คนจำนวนมากต่างกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ฮ่องเต้ประทับอยู่ในค่ายทหารด้วยพระองค์เอง ไม่มีผู้ใดคิดว่าองค์ชายสามจะพูดเช่นนี้
ขันทีที่ถือตะเกียงก้มหน้าลงไม่ขยับ ใบหน้าขององค์ชายสามยังคงอบอุ่นภายใต้แสงสลัว โจวเสวียนที่ยืนอยู่ตรงข้ามเขาไม่รู้สึกตกใจกับคำพูดเหล่านี้ อีกทั้งไม่สนใจแม้แต่น้อย
“หวังว่าพวกเราจะโชคดี” เขาภาวนาต่อจากองค์ชายสาม
องค์ชายสาม เอ่ย “คนเราคงจะพึ่งพาแต่โชคชะตาไม่ได้ทั้งหมด หากจะพูดถึงโชคชะตา โชคชะตาของพวกเราไม่ดีนัก”
โจวเสวียนพ่นลมหายใจ “ก็จริง คดีหมู่บ้านซ่างเหอถูกแม่ทัพหน้ากากเหล็กขัดขวาง ไม่คิดว่าเขาสามารถติดตามแหล่งที่มาได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังพิสูจน์ได้ว่าเป็นฝีมือของท่านอ๋องฉี ขากลับถูกโจมตีระหว่างทาง ทั้งที่เขาไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ยังคงมาได้ทันเวลา พวกเราจำเป็นต้องถอนกำลังพล พลาดไปเพียงก้าวเดียวก็สูญเสียหลักฐานสำคัญ”
องค์ชายสามยิ้ม มองเข้าไปในส่วนลึกของพระราชวัง “อันที่จริงท่านนั้นเป็นผู้ที่มีโชคมากที่สุด”
โจวเสวียนก็มองเข้าไปในส่วนลึกของพระราชวัง พูด “ข้าจะไปรายงานข่าวนี้กับผู้มีโชคท่านนั้น”
องค์ชายสามพยักหน้า โจวเสวียนเดินผ่านเขาไปด้านหน้า ขันทีทั้งสองที่หยุดรออยู่ไม่ไกลเดินตามเขา องค์ชายสามยืนมองโจวเสวียนเดินจากไปอยู่ที่เดิม
“องค์ชายสาม ต้องไปแอบฟังทางด้านองค์รัชทายาทหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีที่ถือตะเกียงข้างองค์ชายสามถามเสียงเบา
ฮองเฮาถูกขังในตำหนักเย็น องค์ชายห้าถูกขับไล่ออกจากพระราชวัง กำลังคนของฮองเฮาและองค์ชายห้าถูกกำจัด ถึงแม้พระสนมเสียนเป็นผู้ดูแล แต่เวลานี้ผู้ที่สามารถตัดสินใจ อีกทั้งได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้คือพระสนมสวี เวลานี้องค์ชายสามอยู่ในพระราชวังสะดวกเสียยิ่งกว่าองค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทบัญชาการแทนในพระราชวัง อย่างไรก็เป็นแค่ตัวแทน พระราชวังไม่ใช่ตำหนักบูรพาของเขา
ดังนั้นเมื่อโจวเสวียนมาถึง ผู้ที่ได้ข่าวก่อนจึงเป็นองค์ชายสาม
องค์ชายสามส่ายหัว “ไม่ต้อง โจวเสวียนอยากพูดสิ่งใดย่อมได้ ไปเถิด” เขาพูดพลางไขว้มือไว้ด้านหลังเดินจากไป
ขันทีถือตะเกียงก้มหน้าไม่พูดสิ่งใดอีก ทั้งสองคนหายลับไปในยามราตรีอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องทรงพระอักษรขององค์รัชทายาท ฝูชิงเรียกขานด้านในเสียงเบา อีกทั้งยังใช้นิ้วเคาะประตูระรัว
ภายในมีเสียงขององค์รัชทายาทดังขึ้น ไม่ได้จุดแสงไฟเอาไว้ ฝูชิงรีบเดินเข้ามา สามารถรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจอย่างมากของร่างที่นั่งคลุมเสื้ออยู่บริเวณขอบเตียง
“องค์รัชทายาท อาเสวียนมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ฝูชิงรีบพูด
องค์รัชทายาทให้เขาเข้ามา จุดไฟให้สว่างขึ้น องค์รัชทายาทมองโจวเสวียนที่เดินเข้ามา ตรัสถาม “เสด็จพ่อมีรับสั่งหรือ”
โจวเสวียนส่ายหัว “ฝ่าบาทไม่มีรับสั่งพ่ะย่ะค่ะ ข้าแค่มาทูลองค์รัชทายาทว่าท่านแม่ทัพยังไม่ดีขึ้น”
องค์รัชทายาททรงหาว “ท่านแม่ทัพอายุมากแล้ว ไม่น่าแปลกใจ” ก่อนจะกำชับเขา “เจ้าต้องดูแลฝ่าบาทให้ดี อย่าให้ฝ่าบาททรงเหนื่อยจนประชวร”
โจวเสวียนตอบ “ฝ่าบาททรงแสวงหาหมอเทวดาจากทุกหนแห่ง องค์รัชทายาทต้องการตามหาหมอด้วยหรือไม่ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีให้ฝ่าบาททรงคลายความกังวล”
องค์รัชทายาทคลุมเสื้อเอาไว้ ยกชาบนโต๊ะขึ้นมา “ข้าไม่จำเป็นต้องทำสิ่งเหล่านี้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้ตามหาไต้ฟู แต่ฝ่าบาทก็ทรงทราบดีถึงความกตัญญูของข้า ดังนั้นปล่อยให้ท่านแม่ทัพเป็นไปตามชะตากรรมเถิด”หลังจากพูดเช่นนั้น เขาก็หันหน้าไปมองโจวเสวียน ยิ้มขึ้น “ถ้าเขามีชีวิตรอดไปอีกหลายปี อาเสวียนเจ้าจะไม่มีโอกาสเป็นผู้นำกองทัพ”
คำพูดทำให้เปลวไฟในดวงตาลุกโชนเล็กน้อย
โจวเสวียนขมวดคิ้ว “ดังนั้นแม้ว่าข้าจะไม่ได้แต่งงานกับองค์หญิง แต่ฝ่าบาทก็จะทรงเอาอำนาจทางทหารของข้าไป! ฝ่าบาทต้องการจะพรากอำนาจทางทหารของข้าไปเสมอ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดท่านแม่ทัพจึงเลือกผู้อื่นเป็นมือซ้ายมือขวา อีกทั้งยังตัดกำลังของข้าอยู่เสมอ!”
“เจ้าโกรธอันใดกัน” องค์รัชทายาทพูดเสียงอ่อน “เสด็จพ่อทำเช่นนี้เพื่อประโยชน์ของเจ้า มีดดาบไร้เงา เจ้าทำสิ่งอื่นไม่ดีหรือ เหมือนท่านพ่อของเจ้า…”
ใบหน้าของโจวเสวียนดำทะมึนก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาพูดขัดองค์รัชทายาท “ข้าไม่ต้องการเป็นเหมือนท่านพ่อ!”
เมื่อเห็นใบหน้าทั้งโกรธทั้งเศร้าของชายหนุ่มใต้โคมไฟ เสียงขององค์รัชทายาทก็อ่อนโยนยิ่งขึ้น “ข้าหมายถึงการเป็นนักปราชญ์เหมือนท่านพ่อของเจ้า อาเสวียน เจ้าจะมีชีวิตที่ดี ไม่ประสบภัยเหมือนโจวต้าฟู”
เส้นเลือดบนมือที่กำแน่นของโจวเสวียนโป่งพอง
“เอาเถิด อาเสวียน อย่าโกรธเลย” องค์รัชทายาทเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เวลานี้นอกจากท่านแม่ทัพแล้ว เจ้าเป็นคนที่เสด็จพ่อไว้ใจมากที่สุด”
เวลานี้หรือ คนที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กคัดเลือกยังไม่มีสิทธิ์พอ หากแม่ทัพหน้ากากเหล็กไม่อยู่…สีหน้าของโจวเสวียนเปลี่ยนแปลงไป มือที่กำแน่นคลี่คลายลง
องค์รัชทายาทเห็นการเปลี่ยนแปลงของเขา จิบชาเล็กน้อย “เจ้าทำได้ดี แสดงเจตนาต่อเสด็จพ่อ ไม่ใช่ว่าเสด็จพ่อไม่ฟังคำขอของเจ้า เจ้าดู เจ้าบอกไม่ยินยอมแต่งงานกับจินเหยา เสด็จพ่อก็ตกลงแล้วไม่ใช่หรือ”
สำหรับเรื่องสุดท้ายที่เขาพูด เห็นได้ชัดว่าโจวเสวียนไม่สนใจ เขาส่งเสียงตอบรับในลำคอ “ข้ารู้แล้ว พี่จิ่นหยง ข้ากลับค่ายทหารแล้ว”
องค์รัชทายาทยิ้ม “ไปเถิด ไปเถิด อย่ากังวลมากนัก”
โจวเสวียนคำนับ ก่อนจะหันหลังจากไปอย่างเร่งรีบ
องค์รัชทายาทดื่มชาอย่างช้าๆ
“ท่านโหวโจวร้อนใจแล้ว” ฝูชิงก้าวไปข้างหน้า พูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่เรียกแทนตนเองว่าขุนนาง หรือเรียกท่านว่าองค์รัชทายาท หากแต่เรียกว่าพี่เหมือนสมัยเด็ก สมัยเด็กท่านโหวโจวดื้อรั้นอย่างมาก ไม่ยอมเหล่าองค์ชายท่านอื่น แต่เชื่อฟังองค์รัชทายาทเท่านั้น”
องค์รัชทายาทยิ้ม เอ่ยว่า “เพราะข้าดูแลเขา ไม่ว่าเขาต้องการอันใด ข้าจะมอบให้เขา ปกป้องเขา ไม่ว่าผู้ใหญ่หรือเด็ก ล้วนปรารถนาในสิ่งที่เขาต้องการ”
ฝูชิงก้มศีรษะพูด “ไม่ว่าจะเป็นของเล่นในวัยเด็กหรืออำนาจทางทหารในเวลานี้ ตราบใดที่โจวเสวียนต้องการ องค์รัชทายาทท่านย่อมช่วยเขา”
เหตุผลและคำสัญญานี้ โจวเสวียนผู้ชาญฉลาดย่อมเข้าใจ
องค์รัชทายาทไม่พูดอันใดต่อ เขาดื่มชาหมดในคราเดียว มีความสุขอย่างยิ่ง
ฝูชิงกระซิบอีกครั้ง “พวกเราจะส่งคนไปช่วยเขาหรือไม่ ให้เขาปลิดชีพในขณะที่อีกฝ่ายกำลังป่วย”
องค์รัชทายาทส่ายหัว “ได้อย่างไร”
ส่งคนไปย่อมมีหลักฐาน ไม่เหมาะสมยิ่งนัก
ฝูชิงถาม “พวกเราจะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาททรงหาว “พวกเราไม่ต้องทำสิ่งใด โจวเสวียนก็ดี แม่ทัพหน้ากากเหล็กก็ดี ล้วนขึ้นอยู่กับโชคชะตา”
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผู้ใดเป็นผู้ใดตาย เขาล้วนไม่มีความเสียหาย
แน่นอน เขาหวังว่าโจวเสวียนจะทำสำเร็จ แม่ทัพหน้ากากเหล็กมีชีวิตอยู่มานานเกินไป ช่างเป็นอุปสรรคยิ่งนัก เดิมทีคิดว่าเขาเป็นปราการของตนเอง คดีหมู่บ้านซ่างเหอแก้ไขได้ทันเวลาเพราะเขา แต่ปราการนี้หยิ่งผยองเกินไป เขากล่าวหาว่าตนเองแย่งชิงความดีความชอบเพื่อเฉินตันจู!
อีกทั้งยังบอกว่าองค์รัชทายาทไม่ใช่จักรพรรดิของเขา
ขุนนางที่มีความดีความชอบเช่นนี้ เขาไม่กล้าใช้
ในอนาคต ยังไม่รู้ว่าผู้ใดจะควบคุมผู้ใด
คนหนุ่มอย่างไรก็ดีกว่า
เขาช่วยให้คนหนุ่มบรรลุในสิ่งที่พวกเขาต้องการ คนหนุ่มย่อมต้องรู้สึกซาบซึ้งเขา
คนที่ชราก็ควรจะเรียนรู้ในการเกษียณ อย่าอาศัยอายุและความดีความชอบในการดูถูกคน!
…
ค่ำคืนค่อยๆ จางหายไป โจวเสวียนที่เดินออกจากพระราชวังเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงของท้องฟ้าทำให้ใบหน้าของเขาเปล่งประกายอย่างนุ่มนวล
“เกือบจะรุ่งสางแล้ว” เขากล่าว
ชิงเฟิงเงยหน้ามอง “ใช่ขอรับ คุณชาย พวกเรารีบกลับไปเถิด” ก่อนจะถามอย่างสงสัย “องค์รัชทายาทตรัสสิ่งใดบ้างขอรับ”
โจวเสวียนหันมามองเขา “องค์รัชทายาทไม่ได้ตรัสสิ่งใด องค์รัชทายาทก็ทรงกังวลพระทัยอย่างมาก”
ชิงเฟิงพยักหน้า “ใช่ ท่านแม่ทัพเป็นเช่นนี้ ช่างทำให้คนกังวลใจ”
โจวเสวียนหัวเราะ “ท่านแม่ทัพน่าสงสาร”
ท่านแม่ทัพน่าสงสารมาก แต่เหตุใดคุณชายถึงหัวเราะ ชิงเฟิงมองโจวเสวียนด้วยความฉงน
“เหมือนท่านพ่อของข้า น่าสงสาร” โจวเสวียนมองเขาด้วยรอยยิ้ม
มีความสามารถมากมีอำนาจบารมีมากแล้วอย่างไร ยังไม่พ้นถูกคนภาวนาให้ตาย