ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Historiette > 1-1

Side Story < Love Historiette > 1-1

“แฮ่กๆ…”

ใบหน้าของชายหนุ่มเปื้อนเหงื่อ เส้นผมก็เปียกจนลู่ติดกับหน้าเพราะวิ่งมาจากที่ไหนสักแห่ง เขาหันไปมองรอบๆ ด้วยใบหน้าไร้สติราวกับคิดไม่ถึงว่าควรจะเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาออก แม้จะเป็นสภาพที่ดูน่าเกลียด แต่ในสายตาของพวกผู้หญิงที่มองมากลับมีความอิจฉาที่แฝงด้วยความต้องการ

เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์โผล่มาในครรลองสายตา ชายหนุ่มจึงวิ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเล

“ตอนนี้…คนไข้ที่ชื่อชเวอินซอบ…อยู่ที่ไหน…”

ชายหนุ่มผู้ไม่เคยดูไม่เรียบร้อยต่อหน้าคนอื่นหอบพลางเอ่ยถาม

“คะ? พระเจ้า”

พนักงานตรงเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์จำชายหนุ่มได้และทำตาโตด้วยความตกใจ

“ช่วยเช็กให้หน่อยครับว่าคนไข้ที่ชื่อชเวอินซอบอยู่ที่ไหน”

ชายหนุ่มปรับลมหายใจและพูดอย่างรวดเร็ว

“ใช่คุณอีอูยอนหรือเปล่าคะ”

พนักงานทำทีว่ารู้จักและเอ่ยทักทายอย่างยินดี ชายหนุ่มทำสีหน้าไม่พอใจอย่างรุนแรง

“ฉันถามว่าชเวอินซอบอยู่ที่ไหน แม่งเอ๊ย ต้องให้พูดอีกกี่รอบ…”

ใครบางคนรีบดึงแขนของชายหนุ่มไว้จากด้านหลัง

“อีอูยอน! มาทางนี้ เร็ว!”

“กรรมการผู้จัดการ”

กรรมการผู้จัดการคิมฮักซึงรีบลากอีอูยอนไปตรงมุม

“นายบ้าไปแล้วเหรอ ถึงได้ด่าออกมาต่อหน้าคนอื่น!”

“โธ่เว้ย รู้แล้วจะยังไงเหรอครับ ตอนนี้ชเวอินซอบ…”

“อินซอบสบายดี เขาไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน แล้วตอนนี้ก็กำลังนอนอยู่”

คำพูดของกรรมการผู้จัดการคิมทำให้อีอูยอนถอนหายใจราวกับหมดแรงพลางใช้มือปิดหน้า เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่ามาจนถึงโรงพยาบาลด้วยสติแบบไหนหลังจากได้รับโทรศัพท์ เขาลงจากรถในระหว่างที่รถติดและวิ่งมาสักพัก พร้อมกับคิดถึงแต่อินซอบตลอดทางที่มา

เมื่อวานเขาทะเลาะกับอินซอบเล็กน้อย เพราะโทรศัพท์ที่ถูกต่อสายมาจากอเมริกา

‘จริงเหรอ นาธานกับโลแกนด้วยเหรอ จะมาพร้อมกันหมดเลยเหรอ’

ดวงตากลมโตของอินซอบที่ได้รับโทรศัพท์เบิกกว้าง อีอูยอนเหลือบมองอินซอบ

‘ไหงถึงมีเวลาว่างได้ล่ะ? ว้าว ดีจังเลย พวกเราไม่ได้เจอกันนานแล้ว’

ไม่ได้เจอกันนานกะผีน่ะสิ เพิ่งเจอกันไปเมื่อครึ่งปีก่อนแท้ๆ

อีอูยอนยิ้มเย็นพลางพลิกหน้าหนังสือ

‘ฉันจะไปรับที่สนามบิน พวกนายจะมาเมื่อไรล่ะ? ว่าไงนะ? วันศุกร์หน้าเหรอ?’

ดวงตากลมโตของชเวอินซอบมองมาทางอีอูยอน อีอูยอนแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้และอ่านหนังสือต่อ

‘เอ่อ ตารางงานเหมือนจะไม่เป็นไร…มั้ง’

แม้อินซอบจะมองอีอูยอนอยู่ตลอดราวกับต้องการคำตอบ แต่จนแล้วจนรอดอีอูยอนก็ไม่ยอมส่งสายตาให้

‘ได้ ฉันจะลองเช็กดูแล้วโทรกลับไปนะ อื้อ ฉันก็รักนายเหมือนกัน’

ลักษณะการพูดนั้นอ่อนโยนจนไม่ว่าจะได้ยินเมื่อไรก็ทำลำคอแห้งผาก อีอูยอนเก็บคำด่าเอาไว้ในใจและอ่านหนังสือที่ไม่ได้อ่านเลยตั้งแต่เมื่อกี้ซ้ำไปซ้ำมา

ชเวอินซอบที่คุยโทรศัพท์เสร็จเดินเข้ามาหาอีอูยอนอย่างระมัดระวัง

‘เอ่อ คุณอูยอนครับ’

‘ครับ’

อีอูยอนแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและไม่ยอมละสายตาไปจากหนังสือทั้งๆ ที่ฟังการคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ อย่างหน้าไม่อาย

‘วันศุกร์หน้าเรามีธุระไหมครับ’

‘ครับ มีครับ’

คำตอบที่มีการตำหนิเล็กน้อยเจืออยู่ราวกับจะถามว่า ‘เรื่องนั้นก็ไม่รู้เหรอ’ ถูกส่งกลับมา

‘ธุระอะไรเหรอครับ’

อินซอบนึกว่ามีธุระที่ตัวเองจำไม่ได้และเอ่ยถามด้วยความตกใจ

‘ก็เราตกลงที่จะมีเซ็กซ์กันตั้งแต่คืนวันศุกร์นี่ครับ ตลอดสามวันสองคืนเลย’

‘ครับ?’

‘…’

อินซอบนึกว่าคำตอบที่ว่า ‘ล้อเล่น’ อย่างทุกครั้งจะถูกส่งกลับมา แต่อีอูยอนกลับไม่พูดอะไรต่อ

‘คุณอูยอน ผมเองก็อยากทำและคิดว่ามันเป็นนัดที่สำคัญ แต่…’

อินซอบกำชายเสื้อก่อนจะปล่อยออกพลางพูดต่ออย่างยากลำบาก

‘พอดีน้องๆ บอกว่าจะมาวันศุกร์หน้า…ถ้าคุณไม่ว่าอะไร ผมขอเปลี่ยนตารางดะ…’

อีอูยอนพลิกหน้าหนังสือไปหน้าหนึ่ง และเอ่ยขัดคำพูดต่อไปของอินซอบ

‘จะเปลี่ยนตารางแล้วชวนให้มีเซ็กซ์ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงสัปดาห์หน้าเหรอครับ’

‘เปล่าครับ ไม่ใช่อย่างนั้น…ถ้าคุณไม่ชอบ ผมจะไม่ไปเจอพวกน้องๆ ครับ’

อินซอบคอตกด้วยความผิดหวัง อีอูยอนเก็บความต้องการเอาไว้ในใจ เขารู้ดีว่าชเวอินซอบรักครอบครัวขนาดไหน และรู้ด้วยว่าการเลือกตนเองแทนครอบครัวและใช้ชีวิตอยู่ที่เกาหลีมีความหมายอย่างไรกับชเวอินซอบ

ทั้งที่มันเป็นแค่เวลาเพียงไม่กี่วันในปีหนึ่งแท้ๆ เขาหัวเราะอย่างขมขื่นให้กับความใจแคบของตัวเอง

‘ไม่ครับ พวกน้องๆ มาทั้งที คุณต้องไปเจอสิ’

พออีอูยอนยิ้มอย่างนุ่มนวลพลางเอ่ยตอบ อินซอบถึงได้เงยหน้าขึ้น

‘งั้น…’

‘บอกให้มากินข้าวที่บ้านของเราแทนสิครับ’

‘ครับ?’

ตาของอินซอบเบิกขึ้นอีกครั้ง …แม่งเอ๊ย เลือดไหลลงไปกองอยู่ที่ช่วงล่างอีกแล้ว

‘ที่นี่มีห้องตั้งเยอะให้เที่ยวชม บอกให้พวกเขานอนค้างที่นี่สิครับ’

‘เอ่อ คือ…เรื่องนั้น…’

อินซอบมึนงงและพูดตะกุกตะกักมากกว่าเมื่อกี้หลายเท่า ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกน้องๆ ของอินซอบมาที่เกาหลีครั้งหนึ่ง อีอูยอนก็เคยแสดงน้ำใจแบบเดียวกัน และให้พักที่บ้าน พออีอูยอนถ่ายละครเสร็จและมาถึงบ้านในตอนกลางดึก พวกน้องๆ ของอินซอบที่เมามายก็กำลังนอนเบียดกันอยู่ในห้องเดียวกัน แน่นอนว่าชเวอินซอบก็นอนหลับอยู่ตรงกลางนั้นด้วย

อีอูยอนแทรกตัวเข้าไปในนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย และดึงอินซอบออกมาจากผู้ชายที่น่าขยะแขยงพวกนั้น จากนั้นเขาก็พาอินซอบไปที่ห้องข้างๆ และถอดเสื้อผ้าออก เขาจับชเวอินซอบที่กะพริบตาอย่างงัวเงียมาจูบริมฝีปากอย่างตะกละตะกลาม จากนั้นก็สอดใส่เข้าไปทั้งๆ แบบนั้น แม้อินซอบซึ่งรู้ว่าน้องชายกำลังนอนอยู่ที่ห้องข้างๆ ดิ้นไปมาด้วยความตกใจ แต่เขากลับไม่สนใจ เขากอดอินซอบที่ร้องไห้งอแงกลัวว่าจะส่งเสียงออกมาและจูบปากจนเกินเสียงดัง จากนั้นก็ปลอบโยนอีกฝ่าย และสอดใส่จนเช้า เซ็กซ์ในวันนั้นหลงเหลืออยู่ในความทรงจำของอีอูยอนได้อย่างดีเยี่ยม เพราะชเวอินซอบที่ต่อให้ร้องไห้ แต่ช่องทางด้านล่างกลับบีบรัดไปด้วยนั้นสวยและอร่อยมาก

แน่นอนว่าหลังจากนั้นชเวอินซอบก็ไม่พาน้องๆ มาที่บ้านอีกเลย

‘…ผมค่อนข้างรู้สึกไม่ดีที่พวกน้องชายต้องมารบกวนคุณทุกครั้งน่ะครับ’

‘ทำไมล่ะ พวกเขาเป็นน้องชายของคุณอินซอบนะ ก็ต้องรบกวนผมได้สิ วางตัวลำบากและอึดอัดใจกับผมขนาดนั้นเลยเหรอครับ’

‘เปล่าครับ ไม่ได้วางตัวลำบาก แล้วก็ไม่ได้อึดอัดใจด้วยครับ ไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะครับ แต่…’

อินซอบร้อนรนและพยายามหาข้อแก้ตัว

นั่นทั้งน่าสงสารแล้วก็น่ารักเลย

อีอูยอนกลั้นรอยยิ้มที่เผยออกมาอย่างยากลำบากพลางรอคำพูดต่อไปของอินซอบ

‘เพราะการพบกันระหว่างครอบครัวที่ไม่ได้เจอกันนานแล้ว คุณอีอูยอนก็อาจจะรู้สึกอึดอัดได้ แล้วพวกเด็กๆ ก็เสียงดัง เพราะยังไม่รู้จักแยกแยะผิดถูกด้วยครับ อีกอย่าง…’

‘เข้าใจแล้วครับ’

อีอูยอนปิดหนังสือก่อนจะลุกขึ้น อินซอบกะพริบตาพลางเงยหน้ามองอีอูยอน

‘เพราะเป็นการพบกันระหว่างครอบครัว ผมนี่ไม่มีเซ้นส์เอาซะเลยนะครับ’

‘ไม่ใช่นะครับ คุณอูยอน ไม่ใช่แบบนั้น…’

‘งั้นผมจะจัดการเรื่องที่พักให้นะครับ แค่นั้นผมคงทำได้ใช่ไหมครับ ต่อให้จะไม่ใช่ครอบครัวก็ตาม’

‘คุณอูยอน…’

‘ผมขอตัวเข้าห้องก่อนนะครับ วันนี้ผมค่อนข้างเพลีย’

อีอูยอนเดินออกไปทั้งๆ แบบนั้น วันนั้นเขาไม่ยอมสบตากับอินซอบเลย แม้จะรู้ว่าทำให้อินซอบรู้สึกผิดและทำตัวไม่ถูกก็ตาม

ถึงจะรู้ว่าเป็นความรู้สึกที่เหมือนเด็ก ใจแคบ และใจร้าย แต่อีอูยอนก็โคตรจะเกลียดครอบครัวของอินซอบจริงๆ แม้ส่วนประกอบสำคัญที่สร้างอินซอบที่อ่อนโยนและใจดีขึ้นมาจะเป็นครอบครัวของอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังเกลียด เขาเกลียดสภาพที่พวกเขาตัวติดกันราวกับเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เกลียดการพูดว่า ‘รัก’ ให้แก่กันอย่างหน้าตาเฉยแม้จะเป็นผู้ใหญ่แล้ว และเขาก็แค่เกลียดทุกอย่าง ถ้าทำได้ เขาอยากจะแย่งทุกอย่างที่มีค่าในชีวิตของชเวอินซอบมา อีอูยอนรู้สึกเหมือนบางครั้งตัวเองก็ถูกผลักออกมาจากรั้วที่เรียกว่าครอบครัว

อันที่จริงเขารู้ดีว่าอินซอบดูเหมาะสมและสบายใจมากที่สุดตอนอยู่ที่ไหน แม้จะรู้ แต่เขาก็ไม่สามารถจัดการความรู้สึกดำมืดที่ผุดขึ้นมาได้

ถ้าเขาเป็นครอบครัวที่ผูกพันทางสายเลือดกับชเวอินซอบจริงๆ ก็คงจะดี

บางครั้งความรู้สึกที่มีต่ออินซอบมากไปก็ทำให้เกิดความคิดเพ้อฝันที่ไม่เคยทำเลยสักครั้งแม้แต่ตอนที่ยังเป็นเด็ก ไม่ใช่ว่าเขาสงสัยในความรู้สึกที่อินซอบชอบตน เขาแค่อยากจะเกี่ยวข้องกับชเวอินซอบให้มากขึ้นอีกสักนิด…

อีอูยอนตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ และออกมาโดยไม่ได้ร่ำลาอินซอบ เพราะรู้สึกเหมือนจะพูดอะไรที่สร้างความเจ็บปวดให้อินซอบอีกครั้งด้วยนิสัยใจคอที่บิดเบี้ยวของตัวเอง

[เมื่อเช้าผมไม่ได้ทักทายเพราะตื่นสายและคุณก็ออกไปแล้ว ขอโทษนะครับ ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีเช่นเคยครับ]

อีอูยอนทอดสายตามองข้อความที่ส่งมาจากอินซอบนิ่งๆ เขารู้ว่าอินซอบตื่นเช้ากว่าตัวเอง เพราะได้ยินเสียงขยับตัวภายในห้อง ไม่สิ ด้วยนิสัยใจดีนั้นอีกฝ่ายอาจจะนอนไม่หลับเลยทั้งคืนก็ได้ อาจจะคิดและคร่ำครวญว่าตัวเองทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดด้วยซ้ำ

ทำไมคุณถึงได้สวยและน่ารักขนาดนี้นะ…

ถ้าชอบอย่างพอเหมาะจะดีกว่าไหมนะ แบบนั้นเราจะไม่ย้ำคิดย้ำทำอย่างผิดปกติถึงขนาดนี้หรือเปล่า ถ้าสามารถมอบความรักอย่างคนปกติให้ได้ ถ้าเป็นแบบนั้น คุณเองก็…

อีอูยอนกลั้นรอยยิ้มขมขื่นเอาไว้ เขาไม่สามารถทำได้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แม้กระทั่งการแสร้งทำตัวเป็นคนปกติก็มีขีดจำกัด และเขาได้แต่หวังว่านิสัยที่ไม่ดีของตัวเองจะทำให้อินซอบเจ็บปวดน้อยลงสักนิดก็ยังดี

เราต้องบอกว่าขอโทษสินะ…แม้จะไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิดก็ตาม

อีอูยอนถอนหายใจพลางเปิดหน้าต่างข้อความ ตอนนั้นเองก็มีสายจากโรงพยาบาลโทรเข้ามา

“…มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ”

แม้จะได้ยินว่าอินซอบปลอดภัยดี แค่เสียงก็ยังสั่น และมือที่ปิดใบหน้าไว้ก็สั่นอย่างหนัก กรรมการผู้จัดการคิมที่จ้องมองภาพนั้นสูดลมหายใจพลางเอ่ยตอบ

“เขายืนอยู่ตรงถนน แล้วดูเหมือนจะถูกรถที่เลี้ยวขวามาชนเข้าอย่างกะทันหันน่ะ เห็นบอกว่ายังขับรถไม่คล่องก็เลยสับสนระหว่างเบรกกับคันเร่งเพราะตกใจ”

“แม่งเอ๊ย ทำไมถึงได้เที่ยวเอาหัวแบบนั้นไปไหนมาไหนวะ ถ้าเรื่องแค่นั้นยังสับสน ทำไมถึงได้ขับรถวะ”

“อูยอน อูยอน ขอร้อง…ลดเสียงลดหน่อยเถอะ”

กรรมการผู้จัดการคิมรับรู้ได้ถึงคนโดยรอบและโบกมือพลางพูดต่อ

“อินซอบไม่เป็นอะไรแล้ว แล้วรถก็ไม่ได้ชนอินซอบตรงๆ ด้วย พอดีมีเด็กอยู่ข้างๆ เขาก็เลยกอดเด็กเอาไว้แล้วล้มลงไปน่ะ”

“แล้วพ่อแม่ของเด็กนั่นมัวทำอะไรอยู่ข้างๆ ตอนที่ถูกรถชน”

แววตาของอีอูยอนที่ซักถามแบบนั้นค่อยๆ เหี้ยมโหดขึ้น ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป อีกฝ่ายคงได้ตามไปบีบคอแม้กระทั่งพ่อแม่ของเด็กคนนั้นแน่ๆ

“อย่าเป็นแบบนี้ตรงนี้เลย ขึ้นไปที่ห้องพักผู้ป่วยกันเถอะ เนื่องจากห้องอยู่ที่ชั้นเจ็ด เราขึ้นลิฟต์ตัวนะ…”

อีอูยอนวิ่งขึ้นบันไดก่อนที่จะทันได้พูดจบ

“ไอ้บ้าเอ๊ย เพราะว่าหมกมุ่นเกินไป…”

กรรมการผู้จัดการคิมถอนหายใจอย่างหนัก

แม้จะเคยเห็นอีอูยอนที่มักจะสบประมาทคนอื่นด้วยความเอาแต่ใจกับทุกเรื่องเสียสติและเดือดพล่านหากเป็นเรื่องของชเวอินซอบมาแล้วหลายครั้ง แต่เขากลับไม่ชินง่ายๆ

สิ่งที่เขาเห็นมาเยอะในขณะที่อยู่ในแวดวงนี้คือการคบกันเล่นๆ ของพวกหนุ่มสาว การสปาร์คกันในพื้นที่ที่มีคนสวย คนหล่อ และคนที่มีมากทักษะมารวมตัวกันเป็นเรื่องปกติ ใครบางคนเคยพูดไว้ว่านั่นเป็นสภาพเหมือนคนที่มีจุดเดือดต่ำถือไฟแช็กไว้ในมือทั้งสองข้างและไปไหนมาไหนกันเป็นกลุ่ม ความรักที่เชื่อมติดกันอย่างรวดเร็วมีอยู่ทั่วไป และความรักที่ลุกโชนก็ดับลงอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจเช่นกัน แต่ตัวเขาเองที่แต่งงานและหย่ามาแล้วถึงสามครั้งไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะนินทาใครได้

แต่ถึงอย่างนั้น อีอูยอนก็…

‘…มัน…เกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ’

ใบหน้าที่ซีดเผือดและมือที่สูญเสียการควบคุมกำลังสั่นเทา สภาพนั้นน่าสงสารจนถ้าใครมาเห็นคงต้องบอกให้พาอีอูยอนไปโรงพยาบาลแทนชเวอินซอบอย่างแน่นอน เขาคิดว่าถ้าเวลาผ่านไป ความบ้าบอนั้นจะลดน้อยไปลง แต่ทำไมยิ่งเวลาผ่านไปถึงได้รุนแรงขึ้น

ในขณะที่อีกใจหนึ่งคิดว่าไอ้คนเส็งเคร็งนี่ได้เจอเจ้าของที่เหมาะสมแล้ว แต่บางครั้ง…แค่บางครั้งจริงๆ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารู้สึกทุกข์ใจ เขาไม่สามารถหัวเราะให้กับคำพูดที่อีอูยอนพูดราวกับล้อเล่นเป็นบางครั้งว่า ‘ถ้าไม่ใช่เพราะชเวอินซอบ ตอนนี้ตัวเองคงตายห่าไปแล้ว’ ได้อีกต่อไป

“ชอบถึงขนาดนั้นเลยเหรอ…”

กรรมการผู้จัดการคิมพึมพำคนเดียวพลางขึ้นลิฟต์ ขณะที่ลงที่ชั้นเจ็ดและเดินไปที่ห้องพักผู้ป่วย กรรมการผู้จัดการคิมก็นึกขึ้นได้ว่าอีอูยอนกำลังอยู่ในระหว่างถ่ายทอดสด

“ไอ้บ้านี่ ตอนนี้…”

ฝีเท้าของกรรมการผู้จัดการคิมเร็วขึ้น พอเปิดประตูห้องพิเศษที่อินซอบเข้ารักษาตัวออกเต็มที่ เขาก็เริ่มชี้นิ้วไปทางแผ่นหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าของตัวเองทันที

“นายยังมีสติอยู่ไหม วิ่งออกมาในระหว่างถ่ายทอดสดได้ยังไง เห็นข้อความที่ฉันส่งไปบอกว่าอินซอบไม่เป็นอะไรแล้วเป็นแค่อึหมาระ…อ่าว?”

ตอนนั้นเองกรรมการผู้จัดการคิมถึงได้เห็นอินซอบที่นั่งอยู่บนเตียงและทำตาโต

“อินซอบ ตื่นแล้วเหรอ ได้สติแล้วเหรอ”

“…คุณเป็นใครเหรอครับ”

“หา? ทำไมอยู่ๆ เด็กนี่ถึงพูดภาษาอังกฤษล่ะ แอม ยัว…หัวหน้าทีมชา ฉันต้องแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษว่าอะไรนะ”

กรรมการผู้จัดการคิมหันไปมองหัวหน้าทีมชาพลางเอ่ยถาม หัวหน้าทีมชาที่มีสีหน้าเคร่งเครียดส่งสายตาสั่งให้เงียบอย่างสุดชีวิต

“ทำไมล่ะ? นายชอบอวดว่าเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าฉันตลอดเลยนี่ ฮ่าฮ่า แอม แฮนซั่ม แอนด์ ริช บอส(ฉันคือเจ้านายที่หล่อและรวย) ใช่ไหม อีอูยอน นาย…”

กรรมการผู้จัดการคิมเหลือบมองอีอูยอนและปิดปากสนิท ใบหน้าของอีอูยอนซีดกว่าเมื่อกี้ ไม่สิ ซีดเผือดจนไม่มีสีเลือดเลยต่างหาก

“คุณเป็นใครเหรอครับ…ที่นี่คือที่ไหนครับ…แล้วครอบครัวของผมอยู่ที่ไหนเหรอครับ”

ชเวอินซอบ ไม่สิ ปีเตอร์ที่มีสีหน้าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุดมองอีอูยอนพลางพูดแบบนั้น

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท