รอยยิ้มวาดขึ้นบนริมฝีปากอันเย็นชาของเฮ่อเหลียนเวยเวย แต่ทันทีที่นางพยายามจะไปจากที่นั่น นางก็พบว่านางไม่สามารถขยับตัวได้
นางมองชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าอย่างงุนงง
หมายความว่าอย่างไร
เขาบอกให้ข้าไสหัวไปไม่ใช่หรือ
ในเวลานั้น ใบหน้าของอวิ๋นปี้ลั่วเต็มไปด้วยรอยยิ้มล้อเลียน ดวงตาคู่งามของนางเต็มไปด้วยความยินดีอย่างปิดไม่มิด
เฮ่อเหลียนเวยเวยมองนางอย่างเย็นชา สายตาของนางดูถากถางอย่างเห็นได้ชัด นางมีความสุขถึงเพียงนี้เชียว
อวิ๋นปี้ลั่วชะงักไปเล็กน้อยหลังจากสังเกตเห็นสายตาของนางที่จ้องมองมา จากนั้นนางก็มองไปที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แล้วลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย รอยยิ้มของนางทั้งอ่อนหวานและน่าหลงใหลชวนให้คนเคลิบเคลิ้ม
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลับทำเพียงขมวดคิ้ว พร้อมกับส่งสายตาอันคมกริบให้กับอวิ๋นปี้ลั่ว หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงลึกล้ำและนุ่มนวลราวกับกำมะหยี่ว่า ”แม่นางอวิ๋น”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบมาก แต่ก็แฝงไปด้วยกลิ่นอายอันลึกลับทำให้คนรู้สึกอึดอัด
แม่นางอวิ๋นหรือ
อวิ๋นปี้ลั่วประหลาดใจเมื่อนางได้ยินที่เขาเรียก
แต่แล้วนางก็เข้าใจว่าคงเป็นเพราะองค์ชายพยายามที่จะปิดบังฐานะที่แท้จริงของตนไว้
ถึงได้เรียกนางแบบนั้น ทันใดนั้น รอยยิ้มของนางก็แผ่กว้างขึ้น ”เพคะ”
“ตอนที่ข้าบอกว่า ’ไสหัวไป’ ข้าหมายถึงเจ้า”
มันเป็นคำพูดสั้นๆ เพียงไม่กี่คำกับน้ำเสียงที่ไม่ได้ดังมากนัก แต่มันก็ดังพอที่จะทำให้ทุกคนได้ยินโดยทั่วกัน
อวิ๋นปี้ลั่วตกตะลึง นางรู้สึกได้เพียงแค่สมองของตัวเองกำลังส่งเสียงหึ่งๆ ราวกับเสียงผึ้ง และทำให้นางปวดหัวอย่างรุนแรง
น้ำเสียงของเขาปราศจากอารมณ์ใดๆ ราวกับว่านางเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่มีความสำคัญคนหนึ่ง
อวิ๋นปี้ลั่วรวบรวมสติได้หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ นางเผลอมองไปที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยโดยไม่รู้ตัว แต่เขากลับทำเพียงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา
กลับกัน เฮ่อเหลียนเวยเวยยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
อวิ๋นปี้ลั่วกำมือแน่นด้วยความอับอาย ใบหน้าอันงดงามค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเป็นใบหน้าแห่งความเจ็บปวด ขณะที่ความผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาคู่สวยเป็นประกายของนาง นางฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อยด้วยใบหน้าที่แข็งทื่อ ดวงตาของนางแดงก่ำและชุ่มไปด้วยน้ำตา ”หม่อมฉันรู้ว่าเรื่องนั้นมันเป็นความผิดของหม่อนฉัน…”
เห็นได้ชัดว่านางมีสิ่งที่ต้องการพูดอยู่ แต่ผู้คนโดยรอบกลับไม่มีใครได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองแม้แต่คนเดียว
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์คิดแผนการบางอย่างขึ้นมาได้ทันทีที่นางสังเกตเห็นชายคนที่ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของเฮ่อเหลียนเวยเวย นางแผดเสียงแหลมอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้อีกต่อไปว่า ”พี่ใหญ่! ท่านเที่ยวข่มเหงพวกเราอย่างไม่มีที่สิ้นสุดด้วยตำแหน่งพระชายา แต่ท่านกลับดูหมิ่นตำแหน่งนั้นด้วยการทำตัวสนิทสนมกับชายอื่น! พี่ใหญ่ ท่านไม่กลัวคนอื่นจะหาว่าท่านเป็นคนไม่ซื่อสัตย์และสกปรกหรือเจ้าคะ”
เมื่ออวิ๋นปี้ลั่วได้ยินดังนั้น นางก็ถึงกับต้องพยายามอย่างสุดชีวิตไม่ให้ตัวเองหันไปตบหน้าเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์!
นางรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
นางกำลังทำให้แผนการของนางพัง!
แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยกลับไม่เปิดโอกาสให้นาง นางเคลื่อนสายตาไปมองไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแล้วตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า ”ข้าเป็นคนไม่ซื่อสัตย์และสกปรกหรือ”
“พี่ใหญ่ ทุกคนในสำนักต่างก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับชายคนนี้เป็นอย่างดี” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ตัดสินใจเดิมพันทุกอย่างกับเรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นโอกาสที่จะทำลายเฮ่อเหลียนเวยเวยให้ย่อยยับคงได้หลุดมือนางไปตลอดกาลเป็นแน่ ”ท่านเป็นคนที่ให้เงินเขาใช้มิใช่หรือ ถ้าพวกท่านทั้งสองไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน แล้วทำไมท่านถึงได้ปฏิบัติกับเขาดีถึงเพียงนั้นกันหรือ”
คราวนี้มาดูกันว่านังคนชั้นต่ำนี่จะตอบว่าอย่างไร!
เจตนาของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์นั้นชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด
คุณหนูจำนวนสองสามคนที่เคยถูกเฮ่อเหลียนเวยเวยทำให้โมโหเข้ามาสมทบ แล้วเริ่มพูดจาเสียดสีนาง ”พระชายา ท่านนำพาความเสื่อมเสียอย่างรุนแรงมาให้กับตำแหน่งของตัวเองจริงๆ”
“สำนักของเราเคยสงบสุขจนกระทั่งมีใครบางคนเข้ามาทำให้ความสงบสุขนั้นมีมลทิน คนคนนั้นช่างไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียวตัวเอาเสียเลย ข้าล่ะสงสัยนักว่านางผ่านการคัดเลือกเข้ามาได้อย่างไร”
“ไม่เห็นต้องถาม เพราะนางมีกลอุบายซ่อนเอาไว้จนนับไม่ถ้วนน่ะสิ”
เฮ่อเหลียนเวยเวยกอดอก แล้วมองพวกนางอย่างเงียบๆ
“พี่ใหญ่ ข้าอยากจะเชื่อท่านจริงๆ นะเจ้าคะ” เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ยังเสแสร้งทำเป็นจริงใจ ”แต่ทุกคนเห็นสิ่งที่ท่านทำหมดแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้องค์ชายอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ แต่ท้ายที่สุดหากเขารู้เข้าละก็ ท่านเคยคิดถึงผลที่จะตามมาหรือไม่เจ้าคะ”
องค์ชายเจ็ดตัวน้อยขมวดคิ้วหนาของตนแน่น เขาเหลือบมองพี่สามที่ยังมีท่าทีเฉยชา จากนั้นจึงมองไปยังเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ที่ยังส่งเสียงเอะอะโวยวายอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของเขา
ผู้หญิงคนนี้สมควรตาย!
เป็นอย่างที่คิดไว้ ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงอันลุ่มลึกและนิ่มนวลว่า ”ข้าก็สงสัยเหมือนกันว่าผลที่ตามมาจะเป็นเช่นใด”
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์อดที่จะตกตะลึงกับความงดงามละเอียดอ่อน และรอยยิ้มอันชั่วร้ายของเขาไม่ได้ ”คุณชายท่านนี้ ข้าเข้าใจสถานการณ์อันกระอักกระอ่วนของท่านนะ ถ้าท่านจำเป็นต้องใช้เงินจริงๆ ละก็ คฤหาสน์ผู้พิทักษ์ย่อมพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ แต่ท่านต้องรู้ไว้ว่าคนที่ท่านเป็นสหายด้วยนั้นเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว”
“หืม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยิ้มเล็กน้อย สีหน้าของเขาดูลึกลับจนยากที่จะคาดเดาได้ ”ข้าไม่รู้เลยว่าปกติคุณหนูของคฤหาสน์ผู้พิทักษ์มักใช้เงินฟาดหัวคนอื่นด้วย”
น้ำเสียงของเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์ติดจะหดหู่เล็กน้อยเมื่อนางตระหนักได้ว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ”ข้าเพียงแค่พยายามเตือนไม่ให้ท่านออกนอกลู่นอกทางก็เท่านั้น ถ้านี่คือสิ่งที่ท่านเข้าใจในเจตนาดีของข้า ข้าก็เชื่อว่าพวกเราคงไม่จำเป็นต้องพูดคุยกันต่อให้มากความ ข้าหวังว่าท่านจะไม่เสียใจในสิ่งที่ตนพูดออกมาก็แล้วกัน อย่างไรเสียคฤหาสน์ผู้พิทักษ์ก็มีเกียรติยศที่ต้องรักษา”
“เจ้ากำลังพยายามใช้ฐานะของตัวเองมาข่มข้าหรือ” มุมปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเขาก็เหลือบมองเด็กชายตัวน้อยที่ยืนอยู่ไม่ไกล
เด็กชายแบกส่วนหัวของงูตัวนั้นเอาไว้บนบ่า แล้วเดินเข้าไปหาเขา
จากนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้น
“พี่สาม”
น้ำเสียงของเขาฟังดูว่านอนสอนง่าย
แต่สำหรับเฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์นั้น มันฟังดูเหมือนกับเสียงฟ้าร้องคำรามที่ดังขึ้นเหนือศีรษะของนาง
ทันใดนั้นนางก็ถึงกับหน้าซีด!
หลังจากองค์ชายเจ็ดทักทายพี่สามของตนเสร็จ บรรดาศิษย์จากทุกหอพักต่างก็ตกอยู่ในความเงียบราวกับถูกบีบคอ
ดวงตาสับสนงุนงงของศิษย์เหล่านั้นหันไปหาไป๋หลี่เจียเจวี๋ย แม้แต่เหล่าอาจารย์ก็ยังตัวสั่นด้วยความตกใจจากชื่อนั้น
ศิษย์จากหอสามัญ
คนนอกที่ไม่มีปัญญากระทั่งจะจ่ายค่าเล่าเรียนของตัวเองด้วยซ้ำ
ปรากฏว่าเขาเป็นองค์ชายสามผู้มีชื่อเสียงอย่างที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้คนนั้นน่ะหรือ
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อาจารย์เริ่มรู้สึกหน้ามืดเล็กน้อย
มีศิษย์หลายคนที่รู้สึกได้ว่าเลือดของเขากำลังเดือดพล่าน
โดยเฉพาะบนใบหน้าของศิษย์จากหอสามัญที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่พรั่งพรูออกมา!
ไม่แปลกใจเลยที่ชายที่พวกเขายกย่องจะน่าประทับใจถึงเพียงนั้น
ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่ชอบเข้ามายุ่งเกี่ยวกับพวกเขา
เขาทำให้ทั้งสำนักไท่ไป๋ตกอยู่ในความตื่นตะลึงได้เพียงแค่กระบวนท่าเดียว
เพราะเขาไม่ใช่ใครอื่น นอกเสียจากองค์ชายสามผู้น่านับถือคนนั้นนั่นเอง!
ตรงกับข้าม ศิษย์จากหอชั้นเลิศกลับตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
แต่ละคนเหงื่อแตกพลั่ก เพราะพวกเขาจำได้ว่ามีอยู่หลายครั้งทีเดียวที่พวกเขาพยายามจะกลั่นแกล้งชายคนนี้
พวกเขาถึงกับเคยส่งสาส์นท้ารบให้เขาเลยด้วยซ้ำ!
โชคดี… โชคดีนักที่เขาไม่เคยสนใจพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว!
ดังนั้น เขาจึงไม่เคยอ่านสาส์นท้ารบของพวกเขาเลย!
ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็…
ศิษย์จากหอชั้นเลิศหน้าซีดขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างที่จมอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเอง
คนส่วนใหญ่ที่เริ่มแตกตื่นล้วนแต่เป็นบรรดาคุณหนูทั้งหลาย พวกนางแทบทุกคนต่างก็เคยเหยียดหยามฐานะของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยมาก่อน เพียงเพราะพวกนางอิจฉาที่เขาสนใจแต่เฮ่อเหลียนเวยเวย และไม่เคยเห็นพวกนางในสายตาเลยแม้แต่น้อย
แต่สิ่งเดียวที่พวกนางสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือการตบหน้าตัวเอง!
เฮ่อเหลียนเจียวเอ๋อร์อยู่ไม่สุข นางรีบร้อนพยายามแก้ตัว แต่ความสิ้นหวังปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าของนาง ”องค์… องค์ชายสาม เมื่อครู่นี้ หม่อมฉัน…”