขึ้นนะ]
เขารับรู้ถึงความรู้สึกของชายหนุ่มที่แสดงออกมาโดยไม่มีการปรุงแต่งใดๆ หัวใจของเขาเจ็บแปลบ เพราะความรู้สึกที่ท่วมท้น
“…ผมก็เหมือนกันครับ”
อีอูยอนกลั้นหัวเราะ
[คราวนั้นคุณยังบอกว่าเกลียดผมและกัดอยู่เลยนะ]
“เพราะ เพราะตอนนั้นผมเมา”
[ไม่ใช่ว่าคนเมามักจะพูดความจริงเหรอครับ]
“ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่ ผมไม่มีทางเป็นแบบนั้นเด็ดขาด แต่ตอนนั้นผม…”
พออินซอบพูดวกไปวนมาเพราะลนลาน อีอูยอนก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง อินซอบก้มหน้าที่แดงก่ำลง และเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงที่บางเบาว่า “ขอโทษครับ”
มันเป็นเรื่องเมื่อสองสามเดือนก่อน อีอูยอนที่เข้าร่วมละครเรื่องใหม่หลังจากที่ไม่ได้เข้าร่วมมานานโทรศัพท์หาอินซอบ และบอกว่าให้นอนก่อน เพราะเหมือนวันนี้จะถ่ายทำจนดึก
“จะมาประมาณกี่โมงเหรอครับ”
[ประมาณตีหนึ่งครับ]
“งั้นผมจะรอครับ”
[ได้ครับ งั้นถอดเสื้อผ้าออกให้หมดแล้วนอนรอบนเตียงที่ห้องผมนะครับ อ้อ ใส่แค่ชุดนอนตัวบนก็ได้นะ]
“…ผมจะนอนก่อนครับ”
อีอูยอนหัวเราะ ‘ฮ่าๆๆ’ ให้กับคำตอบที่ไร้เรี่ยวแรงของอินซอบ
“การถ่ายทำเป็นยังไงบ้างครับ”
เขากังวลเพราะเป็นการถ่ายทำที่ไม่ได้ทำมานาน
[ก็เหมือนเดิม]
“แล้วนักแสดงคนอื่นๆ ล่ะครับ”
[จะมีเรื่องใหญ่กันอะไรล่ะครับ ไม่มีคนเหี้ยๆ หรอกครับ]
นั่นหมายความว่าบรรยากาศในกองถ่ายไม่ได้แย่ อินซอบแอบโล่งใจ หลังจากเรื่องของคังยองโม เขามักจะกังวลใจกับบรรยากาศในกองถ่ายเสมอ
“แล้วนักแสดงฝั่งตรงข้ามใช้ได้ไหมครับ”
บทของบรรดานักแสดงนำเยอะเป็นพิเศษเพราะเป็นละครสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวกับศาล ถ้านักแสดงฝั่ง
ตรงข้ามต่อบทได้ไม่ดี นั่นหมายความว่าอีอูยอนจะลำบากมาก
[ครับ]
คำตอบสบายๆ ถูกส่งกลับมา
[ก็ไม่แย่นะ]
…และคำตอบที่อยู่นอกเหนือจากที่คิดด้วย
“…”
[คุณอินซอบ?]
อินซอบที่กำโทรศัพท์อย่างเหม่อลอยอยู่สักพักสะดุ้งตกใจและตอบว่า “ครับ?”
[ผมต้องไปเข้าฉากแล้วครับ เดี๋ยวผมจะโทรศัพท์ไปใหม่นะครับ]
“ครับ เข้าใจแล้วครับ อากาศหนาว ระวังด้วยนะครับ”
อีอูยอนตอบว่า “ได้ครับ” ด้วยเสียงที่เจือเสียงหัวเราะก่อนจะวางสายไป หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ อินซอบก็นั่งอยู่ที่โซฟาสักพัก วันนั้นอีอูยอนมาถึงบ้านตอนตีหนึ่งอย่างที่พูด และอินซอบก็ไปหาอีกฝ่ายที่กองถ่ายในวันรุ่งขึ้น เพราะคำขอร้องของกรรมการผู้จัดการคิมที่ส่งรถกาแฟมา และขอให้ถ่ายรูปส่งไปให้ว่ารถมาถึงเรียบร้อยดีไหม บางครั้งกรรมการผู้จัดการจะขอให้อินซอบไปที่กองถ่าย ส่วนเหตุผลก็หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการขอให้เอาเอกสารที่ลืมไปให้หัวหน้าทีม ขอให้เอาข้าวกล่องที่ลืมไปให้ หรือไม่ก็ขอให้เอาอะไรก็ตามที่ลืมไปให้
อินซอบจะยอมรับอย่างมีความสุขทุกครั้ง แม้จะกังวลใจเล็กน้อยกับการที่อีอูยอนอารมณ์ไม่ดี หรือบรรยากาศสงบลง
พอไปถึงกองถ่าย อินซอบก็รีบถ่ายรูปรถกาแฟและส่งให้กรรมการผู้จัดการคิม ผ่านไปไม่นานรูปก็ถูกอัปโหลดใน SNS ของกรรมการผู้จัดการคิม
กาแฟที่ส่งให้นักแสดงอีอูยอนเป็นของกำนัล
#นักแสดงอีอูยอน #อดีตนายแบบคิมฮักซึง#กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึง #ดื่มกาแฟแล้วขอให้งานออกมาดังเปรี้ยงนะครับเหล่านักแสดงทั้งหลาย
มีแฮชแท็กต่อจากนั้นยาวเหยียด อินซอบรีบกดหัวใจและดูว่ามีการอัปโหลดรูปใหม่หรือไม่ บางครั้งอินซอบก็จะแอบเก็บรูปของอีอูยอนที่กรรมการผู้จัดการคิมอัปโหลดลงในบัญชีส่วนตัว
‘ดูอะไรขนาดนั้นอยู่เหรอครับ’
‘กรรมการผู้จัดการลงรูปใหม่…เฮือก’
อินซอบที่ตกใจทำโทรศัพท์หลุดมือ อีอูยอนรับโทรศัพท์ไว้และมองหน้าจอ
‘ทำไมถึงดูแอคเคานต์ของกรรมการผู้จัดการขนาดนั้นล่ะครับ มีอะไรน่าดูเหรอ’
สายตาของอีอูยอนที่เอ่ยถามแบบนั้นว้าวุ่น
“คะ แค่ดูเฉยๆ ครับ”
อินซอบยื่นมือออกไป อีอูยอนไม่ยอมคืนโทรศัพท์มือถือให้ และก้มมองหน้าจออยู่ตลอด
‘ขอนะครับ’
‘ครับ’
หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไร อีอูยอนก็คืนโทรศัพท์มือถือให้
‘มาทำอะไรที่นี่เหรอครับ’
อีอูยอนที่สวมแพดดิ้งตัวยาวสีดำเพราะกำลังอยู่ในช่วงรอเข้าฉากยิ้มพลางเอ่ยถาม
‘กรรมการผู้จัดการขอร้องน่ะครับ’
‘กรรมการผู้จัดการ?’
อีอูยอนเอียงคอราวกับไม่เข้าใจ
‘…เขาขอให้ช่วยถ่ายรูปรถกาแฟน่ะครับ’
อีอูยอนครางรับในลำคอด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่เข้าใจ และมองอินซอบ พอสบตากัน อินซอบก็รีบก้มหน้าราวกับถูกไฟจี้ ความจริงคำขอของกรรมการผู้จัดการคิมในวันนี้เป็นสิ่งที่อินซอบไปหาที่บริษัทด้วยตัวเองและรับมา
กรรมการผู้จัดการคิมตอบคำถามของอินซอบที่ถามว่า “มีเรื่องที่จะรบกวนหรือเปล่าครับ” ว่า “ไม่มี” ด้วยหน้าตาสดใส ในตอนที่อินซอบรีรอและบอกว่า “งั้นผมลานะครับ” ก่อนจะลุกขึ้น กรรมการผู้จัดการคิมก็ขอให้ช่วยถ่ายรูปรถกาแฟให้ที
‘เพราะรถกาแฟเหรอ’
อีอูยอนถามอีกครั้งราวกับจะยืนยัน แม้อินซอบจะรู้สึกโดนจี้ใจดำ แต่ก็รีบพยักหน้า อีอูยอนจึงตอบว่า “ได้ครับ” และเดินไปสั่งกาแฟที่รถกาแฟ
‘อะ นี่ครับ’
หลังจากส่งกาแฟให้อินซอบ อีอูยอนก็ดื่มกาแฟไปอึกหนึ่ง จากนั้นก็ส่งเสียงในลำคอและเอียงหน้าอีกครั้ง
‘แปลก?’
‘…อะไรเหรอครับ’
‘รสชาติไม่ได้พิเศษพอที่จะขอให้ถ่ายรูปรถกาแฟเลย แล้ววันนี้ผมก็ไม่ได้อารมณ์ไม่ดีด้วย ทำไมถึงส่งมานะ’
อีอูยอนเป็นคนช่างสังเกต ถ้าเขารู้ความจริงว่าตนจงใจหาข้ออ้างมาหาที่กองถ่าย… …งั้นบอกไปตรงๆ…
‘รุ่นพี่ ผู้กำกับตามหาค่ะ’
อินซอบเงยหน้าขึ้นเพราะเสียงที่ได้ยินจากทางด้านหลัง เป็นชินซูยอนที่รับบทนางเอกคู่กับอีอูยอนในละครเรื่องนี้นั่นเอง
‘สวัสดีครับ’
‘ค่ะ สวัสดีค่ะ’
ชินซูยอนก้มหัวทักทายและมองอีอูยอน ราวกับจะถามว่าใคร อีอูยอนดื่มกาแฟพลางยิ้มตาหยีเล็กน้อย ความรู้สึกเป็นลางไม่ดีแล่นไปตามกระดูกสันหลัง อินซอบกลัวว่าจะโดนเห็นแหวนที่ห้อยไว้ที่คอ และเผลอกำชายเสื้อเชิ้ตอย่างไม่รู้ตัว ตายิ้มของอีอูยอนเพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งขั้น
‘ผมชเวอินซอบครับ เป็นผู้จัดการส่วนตัว …ที่เคยทำงานมาก่อนหน้านี้’
อินซอบแนะนำตัวเองก่อน อีอูยอนจิบกาแฟและเฝ้ามองตามที่อินซอบทำ
‘อ๋อ เป็นคนจากบริษัทนี่เอง ฉันชินซูยอนค่ะ ตอนนี้กำลังถ่ายละครเรื่องเดียวกับรุ่นพี่อยู่ค่ะ’
‘ครับ’
อินซอบจับมือที่ยื่นมา อีอูยอนเรียกเธอว่า ‘คุณซูยอน’
‘คะ?’
หญิงสาวปล่อยมือ และมองอีอูยอน
‘บอกว่าผู้กำกับตามหาผมเหรอครับ’
‘ค่ะ ดูเหมือนจะมีส่วนที่ยังติดใจอยู่ในฉากที่ถ่ายไปเมื่อสักครู่นี้น่ะค่ะ ได้ยินมาว่าเขาเป็นพวกที่ใส่ใจกับรายละเอียดมาก แต่เหมือนจะมากกว่าที่คิดอีกนะคะเนี่ย’
อีอูยอนตอบว่า ‘นั่นน่ะสิครับ’ ให้กับการบ่นที่ปนเสียงหัวเราะของหญิงสาว อินซอบลูบแก้วกาแฟที่อีอูยอนยื่นให้พลางทำคอตก
‘ว่าแต่ทำไมคุณผู้จัดการส่วนตัวถึงหน้าคุ้นๆ ล่ะ’
ชินซูยอนพูดกับอินซอบ
‘เหมือนเคยเจอที่ไหนเลย’
ชินซูยอนหรี่ตาและนึกอยู่สักพัก จากนั้นเธอก็ดีดนิ้วและร้องว่า “อ๋อ!”
‘คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉันตอนงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ของ ‘โลกแห่งความวุ่นวาย’ นั่นเอง คุณคุยกับฉันอยู่แป๊บหนึ่งด้วยนี่คะ’
‘…ครับ’
อินซอบหยักหน้าเงียบๆ
‘โลกของความวุ่นวาย’ เป็นผลงานชิ้นใหม่ของผู้กำกับคิมจองอาที่เปิดตัวไปเมื่อไม่นานนี้ บางครั้งเธอก็ส่งตั๋วรอบปฐมทัศน์ให้อินซอบในฐานะที่แปลบทภาพยนตร์ที่อีอูยอนถ่ายให้ก่อนหน้านี้
‘คุยเรื่องอะไรเหรอครับ’
อีอูยอนดื่มกาแฟและถามราวกับสนใจ
‘เรื่องหนังน่ะค่ะ เพราะฉันเองก็เป็นแฟนคลับของผู้กำกับคิมจองอาเหมือนกัน’
‘คุณซูยอนเนี่ย ความจำดีมากเลยนะครับ’
น้ำเสียงของอีอูยอนต่ำลงทันที
‘ค่ะ ฉันความจำดีค่ะ เพราะฉะนั้นฉันถึงบอกว่าสบายใจได้เลยไงคะว่าฉันจะไม่ทำผิดตอนต่อบท’
ชินซูยอนยิ้มจนตาหยี อินซอบรีบหลุบสายตามองด้านล่าง วันนั้นตอนที่พูดคุยกันพักหนึ่ง เขาก็คิดว่าเธอเป็นคนที่ฉลาดและมีเสน่ห์มาก มากพอที่จะทำให้ใครก็ตามสนใจ
‘ก็ไม่แย่’
เพราะฉะนั้นเขาจึงติดใจกับคำพูดนั้นของอีอูยอนเป็นพิเศษ เมื่อนับว่าเป็นคำพูดที่ออกจากปากของอีอูยอนที่ไม่สนใจคนอื่นแล้ว นั่นเป็นการประเมินที่ผิดไปจากปกติมาก
‘แล้ววันนี้คุณอินซอบมาทำอะไรเหรอคะ’
‘ครับ?’
อินซอบทำตาโตเพราะตกใจกับคำถามของชินซูยอน
‘เพราะวันนี้การถ่ายทำเสร็จเร็วน่ะค่ะ อีกเดี๋ยวคุณก็ไปกินเลี้ยงด้วยกันสิคะ เพราะผู้กำกับบอกว่าติดต่อร้านอาหารเกาหลีที่อาหารอร่อยไว้แล้วค่ะ’
‘ไม่ครับ ไม่เป็นไรครับ’
‘ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ของอร่อยน่ะ ต้องกินด้วยกันถึงจะยิ่งอร่อยนะคะ’
อินซอบหน้าแดงเพราะท่าทีของหญิงสาวที่เปิดเผย เขาอับอาย และรู้สึกว่าตัวเองที่มีข้ออ้างเกี่ยวกับคำพูดที่ไม่สำคัญอะไรของอีอูยอนและมาหาอีกฝ่ายถึงที่นี่ใช้ไม่ได้และโง่เขลา
‘ผม…’
อินซอบกำลังจะตอบ แต่เสียงทุ้มต่ำที่ได้ยินเหนือหัวก็ขัดขวางการพูดของเขาไว้
‘คุณชเวอินซอบ’
น้ำเสียงนั้นเย็นชา อินซอบเงยหน้าขึ้นมองอีอูยอน
‘ยังไม่ได้เวลาเลิกงานเหรอครับ’
อีอูยอนมองนาฬิกาพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย อินซอบกะพริบตา เขาบอกว่าเลิกงานเหรอ
‘คุณบอกว่ายุ่งนี่ครับ’
‘…เอ่อ ครับ’
ตอนนั้นเองอินซอบถึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายความว่าอะไรและก้มหัวปลกๆ
‘งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ สวัสดีครับ’
อีอูยอนไปส่งอินซอบจนถึงรถ อินซอบที่กลับมาถึงบ้านอาบน้ำและนั่งลงบนโซฟา ผ่านไปไม่นานก็มีข้อความมาจากอีอูยอน
[ดูเหมือนว่าจะดึก คุณนอนได้เลยไม่ต้องรอนะครับ]
…เพราะมีงานเลี้ยงเหรอ
อินซอบลังเลและส่งคำตอบไปว่า “ผมจะเข้านอนก่อนครับ” แม้จะนอนลงบนเตียง แต่เขาก็นอนไม่หลับ อินซอบที่พลิกตัวไปมาอยู่พักหนึ่งลุกขึ้นและเปิดประตูตู้เย็น เอาหยิบเบียร์มาหนึ่งกระป๋องและนั่งลงบนโซฟาก่อนจะดื่มเบียร์อึกๆ เขาหยิบเบียร์มาอีกกระป๋อง เพราะรู้สึกไม่เมาอย่างน่าประหลาด และในตอนที่เบียร์หมดไปหลายกระป๋องแล้วนั้น…
‘ทำอะไรอยู่ครับ’
อีอูยอนก็ปรากฏตัวขึ้น อินซอบจ้องมองชายหนุ่มที่ก้มมองตัวเองด้วยสีหน้าไม่พอใจ และยกกระป๋องเบียร์ให้ดูเงียบๆ
‘ใครเขาไม่รู้กันล่ะ…พอได้แล้วครับ’
อีอูยอนถอนหายใจ
‘ดื่มไหมครับ’
อินซอบยื่นกระป๋องเบียร์ให้พลางเอ่ยถาม อีอูยอนแย่งกระป๋องเบียร์จากมือของอินซอบมาวางไว้บนโต๊ะแทนคำตอบ