บทที่ 333 หลี่จิ่วเต้า ปุถุชนผู้นี้เองก็ยังมีประโยชน์อยู่ค่อนข้างมาก!
น่าเวทนา แต่สิ่งที่ควรจะกล่าวก็ยังคงต้องกล่าวออกมา
หากพูดออกไปแล้วเขาจะโดนตบอีกครั้งหรือไม่
ผู้นำตระกูลขมวดคิ้วขณะเอ่ยออกมา “เดิมทีข้าต้องการจะใช้ค่ายกลสังหารเพื่อเพิ่มโอกาสในการเอาชนะ แต่ตอนนี้ไม่สามารถหวังพึ่งค่ายกลสังหารได้อีกต่อไปแล้ว การตัดสินใจดำเนินการขั้นถัดไปต้องอาศัยพวกท่านทั้งสอง ว่าพวกท่านมีความมั่นใจมากเพียงใด?”
ความแข็งแกร่งของเขายังไม่ถึงขั้น ดังนั้นการต่อสู้จึงต้องให้ผู้อาวุโสสูงสุดและบรรพชนเผ่าฉงฉีเป็นกำลังหลัก จึงได้แต่อาศัยความมั่นใจของผู้อาวุโสสูงสุดและบรรพชนเผ่าฉงฉี
“เจ้าพูดบ้าอะไรกัน?”
ผู้อาวุโสสูงสุดถลึงตามองผู้นำตระกูล นี่ไม่ใช่การยอกย้อนคำถามของเขาหรอกหรือ?
เขาขุ่นเคืองจนยกมือขึ้นมาหมายจะตบอีกฝ่าย
แต่หลังจากครุ่นคิดดูแล้ว ผู้นำตระกูลก็น่าสังเวชไม่น้อย ก่อนหน้านี้ก็ต้องรองรับการกล่าวโทษของเขา
ช่างมันเถอะ
ถึงอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นผู้นำตระกูลหานของเขา ควรจะไว้หน้าอีกฝ่ายบ้าง
ลดฝ่ามือลง ไม่คิดจะตบอีก
“สหายท่านนี้คิดเห็นเช่นไร?”
เขามองไปยังบรรพชนเผ่าฉงฉีแล้วเปิดปากถามขึ้นมา
ค่ายกลสังหารล้มเหลวไปแล้ว ตัวเขาเองก็ละอายเกินกว่าจะตัดสินใจเอง จึงคิดจะให้บรรพชนเผ่าฉงฉีเป็นผู้ตัดสินใจ
บรรพชนเผ่าฉงฉีกัดฟันด้วยความแค้นเคือง
ผู้อาวุโสตระกูลหานไม่อาจเชื่อถือได้เสียจริง ยามหลังจากวางค่ายกลสังหารแล้ว ก็ทำคุยโวเสียดิบดีว่าทักษะค่ายกลของตนเองเหนือล้ำเพียงใด ค่ายกลสังหารนี้ทรงพลังเพียงใด
สุดท้ายแล้วผลที่ออกมากลับสูญเปล่า ไม่แม้กระทั่งสามารถเปิดใช้งานค่ายกลสังหารได้ ทำให้มันสูญเสียวัตถุดิบล้ำค่าไปตั้งมากมาย
“ไม่ต้องพูดถึงเรื่องก่อนหน้านี้แล้ว ไว้หลังจากจบเรื่องครั้งนี้เมื่อไหร่ พวกเจ้าจะต้องชดเชยวัตถุดิบที่ข้านำมาออกมา!”
มันกัดฟันระหว่างพูดออกมา
“ควรจะเป็นเช่นนั้น ควรจะเป็นเช่นนั้น”
ผู้อาวุโสสูงสุดรับคำ เขารู้ตัวดีว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด จึงเห็นด้วยในทันที ไม่ได้คัดค้านแม้แต่น้อย
หลังจากได้ยินผู้อาวุโสสูงสุดตอบรับ สีหน้าของบรรพชนเผ่าฉงฉีก็ผ่อนคลาย
มันกลับมาพูดเรื่องเป้าหมายอีกครั้ง
“ข้ากับเจ้าออกโรง การจัดการพวกมันถึงแม้ไม่น่าจะใช่เรื่องง่าย แต่ก็น่าจะไม่มีปัญหาอันใด”
บรรพชนเผ่าฉงฉีกล่าวออกมา “อย่างไรเสียข้ากับเจ้าก็เข้าสู่วัยโรยรา เข้าใกล้ความตายเต็มที พลังจึงสามารถใช้ได้อย่างจำกัด ไม่อาจใช้พลังดั่งช่วงที่อยู่ในจุดสูงสุดได้”
มันรับฟังอย่างตั้งใจยามพ่อของฉงคูเล่าเกี่ยวกับลูกศรของเซี่ยเหยียนที่แสนน่ากลัวและทรงพลัง จากการคาดเดาของพ่อฉงคูแล้ว เกรงว่ากระทั่งขอบเขตนักบุญเองก็สามารถถูกลูกศรกดดันเมื่อต้องเผชิญหน้า
ขอบเขตนักบุญนั้นกว้างใหญ่เป็นอย่างยิ่ง หลังจากกลายเป็นขั้นนักบุญแล้ว หลังจากนั้นยังมีขั้นกษัตริย์นักบุญ ขั้นราชันนักบุญ และขั้นยอดนักบุญ!
หลังจากผ่านขอบเขตนักบุญไปแล้ว ก็ย่างเข้าสู่ขอบเขตสูงสุด
ขอบเขตสูงสุดนั้นกว้างใหญ่ไม่ต่างไปจากกัน ประกอบด้วยห้าขั้น ได้แก่ ขั้นกึ่งสูงสุด ขั้นสูงสุด ขั้นนภาสูงสุด ขั้นบัญญัติสูงสุด และขั้นวิถีสูงสุด
พ่อของฉงคูนั้นทั้งดุร้ายและทรงพลัง ห่างชั้นจนกษัตริย์นักบุญผู้อื่นไม่อาจเทียบได้
ทว่าลูกศรของเซี่ยเหยียนกลับทำให้พ่อของฉงคูไม่อาจต่อต้านได้แม้แต่น้อย ความแตกต่างของมันประหนึ่งฟ้าและหุบเหว แสดงให้เห็นว่าพลังของศรนั้นอยู่เหนือกว่าขอบเขตนักบุญ!
บรรพชนเผ่าฉงฉีเองก็คิดเช่นนั้น
แน่นอน สำหรับตัวมันที่อยู่ขั้นตี้หวงแล้ว พลังของขั้นยอดนักบุญไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้
ทว่านั่นเป็นช่วงที่มันอยู่ในช่วงที่กำลังรุ่งโรจน์ที่สุด
มันมีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว อายุขัยของมันใกล้จะหมดลง ไม่ได้อยู่ในสภาวะอย่างก่อนหน้า พลังที่สามารถใช้ได้จึงมีอยู่อย่างจำกัด
สภาพของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานเองก็ไม่ต่างกันมากนัก
หากพวกเขาทั้งสองคนร่วมมือกัน แม้ว่าพลังที่สามารถใช้ได้จะมีอยู่อย่างจำกัด แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาในการจัดการเซี่ยเหยียน
ทว่าพวกเขาเองก็ไม่อยากจะลงมือเกินความจำเป็น
พวกเขาทั้งสองใกล้จะมาถึงขีดจำกัดแล้ว ยิ่งใช้พลังมากขึ้นก็ยิ่งเร่งความตายให้มาถึงเร็วขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขายังไม่แน่ใจว่าลูกศรของเซี่ยเหยียนที่แสดงออกมาในครั้งนั้น เป็นขีดกำจัดสูงสุดของเซี่ยเหยียนแล้วหรือไม่
เซี่ยเหยียนยังสามารถระเบิดพลังออกมามากกว่านั้นได้หรือไม่?
แม้จะมีโอกาสน้อย แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้เช่นนี้อยู่
นี่เป็นเหตุผลให้พวกเขาเต็มใจจะสละวัตถุดิบล้ำค่าจำนวนมากเพื่อจัดวางค่ายกลสังหาร
“สิ่งที่ท่านต้องการจะสื่อคือ?” ผู้อาวุโสสูงสุดถามออกมา
บรรพชนเผ่าฉงฉีกล่าวไม่ผิด พวกเขาน่าจะไม่สามารถโค่นเซี่ยเหยียนลงได้ง่าย ๆ พวกเขาต้องจ่ายราคาสำหรับชัยชนะในครั้งนี้อย่างแน่นอน
การปลดปล่อยพลังออกมามากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อชีวิตของพวกเขา ความตายของพวกเขาจะถูกเร่งให้มาถึงเร็วขึ้น ทำให้เขาไม่เต็มใจที่จะใช้พลังเต็มที่ ยกเว้นจะเกิดเหตุจำเป็นขึ้นจริง ๆ
“ข้าไม่แนะนำให้ต่อสู้โดยตรง”
บรรพชนเผ่าฉงฉีกล่าวระหว่างมองไปที่ร่างของหลี่จิ่วเต้า “พวกเราสามารถวางแผนใช้ประโยชน์จากปุถุชนผู้นั้นได้!”
“ผู้อาวุโสกล่าวได้ถูกต้องแล้ว!”
ดวงตาของผู้นำตระกูลหานเป็นประกาย “พวกเซี่ยเหยียนพาปุถุชนผู้นี้มาด้วย ทั้งยังฟังคำของปุถุชนจนมายังยอดเขาท่องนภา เห็นได้ชัดว่าปุถุชนผู้นี้มีความสำคัญต่อพวกเซี่ยเหยียนเป็นอย่างมาก!”
เขาหัวเราะแล้วกล่าวออกมา “พวกเราแค่จัดการกับปุถุชนผู้นี้ลง หลังจากนั้นก็ใช้มันจัดการกับพวกเซี่ยเหยียน!”
เขาฉลาดเป็นอย่างยิ่ง จนสามารถคิดแผนการออกมาได้อย่างรวดเร็ว
“ข้าพกสมุนไพรพิษชนิดหนึ่งเอาไว้ สมุนไพรนี้สามารถทำให้ผู้ฝึกตนสูญเสียพลังทั้งหมดไปในช่วงเวลาสั้น ๆ”
เขากล่าวแผนการของตนเองออกมา “หากเราสามารถควบคุมปุถุชนผู้นี้เอาไว้ได้ ก็ให้มันแอบใส่สมุนไพรพิษให้พวกเซี่ยเหยียนกิน เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราก็จะสามารถจัดการพวกเซี่ยเหยียนได้โดยไม่ต้องลงแรงแต่อย่างใด”
เขายิ้มแล้วพูดต่อ “คาดไม่ถึงว่าปุถุชนผู้นี้จะมีประโยชน์ค่อนข้างมาก!”
เขายิ้มออกมาด้วยความภาคภูมิ แผนนี้ดียิ่งกว่าการวางค่ายกลสังหารเสียอีก
ด้วยทัศนคติที่พวกเซี่ยเหยียนมีต่อหลี่จิ่วเต้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีความระแวดระวังอยู่แม้แต่น้อย ตราบใดที่พวกเขาสามารถควบคุมหลี่จิ่วเต้าเอาไว้ได้ แผนการจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน
หากพวกเขาสามารถควบคุมเจ้าหนุ่มนั่นได้แล้ว มันก็ง่ายเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้เซี่ยเหยียนและคนอื่น ๆ กินสมุนไพรพิษเข้าไป
ยามนี้พวกเขาเพียงแต่ต้องคิดว่าจะควบคุมหลี่จิ่วเต้าได้อย่างไร!
เพียะ!
ขณะที่ผู้นำตระกูลกำลังยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจ ก็เกิดเรื่องบางอย่างที่ไม่คาดคิดขึ้น
ผู้อาวุโสสูงสุดตบเขาหนึ่งฉาด จนเขากระเด็นออกไปอย่างแรง!
“!!!”
ทำไมถึงตบเขาอีกแล้ว?!
ผู้นำตระกูลอัดอั้นตันใจ หรือว่าแผนการที่เขาเสนอไปจะไม่สามารถใช้งานได้?
“บัดซบ! เหตุใดเจ้าจึงไม่คิดแผนดี ๆ แบบนี้ไว้ตั้งแต่แรก? ไม่เช่นนั้นพวกเราจะต้องมัวมาวางค่ายกลสังหารทำไม!”
ผู้อาวุโสสูงสุดจ้องเขม็งไปทางผู้นำตระกูลแล้วพูดด้วยโทสะ
เขาโกรธเป็นอย่างมาก
หากผู้นำตระกูลคิดแผนการออกได้เร็วกว่านี้ พวกเขาคงไม่ต้องเสียแรงวางค่ายกลสังหารบนยอดเขาท่องนภา อีกทั้งเขายังไม่ต้องเสียหน้ามากขนาดนี้!
“…”
ผู้นำตระกูลร้องไห้ออกมาทั้งที่ไร้น้ำตา เหตุใดเขาถึงโดนกล่าวโทษโดยไร้เหตุผลอีกแล้ว?
เขาอยากจะกล่าวออกมาเหลือเกิน ผู้ใดจะคิดว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่น่าเชื่อถือจนแม้แต่ค่ายกลสังหารที่วางเอาไว้ก็ไม่สามารถใช้งานได้ หากค่ายกลสามารถใช้งานได้ละก็ ป่านนี้พวกเขาคงได้ตัวพวกเซี่ยเหยียนไปแล้ว?
ถึงแม้เขาจะกล้ากล่าวออกมาเช่นนี้ภายในใจ แต่ก็ไม่มีความกล้าพอจะพูดออกมา
แม้เขาจะเป็นผู้นำตระกูล แต่สถานะของผู้อาวุโสสูงสุดนั้นสูงยิ่งกว่าเขาที่เป็นผู้นำตระกูลเสียอีก!
“เอาล่ะ เลิกเล่นตลกได้แล้ว ต่อไปพวกเราก็ต้องจับตาดูพวกมันให้ดี สบโอกาสเมื่อใดก็ลงมือจัดการปุถุชนผู้นั้นทันที!”
บรรพชนเผ่าฉงฉีกล่าวออกมา
พวกเขาย่อมไม่สามารถจัดการกับหลี่จิ่วเต้าต่อหน้าพวกเซี่ยเหยียนได้ จึงต้องรอจนกว่าหลี่จิ่วเต้าจะแยกตัวออกมา
หากพวกเขาจัดการหลี่จิ่วเต้าต่อหน้าคนอื่น ๆ พวกเขาคงถูกค้นพบแล้วทำให้แผนถูกทำลายลง