‘ชอบของแบบนี้จริงๆ เหรอครับ’
‘ครับ’
‘ผมสงสัยว่าพวกปลามีอะไรดีน่ะ’
‘ก็แค่…เพราะมันน่าเหลือเชื่อน่ะครับ’
‘อืม’
แม้จะได้ฟังคำตอบของอินซอบแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับเอียงคอเพราะไม่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ
…แค่เพราะผมอยากมาที่นี่กับคุณน่ะครับ
อินซอบไม่กล้าพูดคำนั้นออกไปและลูบชายเสื้อไปมา เขาได้มาช่วยทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนอยู่สองสามวันด้วยคำขอร้องของหัวหน้าทีมชา หัวหน้าทีมชากล่าวขอบคุณและยื่นตั๋วอควาเรียมให้สองใบ
‘ฉันได้รับมาน่ะ ไว้ไปกับเพื่อน…ไม่สิ เพื่อนร่วมงาน…ไม่สิ…ไปกับใครก็ได้ตอนที่มีเวลานะ’
อินซอบกล่าวขอบคุณและรับตั๋วมา พอลองค้นหาดู เขาก็พบว่ามันเป็นสถานที่เดตที่พวกคนดังไปกันเยอะ แม้จะไม่เคยพูดออกมาเลยสักครั้ง แต่บางครั้งอินซอบก็อยากเดตแบบธรรมดากับอีกฝ่าย
‘…ไม่ค่อยชอบเหรอครับ’
อินซอบเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง
‘รู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในท่าเรือประมงที่มีร้านปลาดิบที่ใหญ่และสะอาดเลยนะครับ’
เขายิ้มอย่างขี้เล่นพลางตอบกลับ อินซอบจึงเอ่ยขอโทษว่า ‘ขอโทษครับ’
‘ขอโทษเรื่องอะไรเหรอครับ’
‘คุณยุ่งอยู่แท้ๆ แต่กลับต้องมาที่แบบนี้เพราะผม…’
ตอนนั้นเอง ผู้หญิงที่เหลือบมองมาทางนี้ตั้งแต่เมื่อกี้ก็พูดว่า ‘ขอโทษนะคะ’ พลางชวนคุย
‘ใช่คุณ…หรือเปล่าคะ’
‘ไม่ใช่นะครับ’
เขากดหมวกลงต่ำพลางเอ่ยตอบ
‘อ๊ะ แต่เหมือนจะใช่นะ เสียงเหมือนกันเลย’
ชายหนุ่มเร่งอินซอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ‘ไปกันเถอะครับ’
‘คุณ…ใช่ไหมคะ ถ่ายรูปด้วยสักหน่อยไม่ได้เหรอคะ นะคะ?’
หญิงสาวตามมาอย่างไม่ยอมแพ้ เขาจับข้อมือของอินซอบ จากนั้นก็เริ่มวิ่งโดยไม่หันหลังกลับไปมอง อินซอบวิ่งไปพร้อมกับอีกฝ่ายในช่วงที่ไม่ทันได้ตั้งสติ
พอมองเห็นประตูฉุกเฉินที่แปะป้ายห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าออกเอาไว้ เขาก็เปลี่ยนทิศทางไปทางนั้นอย่างไม่ลังเล
‘เรา…’
‘ชู่ว์’
เขาทำนิ้วสั่งให้เงียบ เสียงของพวกผู้หญิงที่ซุบซิบกันว่า ‘ไปไหนแล้ว เขาไปทางนี้หรือเปล่า ใช่จริงๆ ใช่ไหม? เธอเห็นหรือเปล่า?’ ห่างออกไปทีละนิด
อินซอบที่หอบหายใจเงยหน้ามองใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังกุมไหล่ของตน เขาที่มีแววตาเต็มไปด้วยความซุกซนราวกับเด็กหนุ่มกำลังมองไปที่ทิศทางที่ผู้หญิงพวกนั้นหายไป
หัวใจเขาเต้นตึกตัก ความร้อนเพิ่มขึ้นในทุกจุดที่มือของอีกฝ่ายสัมผัสและรู้สึกชาตรงผิวหนัง
‘…ไปกันหมดแล้วเหรอครับ’
อินซอบหลุบตามองด้านล่างพลางเอ่ยถาม
‘อืม หายไปหมดแล้ว’
คำตอบถูกส่งกลับมา แต่มือที่กอดไหล่ไว้กลับไม่ยอมละออกไป
‘คือว่าเอามือ…’
แม้จะพยายามเอามือลง แต่อีกฝ่ายกลับกระชับฝ่ามือและกอดอินซอบไว้แน่น
‘…กลับบ้านกันเถอะครับ’
‘คุณจะไม่ได้ดูปลาที่ชอบทั้งที่พวกมันน่าเหลือเชื่อได้ยังไงล่ะ’
‘ผมดูเยอะแล้วครับ’
อีกฝ่ายไม่ยอมผละออกไปง่ายๆ หัวใจของเขาเต้นตึกตักและเลือดก็ไหลมารวมกัน
‘คุณอินซอบ’
‘ครับ?’
อินซอบสะดุ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ
ถูกจับได้หรือเปล่านะ ว่าเราตื่นตัวเต็มที่และประหม่า…
‘ถูกต้องแล้วครับที่ผมมาที่แบบนี้เพราะคุณ’
น้ำเสียงกลั้วหัวเราะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาอยากหลบสายตา แต่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ อีกฝ่ายกระซิบผ่านริมฝีปากที่ใกล้เข้ามา
‘เพราะฉะนั้นคุณช่วยรับผิดชอบทำให้ผมพอใจหน่อยนะครับ’
…
อินซอบลืมตา
เขาเงยหน้ามองเพดานอย่างเหม่อลอยก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นมา
ที่นี่คือที่ไหน
หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็นึกถึงสถานการณ์ที่เหมือนกับเรื่องโกหกที่ตัวเองเผชิญหน้าอยู่ออก
“เฮ้อ…”
อินซอบใช้ฝ่ามือปิดหน้าและค่อยๆ เรียบเรียงความคิด เพราะอาจจะมีความทรงจำที่กลับมาอยู่ก็ได้ นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดอยู่ทุกวันหลังจากลืมตาขึ้นมาที่ประเทศเกาหลี
พอทำแบบนั้นเศษเสี้ยวของความฝันก็โผล่มาในหัวอย่างกะทันหัน
…ใครกันนะ
แม้อินซอบจะพยายามลองนึกฉากในฝันอย่างละเอียด แต่กลับไม่สามารถทำได้โดยง่ายด้วยสมองที่พร่ามัวราวกับมีหมอกปกคลุม
โอเค ก่อนอื่น…
อินซอบลุกขึ้นจัดเตียงและออกไปข้างนอก เขาไม่เห็นชายหนุ่มอีกคน พอเหลือแค่ตัวเองอยู่ในบ้านที่กว้างขวางตามลำพัง ความกังวลใจที่กดไว้อย่างยากลำบากก็พุ่งขึ้นมา
ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียง และชายหนุ่มก็เดินผ่านประตูหน้าบ้านเข้ามา
“ตื่นแล้วเหรอครับ”
อีกฝ่ายอยู่ในชุดออกกำลังกายเพราะเพิ่งออกกำลังกายมา อินซอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเบาๆ ชายหนุ่มถอดรองเท้ากีฬาและเดินเข้ามากุมหน้าของอินซอบ
“ผมเห็นว่านอนอยู่ก็เลยออกไป ทำไมถึงตื่นซะแล้วล่ะครับ คุณเป็นคนที่นอนตอนเช้าเยอะมากแท้ๆ”
“เอ่อ ก็แค่ตื่นขึ้นมาน่ะ”
อินซอบอ้ำอึ้งและเอ่ยตอบ แปลก ถึงจะมีน้องชายถึงสามคน แต่ก็ไม่เคยโดนลูบใบหน้าแบบนี้มาก่อน ที่เกาหลีพวกพี่น้องเขาทำกันแบบนี้เหรอ…หรือว่าแค่เป็นคนอ่อนโยนเฉยๆ นะ
“งั้นไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวผมจะเตรียมอาหารเอาไว้”
“ผมทำเองครับ ไม่สิ…ฉันทำเอง”
อินซอบรีบเงยหน้า พวกเขาสบตากัน มีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่ที่ดวงตาของอีกฝ่าย
“จะทำอะไรล่ะครับ คุณทำอาหารไม่เป็นนี่”
ในน้ำเสียงที่ตื่นตกใจเต็มไปด้วยการหัวเราะ อินซอบหน้าแดงไปจนถึงคอ เพราะคิดว่าถูกน้องชายจับได้ถึงส่วนที่น่าอายของตัวเอง
เขาได้ยินเสียงอีกฝ่ายพึมพำว่า ‘แม่งเอ๊ย’ อยู่เหนือศีรษะ อินซอบที่ตื่นตกใจเงยหน้ามองอีกฝ่ายอีกครั้ง
“ไม่ต้องรีบอาบนะครับ เพราะต้องใช้เวลาในการเตรียม”
ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อื้อ…”
ฟังผิดหรือเปล่านะ ไม่มีทางที่คนที่ยิ้มด้วยใบหน้าอ่อนโยนถึงขนาดนี้จะพ่นคำด่าแบบนั้นหรอก
อินซอบพยักหน้าและเดินเข้าห้องของตัวเองไป
***
“ฉิบ…”
ต้นขาแข็งแกร่งหดเกร็งราวกับกำลังร่วมเพศ พอเขากลั้นหายใจดังอึก น้ำเชื้อสีขาวขุ่นก็ไหลลงสู่ด้านล่าง
“แฮ่ก… …แฮ่ก”
น้ำเชื้อถูกทำให้เป็นน้ำวนภายใต้สายน้ำจากฝักบัวและไหลลงไปพร้อมกับน้ำ อีอูยอนสบถออกมาก่อนจะอาบน้ำให้เสร็จ
เขาใส่เสื้อออกมาข้างนอกและเตรียมอาหารเช้า
“มีงานให้ช่วยไหม…?”
อินซอบที่เดินเข้ามาทางด้านหลังเมื่อไรก็ไม่รู้ชะเง้อมองพลางเอ่ยถาม
“นั่งดูตรงโน้นครับ”
อีอูยอนใช้คางชี้ไปที่เก้าอี้ อินซอบรีบเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ของโต๊ะกินข้าวตามที่สั่ง
“หันเก้าอี้ไปทางขวานิดนึง”
“แบบนี้เหรอ”
“อื้อ เยี่ยมเลย”
อีอูยอนทำออมเล็ตพลางพูดต่อ
“นั่งดูผมอยู่ตรงนั้นนะครับ”
“ครับ?”
ถ้ามึนงง เขาจะเผลอพูดคำสุภาพออกมาทันที อีอูยอนแกล้งทำเป็นไม่รู้และกลั้นยิ้มไว้
“ผมได้ยินมาว่าถ้าให้ใครสักคนมอง อาหารจะออกมาดีน่ะครับ”
“…อย่างงั้นเหรอ”
ไม่มีทาง
แม้จะเกลียดการที่ใครสักคนจ้องมองตัวเองมาก แต่กลับเกลียดการทำอาหารให้ใครสักคนมากกว่า แม้จะเจอพวกผู้หญิงมามาก แต่เขาไม่เคยเอาน้ำสักแก้วให้เลยด้วยซ้ำ
“ยาล่ะ”
อีอูยอนหันมาถาม
“ครับ?”
“ที่หมอสั่งให้กินก่อนอาหารน่ะครับ”
“อ๋อ จริงด้วย”
อินซอบลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปในห้อง อีอูยอนวางน้ำอุ่นลงตรงหน้าอินซอบที่ถือถุงยามาเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน
“ต้องกินยาให้ครบสิครับ แบบนั้นจะได้หายเร็วๆ ไง”
“…ขอบใจนะ”
อินซอบพึมพำเบาๆ ก่อนจะกลืนยาลงไป เขาจ้องมองลูกกระเดือกเล็กๆ ขยับไปพร้อมกับน้ำ
“คือ…”
“…”
“เหมือนออมเล็ตจะไหม้นะ”
อินซอบชี้ไปที่เตาไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง อีอูยอนตักออมเล็ตออกจากกระทะทันที ออมเล็ตที่ถูกทำอย่างสมบูรณ์ถูกวางลงในจานของอินซอบภายหลัง จากนั้นเขาก็เทแป้งแพนเค้กและทอดแพนเค้ก
“นี่”
พออีอูยอนเอาจานมาให้ อินซอบก็ขยับขนตายาวๆ และยิ้มออกมา เขาเพิ่งรู้ได้ไม่นานนี้เองว่าอีกฝ่ายชอบให้ทอดแพนเค้กให้ตอนเช้า เขานึกถึงอินซอบที่พูดเรื่องที่ไม่กล้าพูดมาตลอดเพราะกลัวจะดูเหมือนเป็นเด็กพร้อมกับยิ้มไปด้วย
“จะกินให้อร่อยเลย”
อินซอบจบบทสวดสั้นๆ และหยิบส้อมขึ้นมา อีอูยอนจ้องมองอินซอบที่หยิบสตรอว์เบอร์รีที่หั่นวางไว้ข้างๆ แพนเค้กขึ้นมากินอย่างไม่รีบร้อน
อีกฝ่ายดูเป็นเด็กชัดๆ แม้เดิมทีจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดูอ่อนกว่าวัยอยู่แล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเด็กลงกว่าปกติมาก เพราะลักษณะการพูดและการออกเสียงภาษาเกาหลีที่ติดๆ ขัดๆ
เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ
“ขอบคุณครับ ไม่สิ ขอบใจนะ…อร่อยมาก”
พอสบตากัน อินซอบก็ยิ้มให้เล็กน้อย เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่พอดีตัวเล็กน้อย แก้มที่แดงเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จได้ไม่นาน และกำลังนั่งยิ้มอยู่
ผมไม่เคยจินตนาการเลยว่าคุณจะมองผมด้วยสายตาไร้เดียงสาและไร้เกราะป้องกันได้ขนาดนี้
เขาชำเราอินซอบในหัวไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้ เขากดความต้องการที่อยากจะจับข้อเท้าผอมบางนั้นอ้าออกและทำให้นอนลงกับโต๊ะกินข้าวก่อนจะสอดใส่เข้าไปไว้อย่างยากลำบาก
‘นี่ การที่นายพาอินซอบไปอยู่ด้วยมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่อย่าทำเรื่องไม่ดีล่ะ’
กรรมการผู้จัดการคิมชำระค่าใช้จ่ายและมากำชับอย่างจริงจังก่อนออกจากโรงพยาบาล
‘เรื่องไม่ดีคืออะไรเหรอครับ’
‘นายถามทั้งๆ ที่รู้’
‘เรื่องที่ทำระหว่างคนที่รักกันเป็นการทำเรื่องไม่ดีได้ยังไงล่ะครับ’
‘นี่ อีอูยอน!’
‘ล้อเล่นครับ อย่าห่วงไปเลยครับ ต่อให้ผมจะเป็นหยาบคายแค่ไหน ผมก็ไม่จับคนรักที่ป่วยมาทำเรื่องแบบนั้นหรอกครับ เห็นคนเขาเป็นอะไรกัน’
‘…ก็เห็นเป็นนายน่ะสิ’
กรรมการผู้จัดการคิมกัดฟันพลางกำชับอีกครั้งว่าอย่าทำเรื่องไม่ดีกับอินซอบ อีอูยอนยิ้มและพยักหน้า
มองถูกแล้วล่ะครับ กรรมการผู้จัดการ
อีอูยอนดื่มกาแฟพลางยิ้มอย่างขมขื่น
เมื่อวานแม้เขาจะกอดอินซอบที่กลัวจนร้องไห้ไว้จากทางด้านหลังและอ่านหนังสือให้ฟัง แต่เลือดก็ยังไปรวมกันที่ร่างกายส่วนล่าง หลังจากแน่ใจว่าอินซอบหลับไปแล้ว เขาก็ไปที่ห้องน้ำและปลดปล่อยความต้องการลำพัง แต่ถึงอย่างนั้นความร้อนรุ่มก็ไม่เย็นลงง่ายๆ เขาจึงออกไปข้างนอกและวิ่งอยู่สองชั่วโมง เพราะคิดว่าถ้าเหนื่อยกลับมาน่าจะดีขึ้นหรือเปล่า
แต่ตอนที่เห็นอินซอบที่พอโดนหยอกล้อนิดหน่อยต้นคอก็แดงในตอนเช้า เขาก็ได้รู้ ว่าต่อให้โลกจะแตกออกเป็นสองส่วน วันที่เขาไม่เกิดอารมณ์ทางเพศกับชเวอินซอบคงไม่มาถึง
สุดท้ายอีอูยอนก็อาบน้ำพร้อมกับช่วยตัวเองอีกถึงสองรอบ แม้เขาจะจดจำไว้ในใจแค่ไหนว่าอีกฝ่ายเป็นคนป่วย และตอนนี้ก็จำอะไรไม่ได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่จะแข็ง แค่อินซอบหายใจอยู่ตรงหน้าเขาก็ชอบจนจะตายห่าอยู่แล้ว แม้กระทั่งเรื่องนี้…
พอสบตากันอีกครั้ง อินซอบก็ลังเลไปสักพักก่อนจะยิ้มร่าให้ จะน้องแท้ๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ เราอยากจะจับเด็กนั่นนอนคว่ำหน้าลงกับโต๊ะกินข้าวและมีอะไรด้วยจากด้านหลังเหมือนหมาชะมัด…แม่งเอ๊ย
อีอูยอนใช้มีดตัดออมเล็ตและยิ้มอย่างขมขื่น
“คือว่า”
“หืม?”
“…ฉันขอดูโทรศัพท์ที่เคยใช้ได้ไหม”
“ทำไมเหรอครับ”
“หา?”
“จะโทรศัพท์ไปที่ไหนเหรอครับ”
“มะ ไม่ได้จะโทรศัพท์หรอก แค่สงสัยเฉยๆ น่ะว่ามีอะไรบ้าง รูป หรือข้อมูลติดต่อ…ของพวกนั้นน่ะ”
“ผมทิ้งไปแล้วครับ เพราะมันแตกละเอียดเลย ถึงขนาดที่ซ่อมไม่ได้”
อินซอบพูดว่า ‘อ๋อ’ และพยักหน้าด้วยสีหน้าเซื่องซึมเล็กน้อย เขาโกหก โทรศัพท์มือถือของอินซอบอยู่กับเขา แต่เขาไม่คิดที่จะคืน ตอนแรกเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะตกใจเมื่อรู้ความจริงว่ากำลังคบอยู่กับตน แต่พอเอาเข้าจริงแล้วเขาก็คิดว่านี่ก็ไม่ได้แย่ เขาพอใจกับความจริงที่ว่ากิจกรรมภายนอกประเทศทั้งหมดของอินซอบต้องผ่านตนไปก่อนถึงจะสามารถทำได้เป็นอย่างมาก
“เวลาจะโทรศัพท์หาครอบครัวก็ยืมผมนะครับ”
“…ฉันรู้สึกผิดน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
แม้จะพูดแบบนั้น แต่อีอูยอนรู้ดีว่าชเวอินซอบที่จิตใจดีจะรู้สึกผิดกับการยืมโทรศัพท์ทุกครั้งที่จะโทรศัพท์ไปที่อเมริกาจนไม่สามารถโทรศัพท์หาได้ตามอำเภอใจ
เขาตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายห่างกับครอบครัวที่อเมริกาให้มากที่สุด เหตุผลที่ขอไม่ให้ใช้ภาษาอังกฤษ แต่เป็นภาษาเกาหลีก็เหมือนกัน เขาไม่อยากสร้างช่องทางใดก็ตามที่จะทำให้นึกถึงอเมริกา ใจจริงเขาอยากจะบอกว่าครอบครัวที่อเมริกาตายห่าไปหมดแล้วด้วยซ้ำ และบอกว่าคุณเหลือแค่ผมเท่านั้น ก่อนจะบอกว่าเพราะฉะนั้นคุณอย่าไปไหน และอยู่ที่นี่กับผมเถอะ
…แต่ถ้าทำแบบนั้น อีกฝ่ายต้องร้องไห้อย่างหนักแน่ๆ
อีอูยอนมองตาของอินซอบที่ยังคงบวมแดงและกลั้นหายใจ แม้จะชอบที่อีกฝ่ายร้องไห้บนเตียงเพราะสวย แต่นอกจากนั้นเขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายร้องไห้
“นี่ อูยอน”
“…”
อีอูยอนที่ใช้ส้อมเขี่ยสลัดอยู่หยุดชะงัก สายตาของเขามองไปทางอินซอบ อินซอบตกใจกับบรรยากาศที่อึดอัดขึ้นอย่างกะทันหันและทำตัวไม่ถูก
“ขะ ขอโทษ แค่ แค่ไม่รู้ว่าต้องเรียกยังไงน่ะ…ถ้าอารมณ์ไม่ดีเพราะเรียกอย่างเป็นกันเอง ผมจะใช้คำสุภาพครับ”
อินซอบกล่าวขอโทษอีกครั้งว่า ‘ขอโทษครับ’ ด้วยสีหน้าที่เกือบจะร้องไห้ อีอูยอนผ่อนลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ออกมาอย่างช้าๆ และใช้มือลูบแก้ม
“เปล่าครับ ก็แค่…”
ดวงตากลมโตของอินซอบสั่นไหวด้วยความกังวลใจ อีอูยอนเงยหน้าขึ้น
“…ชอบมากน่ะครับ ที่คุณเรียกชื่อ ช่วยเรียกแบบนั้นไปตลอดนะครับ”
อินซอบพยักหน้าเบาๆ ให้กับคำพูดที่พอต่อกันราวกับเป็นลมหายใจ อีอูยอนกัดโทสต์กินพลางคิด
ทำให้ร้องไห้บนโต๊ะกินข้าวสักครั้งจะได้ไหมนะ ยังไงเราก็เป็นไอ้สารเลวอยู่แล้วนี่
พอสบตากัน อินซอบก็ยิ้มให้เล็กน้อยอีกครั้ง อีอูยอนสามารถรับรู้ได้ถึงความดีของอินซอบที่แสดงออกต่อน้องแท้ๆ ทั้งที่ยังอยู่ในระหว่างที่สับสนโดยที่จำอะไรไม่ได้เลย
อีอูยอนดื่มน้ำเย็นลงไปรวดเดียวโดยไม่พูดอะไร