ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 352 อาจารย์(กลาง)

ตอนที่ 352 อาจารย์(กลาง)

กว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​สือ​อี​เหนียง​จะ​กลับ​ถึง​จวน​ก็​เป็นเวลา​กลางคืน​แล้ว​ ​ไท่ฮู​หยิน​ยัง​ไม่​เข้านอน​ ​เรียก​พวกเขา​ไป​พูดคุย

“​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

“​เสียวั​นนี​้​ตอนเช้า​ต้น​ยาม​ซื่อ​ ​ก่อนหน้านี้​ได้​ส่ง​ผู้ดูแล​ให้​รีบ​นำ​จดหมาย​ไป​ส่ง​ที่​เขต​ไท่​หยวน​แล้ว​ ​คาด​ว่า​พรุ่งนี้​หรือ​มะรืน​ก็​ควรจะ​มาถึง​แล้ว​ ​หวัง​ไท่ฮู​หยิน​สุขภาพ​ไม่ดี​ตั้งแต่​ตอนที่​หวัง​หลังจาก​ไป​ ​สือ​เหนียง​ก็​ไม่เคย​ยื่นมือ​เข้ามา​จัดการ​เรื่อง​นี้​ ​ตอนนี้​เจิ​้น​ซิ่ง​กำลัง​ช่วย​ดำเนินการ​อยู่​ทาง​นั้น​ ​ฝ่าย​กรม​พิธีการ​ได้​ทำการ​ประกาศ​ข่าวสาร​แล้ว​ขอให้​สำนัก​ดาราศาสตร์​หยิน​หยาง​ช่วย​เลือก​วัน​ให้​ ​บรรดา​ญาติ​ๆ​ ​จะ​ถือศีล​อด​ทุกๆ​ ​เจ็ด​วัน​ ​สาม​วันหลัง​จาก​เสียชีวิต​จะ​จัด​พิธีศพ​และ​ส่งข่าวสาร​ให้​ญาติสนิท​มิตรสหาย​ ​วันนี้​ตอนกลางคืน​ได้​จัดเตรียม​กระโจม​ ​ชุด​ไว้ทุกข์​ ​และ​ซุ้มประตู​ไว้​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ข้า​ให้​ผู้ดูแล​จ้าว​คอย​ช่วยเหลือ​อยู่​ที่นั่น​”

ไท่ฮู​หยิน​เห็น​ว่า​ทุกอย่าง​ได้​จัดเตรียม​ไว้​เรียบร้อย​แล้วจึง​พยักหน้า​แล้ว​กำชับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​พวก​เจ้า​รีบ​ไป​พักผ่อน​เถิด​ ​พรุ่งนี้​ยัง​ต้อง​ไป​ช่วย​งาน​ทาง​ด้าน​นั้น​อีก​”

ทั้งสอง​คน​คำนับ​แล้ว​ถอย​ออก​ไป

เมื่อ​กลับมา​ถึง​เรือน​สือ​อี​เหนียง​ก็​กำชับ​สาวใช้​น้อย​ให้​ไป​ผสม​น้ำยา​แก้​ไอ​มา​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​“​ช่วงนี้​อากาศ​ค่อนข้าง​แห้ง​ ​ท่าน​โหว​ระวัง​จะ​เจ็บ​คอ​เอา​ได้​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​รับ​ถ้วย​ยามา​จิบ​หนึ่ง​อึก​ ​“​พรุ่งนี้​ข้า​จะ​ไป​กรม​พิธีการ​กับ​อี๋​ชิง​ ​เพื่อ​รีบ​ตัดสิน​เรื่อง​ตำแหน่ง​สืบทอด​ของ​สกุล​หวัง​ ​ตอนเช้า​เจ้า​ไปหา​พ่อบ้าน​ไป๋​เพื่อ​ไป​เอา​เงิน​สอง​พัน​ตำลึง​ไป​ให้​เจิ​้น​ซิ่ง​ ​วันนี้​ข้า​ได้ยิน​เจิ​้น​ซิ่ง​บ่นว่า​แม้แต่​เงิน​จะ​ซื้อ​ชุด​ไว้ทุกข์​ก็​ยัง​ไม่​เพียงพอ​”

สือ​อี​เหนียง​รับคำ​ ​ปรนนิบัติ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไป​พักผ่อน​ ​เช้า​วันรุ่งขึ้น​ก็​ไป​ที่​จวน​สกุล​หวัง​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พร้อมกับ​นำ​ตั๋วเงิน​ไป​ด้วย

เมื่อคืน​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​พัก​อยู่​ที่​สกุล​หวัง​ ​หลัว​เจิ​้น​เซิง​ ​จู​อาน​ผิง​ ​และ​ชี​เหนียง​ได้มา​ถึง​แล้ว​ ​ทั้ง​สาม​คน​กำลัง​พูดคุย​กัน​ ​เมื่อ​เห็น​สอง​สามีภรรยา​สกุล​สวี​ก็​พากั​นลุก​ขึ้น​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ถาม​พวกเขา​ว่า​ ​“​ทานข้าว​แล้ว​หรือยัง​”

“​พวกเรา​ทาน​มา​แล้ว​!​”​ ​เมื่อ​ทุกคน​เห็น​พวกเขา​ก็​เข้ามา​คำนับ​ ​อวี​๋​อี๋​ชิง​ ​เฉียน​หมิง​ ​ซื่อ​เหนียง​ ​และ​อู่​เหนียง​ก็​มาถึง​แล้ว​ ​เมื่อ​รู้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​อวี​๋​อี๋​ชิง​จะ​ไป​กรม​พิธีการ​ ​เฉียน​หมิง​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ข้า​ขอ​ตาม​ไป​ด้วย​!​”​ ​จู​อาน​ผิง​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ข้า​จะ​อยู่​ช่วย​พี่ใหญ่​ที่นี่​”

“​ได้​สิ​!​”​ ​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ก็​รู้สึก​ว่า​ใน​สกุล​หวัง​ไม่มี​คนที​่​ช่วย​งาน​ได้​ ​คนที​่​ช่วย​งาน​ได้​มี​เพียง​ผู้ดูแล​เจ้า​เพียง​คนเดียว

ทุกคน​แยกย้าย​กัน​ไป​ทำ​ธุระ

สือ​อี​เหนียง​เดินตาม​อยู่​ด้านหลัง​ ​เมื่อ​ทุกคน​ออกจาก​ห้องโถง​บุปผา​แล้วก็​นำ​ตัวเงิน​มอบให้​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​ ​“​พี่ใหญ่​รับ​ไป​ก่อน​ ​หาก​ไม่พอ​ค่อย​ว่า​กัน​!​”

หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก่อน​จะ​รับ​มา​ ​“​ชี​เหนียง​ก็​ให้เงิน​ข้ามา​สอง​พัน​ตำลึง​ ​ข้า​ได้​นำ​เงิน​พวก​นี้​จด​ไว้​ใน​บัญชี​แล้ว​ ​เมื่อ​บุตร​เขย​และ​คุณหนู​ตระกูล​พวกเขา​มา​ข้า​จะ​มอบ​บัญชี​ให้​พวกเขา​”

ดูเหมือนว่า​เขา​จะ​ไม่มี​เงิน​ไว้​ใช้จ่าย​แล้ว​จริงๆ​ ​!​

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ ​ไป​เยี่ยม​หวัง​ไท่ฮู​หยิน​พร้อมกับ​ซื่อ​เหนียง​ ​อู่​เหนียง​ ​และ​ชี​เหนียง​ ​จากนั้น​ก็​ไปหา​สือ​เหนียง

อู่​เหนียง​ถอนหายใจ​ ​“​…​เมื่อ​สอง​วันก่อน​พึ่ง​จะ​ซื้อ​จวน​ที่​มีทาง​เข้า​สาม​ประตู​ที่​ตรอก​ซื่อ​เซี่ยง​ ​กะ​ว่า​จะ​รับ​พวก​เจ้า​ไป​เลี้ยง​ฉลอง​ ​คิดไม่ถึง​ว่า​จะ​มา​เจอ​เรื่อง​แบบนี้​ ​คง​ต้อง​รอ​ไป​อีก​สักหน่อย​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​!​”

สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​มาก

หลาย​วันก่อน​ได้ยิน​คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว​บอกว่า​อู่​เหนียง​ยืม​เงิน​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ ​ตอน​วัน​พิธี​สรง​สาม​ของ​น้อง​เจ็ด​ก็​ไม่เห็น​นาง​จะ​พูด​อะไร​ ​ทำไม​ถัดมา​ไม่​กี่​วัน​ก็​ไป​ซื้อ​จวน​เสีย​แล้ว

นาง​คิดถึง​กิจการ​ที่​คุณนาย​สี่​พูดถึง​เมื่อคราว​ที่แล้ว

น่าเสียดาย​ที่​พิธี​สรง​สาม​เป็นเรื่อง​ของ​บรรดา​สตรี​ ​เฉียน​หมิง​ไม่​ควร​มา​ ​มิเช่นนั้น​ก็​จะ​สามารถ​รู้​ได้​ว่า​เขา​อยู่​ที่​เยี​่​ยน​จิง​หรือไม่​…

ซื่อ​เหนียง​กลับ​มีสี​หน้า​เรียบ​เฉย​ ​นาง​ยิ้ม​เล็กน้อย​พลาง​พูดว่า​ ​“​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​จะ​ต้อง​ไป​แน่นอน​!​”

ชี​เหนียง​กลับ​พูด​อย่างตรงไปตรงมา​ ​“​พี่​หญิง​ห้า​ซื้อ​เรือน​ตั้งแต่​เมื่อไร​ ​ทำไม​ก่อนหน้านี้​ไม่เห็น​มี​ข่าวคราว​เลย​”

มุม​ปาก​อู่​เหนียง​กระตุก​เล็กน้อย​ ​ขณะที่​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​ ​ซื่อ​เหนียง​ก็​ชิง​พูด​ขึ้น​มาก​่อ​นว​่า​ ​“​ใคร​จะ​ไป​เหมือน​เจ้า​ ​จะ​ซื้อ​จวน​ทั้งที​ก็​เอะอะ​ไป​สาม​บ้าน​แปด​บ้าน​”

ชี​เหนียง​เบะ​ปาก​ ​ไม่​พูด​อะไร​อีก

ตอนที่​นาง​ซื้อ​จวน​ ​ผู้ดูแล​สกุล​สวี​กับ​สกุล​อวี​๋​ก็​ช่วย​นาง​ดู​สถานที่​ไป​ไม่น้อย

หลังจากที่​ซื่อ​เหนียง​หยอกล้อ​ชี​เหนียง​ ​ก็​ยิ้ม​แล้ว​ถาม​อู่​เหนียง​ว่า​ ​“​แล้ว​จะ​จัดการ​ย้ายถิ่น​ฐาน​เมื่อไร​ ​ที่​เรือน​ยัง​ขาด​อะไร​หรือไม่​ ​หาก​เป็น​ของ​ชิ้น​ใหญ่​ข้า​ไม่กล้า​พูดถึง​ ​หาก​เป็น​ของ​เล็ก​ๆ​ ​น้อย​ๆ​ ​ข้า​ที่​เป็น​พี่​หญิง​สี่​ของ​เจ้า​ยัง​สามารถ​หา​ให้​เจ้า​ได้​!​”​ ​นาง​เน้น​คำ​ว่า​ ​‘​พี่​หญิง​สี่​’

เดิมที​ชี​เหนียง​อยาก​จะ​ถาม​อู่​เหนียง​ว่า​ขาด​อะไร​ ​เมื่อถึง​เวลา​นาง​จะ​ช่วย​หามา​เสริม​ให้​ ​ตอนนี้​ได้ยิน​ซื่อ​เหนียง​พูด​เช่นนี้​ ​กลับ​ทำให้​ไม่​อาจ​เอ่ยปาก​ได้​ ​นาง​ไม่​อาจม​อบ​ของขวัญ​ที่​มีค่า​กว่า​ของขวัญ​ของ​พี่​หญิง​ได้​ ​เช่นนั้น​จะ​ให้​พี่​หญิง​เอาหน้า​ไป​ไว้​ที่ไหน​!

เดิมที​อู่​เหนียง​คิด​จะ​ขอ​ฉาก​กั้น​เจ็ด​บาน​หรือ​ชุด​ข้าวของเครื่องใช้​สีดำ​จาก​ชี​เหนียง​แต่​พอ​ซื่อ​เหนียง​พูด​เช่นนี้​นาง​จึง​ทำได้​เพียง​กลืน​คำพูด​ลง​ไป​ ​เห็น​เพียง​ความหงุดหงิด​ที่​ปรากฏ​บน​ใบหน้า​ของ​นาง​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ก็​ไม่ได้​ขาด​อะไร​ ​ข้า​รู้​ว่า​พี่เขย​สี่​เป็น​นักปราชญ์​ที่​มีชื่อเสียง​ใน​ตอนนี้​ ​เมื่อถึง​เวลา​นั้น​ให้​พี่เขย​สี่​ช่วย​เขียน​บทกลอน​ให้​ข้า​สัก​สอง​สาม​แผ่น​ ​สิ่ง​นี้​มีค่า​กว่า​สิ่ง​อื่นใด​”

สือ​อี​เหนียง​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​เข้าใจ​ในทันที​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูด​ขึ้น​มา​ว่า​ ​“​มี​เพียง​ท่าน​โหว​ของ​พวกเรา​ที่​เป็น​คน​หยาบกระด้าง​ ​เช่นนั้น​ข้า​ขอม​อบ​สี่​สิ่งล้ำค่า​ใน​ห้อง​หนังสือ​ของ​ร้าน​ตัว​เป่า​เก๋อ​ให้​ก็แล้วกัน​”

ชี​เหนียง​เห็น​ว่า​ของขวัญ​ของ​ทั้งสอง​มูลค่า​ไม่​มาก​แต่กลับ​ดู​สง่างาม​ ​จึง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​เช่นนั้น​ข้า​ขอม​อบ​เก้าอี้​จุ้ย​เวิง​ของ​จัง​หลี​่​จี้​ก็แล้วกัน​”

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ซื่อ​เหนียง​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก

นาง​ยิ้ม​เล็กน้อย​ ​ได้ยิน​อู่​เหนียง​หัวเราะ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พี่​หญิง​สี่​กับ​น้อง​หญิง​ทั้งสอง​เกรงใจ​กัน​เกินไป​แล้ว​ ​เห็นที​ว่า​ข้า​จะ​ไม่​จัดงาน​ฉลอง​เข้า​จวน​ไม่ได้​แล้ว​!​”

ทุกคน​พูดคุย​กัน​พลาง​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​ของ​สือ​เหนียง

สือ​เหนียง​สวม​ชุด​ไว้ทุกข์​แล้ว​ ​ใบหน้า​ซูบผอม​จน​เหลือ​แต่​ดวงตา​กลม​โต​ที่​บวม​เหมือน​ลูก​ท้อ​เห็นได้ชัด​ว่านาง​ร้องไห้​มา

ทุกคน​ประหลาดใจ​เล็กน้อย

นาง​พยักหน้า​ให้​ทุกคน​ ​ให้​อิ​๋น​ผิง​ไป​ยก​ชามา

ซื่อ​เหนียง​เป็นตัวแทน​ของ​บรรดา​พี่น้อง​เข้าไป​ทักทาย​นาง​ ​นาง​ตอบ​ทีละ​คำถาม​ ​แม้ว่า​จะ​ตอบ​เพียง​สั้น​ๆ​ ​แต่​ก็​มี​ความ​ชัดเจน​ ​เพียงแต่​ไม่​เหลือบมอง​สือ​อี​เหนียง​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ไม่​ตอบคำถาม​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​ปล่อย​ให้​สือ​อี​เหนียง​ทำตัว​ไม่​ถูก​ ​ดังนั้น​นาง​จึง​ไม่​พูด​อะไร​อีก​ ​ให้​ซื่อ​เหนียง​เป็น​คนพูด​คุย​กับ​สือ​เหนียง

ไม่นาน​นัก​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ก็​มาถึง

“​คุณหนู​ทั้งหลาย​โปรด​อภัย​ด้วย​”​ ​เมื่อ​นาง​เดิน​เข้ามา​ก็​คำนับ​ทุกคน​ ​“​หลาย​วัน​มานี​้​ต้อง​ช่วย​ท่าน​พ่อ​ท่าน​แม่​เก็บ​ข้าวของ​ ​เนื่องจาก​มี​กำหนด​เดินทาง​กลับ​อวี​๋​หัง​วันที่​สิบสอง​เดือน​หน้า​”

สือ​เหนียง​ได้​ฟัง​ก็​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​“​ตัดสินใจ​ตั้งแต่​เมื่อไร​ ​ทำไม​ข้า​ไม่รู้​”​ ​นาง​ถาม​เสียงแหลม

ซื่อ​เหนียง​ ​อู่​เหนียง​ ​และ​ชี​เหนียง​ต่าง​ก็​ไม่​พูด​อะไร​ ​ซื่อ​เหนียง​กับ​ชี​เหนียง​เป็น​คน​เรือน​สอง​ย่อม​ไม่รู้​อะไร​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้​ ​แต่​ที่​อู่​เหนียง​ไม่ได้​บอก​เพราะ​ไม่​อยาก​สร้าง​ปัญหา

คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ ​เห็น​ว่า​สือ​เหนียง​ถาม​ตัวเอง​ต่อหน้า​บรรดา​พี่น้อง​เรือน​สอง​ ​ก็​รู้สึก​ไม่สบายใจ​เล็กน้อย​ ​นึกได้​ว่า​สือ​เหนียง​ไม่ได้​มาร​่วม​พิธี​สรง​สาม​ของ​คุณชาย​เจ็ด​สกุล​หลัว​ ​จึง​เอ่ย​เสียง​เรียบ​ว่า​ ​“​พึ่ง​ตัดสินใจ​ใน​วันที่​ทำพิธี​สรง​สาม​ของ​น้อง​เจ็ด​”

สือ​เหนียง​ไม่ได้​พูด​อะไร​แต่กลับ​นิ่ง​ไป

นาง​มักจะ​มีท​่า​ทาง​แปลก​ๆ​ ​อยู่​เสมอ​ทุกคน​จึง​ไม่​แปลกใจ​ ​และ​ไม่มีใคร​ไป​ปลอบใจ​นาง​ ​ซื่อ​เหนียง​และ​คนอื่นๆ​ ​เข้าไป​คำนับ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ ​ ​แล้ว​ถามถึง​คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว

เมื่อถึง​วันที่​สาม​ ​หลาย​ตระกูล​ได้​มอบ​เครื่องเซ่นไหว้​สาม​อย่าง​ให้​แก่​สกุล​หวัง​ ​บุตร​เขย​และ​คุณหนู​สกุล​หวัง​ต่าง​ก็​มาถึง​กัน​แล้ว​ ​หวัง​หลิน​ร้องไห้​ตั้งแต่​ได้รับ​จดหมาย​จน​มาถึง​ตอนนี้​ ​ตอนที่​เดิน​เข้า​ประตู​มาก​็​ต้อง​มี​คน​คอย​พยุง​เข้าไป​ ​เจียง​กุ้ย​เข้ามา​ทักทาย​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก่อน​แล้วจึง​ไป​จุด​ธูป​หน้า​ป้าย​วิญญาณ​พ่อตา​ ​เพราะ​เห็น​บิดา​แท้ๆ​ ​ของ​หวัง​หลัง​ซื่อ​จื่อ​เดิน​วน​ไป​วน​มา​อยู่​ข้างๆ​ ​สกุล​หวัง​เอง​ก็​ไม่มีใคร​สนใจ​มา​จัดการ​พิธี​เช่นเคย​ ​ยังคง​ให้​หลัว​เจิ​้น​ซิ่ง​กับ​จู​อาน​ผิง​เป็น​คน​จัดการ​พิธีศพ​ ​จากนั้น​เขา​ก็​ไป​กรม​พิธีการ​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​และ​อวี​๋​อี๋​ชิง​ ​ส่วน​เฉียน​หมิง​ก็​ยังคง​วิ่ง​ไป​วิ่ง​มาระ​หว่าง​จวน​สกุล​หวัง​กับ​กรม​พิธีการ​ ​สือ​อี​เหนียง​และ​คนอื่นๆ​ ​ไป​ตั้งแต่​เช้าตรู่​ของ​ทุกวัน​ ​พอ​ฟ้า​มืด​ถึง​กลับ​จวน​ ​กว่า​จะ​ผ่าน​เจ็ด​วัน​แรก​มา​ได้​ไม่ใช่​เรื่อง​ง่าย​ ​เมื่อ​ทำพิธี​เซ่นไหว้​เสร็จ​แล้ว​ทุกคน​ก็​หยุดพัก​ ​มานั​่ง​ล้อมวง​กัน​คำนวณ​บัญชี

เมื่อ​รวม​ของกำนัล​หนึ่ง​พัน​ตำลึง​ของ​กรม​พิธีการ​กับ​ของกำนัล​ของ​แขก​ที่มา​งาน​ก็ได้​เพียงแค่​พอต​่อ​ค่าใช้จ่าย​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​เงิน​ที่จะ​คืน​สกุล​สวี​กับ​สกุล​จู​ ​โชคดี​ที่​จู​อาน​ผิง​เป็น​คน​ใจกว้าง​ ​บทสรุป​นี้​เป็นไปตาม​ที่​สวี​ลิ่ง​อี๋​คิด​ไว้​ ​เขา​ไม่ได้​คาดหวัง​ว่า​จะ​ได้เงิน​คืน​ ​แล้วก็​ไม่มีใคร​คิดเล็กคิดน้อย​ ​แต่​เจียง​กุ้​ยก​ลับ​รู้สึก​ไม่สบอารมณ์​อย่างยิ่ง​ ​สัญญา​ว่า​เขา​จะ​เป็น​คน​คืนเงิน​เอง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​กับ​จู​อาน​ผิง​พากัน​ปฏิเสธ​ ​ต่อมา​เจียง​กุ้ย​ได้​นำ​เงิน​สอง​พัน​ตำลึง​มา​ให้​หลังจากนั้น

สือ​อี​เหนียง​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พัก​อยู่​ที่​เรือน​ทั้งวัน​ ​รอ​ข่าว​จาก​กรม​พิธีการ​ ​จู่ๆ​ ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ก็​มาหา​ ​“​…​สือ​เหนียง​อยาก​จะ​เชิญ​พวก​เจ้า​ไป​งานเลี้ยง​ที่​ตรอก​กง​เสียน​”

“​ตอนนี้​หรือ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ประหลาดใจ​ ​“​เจ็ด​วัน​แรก​ของ​ท่านกั​๋​วกง​พึ่ง​จะ​ผ่าน​ไป​เอง​!​”

คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ ​พยักหน้า​ ​“​ดังนั้น​จึง​ได้​นัด​ไป​ที่​ตรอก​กง​เสียน​ ​นาง​บอกว่า​ทุกคน​ต่าง​ก็​มาช​่ว​ยงา​นอยาก​จะ​พา​เด็ก​ๆ​ ​มาคำ​นับ​ท่าน​ลุง​ ​และ​ลุง​เขย​ ​นอกจากนี้​ท่าน​พ่อ​กับ​ท่าน​แม่​ก็​จะ​กลับ​อวี​๋​หัง​แล้ว​ ​อยาก​จะ​พา​เด็ก​ๆ​ ​มา​พบ​ท่าน​ตากั​บท​่าน​ยาย​”

ตั้งแต่​หวัง​เฉิง​จู่​สืบทอด​ตำแหน่ง​ภายใต้​ชื่อ​ของ​หวัง​หลัง​ ​เด็ก​คน​นั้น​ยัง​ไม่เคย​ไป​ตรอก​กง​เสียน​ ​แล้วก็​ไม่เคย​มา​จวน​สวี​เลย

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่าการ​กระทำ​ของ​สือ​เหนียง​นั้น​แปลกประหลาด​มาก

“​เชิญ​ข้า​ด้วย​หรือ​”

“​เชิญ​เจ้า​ด้วย​”​ ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​เอง​ก็​รู้​ว่า​สือ​เหนียง​มี​ปม​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ข้า​ตั้งใจ​ถาม​นาง​โดยเฉพาะ​นาง​บอกว่า​จะ​เชิญ​พวก​เจ้า​ทั้งสอง​ไป​ด้วย​ ​แล้วยัง​บอกว่า​คนที​่​นาง​ซาบซึ้งใจ​มาก​ที่สุด​ก็​คือ​ท่าน​โหว​ ​หาก​ไม่มี​ท่าน​โหว​ ​อย่า​ว่าแต่​เรื่อง​สืบทอด​ตำแหน่ง​เลย​ ​เกรง​ว่านา​งคง​ไม่มี​ที่​ยืน​ตั้ง​นาน​แล้ว​ ​คนอื่น​จะ​ไม่​ไป​ก็ได้​ ​แต่​พวก​เจ้า​ไม่​ไป​ไม่ได้​”

นี่​ช่าง​สม​กับ​เป็น​สือ​เหนียง​เสีย​จริง​ ​ขนาด​เชิญ​แขก​ก็​ยัง​พูด​ล่วงเกิน​ผู้อื่น​ได้​!

เมื่อ​พูดถึง​ตรงนี้​สือ​อี​เหนียง​ก็​ยิ้ม​แล้ว​ตอบ​ตกลง​ ​เมื่อ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​จากไป​แล้วก็​เอา​เทียบ​เชิญ​ไป​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ดู​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​สงสัย​อะไร​ ​“​ท่านกั​๋​วกง​จากไป​แล้ว​ ​อย่างไร​เสีย​ก็​เป็นเรื่อง​เศร้า​ ​ในเมื่อ​นาง​อยาก​จะ​เลี้ยงแขก​ก็​จัด​ที่​ตรอก​กง​เสียน​ดีกว่า​”

บางที​ตน​อาจจะ​คิดมาก​ไป​!

สือ​อี​เหนียง​ปลอบใจ​ตัวเอง​ ​วันรุ่งขึ้น​ให้​หู่​พั่ว​เตรียม​กล่อง​ของขวัญ​ชาด​ทาปาก​แปด​สี​กับ​ผ้า​สอง​สาม​ผืน​ ​แล้วไป​ตรอก​กง​เสียน​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋

อวี​๋​อี๋​ชิง​ ​เฉียน​หมิง​ ​จู​อาน​ผิง​ ​และ​คุณชาย​สาม​สกุล​หลัว​นาม​ว่า​หลัว​เจิ​้นต​๋า​มาถึง​แล้ว​ ​กำลัง​พูดคุย​กัน​อยู่​ที่​ห้อง​รับรอง​ข้าง​ห้องโถง​บุปผา​ ​ทุกคน​คำนับ​ซึ่งกันและกัน​ ​หลัว​เจิ​้นต​๋า​พาส​วีลิ​่​งอี​๋​กับ​สือ​อี​เหนียง​ไป​คารวะ​นายท่าน​ใหญ่​กับ​นาย​หญิง​ใหญ่

ซื่อ​เหนียง​ ​อู่​เหนียง​ ​ชี​เหนียง​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​หลัว​ ​และ​คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว​กำลัง​นั่ง​คุย​กันที่​โต๊ะกลม​กลาง​ห้องโถง​ ​เมื่อ​เห็น​สอง​สามีภรรยา​สกุล​สวี​เข้ามา​ก็​พากั​นลุก​ขึ้น​ ​อู๋​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พูดว่า​ ​“​พอดี​เลย​ ​แขก​คนสำคัญ​อย่าง​พวกเรา​มากั​นครบ​หมด​แล้ว​ ​แต่กลับ​ไม่เห็น​แม้แต่​เงา​ของ​คน​เชิญ​”

สือ​อี​เหนียง​พึ่ง​รู้​ว่า​สือ​เหนียง​ยัง​ไม่​มา

นาง​ยิ้ม​แล้ว​เอ่ย​เรียก​ ​“​พี่​หญิง​ห้า​”​ ​แล้ว​คำนับ​ทุกคน​ ​กำลังจะ​เข้า​ห้อง​ด้านใน​ไป​คารวะ​นาย​หญิง​ใหญ่​ก็​มีสาว​ใช้​น้อย​เข้ามา​รายงาน​ว่า​ ​“​คุณหนู​สิบ​มา​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

ทุกคน​จ้องมอง​ไป​ที่​ประตู​เป็น​สายตา​เดียว

สือ​เหนียง​สวม​ชุด​ผ้าไหม​หังโจว​แขน​ยาว​สีดำ​ ​จูง​เด็กชาย​อายุ​เจ็ด​ขวบ​เดิน​เข้ามา​ช้าๆ​

นาง​เกล้าผม​ขึ้น​สูง​ ​แววตา​เคร่งขรึม​ ​ตัว​ยืด​ตรง​ ​ศีรษะ​เชิด​ขึ้น​เล็กน้อย​ ​ดู​สง่างาม​และ​เคร่งขรึม

“​คุณหนู​สิบ​!​”​ ​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลัว​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​ไปหา​นาง​ทันที

สือ​เหนียง​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​ทักทาย​ทุกคน​ ​เสียง​ของ​นาง​เบา​ราวกับ​ไร้​เรี่ยวแรง​ ​ดูวาง​ตัว​ไม่​ให้​ชิด​ใกล้​จน​เกินไป​แต่​ก็​ไม่​ห่างเหิน​จน​เกินไป​ ​แนะนำ​เด็ก​คน​นั้น​ให้​ทุกคน​รู้จัก​ ​“​นี่​คือ​เฉิง​จู่​”

หวัง​เฉิง​จู่​มี​ฟัน​ขาว​ ​ริมฝีปาก​แดง​ ​ดู​งดงาม​สดใส​ ​ดวงตา​คู่​นั้น​ดู​เฉียบคม​ ​แค่​มอง​ก็​รู้​ว่า​เป็น​เด็ก​ฉลาด

เขา​โค้ง​คำนับ​ทุกคน​อย่างนอบน้อม​ ​พอ​มา​อยู่​ตรงหน้า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ระมัดระวัง​ตัว​มากขึ้น​กว่า​เดิม​ ​แต่​พอ​อยู่​ต่อหน้า​สือ​อี​เหนียง​กลับ​มีชีวิตชีวา​ขึ้น​มาก​ ​เอียง​คอ​ถาม​นาง​ว่า​ ​“​ท่าน​คือ​น้า​หญิง​สิบเอ็ด​ของ​ข้า​หรือ​”

หัวใจ​ของ​สือ​อี​เหนียง​เต้น​ระรัว​ ​แต่ว่า​กลับ​ไม่​เผย​สีหน้า​ให้​เห็น​ ​พยักหน้า​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ ​ไม่ได้​ปริปาก​พูด​อะไร​มาก​ ​แววตา​ของ​หวัง​เฉิง​จู่​เต็มไปด้วย​ความผิดหวัง

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ดังนั้น​ก็​ลอบ​ถอนหายใจ

เด็ก​คน​นี้​เกรง​ว่า​จะ​ไม่ใช่​คนที​่​วางใจ​ได้

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท