อินซอบจับอีกฝ่ายไว้และเริ่มจูบตามที่อีอูยอนสั่ง ลิ้นเล็กๆ ที่เปียกชื้นและอุ่นร้อนจากการร้องไห้โลมเลียและดูดดุนริมฝีปากของอีอูยอน เส้นเอ็นที่ปรากฏตรงต้นแขนนูนและขยับในชั่วพริบตา เขาดูดริมฝีปากของอินซอบอย่างหนักหน่วงและกระแทกเข้ามาอย่างแรง
‘อุบ…อึก…อื้อ…’
มีเพียงเสียงที่ถูกกดให้จมลงไปเท่านั้นที่เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก เขาชอบมาก ทั้งเสียงครางแผ่วๆ ที่อินซอบปล่อยออกมา ทั้งผิวที่ชุ่มเหงื่อ และสัมผัสเปียกชื้นที่ตอดรัดอย่างหนัก
‘คุณอินซอบ ฉิบ…คุณอินซอบ แฮ่ก’
อีอูยอนเรียกชื่ออินซอบราวกับคนที่ตะเกียกตะกายอยู่ในหมอก เขารู้สึกหน้ามืดเพราะความร้อนที่ปะทะกับร่างกาย อีอูยอนขบกัดต้นคอของอินซอบ
‘อ๊า…ฮึก’
‘ฟัค รู้ไหมว่าคุณอร่อยจริงๆ แฮ่ก ผมชอบมากเลย’
อีอูยอนพ่นความตื่นเต้นของตัวเองออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีสติริบหรี่ราวกับคนเมายา จากนั้นก็ฝังฟันของตัวเองลงทุกซอกทุกมุมของตัวอินซอบราวกับสัตว์ตัวผู้แสดงอาณาเขต รอยฟันที่เป็นระเบียบถูกทิ้งเป็นรอยสีแดงไว้บนผิวที่ขาวและอ่อนนุ่ม
‘ยะ อย่าทำนะครับ…ผมเจ็บ อย่ากัด…ครับ’
แม้อินซอบจะห้ามอีอูยอน แต่อีอูยอนก็กัด ดูดดุน และงับผิวของอินซอบต่อ
‘ไม่ชอบเหรอ’
อีอูยอนเอ่ยถาม อินซอบรีบพยักหน้า ช่วงล่างของเขาขยายออกกว้าง มีความรู้สึกเจ็บและร้อนผ่าว ความรู้สึกทั้งหมดในร่างกายผสมปนเปกันจนมั่ว ถ้าสามารถลดอะไรก็ตามลงไปได้อย่างหนึ่ง เขาก็อยากจะทำทุกวิถีทาง
‘งั้นคุณก็กัดด้วยสิ’
‘…ครับ?’
อินซอบถามซ้ำอย่างมึนงง แม้จะอยู่ด้วยกันมาหลายปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่คุ้นกับบทสนทนาที่ดำเนินไปแบบนี้ง่ายๆ เพราะเขาห้ามไม่ให้กัด อยู่ๆ ก็เลยบอกว่า ‘งั้นคุณก็กัดด้วยสิ’ เหรอ ทำไมล่ะ…
‘เพราะผมชอบคุณอินซอบมาก…ผมเลยทำแบบนั้น’
อีอูยอนใช้ฟันที่ขาวและเรียงตัวเป็นระเบียบงับติ่งหูของอินซอบพลางออดอ้อนอย่างน่าสงสาร
‘เพราะผมอยากจะยืนยันในสิ่งที่เป็นของผม…คุณอินซอบเป็นของผมนี่ ใช่ไหม’
อินซอบลังเลก่อนจะพยักหน้า อีอูยอนถูไหล่ของตัวเองกับใบหน้าของอินซอบ
‘ผมก็เป็นของคุณ’
อีอูยอนขยับเอวอีกครั้งพลางกระซิบ
‘เพราะฉะนั้นช่วยทิ้งรอยไว้ที่ตัวผมทีครับ’
‘แต่…’
‘คุณบอกว่าหึงนี่ ก็ทำให้เห็นว่าผมเป็นของคุณสิ ได้โปรด กัดจนเลือดออกเลยก็ได้’
ไหล่ของอีอูยอนสัมผัสตรงริมฝีปากอีกครั้ง อินซอบฝังเขี้ยวลงกับไหล่ของอีอูยอนเบาๆ อย่างไม่สามารถทำอะไรได้ การกระทำนั้นเหมาะที่จะเรียกว่าเอาเนื้อแข็งๆ เข้าไปในปากและดูดมากกว่ากัด แต่ชายหนุ่มกลับมีอารมณ์อย่างมากกับการทำรอยอย่างกล้าๆ กลัวๆ นั้น เขาสอดใส่ท่อนเนื้อแข็งขืนเข้าไปในผนังด้านในที่ลึกก่อนจะบดเบียด อินซอบตัวสั่นระริกและพยายามผลักอีอูยอนออก แต่เจ้าตัวกลับไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย
‘ได้โปรด หยุด…หยุดเถอะครับ’
อินซอบขอร้องด้วยร่างกายที่สั่นเทา อินซอบอ่อนไหวกับการกระตุ้น เขาจั๊กจี้ได้ง่ายและไวกับความเจ็บ ความรู้สึกทางเพศก็เช่นเดียวกัน แม้จะยังไม่เสร็จ แต่เขาก็สั่นเทาและรู้สึกจนน่ากลัว
ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น อีอูยอนจะปลอบอินซอบ และค่อยๆ ขยับจนกว่าอีกฝ่ายจะชินกับสัมผัสนั้น พร้อมกับจูบอย่างอ่อนโยน แต่บางครั้งเขาก็ไม่เหลือสติที่จะทำแบบนั้น และพุ่งเข้าใส่ราวกับเป็นคนบ้าอย่างไม่ดูหน้าดูหลัง
เหมือนกับตอนนี้
‘ฮือ…ฮึก…’
อีอูยอนก้มมองอินซอบที่ร้องไห้เหมือนเด็กๆ และเกร็งพร้อมกับกระแทกตัวตนเข้าไป ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขากดอินซอบราวกับตอกลงมาอย่างรุนแรงหลายครั้ง ท้องน้อยของอีอูยอนเปียกร้อน อินซอบเสร็จแล้ว อีอูยอนที่มีอารมณ์อย่างมากกับสัมผัสนั้นพุ่งเข้าใส่ราวกับสัตว์ที่หิวโซ และสอดใส่ตัวตนเข้าไปในตัวของอินซอบ ผ่านไปไม่นานเขาก็เสร็จสมเช่นเดียวกัน
‘ฮึก…’
อินซอบร้องไห้ออกมา อีอูยอนก้มมองอินซอบนิ่งๆ อีกฝ่ายร้องไห้ได้สวยมากจนเขาประทับใจทุกครั้งที่เห็น ดวงตาที่งดงามของอีอูยอนมีรอยยิ้มประดับอยู่
‘สวย’
อินซอบสะอื้นและมุดหน้าลงกับหมอน เพราะคำพูดที่พึมพำอย่างพึงพอใจ รอยยิ้มของอีอูยอนเพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งระดับ
‘เงยหน้าขึ้นมาหน่อยครับ ผมอยากเห็นหน้า’
‘…’
อีอูยอนชอบการมองใบหน้าที่ร้องไห้ของอินซอบชัดๆ เขามักจะมองนิ่งๆ อยู่พักหนึ่งก่อนจะยิ้มพร้อมกับจูบปาก แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้อินซอบถึงไม่มีอารมณ์ที่จะทำตัวให้สอดคล้องกับการกระทำของอีอูยอนเลย
‘เกลียดผมจนไม่อยากให้เห็นเลยเหรอครับ’
เขาไม่มีทางเกลียดอีอูยอนเพราะเรื่องแบบนี้ และก็ไม่ได้ไม่ชอบด้วย เขาแค่เสียใจนิดหน่อยเท่านั้น
‘อย่าบอกนะครับว่าเกลียดผมจริงๆ?’
อีอูยอนแย่งหมอนออกไปและบังคับให้อินซอบเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะเอ่ยถามอย่างแหย่เล่น อินซอบช้อนตาที่คลอไปด้วยน้ำตามองอีอูยอน
‘ถ้าคุณเกลียดผมแล้วจะทำยังไงล่ะครับ คุณตัดสินใจจะอยู่กับผมไปทั้งชีวิตแล้วนะ’
‘…’
อินซอบไม่ตอบและดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง อีอูยอนมุดเข้าไปในผ้าห่มอีกครั้งและกอดอินซอบไว้จากทางด้านหลัง จากนั้นก็ทำเสียงเจ็บปวดว่า ‘โอ๊ย’
‘…เป็นอะไรไปครับ’
‘ผมเจ็บไหล่ตรงที่คุณกัดครับ’
‘จริงเหรอครับ’
ความเป็นห่วงปรากฏในดวงตาที่บวมแดง อีอูยอนกลั้นความรู้สึกอยากจะหัวเราะไว้อย่างยากลำบาก และใช้มือข้างหนึ่งกุมไหล่ไว้
‘เหมือนจะมีรอยฟันตรงนี้นะ’
‘ขอโทษครับ ผมกัดเบาๆ แล้วนะ…ช่วยเอามือออกหน่อยได้ไหมครับ ผมจะดูว่าเป็นแผลขนาดไหน’
อินซอบที่มีรอยฟันอัดแน่นอยู่บริเวณต้นคอและหน้าอกตื่นตระหนกพลางเป็นห่วงอีอูยอน
เฮ้อ เอาจริงเหรอ…
อีอูยอนกอดอินซอบไว้ตามเดิม
‘แย่แล้วล่ะ’
อีอูยอนพึมพำคนเดียว
‘เจ็บมากเหรอครับ’
‘อื้อ เจ็บมากเลย’
อีอูยอนเกร็งแขนที่กอดอีกฝ่ายไว้ และฝังจมูกที่ได้รูปกับต้นคอ จากนั้นก็ว่ากล่าวอินซอบด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด
‘คุณทิ้งรอยไว้บนตัวของนักแสดงได้ยังไงครับ’
‘…เมื่อกี้คุณสั่งให้ทิ้งไว้…’
แม้อินซอบจะประท้วงด้วยน้ำเสียงเล็กๆ แต่อีอูยอนก็ไม่แม้แต่จะทำเป็นได้ยิน
‘จะทำยังไงดีล่ะครับ คุณอินซอบต้องรับผิดชอบผมไปทั้งชีวิตแล้ว’
‘ครับ?’
‘รีบนอนเถอะครับ’
นี่เป็นคำพูดที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ แม้อินซอบบอกว่าจะทายาให้อยู่หลายรอบ และชวนไปโรงพยาบาลอยู่หลายครั้ง แต่อีอูยอนก็ไม่ขยับ และบอกให้นอนพร้อมกับกอดอินซอบไว้
หลังจากนั้นอีอูยอนก็มักจะเมินเฉยต่อสถานการณ์ต่างๆ และล้อเล่นว่า ‘อินซอบกัดไหล่เพราะเกลียดตัวเอง’ อยู่บ่อยๆ แม้อินซอบจะบอกว่า ไม่ใช่อย่างนั้น หรือไม่เคยทำแบบนั้นพร้อมทั้งโบกมือปฏิเสธอยู่หลายครั้ง แต่อีอูยอนก็จะกุมไหล่ของตัวเองทุกครั้ง และทำหน้าตาน่าสงสารที่สุดในโลก
‘คุณทิ้งรอยแผลเป็นไว้ที่ร่างกายของนักแสดงได้ยังไงครับ ถึงจะดูไม่ใช่คนแบบนั้น แต่คุณอินซอบเป็นคนที่โหดร้ายมากเลยนะครับ’
‘…ไปโรงพยาบาลเถอะครับ’
‘คนที่แต่งงานแล้วควรจะเที่ยวเอาไหล่ไปโชว์ให้คนอื่นเห็นอย่างน่าอายเหรอครับ’
นี่เป็นความดันทุรังที่ไม่มีเหตุผลเช่นเคย แม้อินซอบจะพยายามตรวจสอบ ‘รอยแผลเป็นที่เหลือบนไหล่’ ที่อีอูยอนยืนยันอย่างหนักแน่นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยสำเร็จเลยแม้แต่ครั้งเดียว เพราะอีอูยอนมักจะถอดเสื้อของเขาออกและปลุกปล้ำให้รับผิดชอบทุกครั้ง
วันนี้เรื่องรอยแผลเป็นบนไหล่ที่ทนทานของอีอูยอนก็ถูกพูดซ้ำๆ ไม่หยุดเช่นกัน
[ว้าว ขนาดดูตอนนี้รอยที่โดนกัดก็ยังชัดอยู่เลยนะครับ ทำยังไงดีล่ะ]
อินซอบรีบเงยหน้า เพราะเสียงจากปลายสายที่มีการตำหนิอยู่ในนั้น
“ผมจะรับผิดชอบครับ”
[ตลอดชีวิต?]
ในเสียงที่เอ่ยถามแบบนั้นมีความซุกซนอยู่ ภายในลำคอของอินซอบอุ่นร้อนเพราะคำว่าตลอดชีวิต
แล้วอินซอบก็ได้รู้ว่าตัวเองไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีเรื่องความตายอยู่ภายในจิตใจ ไม่สิ เขาไม่สามารถทำแบบนั้นได้ตลอดเวลาที่อยู่กับอีอูยอนต่างหาก เขาใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ เหมือนคนที่จะอยู่ได้ตลอดไป
ตลอดชีวิต ความไม่เชื่อว่าตัวเองจะอยู่ข้างๆ อีกฝ่ายไปได้ตลอดระยะเวลาที่ยาวนานนั้น…
[คุณอินซอบ?]
“…ครับ ตลอดชีวิตครับ”
แม้นั่นจะเป็นเวลาสั้นๆ ก็ตาม…
“คุณอูยอน”
อินซอบเอ่ยเรียกชื่อของอีอูยอนเบาๆ
[ครับ]
“ผมชอบคุณนะครับ มากเลยด้วย”
[งั้นเหรอครับ เชื่อได้ไหมครับ]
ผมรักคุณครับ มากที่สุดในโลกเลย มากจริงๆ นะ มากๆ เลยล่ะ…ถึงขนาดที่ผมเศร้าและกลัวกับการที่ไม่สามารถเจอคุณได้มากกว่าความตายอีก
“…เชื่อเถอะครับ”
[ผมจะรอดู]
อินซอบหัวเราะเบาๆ อีอูยอนถอนหายใจ และเรียกว่า ‘อินซอบ’
“ครับ”
[คิดถึง]
ลมหายใจของเขาร้อนผ่าว เพราะความจริงใจที่ได้สัมผัสอย่างกะทันหัน อินซอบรีบตอบว่า “ผมก็คิดถึงเหมือนกันครับ”
[งั้นผมไปหาตอนนี้เลยดีไหม]
“…คุยโทรศัพท์ต่อไปเรื่อยๆ นะครับ”
อีอูยอนตอบรับคำตอบที่ปนการออดอ้อนของอินซอบว่า “ได้สิ” ราวกับยอมแพ้ อากาศ ตึก อาหาร และวิวตอนกลางคืนของฮ่องกง พวกเขาคุยโทรศัพท์ถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่สักพัก และเมื่อแบตเตอรี่หมดสายก็ตัดไป ตอนที่อินซอบชาร์จโทรศัพท์และเปิดเครื่องขึ้นมาอีกครั้ง ก็มีภาพวิวตอนกลางคืนของฮ่องพร้อมกับข้อความถูกส่งมาจากอีอูยอน
[ฝันดีครับ ฝันถึงผมด้วย]
อินซอบส่งข้อความตอบกลับไปว่า ‘ราตรีสวัสดิ์เช่นกันครับคุณอูยอน’ และนอนลง แม้จะหลับตาลงแล้ว แต่เขากลับไม่ง่วงเลย
ตอนที่จัดการชีวิตที่เกาหลีและได้ใช้ชีวิตอยู่กับอีอูยอนที่อเมริกา ความจริงที่ไม่เคยพูดถึงมาก่อนก็ถูกเปิดเผยอย่างช่วยไม่ได้
ยกตัวอย่างเช่น การเป็นหวัดในช่วงเปลี่ยนฤดู
ตอนที่เขาป่วยเพราะพิษไข้เป็นครั้งแรก อีอูยอนตื่นตระหนกมาก แม้อินซอบจะอธิบายว่าเป็นไข้ธรรมดา แต่หลังจากที่เขาไปโรงพยาบาลและเข้ารับการตรวจแล้ว อีอูยอนถึงยอมรับความจริงว่าเขาเป็นไข้หวัด ตอนที่เขาป่วยเป็นครั้งที่สอง อีอูยอนไม่ตื่นตระหนกเหมือนครั้งแรกแล้ว อีกฝ่ายแค่พาไปตรวจที่โรงพยาบาลเลย และเฝ้าไข้อย่างชำนาญมากกว่าแต่ก่อนนิดหน่อย
“…ขอโทษนะครับ”
ร่างกายที่อ่อนแอมีปฏิกิริยาอย่างไม่ลังเลแม้จะเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยของอุณหภูมิกับความชื้น
“ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ”
อีอูยอนใช้ปรอทวัดไข้วัดอุณหภูมิพลางตอบกลับ อินซอบอ้ำอึ้งและไม่สามารถตอบอะไรได้ หลังจากมาที่นี่ อีอูยอนก็เลิกทำงานเป็นนักแสดง เนื่องจากอยากจะช่วยทุกวิถีทาง ก่อนหน้านี้ไม่นานอินซอบจึงเริ่มทำงานพาร์ทไทม์เป็นการแปลวิทยานิพนธ์ผ่านอาจารย์ที่รู้จัก และการฝืนอยู่หลายวันเพราะรับงานที่มีตารางงานกระชั้นชิดก็มาหาร่างกายทันที
“ที่ทำให้ยุ่งยากน่ะครับ”
อีอูยอนมองปรอทวัดไข้และปรับหมอนของอินซอบ
“ไม่ได้ยุ่งยากเลยครับ แต่คุณเป็นแบบนี้ทุกครั้งเหรอครับ”
“ครับ?”
“ไข้หวัดน่ะ ที่เกาหลีคุณก็ป่วยแบบนี้ทุกครั้งเหรอครับ”
“…ครับ”
ที่เกาหลีซึ่งมีฤดูสี่ฤดูอย่างชัดเจน เขาป่วยหนักกว่านี้
หลังจากได้ยินคำตอบนั้น สีหน้าของอีอูยอนก็ไม่ดีนัก อินซอบรู้สึกผิดว่าตัวเองไม่น่าพูดออกไปเลย พวกเขาอยู่ด้วยกันได้ไม่นานเท่าไร แต่เขากลับแสดงแต่ส่วนที่ไม่ดีออกไปจนรู้สึกอาย
“คุณอยู่คนเดียวนี่”
อีอูยอนขมวดคิ้วพลางพูดต่อ
“ตอนอยู่คนเดียว คุณทำยังไงเวลาป่วย”
ช่วงที่คนทั้งคู่ยังไม่เจอกัน อินซอบใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังที่เกาหลีมาตลอด
เขาเป็นห่วงเรื่องนั้นเหรอ
อินซอบหัวเราะเบาๆ พลางบอกว่า “กินยาแล้วนอนครับ” อีอูยอนถอนหายใจพลางเอามือมาแตะหน้าผากของอินซอบ
“งั้นกินยาแล้วนอนนะครับ”
“ครับ”
อินซอบหลับตาลง สติของเขาเลือนรางในทันทีเพราะพิษไข้กับฤทธิ์ยา ในระหว่างนั้นเขาก็รู้สึกถึงสัมผัสของมือใหญ่โตที่ลูบไล้ใบหน้า เขาอยากจะขอให้ลูบไปตลอด แต่ก็ไม่สามารถขจัดความง่วงทิ้งไปได้
เรื่องราวตอนที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวปรากฏขึ้นในฝัน เพราะคุยกันอยู่สักพักก่อนหน้านี้ หากเป็นหวัด เขาก็กินยา ห่มผ้าห่มหนาๆ และนอนหลับไป มีตอนที่เขาตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะผ้าห่มเปียกไปด้วยเหงื่อจนทำให้รู้หนาวสั่นด้วยเหมือนกัน
เขาทั้งเหงา กลัว และเจ็บ แม้ร้องไห้และลืมตาขึ้นมา เขาก็ยังอยู่คนเดียว
ผมเจ็บ เจ็บมากๆ…แล้วก็เหนื่อยด้วย ผมอยากกลับบ้าน…เจนนี่…แม่ พ่อ…ผมกลัว
เขาลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก สายตาของเขาพร่ามัวจากพิษไข้ เขานอนอยู่สักพักเพราะไม่รู้ว่าที่ที่ตัวเองลืมตาขึ้นมาคือที่ไหนก่อนจะลุกขึ้น เขาลุกจากเตียงและมองไปรอบๆ แต่กลับไม่เห็นใครเลย เขาส่งเสียงออกไปและอยากจะเรียกใครสักคน แต่คอของเขาก็เจ็บจนเสียงไม่ออกมาตามปกติ
…เจ็บ เหนื่อย ทำไมถึงไม่มีใครเลยล่ะ เมื่อกี้ยังมีมือใหญ่ๆ อยู่ข้างๆ ตลอดแท้ๆ…