ขอจวนคืนจากมือของกวนเน่ยโหว โอกาสนี้หาได้ยากมาก
ในเมื่อฮ่องเต้จะพระราชทานรางวัลให้แก่คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินและบุตรชายของนาง เช่นนั้นตระกูลเฉินขอจวนของตนเองกลับไปก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ ฮ่องเต้จะปฏิเสธได้อย่างไร เมื่อถึงเวลานั้น บุตรชายของโจวชิงจะทำอย่างไร
เห็นแก่บุตรชายของหลี่เหลียง จึงไม่สนใจบุตรชายของโจวชิงหรือ
ผลงานที่หลี่เหลี่ยงทำยิ่งใหญ่กว่าโจวชิงหรือ? คนทั้งแผ่นดินจะเล่าลือกันว่าอย่างไร
เฟิงหลินอดหัวเราะไม่ได้เมื่อได้ยินคำพูดของคุณหนูตันจู คุณหนูตันจูมักจะเป็นเช่นนี้ ไม่ง่ายนักหากต้องการรังแกนาง
โจวเสวียนโกรธอยู่ด้านข้าง “เฉินตันจู ข้ามาเพื่อแจ้งข่าวให้ท่านโดยเฉพาะ อีกทั้งยังเต็มใจที่จะช่วยเข้าไปในพระราชวังเพื่อหารือกับองค์รัชทายาทและฝ่าบาท ท่านกลับมีความคิดแรกคือคิดร้ายต่อข้า”
เฉินตันจูพูดอย่างจริงจัง “ไม่ใช่ข้าคิดร้ายต่อท่าน จะว่าไปมันเป็นเพราะองค์รัชทายาท” นางวางมีดหั่นยาไว้ในมือของโจวเสวียน พูดอย่างจริงจัง “ท่านโหว เรียกร้องความไม่เป็นธรรมให้ตนเองเถิด ข้าสนับสนุน”
โจวเสวียนถือมีดทำท่าจะตีศีรษะนาง
เมื่อเห็นทั้งสองคนกำลังหยอกล้อกัน เฟิงหลินจากไปอย่างไร้เสียง คุณหนูตันจูยังสามารถคิดได้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป เห็นได้ชัดว่านางยังมีสติอย่างมาก
หวังเจียนพยักหน้าหลังจากฟังคำพูดของเฟิงหลิน “ไม่โง่เขลา ไม่น่าแปลกใจที่นางสามารถวางยาพี่เขยด้วยตัวเองในตอนนั้น”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ แม่ทัพหน้ากากเหล็กที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้างก็พูดขึ้น “เจ้าพูดว่าอันใด”
หวังเจียนมองมา ตั้งแต่เฟิงหลินกลับมารายงานปฏิกิริยาของคุณหนูตันจู แม่ทัพหน้ากากเหล็กก็เหม่อลอย
“ไม่ได้พูดอันใด” เขาพูด “บอกว่าคุณหนูตันจูฆ่าพี่เขยของตนเอง แน่นอน ความหมายของข้าคือคุณหนูตันจูไม่มีทางสติขาดจนไปหาเรื่องฮ่องเต้และองค์รัชทายาทเพราะเรื่องนี้ นางใจเย็นอย่างมาก รู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจขัดขืน จึงคิดคำนึงว่าต่อไปควรทำอย่างไร”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กพูด “ใจเย็นหรือ”
“ใจเย็นมากแล้ว” หวังเจียนพูด “อีกทั้งฉลาดอย่างมาก ลากโจวเสวียนเข้ามา ให้ฝ่าบาทและองค์รัชทายาทมีความลำบากใจเพิ่มมากขึ้น”
แม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่ตอบ เขาโบกมือให้เฟิงหลิน “ส่งจดหมายไปให้หยวนไต้ฟูเถิด”
เฟิงหลินตอบรับ หยิบจดหมายที่หวังเจียนยื่นมาถอยออกไป
ทหารส่งข่าวควบม้าเร็วมุ่งหน้าไปทางเมืองซีจิง ทางด้านภูเขาดอกท้อ โจวเสวียนก็ขอตัวลา
มองโจวเสวียนที่ปีนขึ้นกำแพง เฉินตันจูยืนเรียกอยู่บนทางเดิน
โจวเสวียนหันกลับมามองนาง
“เดินออกทางประตูไม่ได้หรือ” เฉินตันจูชี้ประตู “เปิดอยู่”
โจวเสวียนพูด “ข้าอยากเดินทางไหนก็เดินทางนั้น”
เฉินตันจูเบ้ปาก ก่อนจะเรียกเขาอีกครั้ง พูด “ขอบใจ”
โจวเสวียนยิ้มเยาะเย้ยตนเอง “ไม่ต้อง ข้าช่วยอันใดไม่ได้ อีกทั้งไม่สามารถคลี่คลายความเจ็บปวดของท่านได้” พูดจบ เขาก็กระโดดลงจากกำแพง หายลับไปจากสายตา
เฉินตันจูยืนอยู่บนทางเดินมองไปที่กำแพงเตี้ยเป็นเวลานาน อาเถียนเดินมาเรียกคุณหนูอย่างระมัดระวัง เฉินตันจูถึงได้หันกลับมามองนาง
“นายท่านกับคนอื่นกำลังจะกลับมาแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ” อาเถียนถาม
ถึงแม้ว่านางจะเฝ้ารอการกลับมาของนายท่านและคนอื่น แต่หากกลับมาเพราะความดีความชอบของหลี่เหลียง ช่างไม่ใช่เรื่องน่ายินดีอันใด
ตามนิสัยของนายท่าน เกรงว่าปลิดชีพทั้งตระกูลก็คงไม่ยอมรับพระราชทานรางวัลเช่นนี้
เฉินตันจูเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มให้อาเถียน “อย่ากังวล ปัญหาย่อมมีทางแก้อยู่เสมอ อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้เลย”
ทางแก้หรือ จะแก้อย่างไร องค์ชายสาม โจวเสวียน หรือแม้กระทั่งแม่ทัพหน้ากากเหล็กยังแก้ไม่ได้ อาเถียนไม่รู้แต่ก็ไม่กล้าถาม เพื่อไม่ให้คุณหนูกวนใจ นางพยักหน้า ก่อนจะถามด้วยความระมัดระวังอีกครั้ง“ต้องเขียนจดหมายแจ้งคุณหนูใหญ่หรือไม่เจ้าคะ”
อย่างน้อยก็มีเตรียมใจไว้บ้าง เมื่อราชโองการไปถึง คนทั้งตระกูลจะได้ทันตั้งตัว
เฉินตันจูส่ายหัว “ไม่จำเป็นต้องเขียน” นางยิ้มอย่างอ่อนโยนให้อาเถียน “เรื่องใหญ่เช่นนี้ ท่านแม่ทัพย่อมต้องทูลองค์ชายหก ทางด้านองค์ชายหกย่อมต้องบอกกล่าวแก่ท่านพี่”
อาเถียนไม่ถามอีก นางมองไปที่เครื่องมือทำสมุนไพรที่วางอยู่ “คุณหนู เหล่านี้ให้ข้าทำเถิด”
เฉินตันจูส่ายหัว “ข้าทำเอง เกือบเสร็จแล้ว”
อาเถียนตอบรับ นางแค่กังวลคุณหนูจะเหนื่อย หลายวันนี้คุณหนูทำวัตถุดิบยาทั้งวันทั้งคืน ใส่ใจมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน เฮ้อ ความใส่ใจก็เป็นการเบี่ยงเบนความสนใจแบบหนึ่ง อาจมีเพียงเท่านี้ถึงทำให้บรรเทาความทุกข์ได้
เฉินตันจูนั่งลงอีกครั้ง ถือแผ่นยาที่หั่นเอาไว้ส่องแดดมองอย่างละเอียด คัดเลือกอย่างระมัดระวัง แผ่นยาทั้งตะกร้าคัดเลือกออกมาได้เพียงชามเล็ก จากนั้นบดทีละแผ่นอย่างละเอียด จนกลายเป็นผง นางมองผงยาก่อนจะสูดดมเบาๆ หลับตาลงราวกับดื่มด่ำในกลิ่นหอมของยา
…
จดหมายของแม่ทัพหน้ากากเหล็กมาถึงเมืองซีจิงเร็วกว่าปกติ ไม่นานนักก็มาถึงโต๊ะของเฉินตันเหยียน
ครั้งนี้หยวนไต้ฟูนั่งอยู่ใต้ชั้นวางกระถางดอกไม้ภายในลาน ไม่ได้พบกับเฉินเสี่ยวหยวน
เฉินตันเหยียนพูดขอโทษเบาๆ “ไต้ฟูมากะทันหัน ท่านพ่อพาเสี่ยวหยวนออกไปเที่ยวเล่นด้านนอก”
อันที่จริง การมาของหยวนไต้ฟูทุกครั้งล้วนมีกำหนด เวลานั้นเฉินตันเหยียนจะหลอกให้เฉินเลี่ยหู่ออกไปก่อน ครั้งนี้หยวนไต้ฟูมาอย่างกะทันหัน เฉินตันเหยียนไม่ได้เตรียมตัว…
เสียงไอเบาๆ ของชายชราดังมาจากสวนหลังบ้าน แต่ไม่นานก็หยุดลง มีเพียงเสียงค้อนกับไม้กระทบกัน
“ท่านพ่อกำลังทำม้าไม้ให้เสี่ยวหยวน” เฉินตันเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม
หยวนไต้ฟูพยักหน้า “มีเรื่องกะทันหัน ครานี้จดหมายไม่ได้มาจากคุณหนูตันจู แต่เป็นคนข้างกายของท่านแม่ทัพ คุณหนูตันจูไม่ได้เขียนจดหมายมาเอง”
เฉินตันเหยียนพูด “ดูท่าจะไม่ใช่เรื่องดี ตันจูถึงไม่ยอมเขียนจดหมายให้ข้า”
คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินนั่งอยู่ใต้ชั้นวางกระถางดอกไม้ผอมบางราวกับเถาวัลย์ แต่หยวนไต้ฟูรู้ว่าหญิงสาวผู้นี้มีพลังมากเพียงใด นางสามารถต่อสู้กลับมาจากขอบเขตแห่งความเป็นความตายได้ ไม่เพียงให้กำเนิดบุตรชายออกมา ตนเองก็ยังมีชีวิตรอดกลับมา รวมทั้งรู้ว่าไม่ใช่ข่าวดี ยังสามารถเปิดจดหมายได้อย่างสงบ
มองหญิงสาวที่ก้มหน้าอ่านจดหมาย หยวนไต้ฟูพูดเสียงเบาอยู่ด้านข้าง “หวังไต้ฟูอธิบายเรื่องราวได้อย่างชัดเจน จุดประสงค์ขององค์รัชทายาท รวมทั้งผลลัพธ์หากพวกท่านขัดขืน ข้าคงไม่ต้องพูดมากแล้ว”
เฉินตันเหยียนอ่านจดหมายจบหนึ่งรอบ สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง พูดเสียงเบา “อันที่จริง เรื่องนี้ไม่ใช่ข่าวร้ายอันใด” นางยิ้มให้แก่หยวนไต้ฟู “เพราะข้าไม่เคยคิดว่าจะมีข่าวดี เรื่องนี้เป็นแค่เรื่องที่คาดไว้อยู่แล้ว มันไม่ได้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน มันคงอยู่เสมอมา เพียงแต่เวลานี้วางอยู่ต่อหน้าพวกเราแล้วเท่านั้น”
หยวนไต้ฟูยิ้ม “คุณหนูใหญ่คิดได้เช่นนี้ย่อมดีมาก” ก่อนจะถามอีกครั้ง “คุณหนูใหญ่ต้องการทำอย่างไร”
เฉินตันเหยียนพับจดหมายวางไว้บนโต๊ะ “ข้าย่อมต้องเข้าเมืองหลวง ในเมื่อฝ่าบาทต้องการพระราชทานรางวัลให้บุตรชายของหลี่เหลียง เช่นนั้นก็พระราชทานได้เพียงบุตรชายของข้า”
หยวนไต้ฟูผงะเล็กน้อย
“ฝ่าบาทอาจทรงลืมไป” เฉินตันเหยียนยิ้ม “หลี่เหลียงมีภรรยาที่ถูกต้องเพียงคนเดียว ซึ่งก็คือข้า เฉินตันเหยียน ดังนั้นเขาจึงมีบุตรชายเพียงคนเดียว”
หยวนไต้ฟูกระจ่างขึ้นทันที มองเฉินตันเหยียนด้วยสีหน้าชื่นชมมากขึ้น อีกทั้งยังมีความสงสารมากขึ้น
“หากหญิงสาวผู้นั้นรวมทั้งบุตรชายของนางต้องการพระราชทานรางวัล” เฉินตันเหยียนยิ้มให้หยวนไต้ฟู “คงต้องได้รับการยอมรับจากภรรยาเอกอย่างข้าก่อน ข้าไม่ดื่มชาของนาง นางก็อย่าหวังจะเข้าประตูของตระกูลหลี่ บุตรชายของนางก็อย่าหวังจะได้บันทึกชื่อเข้าวงศ์ตระกูล”
หยวนไต้ฟูพยักหน้า “คุณหนูใหญ่พูดถูก คุณหนูใหญ่ทำได้ดี” ก่อนจะพูดเสียงเบา “เพียงแต่ต้องลำบากคุณหนูใหญ่แล้ว”
ต้องเข้าไปพัวพันกับหญิงสาวผู้นั้น ต้องเปิดบาดแผลที่ถูกสามีทอดทิ้ง ต้องให้บุตรชายที่ตนเองให้กำเนิดถูกครอบด้วยชื่อของศัตรู
สิ่งเหล่านี้สำหรับคนผู้หนึ่งเป็นความทรมานที่ยิ่งใหญ่เพียงใด
เฉินตันเหยียนยิ้ม “ไม่ลำบาก ข้าดีใจมาก เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ข้าทำได้ ไม่อาจให้น้องสาวข้าแบกรับเรื่องหรือความเจ็บปวดทั้งหมดได้”