มู่หรงหงตู๋เอ่ยขึ้นพร้อมกับลูบร่างไร้วิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นไปด้วย ”เหลืออีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้นข้าก็จะทำลายพลังปราณอันสงบสุขของที่นี่ลงได้ และทำภารกิจที่นายท่านมอบหมายให้สำเร็จได้เสียที ฮ่าๆ ข้าจะฆ่าใครก่อนดีนะ” ทันใดนั้นอสูรทารกเจ้าของดวงตาสีฟ้าสุกสว่างเหนือศีรษะของเขาก็จ้องไปยังไป๋หลี่เจียเจวี๋ย ”เอาเป็นเจ้าก็แล้วกัน ข้าสัมผัสถึงบรรยากาศชั่วร้ายอันไร้ที่สิ้นสุดได้จากรอบตัวเจ้า ถ้าข้าเอาวิญญาณของเจ้ามาได้ล่ะก็ แม้ข้าจะต้องใช้ความพยายามไปกว่าครึ่ง แต่ผลที่ข้าจะได้รับย่อมมากเป็นสองเท่าอย่างแน่นอน”
ดวงตาคู่งามของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหรี่ลง กิเลนอัคคีที่เคยอยู่ข้างหลังของเขาก้าวออกมาข้างหน้าก่อนที่เขาจะทันได้ขยับตัว ขนสีแดงเพลิงของมันแข็งและสว่างไสวกว่าปกติ ”ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่หมายตานายท่าน”
“ข้าไม่อยากสู้กับเจ้า กิเลนอัคคี เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าอยากจะอยู่ที่นี่ กระแสแห่งความทุกข์นี้อาจทำให้เจ้ากลายเป็นบ้าขึ้นมาก็ได้นะ” อสูรทารกตนนั้นหัวเราะเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
กรงเล็บของกิเลนอัคคีเกร็งแน่น มันรู้สึกไม่ชอบห้องนี้มาตั้งแต่แรก แต่มันก็ไม่รู้ว่าทำไม
จนกระทั่งได้ยินที่มู่หรงหงตู๋บอกว่าเขากำลังจะทำลายพลังปราณอันสงบสุขของที่นี่ ในที่สุดมันก็เข้าใจ มันมองไปที่หมอกกลุ่มหนึ่งซึ่งไหลทะลักลงมาจากหลังคา มันหันกลับไปบอกไป๋หลี่เจียเจวี๋ยว่า ”นายท่านขอรับ ท่านจะอยู่ที่นี่ไม่ได้นะขอรับ”
กระแสแห่งความทุกข์ย่อมส่งผลกระทบต่อเจ้านายของมันที่สูญเสียวิญญาณไปโดยตรง พวกเขาจะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
ทันทีที่กิเลนอัคคีพูดจบ เฮ่อเหลียนเวยเวยก็เห็นร่างสีดำวิ่งออกมาจากมุมห้อง
“นั่นมันหนู!” เสี่ยวไป๋เอ่ยเสียงต่ำ ”เวยเวย เจ้าต้องหยุดเขา หากพลังปราณอันสงบสุขถูกทำลายละก็ ต่อให้เป็นสำนักไท่ไป๋ก็คงพลอยได้รับผลกระทบไปด้วยแน่!” สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยลึกล้ำ ใบหน้าเล็กๆ ของนางแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา
หนูพวกนั้นวิ่งวนไปมาอยู่ภายในห้องเหมือนแมลงวันที่สูญเสียความสามารถในการจดจำทิศทาง แต่หลังจากวิ่งได้สองสามก้าว พวกมันก็ล้มตัวลงที่มุมหนึ่งของกำแพง กลิ่นเหม็นคาวที่ออกมาจากศพของพวกมันโชยไปทั่วห้อง
แต่คนเหล่านั้นกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแม้จะเห็นสภาพของหนูพวกนั้น ตรงกันข้าม พวกเขากลับดูตื่นเต้นมากขึ้นเสียอีก
สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยดูเย็นชายิ่งขึ้นระหว่างที่นางมองไปยังบรรดาผู้คนที่อยู่ตรงหน้านาง พวกเขาไม่หลงเหลือสภาพของมนุษย์อีกต่อไปแล้ว
มู่หรงหงตู๋จับตามองดูคนทั้งสองตรงหน้า ท้ายที่สุดเขาก็ไม่ได้เลือกที่จะจู่โจมไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่มีกิเลนอัคคีคอยปกป้องอยู่ แต่กลับจ้องเฮ่อเหลียนเวยเวยตาไม่กะพริบแทน
เฮ่อเหลียนเวยเวยหรี่ตา แล้วทันใดนั้นนางก็ตระหนักได้ว่าอสูรทารกที่อยู่บนศีรษะของมู่หรงหงตู๋หายไปแล้ว!
เฮ่อเหลียนเวยเวยชะงัก แล้วรีบหันหน้ากลับมา ก่อนจะพบกับร่างของเด็กคนนั้นที่เกาะหลังของนางอยู่ มันยื่นกรงเล็บสีดำของมันออกมาราวกับพยายามจะฝังมันเข้าไปในร่างของนาง
ฟุ่บ!
เฮ่อเหลียนเวยเวยใช้มีดสั้นในมือเฉือนมันออกไปในทันที!
อสูรทารกตนนั้นดูไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังยื่นกรงเล็บออกมามากกว่าเดิม!
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเคลื่อนตัวเข้าไปกระชากเฮ่อเหลียนเวยเวยเข้ามาในอ้อมแขนด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า แต่แขนของเขากลับถูกกรงเล็บสีดำนั้นข่วนเข้าแทน! เล็บของมันแทงทะลุเข้าไปในแขนเสื้อสีงาช้างของเขา เลือดสีแดงสดทะลักออกมาทันที
ใบหน้าของหยวนหมิงซีดเผือด ร่างของเขาเริ่มกลายเป็นภาพอันเลือนราง ”บัดซบ ใครก็ตามที่ถูกอสูรทารกกำพร้าข่วนเข้าจะกลายเป็นบ้า ถ้าเจ้าหาวิธีทำลายคำสาปของมันไม่เจอในเร็วๆ นี้ละก็ ผู้ชายของเจ้าคงได้เริ่มกัดใครสักคนเข้าแน่…”
เฮ่อเหลียนเวยเวยเม้มริมฝีปากบางอย่างใจเย็นเมื่อนางได้ยินเช่นนี้
นอกจากการปกป้องคนที่นางรักแล้ว นางก็ไม่มีข้อดีอื่นอีก!
ใบหน้าที่ปกติมักจะเฉื่อยชามาตลอดของนางแปรเปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันทีที่นางเห็นแขนโชกเลือดของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
มู่หรงหงตู๋ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ”โอ้ ป้องกันได้หรือ ข้ากำลังคิดที่จะเอาวิญญาณของเจ้าไปมอบให้กับนายท่านอยู่พอดี ในเมื่อเจ้าไม่รู้จักเชื่อฟังถึงเพียงนี้ เจ้าก็ตามไปอยู่กับพวกเขาต่อในนรกแทนก็แล้วกัน!”
สิ้นเสียงของมู่หรงหงตู๋ ใบหน้าไร้อารมณ์ก็ปรากฏขึ้นเหนือคานบนเพดาน ดูเหมือนจะมีซากศพถูกซุกซ่อนเอาไว้ทั่วห้อง
ทุกร่างนั้นล้วนแต่เป็นร่างของเด็กเล็ก พวกเขาลอยอยู่ในอากาศ กระแสแห่งความทุกข์หนาแน่นขึ้น และค่อยๆ เข้าปกคลุมไปทั่วคาน หมอกสีดำเริ่มคืบคลาน ก่อนจะก่อตัวเป็นพายุหมุนราวกับจะดูดทุกคนเข้าไปภายใน
ซากศพเหล่านั้นเป็นเหมือนกับหุ่นเชิดที่ถูกควบคุมด้วยด้ายล่องหน นิ้วของพวกมันยื่นยาวออกมาทีละนิ้ว มันส่ายนิ้วไปมา พวกมันดูน่าเกลียดน่ากลัว ล่อลวง โหดเหี้ยมและชั่วร้ายเป็นอย่างมาก พวกมันพยายามคว้าทุกอย่างเอาไว้เพื่อให้สามารถปีนป่ายขึ้นไปด้านบน หรือไม่ก็คว้าร่างของใครสักคนโยนลงไปในนรกอันมืดมิดแทน ภาพที่เกิดขึ้นในใจของเฮ่อเหลียนเวยเวยนี้ดูคุ้นตาราวกับว่านางเคยเห็นมันมาก่อน
ความรู้สึกคุ้นเคยนี้ทำให้นางใช้มีดสั้นกรีดลงไปที่นิ้วของตนโดยไม่รู้ตัว เลือดของนางหยดลงบนพื้น แต่นางก็ไม่ได้สนใจแต่อย่างใด รูม่านตาของนางขยายออก แล้วท่องคาถาขึ้นว่า ”ขอหายนะทั้งปวงจงมลายสิ้น จงปลดปล่อยและปลอบประโลมเหล่ามนุษย์ผู้อยู่ในความทุกข์เหล่านี้ให้เป็นอิสระ ขอให้ความรู้สึกทั้งปวงและความเมตตากรุณาเป็นดังความว่างเปล่า ทำลายทุกอุปสรรคและความวุ่นวายเหมือนแสงอาทิตย์หลอมละลายน้ำแข็ง ภายใต้คำบัญชาของข้า จงสังหารปีศาจเหล่านั้นซะ!”
ทันใดนั้น กระแสลมก็คล้ายจะก่อตัวขึ้นรอบร่างของเฮ่อเหลียนเวยเวย ก่อนจะรวมตัวเข้าหากันจนมีรูปร่างเหมือนกับค่ายกลยันต์แปดเหลี่ยม ในขณะเดียวกันมันก็ดูเหมือนกับอักษรโบราณที่เขียนอยู่ในพระคัมภีร์ มันดูเหมือนไม่มีอยู่จริง
แต่เพียงเท่านี้ก็ทำให้สีหน้าของอสูรทารกที่อยู่บนศีรษะของมู่หรงหงตู๋เปลี่ยนไปกะทันหัน!
นี่มัน… นี่มันยันต์แปดเหลี่ยมปราบปีศาจ!
คนจากตระกูลของผู้ขับไล่วิญญาณน่าจะตายกันไปตั้งนานแล้วมิใช่หรือ!
ผู้หญิงคนนี้ นางรู้วิชานี้ได้อย่างไร
ระหว่างที่มู่หรงหงตู๋กำลังตาโตอยู่นั้น เฮ่อเหลียนเวยเวยก็สะบัดมือข้างหนึ่งของตนเล็กน้อย แล้วเอ่ยประโยคสุดท้ายออกมา ”ด้วยชีวิตของข้า ทุกสิ่งภายใต้ผืนฟ้าแห่งนี้จักต้องเคลื่อนไหวตามคำบัญชา!”
ฟิ้ว!
ยันต์แปดเหลี่ยมประกอบด้วยธาตุทั้งห้าที่อยู่ด้านหลังของนางเป็นราวกับตาข่ายที่กระเพื่อมขึ้นลง มันพุ่งเข้าไปคลุมร่างของมู่หรงหงตู๋ จากนั้นก็รัดเขาเอาไว้อย่างแน่นหนา!
พายุหมุนที่ก่อตัวขึ้นคล้ายถูกทะลวงด้วยพลังบางอย่าง หมอกสีดำเหล่านั้นจางหายไปอย่างรวดเร็ว และใบหน้าไร้อารมณ์เหล่านั้นก็เริ่มบิดเบี้ยว และค่อยๆ ลอกออกทีละน้อย
แคว่ก!
แขนเสื้อของเขาขาดออกจากกัน
ในชั่วพริบตา กลุ่มหมอกสีดำเหล่านั้นก็ถูกผนึกกลับเข้าไปในคานบนเพดาน
อสูรทารกตนนั้นทนเห็นห้องที่ตัวเองทุ่มเทความพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างขึ้นมานี้ถูกทำลายลงไม่ได้ มันกรีดร้องออกมาเสียงแหลม แล้วพุ่งเข้าใส่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยที่อยู่ใกล้กับมันที่สุดหมายจะกัดเขา!
แต่ก่อนที่มันจะทันได้สัมผัสกับแขนเสื้อของเขา มันก็ถูกพลังปราณที่มองไม่เห็นขวางทาง และตรึงมันเอาไว้กลางอากาศ
จากนั้นอสูรทารกจึงค้นพบว่าสีตาของผู้ชายคนนั้นไม่ใช่สีดำตามปกติอีกต่อไป
ในดวงตาสีดำสนิทของเขามีแสงสีทองอยู่ภายใน!
ความรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผาแล่นปราดมาจากมุมปากของมัน รูม่านตาของอสูรทารกขยายกว้างในเวลาเพียงพริบตา มันสะบัดตัวไปมาพร้อมกับจ้องมองดวงตาของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ผู้ชายคนนี้ยังสามารถปลดปล่อยพลังปราณออกมาได้แม้มันจะข่วนแขนของเขาไปแล้ว!
ทำไม
ทำไมกัน!
อสูรทารกรู้ว่ามันกำลังจะถูกเผาทั้งเป็น และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้มันรู้สึกสับสนงุนงงยิ่งนัก
นอกจากนายท่านของมัน ก็ไม่มีใครที่จะสามารถเอาชนะมันในร่างปีศาจได้ นอกจาก…