รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 337 ข้าจะดีจะชั่ว มิใช่กงการให้เจ้ามาตัดสิน!

บทที่ 337 ข้าจะดีจะชั่ว มิใช่กงการให้เจ้ามาตัดสิน!

บทที่ 337 ข้าจะดีจะชั่ว มิใช่กงการให้เจ้ามาตัดสิน!

สามเณรน้อยเคร่งขรึม ประกายพุทธะล้อมรอบทั้งตัว ตัวเขานั้นเจิดจ้าเกินไป บารมีน่าเกรงขาม

ด้านหลังของเขา นิมิตพุทธภูมิปรากฏ สิ่งมีชีวิตภายในนั้นท่องบทสวดมนต์ไม่หยุด พลังมวลแล้วมวลเล่าพวยพุ่งออกจากนิมิตพุทธภูมิ ผสานเข้ากับร่างของสามเณรน้อย

เขาแลดูน่าทึ่งขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายว่าเป็นพระเถระรูปใหญ่รูปหนึ่ง

“หวนคืน?”

ต้าเต๋อสีหน้าประหลาด สายตามองสามเณร มิเกรงกลัวบารมีพุทธะแกร่งกล้าที่สามเณรน้อยเเปล่งออกมา

หากผสานเป็นหนึ่งแล้ว เขายังเป็นตัวเขาอยู่หรือ

จิตสำนึกของเขากับสามเณรน้อยอยู่ร่วมกัน หรือจิตสำนึกของเขาต้องหายไป?

“เดิมเจ้าคือดวงจิตของข้า ย่อมต้องหวนคืน!”

สามเณรน้อยตะคอกเสียงเบา ประกายพุทธะตามตัวเจิดจรัสขึ้นเรื่อย ๆ

เขานึกประหลาดใจ เหตุใดบารมีพุทธะของเขาไม่ส่งผลกับต้าเต๋อ

เหตุใดต้าเต๋อถึงไม่เป็นอะไรเลย?

“ไปตายให้หนอนไชไป๊!”

ต้าเต๋อก่นด่าอย่างไม่พอใจ “เจ้าว่าใช่ก็ใช่รึ ข้าอยากบอกว่าเจ้าคือจิตของข้าเหมือนกัน ข้าคือฝ่ายดี เจ้าคือฝ่ายชั่วเหมือนกัน!”

เขารู้สึกว่าถ้าได้ผสานกันแล้ว เขาคง…หายไปจากโลกนี้!

ไฉนเลยเขาจะยอมตกลง!

ต่อให้สามเณรน้อยมีเหตุผลทุกถ้อยคำก็ตาม

“ล่วงรู้ความจริงของอดีตชาติที่ผ่านมาแล้ว เจ้ายังดื้อรั้นไม่ยอมฟังอยู่อีกหรือ!?”

สามเณรน้อยตวาด ร่างกายขยายใหญ่ขึ้นในพริบตา กลายเป็นพระเถระรูปใหญ่อย่างแท้จริง ดุดันประดุจพระอจลนาถวิทยราชา บารมีพวยพุ่ง

“เจ้าขู่ข้าไม่ได้หรอก!”

ต้าเต๋อแค่นเสียงเย็น “ในเมื่อเจ้ากล่าวหาว่าข้าชั่ว ข้าจักชั่วให้เจ้าดู วันนี้ ข้าขอขจัดความดีเช่นเจ้าให้สิ้นซาก!”

เขาลงมือทันที ฟาดฝ่ามือใส่สามเณรน้อยกลางอากาศ

น่าเสียดาย พลังของทั้งสองห่างชั้นกันมาก ฝ่ามือของสามเณรน้อยจุติลงมาราวกับผืนฟ้าใกล้ถล่ม พลังที่ต้าเต๋อปะทุออกมาถูกทำลายราบคาบในพริบตา ตัวเขาก็ถูกกดแนบกับพื้นด้วย

ต้าเต๋อดิ้นรน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลุดออกจากฝ่ามือของสามเณรน้อย

“พลังปราณระดับจ้าวสูงสุด!”

ต้าเต๋อสั่นสะท้าน อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าสามเณรน้อยจะน่าประหวั่นพรั่นพรึงถึงเพียงนี้ เป็นถึงจ้าวสูงสุดเลยหรือนี่!

มิน่า เขาถึงมิใช่คู่ต่อสู้

เขาจะเป็นคู่ต่อสู้ได้เยี่ยงไร?

เขาเพิ่งอยู่ขอบเขตพรตเต๋าเท่านั้น!

ห่างจากขอบเขตจ้าวสูงสุดมากโข!

“อมิตาภพุทธ!”

สามเณรน้อยท่องพระนาม ปางของเขาเคร่งขรึมน่ายำเกรงถึงขีดสุด “ข้าบรรลุอรหันต์ได้นานแล้ว สามารถตัดกิเลสตัณหาความชั่วร้ายทั้งปวงในใจ คิดไม่ถึงว่าระหว่างนิพพานกลับชาติมาเกิดกลับมีจิตแห่งความชั่วกำเนิดขึ้นอีกครั้ง นี่ก็คือจุดที่ยังไม่สมบูรณ์ของวิชานิพพาน”

เขากล่าวต่อ “กลับมาเสีย ข้าจักชะล้างตัวเจ้า กลับสู่ร่างสมบูรณ์ แล้วสำแดงวิชานิพพานใหม่อีกครั้ง ให้ปวงชนได้มีโลกหน้ากันทั้งหมด!”

ปึง!

เวลานั้นเอง พระสังฆราชพุ่งเข้ามา

“กู่ฝอ*[1]โปรดหยุดแล้วฟังอาตมาก่อน!”

พระเก้าประทีปพุทธเจ้าเล่าทุกเรื่องราวให้เขาฟังหมดแล้ว ก่อนนี้เขาส่งนักรบพระโพธิสัตว์ไปพาตัวต้าเต๋อกลับมาก็เพราะได้รับคำสั่งจากพระเก้าประทีปพุทธเจ้า

ต้าเต๋อมีแสงพุทธะปกคลุมรอบตัวตั้งแต่เล็ก เดิมเขาคิดว่าต้าเต๋อคือพุทธบุตรกลับชาติมาเกิด

ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนภายหลังกลับทำลายคำพยากรณ์ของเขา

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ร่างกลับชาติมาเกิดของพระเก้าประทีปพุทธเจ้า สามเณรน้อยระลึกอดีตชาติได้กะทันหัน เข้ามาหาเขาพร้อมทั้งแสดงหลักธรรมของตนต่อเขาเพื่อพิสูจน์ตัวตน และยังบอกอีกว่าต้าเต๋อมิใช่พุทธบุตรกลับชาติมาเกิด แท้จริงแล้วเป็นการแปลงกายจากจิตมุ่งร้าย

ถึงแม้จะเป็นจิตมุ่งร้าย กระนั้นก็เกี่ยวพันใกล้ชิดกับเขา พระเก้าประทีปพุทธเจ้าจึงเอ่ยว่าต้องการดึงจิตมุ่งร้ายกลับคืนร่างสมบูรณ์อย่างแท้จริง

ทว่าพระเก้าประทีปพุทธเจ้าเพิ่งตื่นรู้ ยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว

แต่เพื่อป้องกันมิให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดอื่นใด พระเก้าประทีปพุทธเจ้าจึงสั่งให้เขาพาตัวต้าเต๋อกลับมาที่เขาญาณก่อน

แม้เขาไม่อยากเชื่อว่าต้าเต๋อนั้นแปลงกายจากจิตมุ่งร้าย แต่ถึงอย่างไรท่านนี้ก็คือพระเก้าประทีปพุทธเจ้า เป็นตัวตนที่ด้อยกว่าเพียงพระอมิตาภะพุทธเจ้าในพุทธศาสนา ไฉนเลยเขาจะหาญกล้ามิทำตาม

เขาส่งนักรบพระโพธิสัตว์ออกไปนำตัวต้าเต๋อกลับมายังเขาญาณ กักขังไว้บนยอดเขาจิ่วฉง

ต้องยอมรับว่า พระเก้าประทีปพุทธเจ้านั้นน่าทึ่งอย่างยิ่งยวด ใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็ฟื้นพลังได้จนถึงขอบเขตจ้าวสูงสุด!

และในเวลานั้นเอง พระเก้าประทีปพุทธเจ้าบอกว่าสามารถปราบจิตมุ่งร้ายได้แล้ว

เขาจึงพาต้าเต๋อจากยอดเขาจิ่วฉงมาที่นี่ตามเจตนารมณ์ของพระเก้าประทีปพุทธเจ้า

ทว่าท้ายที่สุดเขาก็ไม่อาจชนะใจตน ขัดพระพุทธโองการของพระเก้าประทีบพุทธเจ้า บุกรุกเข้ามาในวิหารต้าสยง

เขาไม่อยากให้ต้าเต๋อต้องหายไปแบบนี้!

“เจ้ามีเรื่องใดที่อยากบอกหรือ”

สามเณรน้อยมองพระสังฆราช

“ข้าพระพุทธมีเมตตา โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นจากทุกข์ แม้อู้เต๋อเป็นร่างแปลงจากจิตมุ่งร้าย กระนั้นในการเวียนว่ายตายเกิดภพแล้วภพเล่าที่ผ่านมา เขาก็มีจิตสำนึกของตนเองก่อเกิด”

พระสังฆราชกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิได้หมายความว่าต้าเต๋อคือชีวิตหนึ่งที่ดำรงอยู่จริง ๆ หรือ กู่ฝอดึงจิตมุ่งร้ายกลับ ลบล้างจิตสำนึกของต้าเต๋อ มิเท่ากับการคร่าชีวิตของคนคนหนึ่งไปหรือ?”

เขามองจ้องสามเณรน้อย “พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่าควรมีจิตเมตตากรุณา อาตมาขอบังอาจร้องขอให้กู่ฝอยั้งมือ ไว้ชีวิตต้าเต๋อด้วยเถิด”

“พระสังฆราช…”

ดวงตาต้าเต๋อวาววามด้วยน้ำตา

เขาไม่เคยคิดว่าพระสังฆราชจะมาช่วยเขา

ส่งผลให้เขาซาบซึ้งอย่างมาก ความอบอุ่นแผ่ซ่านอยู่ในทุกอณูของหัวใจ

พระสังฆราชไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ ยังเป็นพระสังฆราชผู้ที่ให้ความเอ็นดูเขา!

“อมิตาภพุทธ”

สามเณรน้อยสีหน้าไม่เปลี่ยน “เขาคือความชั่วบริสุทธิ์ หาใช่ชีวิตไม่ เลือดเนื้อและจิตสำนึกของเขาเป็นเพียงความว่างเปล่า ที่เขาหวนคืนสู่ร่างข้า มิได้เป็นการหายไป หากแต่เป็นการได้รับการชะล้าง ได้บรรลุขึ้นไปในขั้นที่ดีกว่า”

“แต่…แต่เขาในใจอาตมาก็คือคนคนหนึ่ง!”

พระสังฆราชกัดฟันเอ่ย

“ความชั่วร้ายถนัดในการเสแสร้ง เชี่ยวชาญในด้านสะกดจิตให้หลงเชื่อ เจ้ามองไม่ทะลุปรุโปร่งถึงภายในจิตใจของเขา สะท้อนให้เห็นว่าเจ้ายังบำเพ็ญไม่พอ”

สามเณรน้อยเอ่ย “เจ้าออกไปเถิด เจ้าต้องบำเพ็ญอีกครั้ง หัวใจธรรมของเจ้าไม่แน่วแน่ พัวพันเข้ากับความชั่วร้าย นี่มิใช่เรื่องดี เจ้าจำไว้ว่าต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อย่าให้ความชั่วร้ายลวงหลอกหัวใจธรรมของเจ้า ทำลายการบำเพ็ญของเจ้า”

“เทียบกับกู่ฝอแล้ว หัวใจธรรมของอาตมาไม่อาจสู้ได้เลย ทว่าหัวใจธรรมของอาตมาถูกความชั่วร้ายลวงหลอกจริงหรือ”

พระสังฆราชหันมองต้าเต๋อ “อาตมาไม่เห็นความชั่วร้ายจากเขาสักนิด…”

“รอจนเจ้าได้เห็นความชั่วของเขาก็สายเกินไปแล้ว บัดนี้เขายังมิได้ตื่นขึ้นสมบูรณ์ เมื่อใดที่เขาตื่นขึ้นสมบูรณ์ เขาจักนำพาหายนะเข้ามาไม่สิ้นสุด”

สามเณรน้อยตวาด “อย่าได้ยึดติดจนถูกพันธนาการด้วยความชั่ว ออกไปเสีย!”

สิ้นเสียงเขา คลื่นพลังยิ่งใหญ่ซัดสาด พระสังฆราชกระเด็นออกจากวิหารต้าสยงทันที

จากนั้น ประกายพุทธะหลั่งไหลออกจากตัวเขา ผนึกทั้งวิหารต้าสยงนี้ไว้

“เจ้ากู่ฝอมีเมตตาจอมปลอม เถียงสู้พระสังฆราชไม่ได้ก็ลงมือกันเลยหรือ!”

ต้าเต๋อบันดาลโทสะ “ต่อให้เจ้าโน้มน้าวเก่งเพียงใด ข้าก็ยังเป็นข้า! ลำพังคำว่าชั่วร้ายของเจ้าไม่อาจนิยามตัวข้าได้! ข้าจะชั่วจะดี มิใช่กงการให้เจ้ามาตัดสิน!”

“อมิตาภพุทธ”

สามเณรน้อยไม่สะทกสะท้าน เขาท่องพระนาม มือข้างที่กดต้าเต๋อเปล่งแสง

จากนั้น พลังมหาศาลปรากฏบนมือข้างนั้น ต้าเต๋อรู้สึกคล้ายตัวเองกำลังถูกหลอมละลาย พระเก้าประทีปพุทธเจ้าตั้งใจละลายเขาหรือนี่!

พลังนี้น่ากลัวเกินไป ต่อให้เขาขัดขืนเพียงใดก็เปล่าประโยชน์ ไม่อาจต่อกรได้เลย ความห่างชั้นมากเกินไป

นอกวิหาร พระสังฆราชปลดปล่อยพลังถล่มประตูวิหารไม่หยุดหย่อน หมายจะพุ่งเข้าไปอีกครั้ง

ทว่าพลังของเขานั้นไม่พอ

พลังที่ผนึกวิหารต้าสยงคือพลังระดับจ้าวสูงสุด

“กู่ฝอ ท่านกำลังคร่าชีวิตหนึ่งอยู่!”

เขาร้องตะโกน

[1] กู่ฝอ (古佛) ในที่นี้เป็นสรรพนามเรียกแทนสามเณรน้อย มาจากคำว่า ฝอ (佛) ที่หมายถึง พระอรหันต์ (แต่ในที่นี้หมายถึงพระที่สูงกว่าพระโพธิสัตว์) กู่ฝอ จึงหมายถึง ฝอในยุคโบราณ

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท