ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Historiette > 1-5

Side Story < Love Historiette > 1-5

‘ชอบของแบบนี้จริงๆ เหรอครับ’

‘ครับ’

‘ผมสงสัยว่าพวกปลามีอะไรดีน่ะ’

‘ก็แค่…เพราะมันน่าเหลือเชื่อน่ะครับ’

‘อืม’

แม้จะได้ฟังคำตอบของอินซอบแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับเอียงคอเพราะไม่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆ

…แค่เพราะผมอยากมาที่นี่กับคุณน่ะครับ

อินซอบไม่กล้าพูดคำนั้นออกไปและลูบชายเสื้อไปมา เขาได้มาช่วยทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวของอีอูยอนอยู่สองสามวันด้วยคำขอร้องของหัวหน้าทีมชา หัวหน้าทีมชากล่าวขอบคุณและยื่นตั๋วอควาเรียมให้สองใบ

‘ฉันได้รับมาน่ะ ไว้ไปกับเพื่อน…ไม่สิ เพื่อนร่วมงาน…ไม่สิ…ไปกับใครก็ได้ตอนที่มีเวลานะ’

อินซอบกล่าวขอบคุณและรับตั๋วมา พอลองค้นหาดู เขาก็พบว่ามันเป็นสถานที่เดตที่พวกคนดังไปกันเยอะ แม้จะไม่เคยพูดออกมาเลยสักครั้ง แต่บางครั้งอินซอบก็อยากเดตแบบธรรมดากับอีกฝ่าย

‘…ไม่ค่อยชอบเหรอครับ’

อินซอบเอ่ยถามอย่างระมัดระวัง

‘รู้สึกเหมือนเดินเข้าไปในท่าเรือประมงที่มีร้านปลาดิบที่ใหญ่และสะอาดเลยนะครับ’

เขายิ้มอย่างขี้เล่นพลางตอบกลับ อินซอบจึงเอ่ยขอโทษว่า ‘ขอโทษครับ’

‘ขอโทษเรื่องอะไรเหรอครับ’

‘คุณยุ่งอยู่แท้ๆ แต่กลับต้องมาที่แบบนี้เพราะผม…’

ตอนนั้นเอง ผู้หญิงที่เหลือบมองมาทางนี้ตั้งแต่เมื่อกี้ก็พูดว่า ‘ขอโทษนะคะ’ พลางชวนคุย

‘ใช่คุณ…หรือเปล่าคะ’

‘ไม่ใช่นะครับ’

เขากดหมวกลงต่ำพลางเอ่ยตอบ

‘อ๊ะ แต่เหมือนจะใช่นะ เสียงเหมือนกันเลย’

ชายหนุ่มเร่งอินซอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า ‘ไปกันเถอะครับ’

‘คุณ…ใช่ไหมคะ ถ่ายรูปด้วยสักหน่อยไม่ได้เหรอคะ นะคะ?’

หญิงสาวตามมาอย่างไม่ยอมแพ้ เขาจับข้อมือของอินซอบ จากนั้นก็เริ่มวิ่งโดยไม่หันหลังกลับไปมอง อินซอบวิ่งไปพร้อมกับอีกฝ่ายในช่วงที่ไม่ทันได้ตั้งสติ

พอมองเห็นประตูฉุกเฉินที่แปะป้ายห้ามไม่ให้ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าออกเอาไว้ เขาก็เปลี่ยนทิศทางไปทางนั้นอย่างไม่ลังเล

‘เรา…’

‘ชู่ว์’

เขาทำนิ้วสั่งให้เงียบ เสียงของพวกผู้หญิงที่ซุบซิบกันว่า ‘ไปไหนแล้ว เขาไปทางนี้หรือเปล่า ใช่จริงๆ ใช่ไหม? เธอเห็นหรือเปล่า?’ ห่างออกไปทีละนิด

อินซอบที่หอบหายใจเงยหน้ามองใบหน้าของอีกฝ่ายที่กำลังกุมไหล่ของตน เขาที่มีแววตาเต็มไปด้วยความซุกซนราวกับเด็กหนุ่มกำลังมองไปที่ทิศทางที่ผู้หญิงพวกนั้นหายไป

หัวใจเขาเต้นตึกตัก ความร้อนเพิ่มขึ้นในทุกจุดที่มือของอีกฝ่ายสัมผัสและรู้สึกชาตรงผิวหนัง

‘…ไปกันหมดแล้วเหรอครับ’

อินซอบหลุบตามองด้านล่างพลางเอ่ยถาม

‘อืม หายไปหมดแล้ว’

คำตอบถูกส่งกลับมา แต่มือที่กอดไหล่ไว้กลับไม่ยอมละออกไป

‘คือว่าเอามือ…’

แม้จะพยายามเอามือลง แต่อีกฝ่ายกลับกระชับฝ่ามือและกอดอินซอบไว้แน่น

‘…กลับบ้านกันเถอะครับ’

‘คุณจะไม่ได้ดูปลาที่ชอบทั้งที่พวกมันน่าเหลือเชื่อได้ยังไงล่ะ’

‘ผมดูเยอะแล้วครับ’

อีกฝ่ายไม่ยอมผละออกไปง่ายๆ หัวใจของเขาเต้นตึกตักและเลือดก็ไหลมารวมกัน

‘คุณอินซอบ’

‘ครับ?’

อินซอบสะดุ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ

ถูกจับได้หรือเปล่านะ ว่าเราตื่นตัวเต็มที่และประหม่า…

‘ถูกต้องแล้วครับที่ผมมาที่แบบนี้เพราะคุณ’

น้ำเสียงกลั้วหัวเราะใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เขาอยากหลบสายตา แต่ไม่สามารถทำแบบนั้นได้ อีกฝ่ายกระซิบผ่านริมฝีปากที่ใกล้เข้ามา

‘เพราะฉะนั้นคุณช่วยรับผิดชอบทำให้ผมพอใจหน่อยนะครับ’

อินซอบลืมตา

เขาเงยหน้ามองเพดานอย่างเหม่อลอยก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นมา

ที่นี่คือที่ไหน

หลังจากคิดอยู่พักใหญ่ เขาก็นึกถึงสถานการณ์ที่เหมือนกับเรื่องโกหกที่ตัวเองเผชิญหน้าอยู่ออก

“เฮ้อ…”

อินซอบใช้ฝ่ามือปิดหน้าและค่อยๆ เรียบเรียงความคิด เพราะอาจจะมีความทรงจำที่กลับมาอยู่ก็ได้ นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดอยู่ทุกวันหลังจากลืมตาขึ้นมาที่ประเทศเกาหลี

พอทำแบบนั้นเศษเสี้ยวของความฝันก็โผล่มาในหัวอย่างกะทันหัน

…ใครกันนะ

แม้อินซอบจะพยายามลองนึกฉากในฝันอย่างละเอียด แต่กลับไม่สามารถทำได้โดยง่ายด้วยสมองที่พร่ามัวราวกับมีหมอกปกคลุม

โอเค ก่อนอื่น…

อินซอบลุกขึ้นจัดเตียงและออกไปข้างนอก เขาไม่เห็นชายหนุ่มอีกคน พอเหลือแค่ตัวเองอยู่ในบ้านที่กว้างขวางตามลำพัง ความกังวลใจที่กดไว้อย่างยากลำบากก็พุ่งขึ้นมา

ตอนนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียง และชายหนุ่มก็เดินผ่านประตูหน้าบ้านเข้ามา

“ตื่นแล้วเหรอครับ”

อีกฝ่ายอยู่ในชุดออกกำลังกายเพราะเพิ่งออกกำลังกายมา อินซอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกเบาๆ ชายหนุ่มถอดรองเท้ากีฬาและเดินเข้ามากุมหน้าของอินซอบ

“ผมเห็นว่านอนอยู่ก็เลยออกไป ทำไมถึงตื่นซะแล้วล่ะครับ คุณเป็นคนที่นอนตอนเช้าเยอะมากแท้ๆ”

“เอ่อ ก็แค่ตื่นขึ้นมาน่ะ”

อินซอบอ้ำอึ้งและเอ่ยตอบ แปลก ถึงจะมีน้องชายถึงสามคน แต่ก็ไม่เคยโดนลูบใบหน้าแบบนี้มาก่อน ที่เกาหลีพวกพี่น้องเขาทำกันแบบนี้เหรอ…หรือว่าแค่เป็นคนอ่อนโยนเฉยๆ นะ

“งั้นไปอาบน้ำเถอะครับ เดี๋ยวผมจะเตรียมอาหารเอาไว้”

“ผมทำเองครับ ไม่สิ…ฉันทำเอง”

อินซอบรีบเงยหน้า พวกเขาสบตากัน มีรอยยิ้มกว้างประดับอยู่ที่ดวงตาของอีกฝ่าย

“จะทำอะไรล่ะครับ คุณทำอาหารไม่เป็นนี่”

ในน้ำเสียงที่ตื่นตกใจเต็มไปด้วยการหัวเราะ อินซอบหน้าแดงไปจนถึงคอ เพราะคิดว่าถูกน้องชายจับได้ถึงส่วนที่น่าอายของตัวเอง

เขาได้ยินเสียงอีกฝ่ายพึมพำว่า ‘แม่งเอ๊ย’ อยู่เหนือศีรษะ อินซอบที่ตื่นตกใจเงยหน้ามองอีกฝ่ายอีกครั้ง

“ไม่ต้องรีบอาบนะครับ เพราะต้องใช้เวลาในการเตรียม”

ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“อื้อ…”

ฟังผิดหรือเปล่านะ ไม่มีทางที่คนที่ยิ้มด้วยใบหน้าอ่อนโยนถึงขนาดนี้จะพ่นคำด่าแบบนั้นหรอก

อินซอบพยักหน้าและเดินเข้าห้องของตัวเองไป

***

“ฉิบ…”

ต้นขาแข็งแกร่งหดเกร็งราวกับกำลังร่วมเพศ พอเขากลั้นหายใจดังอึก น้ำเชื้อสีขาวขุ่นก็ไหลลงสู่ด้านล่าง

“แฮ่ก… …แฮ่ก”

น้ำเชื้อถูกทำให้เป็นน้ำวนภายใต้สายน้ำจากฝักบัวและไหลลงไปพร้อมกับน้ำ อีอูยอนสบถออกมาก่อนจะอาบน้ำให้เสร็จ

เขาใส่เสื้อออกมาข้างนอกและเตรียมอาหารเช้า

“มีงานให้ช่วยไหม…?”

อินซอบที่เดินเข้ามาทางด้านหลังเมื่อไรก็ไม่รู้ชะเง้อมองพลางเอ่ยถาม

“นั่งดูตรงโน้นครับ”

อีอูยอนใช้คางชี้ไปที่เก้าอี้ อินซอบรีบเดินไปนั่งตรงเก้าอี้ของโต๊ะกินข้าวตามที่สั่ง

“หันเก้าอี้ไปทางขวานิดนึง”

“แบบนี้เหรอ”

“อื้อ เยี่ยมเลย”

อีอูยอนทำออมเล็ตพลางพูดต่อ

“นั่งดูผมอยู่ตรงนั้นนะครับ”

“ครับ?”

ถ้ามึนงง เขาจะเผลอพูดคำสุภาพออกมาทันที อีอูยอนแกล้งทำเป็นไม่รู้และกลั้นยิ้มไว้

“ผมได้ยินมาว่าถ้าให้ใครสักคนมอง อาหารจะออกมาดีน่ะครับ”

“…อย่างงั้นเหรอ”

ไม่มีทาง

แม้จะเกลียดการที่ใครสักคนจ้องมองตัวเองมาก แต่กลับเกลียดการทำอาหารให้ใครสักคนมากกว่า แม้จะเจอพวกผู้หญิงมามาก แต่เขาไม่เคยเอาน้ำสักแก้วให้เลยด้วยซ้ำ

“ยาล่ะ”

อีอูยอนหันมาถาม

“ครับ?”

“ที่หมอสั่งให้กินก่อนอาหารน่ะครับ”

“อ๋อ จริงด้วย”

อินซอบลุกขึ้นและวิ่งเข้าไปในห้อง อีอูยอนวางน้ำอุ่นลงตรงหน้าอินซอบที่ถือถุงยามาเมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน

“ต้องกินยาให้ครบสิครับ แบบนั้นจะได้หายเร็วๆ ไง”

“…ขอบใจนะ”

อินซอบพึมพำเบาๆ ก่อนจะกลืนยาลงไป เขาจ้องมองลูกกระเดือกเล็กๆ ขยับไปพร้อมกับน้ำ

“คือ…”

“…”

“เหมือนออมเล็ตจะไหม้นะ”

อินซอบชี้ไปที่เตาไฟฟ้าอย่างระมัดระวัง อีอูยอนตักออมเล็ตออกจากกระทะทันที ออมเล็ตที่ถูกทำอย่างสมบูรณ์ถูกวางลงในจานของอินซอบภายหลัง จากนั้นเขาก็เทแป้งแพนเค้กและทอดแพนเค้ก

“นี่”

พออีอูยอนเอาจานมาให้ อินซอบก็ขยับขนตายาวๆ และยิ้มออกมา เขาเพิ่งรู้ได้ไม่นานนี้เองว่าอีกฝ่ายชอบให้ทอดแพนเค้กให้ตอนเช้า เขานึกถึงอินซอบที่พูดเรื่องที่ไม่กล้าพูดมาตลอดเพราะกลัวจะดูเหมือนเป็นเด็กพร้อมกับยิ้มไปด้วย

“จะกินให้อร่อยเลย”

อินซอบจบบทสวดสั้นๆ และหยิบส้อมขึ้นมา อีอูยอนจ้องมองอินซอบที่หยิบสตรอว์เบอร์รีที่หั่นวางไว้ข้างๆ แพนเค้กขึ้นมากินอย่างไม่รีบร้อน

อีกฝ่ายดูเป็นเด็กชัดๆ แม้เดิมทีจะเป็นผู้ใหญ่ที่ดูอ่อนกว่าวัยอยู่แล้ว แต่เขากลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายเด็กลงกว่าปกติมาก เพราะลักษณะการพูดและการออกเสียงภาษาเกาหลีที่ติดๆ ขัดๆ

เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ

“ขอบคุณครับ ไม่สิ ขอบใจนะ…อร่อยมาก”

พอสบตากัน อินซอบก็ยิ้มให้เล็กน้อย เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่พอดีตัวเล็กน้อย แก้มที่แดงเพราะเพิ่งอาบน้ำเสร็จได้ไม่นาน และกำลังนั่งยิ้มอยู่

ผมไม่เคยจินตนาการเลยว่าคุณจะมองผมด้วยสายตาไร้เดียงสาและไร้เกราะป้องกันได้ขนาดนี้

เขาชำเราอินซอบในหัวไปกี่รอบแล้วก็ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อสักครู่นี้ เขากดความต้องการที่อยากจะจับข้อเท้าผอมบางนั้นอ้าออกและทำให้นอนลงกับโต๊ะกินข้าวก่อนจะสอดใส่เข้าไปไว้อย่างยากลำบาก

‘นี่ การที่นายพาอินซอบไปอยู่ด้วยมันก็ดีอยู่หรอกนะ แต่อย่าทำเรื่องไม่ดีล่ะ’

กรรมการผู้จัดการคิมชำระค่าใช้จ่ายและมากำชับอย่างจริงจังก่อนออกจากโรงพยาบาล

‘เรื่องไม่ดีคืออะไรเหรอครับ’

‘นายถามทั้งๆ ที่รู้’

‘เรื่องที่ทำระหว่างคนที่รักกันเป็นการทำเรื่องไม่ดีได้ยังไงล่ะครับ’

‘นี่ อีอูยอน!’

‘ล้อเล่นครับ อย่าห่วงไปเลยครับ ต่อให้ผมจะเป็นหยาบคายแค่ไหน ผมก็ไม่จับคนรักที่ป่วยมาทำเรื่องแบบนั้นหรอกครับ เห็นคนเขาเป็นอะไรกัน’

‘…ก็เห็นเป็นนายน่ะสิ’

กรรมการผู้จัดการคิมกัดฟันพลางกำชับอีกครั้งว่าอย่าทำเรื่องไม่ดีกับอินซอบ อีอูยอนยิ้มและพยักหน้า

มองถูกแล้วล่ะครับ กรรมการผู้จัดการ

อีอูยอนดื่มกาแฟพลางยิ้มอย่างขมขื่น

เมื่อวานแม้เขาจะกอดอินซอบที่กลัวจนร้องไห้ไว้จากทางด้านหลังและอ่านหนังสือให้ฟัง แต่เลือดก็ยังไปรวมกันที่ร่างกายส่วนล่าง หลังจากแน่ใจว่าอินซอบหลับไปแล้ว เขาก็ไปที่ห้องน้ำและปลดปล่อยความต้องการลำพัง แต่ถึงอย่างนั้นความร้อนรุ่มก็ไม่เย็นลงง่ายๆ เขาจึงออกไปข้างนอกและวิ่งอยู่สองชั่วโมง เพราะคิดว่าถ้าเหนื่อยกลับมาน่าจะดีขึ้นหรือเปล่า

แต่ตอนที่เห็นอินซอบที่พอโดนหยอกล้อนิดหน่อยต้นคอก็แดงในตอนเช้า เขาก็ได้รู้ ว่าต่อให้โลกจะแตกออกเป็นสองส่วน วันที่เขาไม่เกิดอารมณ์ทางเพศกับชเวอินซอบคงไม่มาถึง

สุดท้ายอีอูยอนก็อาบน้ำพร้อมกับช่วยตัวเองอีกถึงสองรอบ แม้เขาจะจดจำไว้ในใจแค่ไหนว่าอีกฝ่ายเป็นคนป่วย และตอนนี้ก็จำอะไรไม่ได้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่จะแข็ง แค่อินซอบหายใจอยู่ตรงหน้าเขาก็ชอบจนจะตายห่าอยู่แล้ว แม้กระทั่งเรื่องนี้…

พอสบตากันอีกครั้ง อินซอบก็ลังเลไปสักพักก่อนจะยิ้มร่าให้ จะน้องแท้ๆ หรืออะไรก็แล้วแต่ เราอยากจะจับเด็กนั่นนอนคว่ำหน้าลงกับโต๊ะกินข้าวและมีอะไรด้วยจากด้านหลังเหมือนหมาชะมัด…แม่งเอ๊ย

อีอูยอนใช้มีดตัดออมเล็ตและยิ้มอย่างขมขื่น

“คือว่า”

“หืม?”

“…ฉันขอดูโทรศัพท์ที่เคยใช้ได้ไหม”

“ทำไมเหรอครับ”

“หา?”

“จะโทรศัพท์ไปที่ไหนเหรอครับ”

“มะ ไม่ได้จะโทรศัพท์หรอก แค่สงสัยเฉยๆ น่ะว่ามีอะไรบ้าง รูป หรือข้อมูลติดต่อ…ของพวกนั้นน่ะ”

“ผมทิ้งไปแล้วครับ เพราะมันแตกละเอียดเลย ถึงขนาดที่ซ่อมไม่ได้”

อินซอบพูดว่า ‘อ๋อ’ และพยักหน้าด้วยสีหน้าเซื่องซึมเล็กน้อย เขาโกหก โทรศัพท์มือถือของอินซอบอยู่กับเขา แต่เขาไม่คิดที่จะคืน ตอนแรกเขากลัวว่าอีกฝ่ายจะตกใจเมื่อรู้ความจริงว่ากำลังคบอยู่กับตน แต่พอเอาเข้าจริงแล้วเขาก็คิดว่านี่ก็ไม่ได้แย่ เขาพอใจกับความจริงที่ว่ากิจกรรมภายนอกประเทศทั้งหมดของอินซอบต้องผ่านตนไปก่อนถึงจะสามารถทำได้เป็นอย่างมาก

“เวลาจะโทรศัพท์หาครอบครัวก็ยืมผมนะครับ”

“…ฉันรู้สึกผิดน่ะ”

“ไม่เป็นไรครับ”

แม้จะพูดแบบนั้น แต่อีอูยอนรู้ดีว่าชเวอินซอบที่จิตใจดีจะรู้สึกผิดกับการยืมโทรศัพท์ทุกครั้งที่จะโทรศัพท์ไปที่อเมริกาจนไม่สามารถโทรศัพท์หาได้ตามอำเภอใจ

เขาตั้งใจจะทำให้อีกฝ่ายห่างกับครอบครัวที่อเมริกาให้มากที่สุด เหตุผลที่ขอไม่ให้ใช้ภาษาอังกฤษ แต่เป็นภาษาเกาหลีก็เหมือนกัน เขาไม่อยากสร้างช่องทางใดก็ตามที่จะทำให้นึกถึงอเมริกา ใจจริงเขาอยากจะบอกว่าครอบครัวที่อเมริกาตายห่าไปหมดแล้วด้วยซ้ำ และบอกว่าคุณเหลือแค่ผมเท่านั้น ก่อนจะบอกว่าเพราะฉะนั้นคุณอย่าไปไหน และอยู่ที่นี่กับผมเถอะ

…แต่ถ้าทำแบบนั้น อีกฝ่ายต้องร้องไห้อย่างหนักแน่ๆ

อีอูยอนมองตาของอินซอบที่ยังคงบวมแดงและกลั้นหายใจ แม้จะชอบที่อีกฝ่ายร้องไห้บนเตียงเพราะสวย แต่นอกจากนั้นเขาไม่อยากทำให้อีกฝ่ายร้องไห้

“นี่ อูยอน”

“…”

อีอูยอนที่ใช้ส้อมเขี่ยสลัดอยู่หยุดชะงัก สายตาของเขามองไปทางอินซอบ อินซอบตกใจกับบรรยากาศที่อึดอัดขึ้นอย่างกะทันหันและทำตัวไม่ถูก

“ขะ ขอโทษ แค่ แค่ไม่รู้ว่าต้องเรียกยังไงน่ะ…ถ้าอารมณ์ไม่ดีเพราะเรียกอย่างเป็นกันเอง ผมจะใช้คำสุภาพครับ”

อินซอบกล่าวขอโทษอีกครั้งว่า ‘ขอโทษครับ’ ด้วยสีหน้าที่เกือบจะร้องไห้ อีอูยอนผ่อนลมหายใจที่กลั้นเอาไว้ออกมาอย่างช้าๆ และใช้มือลูบแก้ม

“เปล่าครับ ก็แค่…”

ดวงตากลมโตของอินซอบสั่นไหวด้วยความกังวลใจ อีอูยอนเงยหน้าขึ้น

“…ชอบมากน่ะครับ ที่คุณเรียกชื่อ ช่วยเรียกแบบนั้นไปตลอดนะครับ”

อินซอบพยักหน้าเบาๆ ให้กับคำพูดที่พอต่อกันราวกับเป็นลมหายใจ อีอูยอนกัดโทสต์กินพลางคิด

ทำให้ร้องไห้บนโต๊ะกินข้าวสักครั้งจะได้ไหมนะ ยังไงเราก็เป็นไอ้สารเลวอยู่แล้วนี่

พอสบตากัน อินซอบก็ยิ้มให้เล็กน้อยอีกครั้ง อีอูยอนสามารถรับรู้ได้ถึงความดีของอินซอบที่แสดงออกต่อน้องแท้ๆ ทั้งที่ยังอยู่ในระหว่างที่สับสนโดยที่จำอะไรไม่ได้เลย

อีอูยอนดื่มน้ำเย็นลงไปรวดเดียวโดยไม่พูดอะไร

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท