ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < A Love Marriage > 3-10

Side Story < A Love Marriage > 3-10

ในระหว่างที่อินซอบวิจารณ์ตัวเองและคร่ำครวญ อีอูยอนก็ขับรถมา อินซอบรีบขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ อีอูยอนเหลือบมองอินซอบและถามว่า “เป็นอะไรไป”

“ครับ?”

“หน้าคุณแดงนี่ครับ คิดเรื่องลามกอยู่คนเดียวเหรอครับ”

“ปะ เปล่าครับ ผมไม่ทำแบบนั้นข้างนอกหรอกครับ”

อีอูยอนจับพวงมาลัยและยิ้ม

“งั้นคุณคิดเรื่องลามกแค่ตอนอยู่ข้างในเหรอครับ”

พออินซอบไม่ตอบและมองไปนอกหน้าต่าง อีอูยอนก็ใช้มือข้างหนึ่งกดแก้มของอินซอบและถามซ้ำว่า “ว่าไง?” อินซอบที่รู้จักนิสัยช่างตื๊อของอีอูยอนดีเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง

“…บ้าง”

อีอูยอนเหลือบมองอินซอบ

“ตอนนี้ก็คิดแบบนั้นสินะ”

“ครับ?”

“ก็ที่นี่คือข้างในรถนี่นา”

รอยยิ้มขี้เล่นประดับอยู่ที่ริมฝีปากของอีอูยอน อินซอบรีบส่ายหน้า

“มะ ไม่ได้คิดเรื่องลามกนะ…”

อินซอบหลุบสายตามองด้านล่างและกำชายเสื้อไว้

ตอนที่ลืมตาขึ้นมาในเวลาเช้ามืดวันนี้ เขาสบตากับอีอูยอนที่กำลังก้มมองตัวเองอยู่

‘หลับสบายไหม’

ความกังวลที่ไม่สามารถซ่อนได้เจืออยู่ในน้ำเสียงที่อ่อนโยน

…คุณคงจะนอนไม่หลับทั้งคืน

อินซอบปวดร้าวเพราะความรู้สึกผิดที่ถาโถมเข้ามา

“…แต่ผมอายครับ”

“เรื่องอะไรเหรอครับ”

“เพราะผมขี้กลัวและเหมือนจะแกล้งทำเป็นป่วย ขอโทษนะครับ…มันเป็นเรื่องเล็กน้อยแท้ๆ”

อินซอบยิ้มอย่างประดักประเดิดและเอ่ยขอโทษอีกครั้งว่า “ขอโทษครับ”

รอยยิ้มหายไปจากดวงตาของอีอูยอนแล้ว เส้นเอ็นบนมือของอีกฝ่ายที่กำพวงมาลัยอยู่นูนขึ้นมา เขาเปิดไฟฉุกเฉินและจอดรถริมถนน

“มันไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยนะครับ”

น้ำเสียงของเขาที่ทุ้มต่ำเป็นพิเศษพูดต่อ

“แล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรู้สึกอายด้วย”

แม้อินซอบจะขี้กลัวและระมัดระวังตัวเกินไป แต่ก็ไม่เคยแกล้งป่วยหรือตื่นตระหนกจนเกินเหตุกับเรื่องที่ไร้ประโยชน์ หลังจากสัญญาว่าจะไม่โกหกเกี่ยวกับสภาพร่างกาย ถ้าป่วยเขาก็จะบอกว่าป่วย ทุกครั้งที่เป็นแบบนั้นเขาจะยินดีกับการออดอ้อนที่ตามมามากจนอยากจะขอให้ทำแบบนั้นด้วยในเวลาปกติ

อินซอบใช้มือที่สั่นเทาจับตัวเขาที่เมื่อวานโมโหและถามไปว่าคิดอะไรอยู่กันแน่

‘…ผมเป็นครับ เป็นมากเลยด้วย’

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ดวงตาที่กลั้นน้ำตาไว้อย่างยากลำบากอ้อนวอนถึงความผิดของตัวเองออกมาตรงๆ อีกฝ่ายบอกว่าขอโทษ และขอโทษที่ผิดสัญญาทั้งๆ ที่สัญญากันไว้แล้ว เพราะฉะนั้นจึงขอให้อย่าโกรธ…

เขาแทบเป็นบ้า ความโกรธพุ่งขึ้นมาจนถึงหัว เขาควรจะรู้ทันทีตอนที่อินซอบมาหาตัวเอง แต่เพราะชอบอีกฝ่ายมาก…เขาถึงพุ่งเข้าไปกอดอีกฝ่ายและจูบโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง…ถ้าเป็นคนปกติก็ต้องรู้สึกถึงความผิดปกติไม่ใช่มาดีใจกับการออดอ้อนที่ผิดปกตินั้น และตรวจสอบความปลอดภัยของอีกฝ่าย อีอูยอนไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะความรู้สึกรังเกียจตัวเองที่พุ่งขึ้นมา

และตอนนั้น

‘รักนะครับ’

อินซอบสารภาพความรู้สึกของตัวเองออกมา เขาหายใจไม่ออก

‘รักนะครับ…รักมากๆ เลยครับ’

ทุกครั้งที่ทำแบบนั้น…

‘เพราะอย่างนั้นผมถึงมาครับ เพราะผมคิดถึงคุณอีอูยอน’

ทุกครั้งที่อินซอบที่ระมัดระวังตัวและขี้กลัวรวบรวมความกล้าและพูดแบบนั้น ปลายเท้าของเขาจะส่งเสียงดังไม่หยุดราวกับความรู้สึกพังทลายลงมา แล้วก็รู้สึกกลัวจนอยากจะร้องขอชีวิตกับอีกฝ่าย

เขามองอินซอบที่นอนหลับทั้งคืน เป็นเรื่องที่เขาทำราวกับเป็นนิสัยในคืนที่นอนไม่หลับ จมูกที่เชื่อมต่อมาจากหน้าผากกลมกลึง ตาที่ปิดสนิท คิ้วที่สวย และริมฝีปากที่พ่นลมหายใจออกมาอย่างสม่ำเสมอ เขาลูบผมของอินซอบอย่างระมัดระวังและฝังจมูกลงกับต้นคอ

น่ารัก น่ารักและสวยมาก…

อีอูยอนค่อยๆ กลืนความรู้สึกที่ไม่สามารถรู้สึกได้อีกครั้งในชีวิตลงไปในคอและจับพวงมาลัยทันที

“…มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผมครับ”

วันที่ป่วยอาจจะธรรมดาสำหรับอินซอบ เพราะตอนเด็กๆ เจ้าตัวใช้เวลาบนเตียงเป็นส่วนใหญ่ แต่อินซอบไม่จำเป็นต้องมองข้ามอย่างไม่เห็นความสำคัญ อย่างน้อยก็ต่อหน้าตน

“เพราะฉะนั้นคุณช่วยอ้อนเยอะๆ เลยครับ เพราะผมขอร้อง”

“…ขอบคุณครับ”

อินซอบหน้าแดงอีกครั้ง อีอูยอนใช้หลังมือตีแก้มของอินซอบเบาๆ ก่อนจะออกรถ รถเริ่มติดตอนที่ผ่านอุโมงค์

“รถติดนิดหน่อยนะครับ”

“เพราะเป็นเย็นวันศุกร์ที่ฝนตกน่ะ”

อีอูยอนตอบอย่างไม่ใส่ใจอะไรและเปิดวิทยุ เพลงเบาๆ ดังออกมา รถในอุโมงค์เคลื่อนตัวช้าๆ สลับหยุดนิ่งและต่อกันเป็นแถว

“ก่อนหน้านี้ผมได้ยินมาจากวิทยุครับ”

“ว่า”

แม้จะคิดว่าพูดเรื่องไร้สาระอะไรอีกแล้ว แต่อีอูยอนก็ตอบรับอย่างอ่อนโยน

“เขาบอกว่ามีคำพูดที่ว่าถ้ากลั้นหายใจและอธิษฐานตอนที่ผ่านอุโมงค์คำขอจะเป็นจริงครับ”

“ฮ่าฮ่า”

อีอูยอนหัวเราะสั้นๆ และเอื้อมมือข้างหนึ่งออกไปแตะใต้จมูกของอินซอบ

“…ผมไม่ได้ทำครับ”

อินซอบรีบส่ายหน้า

“คิดถูกได้แล้ว ขืนทำที่นี่คุณได้ตายแน่”

อีอูยอนมองรถที่เรียงต่อกันเป็นแถวตรงหน้าและพูดต่ออย่างหยอกล้อ

พอออกมาจากอุโมงค์ หน้าต่างข้างหน้าก็เป็นฝ้าทันที เสียงที่ปัดน้ำฝนขยับปัดฝนออกไปดังขึ้นในรถ ฝนที่เยอะกว่าเมื่อกี้เล็กน้อยโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าที่มืดสนิททันที พยากรณ์อากาศที่บอกว่าฝนจะตกอย่างต่อเนื่องไปสักพักดังออกมาจากวิทยุ อินซอบเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำที่อมฝนเอาไว้จนเต็มด้วยแววตาเป็นกังวล และหันหน้าไปเพราะเสียงที่เอ่ยเรียกตน

“ทำไมถึงมองท้องฟ้าแบบนั้นล่ะครับ”

“เพราะเขาบอกว่าฝนจะตกตลอดน่ะครับ”

“ตกแล้วจะยังไงล่ะครับ ยังไงมันก็ต้องหยุด”

อีอูยอนที่พูดแบบน้ำส่งเสียงในลำคอและยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม

“ผมลองคิดดูระหว่างทางแล้ว”

“…”

…อีกแล้วเหรอครับ

มีความเป็นไปได้สูงมากที่คำพูดของอีอูยอนที่เริ่มต้นด้วย ‘ผมลองคิดดูแล้ว’ จะดำเนินต่อด้วยการขอร้องที่คาดไม่ถึง อินซอบรอคำพูดต่อไปของอีอูยอนเงียบๆ ด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“สวมมันอีกครั้งสิครับ”

อีอูยอนสวมนิ้วเข้าไปในแหวนของอินซอบที่ใส่ไว้ที่คอและดึง

“ครับ? เอ่อ คือ…”

“มีที่ไหนกันครับ คนที่ห้อยแหวนแต่งงานไว้ที่คอไปไหนมาไหนน่ะ”

“คือ…”

“คุณไม่ซื่อสัตย์กับคู่สมรสเหรอครับ”

อีอูยอนที่พูดแบบนั้นสวมแหวนแต่งงานที่ถูกปรับขนาดให้ถูกไปไหนมาไหนอย่างซื่อสัตย์ต่อคู่สมรสมาก แหวนของอีอูยอนที่สวมไว้ที่นิ้วนางข้างซ้ายเป็นประเด็นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็น เขาแอบหมั้นกับใครสักคนจากกลุ่มแชบอล[1] เขาแอบจัดงานแต่งงานกับนักแสดง A ไปแล้ว หรือเขาแต่งงานจนมีลูกกับคนธรรมดาที่หน้าตาดีที่อเมริกาไปแล้ว เป็นต้น

อีอูยอนไม่ตอบโต้อะไรกับข่าวลือทั้งหมด ถ้านักข่าวถามคำถามพวกนั้น เขาจะถามกลับว่า “อ๋อ อย่างนั้นเหรอครับ” พร้อมกับฉีกยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่หวานราวกับจะทำให้ตับไตไส้พุงของคนละลาย คนที่เป็นกังวลมีแค่กรรมการผู้จัดการคิมเท่านั้น

แม้บริษัทจะแถลงอย่างเป็นทางการว่า ‘เนื่องจากสนใจในแฟชั่นมากจึงใส่เป็นเครื่องประดับที่ชอบเท่านั้น’ แต่ข่าวลือก็พัฒนาไปง่ายๆ

ไม่ว่าอย่างไรอีอูยอนก็สวมแหวนไว้ที่นิ้วนางเสมอ อินซอบก็พกแหวนอยู่ตลอดเช่นกัน แน่นอนว่าเขาไม่ได้สวม เพราะพอเกิดข่าวลือขึ้นแล้ว เขาก็กังวลว่าอีอูยอนอาจจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องยุ่งยาก

อีอูยอนมักจะบ่นอินซอบทุกครั้ง

‘ทำไมถึงไม่สวมแหวนล่ะครับ’

‘แหวนอยู่ไหนเหรอครับ’

‘ทำไมคนที่แต่งงานแล้วถึงไปไหนมาไหนด้วยนิ้วที่ว่างเปล่าล่ะครับ’

อินซอบไปไหนมาไหนโดยห้อยแหวนไว้ที่คออย่างช่วยไม่ได้ บางครั้งอีอูยอนเลิกชายเสื้อของอินซอบขึ้นและหยิบแหวนออกมาเพราะยังไม่พอใจกับสิ่งนั้น

“…ตอนนั้นเราตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าจะห้อยไว้ที่คอ”

อินซอบพูดถึงสัญญาที่ทำกันก่อนหน้านี้อย่างระมัดระวัง แม้จะไม่พอใจ แต่อีอูยอนก็พยักหน้าและบอกว่าเข้าใจแล้ว เพราะอินซอบขอร้องอย่างเอาจริงเอาจัง แน่นอนว่ามีวันที่เขาไม่พอใจกับอะไรบางอย่างและถอดเสื้อผ้าของอินซอบออก และมีอะไรกันหลังจากบังคับให้ใส่แหวนเพียงอย่างเดียวอยู่เหมือนกัน

“การบอกว่าเข้าใจแล้วไม่ใช่การตกลงนะครับ”

“…”

ต้องพูดอย่างชัดเจนตอนที่สัญญากับคนคนนี้ อินซอบให้คำมั่นกับตัวอย่างไม่เคยทำมาก่อนและลูบแหวนที่ใส่ไว้ที่คอ

“สวมสิครับ แหวนน่ะ”

“…คุณอูยอน”

“เมื่อวานคุณก็สวมมาหาผมนี่ครับ”

“ตอนนั้น…”

อีอูยอนพูดว่า “ตอนนั้น?” และรบเร้าถึงคำพูดที่จะตามมา

“…แต่เหมือนว่าจะไม่เป็นไร…”

ตอนนั้นเขาอยากทำแบบนั้นเฉยๆ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่คิดหน้าคิดหลังและทำเรื่องบ้าๆ ลงไป อินซอบหน้าแดง

“ใช่ครับ ไม่เป็นไรครับ”

อีอูยอนใช้นิ้วเคาะพวงมาลัยและพูดต่อ

“ถ้าเป็นอะไรแล้วจะยังไงเหรอครับ คุณตัดสินใจใช้ชีวิตกับคนอย่างผมไปทั้งชีวิตแล้วนี่ ฮ่าฮ่า”

ตอนนั้นเองอินซอบถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังปลอบใจตัวเองอยู่

แม้จะเป็นหรือไม่เป็นไร ก็แค่มีชีวิตไปแบบนั้นเถอะ ทำเหมือนกับคนธรรมดา

อินซอบถอดแหวนที่ห้อยไว้ที่คอออกและสวมลงที่นิ้ว

“ผมจะถอดออกในที่สาธารณะนะครับ”

“ตามใจเลยครับ”

อีอูยอนเอ่ยตอบอย่างสบายๆ จากนั้นก็วางมือลงบนหน้าท้องของอินซอบและถามว่า “ไม่หิวเหรอครับ”

“นิดหน่อยครับ”

ความหิวที่ลืมไปจนถูกเลื่อนออกไปเพราะความกังวลกลับมาหา

“มีของที่อยากกินไหม เราแวะที่ไหนกันดี”

อินซอบที่คิดอยู่พักหนึ่งเรียกชื่อของเขา “คุณอูยอน”

“ดูเหมือนจะอยากกินของแพงนะครับ ดูจากการที่เรียกแบบนั้นแล้ว”

“มะ ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่ของแพงนะครับ แค่…”

“อะไรล่ะ”

อีอูยอนเอ่ยถามอยากซุกซน

“…ผมอยากกินแพนเค้กครับ”

“แพนเค้กเหรอ ไปคาเฟ่ที่เคยไปคราวนั้นไหมครับ มันไกลนิดหน่อย แต่กาแฟที่นั่นใช้ได้เลย”

พออีอูยอนจะกลับรถ อินซอบก็รีบบอกว่า “ไม่ใช่ครับ” และส่ายหน้า

“…อันที่คุณอีอูยอนทำให้น่ะครับ”

“ผมเหรอ”

เขารู้ว่าอินซอบชอบแพนเค้ก อีอูยอนมักจะทำอาหารมื้อสายให้อินซอบในเช้าวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ตื่นค่อนข้างช้า ตอนที่มีแพนเค้กในเมนู อินซอบจะทำตาเป็นประกายด้วยรู้สึกชอบมาก แน่นอนว่าอินซอบไม่เคยขอให้เขาทำแพนเค้กก่อนเลย อีอูยอนแค่ทอดแพนเค้กให้เป็นบางครั้งเท่านั้น

“ผมไม่ได้อยากกินตอนนี้หรอกครับ ตอนนี้คุณอีอูยอนเองก็น่าจะเหนื่อยด้วย ผมจะกินพรุ่งนี้เช้าครับ กินตอนสายก็ได้ หรือตอนเย็นก็ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น…”

อินซอบก้มหน้าที่แดงลงและพูดด้วยน้ำเสียงเล็กๆ

“…กลับบ้านกันเถอะครับ”

“ฮ่าๆๆๆ”

อีอูยอนหัวเราะ คำพูดที่ทั่วไปและธรรมดาอย่างคำว่ากลับบ้านกันเถอะทำให้ชายหนุ่มทำตาเป็นประกายราวกับเด็กหนุ่มขี้แกล้งพลางหัวเราะอยู่สักพักก่อนจะพยักหน้า เขารับรู้ได้ว่าอินซอบรวบรวมความกล้าอย่างเต็มที่และขอให้ทอดแพนเค้กให้พร้อมกับอ้อนเขา

“ได้ครับ กลับบ้านเรากัน ผมจะทอดแพนเค้กให้ด้วยครับ”

อินซอบมองหน้าของชายหนุ่มที่กำพวงมาลัยอยู่

เขาไม่ได้นอนเลยทั้งคืน แม้กระทั่งบนเครื่องบิน อีอูยอนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็หันกายมามองอินซอบโดยไม่พูดอะไรอยู่ตลอด แม้จะส่งสายตาที่เหมือนจะอ้อนวอนให้ แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแสดงความกังวลของตัวเองออกมา

‘จะต้องไม่เป็นไรครับ จะต้องไม่เป็นไร จะต้องดีแน่ๆ อย่ากังวลนะครับ เพราะผมจะช่วยให้เป็นแบบนั้นเอง…ผมจะทำทุกวิถีทาง ได้โปรด…’

เขานึกถึงน้ำเสียงของชายหนุ่มที่กอดเขาไว้และเอ่ยปลอบแบบนั้น แม้จะบอกว่าไม่เคยทำสวดมนต์ แต่คำพูดของอีอูยอนในตอนนั้นฟังดูเหมือนการสวดภาวนาสำหรับอินซอบ

เขาอยากจะกลับบ้านไปนอนหลับพร้อมกับอีกฝ่าย ครั้งนี้ถึงตาที่เขาจะต้องสวดภาวนาเพื่ออีกฝ่ายแล้ว

“ให้โปะครีมสดด้วยไหมครับ”

“ครับ”

“ไซรัป?”

“…นิดหน่อย”

อีอูยอนตอบว่า “เข้าใจแล้วครับ” และหัวเราะเบาๆ อินซอบมองออกไปนอกหน้าต่าง

บางทีวันที่เลวร้ายอาจมาถึงในสักวันหนึ่ง ตอนจบที่มีความสุขตลอดไปเกิดขึ้นได้แค่ในนิยายเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร เช่นเดียวกับรถที่หยุดวิ่งในยามฝนตกจนรถติดได้ออกแล่นอีกครั้งทีละคันๆ ชีวิตประจำวันของเขาก็จะเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน

อินซอบยื่นมือออกไปและประสานนิ้วมือของตนกับมือของอีอูยอน

เสียงฝนตกกระทบดังรับช่วงเย็นย่ำเบาๆ

[1] แชบอล หมายถึง กลุ่มตระกูลนักธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีอำนาจทางการเงินและมีบริษัทในเครือเยอะ

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท