ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Historiette > 1-9

Side Story < Love Historiette > 1-9

การที่ชเวอินซอบมาหาตนเป็นปาฏิหาริย์ รวมไปถึงการที่เขาซึ่งระมัดระวังและขี้กลัวทุ่มเทชีวิตอยู่กับตนได้หลายปีด้วย

มันเป็นโชคดีที่เกิดจากการฆ่าตัวตายของเพื่อน และได้รับมาอย่างยากลำบาก

“งั้นก็บอกว่าตอนนี้กำลังคบกันอยู่…”

“ถ้าพูดแบบนั้น เขาจะชอบผมไหมครับ”

อีอูยอบคาบบุหรี่ไว้ในปากพลางเอ่ยถาม

…ชอบ ถ้านายหุบปาก

กรรมการผู้จัดการคิมรีบกลืนความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาลงไป

นิสัยของอีอูยอนเสีย ป่าเถื่อน และบ้าระห่ำเกินกว่าที่จะขอให้ชอบอย่างบุ่มบ่ามได้ เรื่องโชคดีก็คืออีอูยอนแสดงความอดทนอย่างคาดไม่ถึง และดูแลอินซอบโดยไม่ทำเรื่องไม่ดี

อีอูยอนทำหน้าตาอิดโรยและพ่นควันบุหรี่ออกมาพร้อมกับลมหายใจ

ใช่แล้ว เราเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะเราไม่สามารถแตะต้องเขาได้แม้แต่ปลายนิ้วด้วยคำโกหกที่ทำเพื่อรั้งอินซอบไว้

“แต่ถึงยังไงอีอูยอนก็เป็นคนแล้วนะ ฉันว่าตอนนี้นาย…”

“จะเป็นคน หรือเป็นไอ้บ้าอะไรก็เถอะ ผมแม่งจะเป็นบ้าจริงๆ แล้วครับ เพราะอยากมีเซ็กซ์กับเด็กนั่น ผมคิดจะจับขาของชเวอินซอบกางออกและสอดใส่เข้าไปวันละสิบๆ ครั้ง ไม่สิ วันละพันครั้งเลยครับ แค่ผมช่วยตัวเองพร้อมกับมองใบหน้าตอนหลับของเด็กนั่นไปด้วยก็วันสองวันแล้ว แม่งเอ๊ย”

“…”

ยังไม่เป็นคนสินะ

“ถ้าพี่น้องแท้ๆ มีเซ็กซ์กันผิดกฎหมายที่เกาหลีไหมครับ”

คำถามที่ต่ำช้าของอีอูยอนทำให้กรรมการผู้จัดการคิมเกิดความรู้สึกว่าอยากกลับโซลตอนนี้

“…การบังคับให้ทำน่ะ ผิดทั้งจารีตทั้งกฎหมายเลยล่ะ”

“งั้นผมทำผิดประเวณีได้ใช่ไหมครับ”

“…แต่นายจะโดนอินซอบเกลียดนะ”

“แม่งเอ๊ย เพราะฉะนั้นผมถึงได้ทนยังไงล่ะครับ ผมถึงได้อดทนมีอะไรกับฝ่ามือในอายุเท่านี้ไงครับ

อีอูยอนพูดราวกับเคี้ยวความโกรธลงไป จากนั้นก็ดูดก้นกรองของบุหรี่ด้วยความหงุดหงิด

“ต้องรอดูไปก่อนใช่ไหมครับ ตามที่ไอ้โรงพยาบาลหัวค*ยนั่นสั่ง”

“ใช่ ตอนนี้ก็ทำอย่างนั้น…”

ในตอนที่เขากำลังจะพูดว่า ‘แล้วนายก็ค่อยๆ กลับไปที่โซลและเริ่มทำงาน’

เขาก็ได้ยินเสียงน้ำดัง จ๋อม

“อะไรน่ะ เสียงอะไร เมื่อกี้…”

อีอูยอนวิ่งออกไปทางทะเลสาบ กรรมการผู้จัดการคิมเองก็กระวีกระวาดวิ่งตามหลังอีกฝ่ายไปเช่นกัน

“ชเวอินซอบ!”

อีอูยอนเรียกชื่อของอินซอบ เขาไม่เห็นอินซอบที่ควรจะนั่งอยู่หน้าคันเบ็ดที่วางไว้ หัวหน้าทีมชาที่โผล่มาทีหลังหอบและถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“อะไรกัน เกิดเรื่องอะไรกับคุณอินซอบเหรอ”

“คุณอินซอบ! แม่งเอ๊ย ชเวอินซอบ!”

อีอูยอนเรียกชื่อของอินซอบอย่างร้อนรนด้วยเสียงที่ดังขึ้น เขามองเห็นผ้าห่มที่อินซอบห่มอยู่พร้อมกับเสียงผิวน้ำกระเพื่อม อีอูยอนจึงวิ่งไปที่ทะเลสาบ

“บ้าไปแล้ว! นี่เป็นฤดูหนาวและนายก็ว่ายน้ำไม่เป็นด้วย!”

“ปล่อย!”

อีอูยอนสะบัดกรรมการผู้จัดการคิมที่จับแขนของตัวเองออกไป

“ผมจะไปเอง รอเดี๋ยว…”

อีอูยอนวิ่งลงไปในน้ำในระหว่างที่หัวหน้าทีมชาถอดรองเท้า เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว น้ำที่เคยปริ่มตรงใต้เข่าก็สูงขึ้นมาจนถึงหน้าอกโดยไม่ทันได้รู้ตัว

“ชเวอินซอบ! อินซอบ! อินซอบ!”

อีอูยอนเรียกชื่อของอินซอบอยู่หลายครั้งด้วยเสียงที่เหมือนจะขาดวิ่น เขาได้ยินเสียงดังจ๋อมจากข้างในนั้น อีอูยอนทิ้งตัวลงในน้ำอย่างไม่ลังเล น้ำที่เย็นราวกับแผ่นน้ำแข็งโอบกอดตัวของเขาไว้ เขาหายใจไม่ออก ไม่มีอะไรที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยในความมืด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องหาให้เจอ ไม่ว่าอย่างไร…ไม่ว่าอย่างไร…ก็ต้องหาอินซอบ…

อีอูยอนคลำไปทั่ว และกอดร่างกายผอมบางที่กำลังตะเกียกตะกายไว้อย่างยากลำบาก

“แฮ่ก…ข้างใน…คน…”

อินซอบสติไม่อยู่กับตัวแล้ว แม้จะขึ้นมาเหนือผิวน้ำแล้ว แต่เขาก็ยังตัวสั่นและพูดไม่ได้ศัพท์อยู่

“อยู่เฉยๆ!”

อีอูยอนกอดอินซอบที่ดิ้นไปมาไว้จากด้านหลังและลากออกมาจากน้ำ ทันทีที่ออกมานอกทะเลสาบ กรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชาก็ถอดเสื้อที่ตัวเองสวมอยู่ออกและห่มให้อินซอบ อินซอบที่หน้าซีดเผือดตัวสั่นและสำลักน้ำออกมา

“ฮือ…อึก…อุก”

“อินซอบ มองผม ฉิบ หายใจ…”

อีอูยอนแทบจะคว่ำหน้าลงกับพื้นพูดพร้อมกับนวดแขนอินซอบ คนที่ต้องหายใจไม่ใช่ชเวอินซอบ แต่เป็นอีอูยอนต่างหาก หน้าของเขาซีดเผือดด้วยความกลัวและความกังวลใจ

“ข้างใน…คน…ต้องช่วย…”

อินซอบปากสั่นและพยายามจะลุกขึ้น สายตาที่ว่างเปล่าของเขายังผูกติดอยู่ที่ทะเลสาบ

“ไม่มี ตรงนั้นไม่มีคน ตั้งสติสิ มองผมหน่อยครับ ขอร้อง”

อีอูยอนยึดใบหน้าของอินซอบให้มองตัวเองและพูดราวกับอ้อนวอน

“ต้องช่วย คนจมน้ำ…”

อีอูยอนตบแก้มของอินซอบที่กำลังจะทำให้ร่างกายที่ซวนเซลุกขึ้น ตอนนั้นเองอินซอบที่กุมแก้มที่หันไปเบาๆ พร้อมกับเสียงดัง เพียะ ถึงได้เงยหน้ามองอีอูยอน

“ตั้งสติหน่อย แม่ง จะช่วยใครล่ะ…ก็ช่วยมาแล้วไง ตอนนั้นคุณเสี่ยงชีวิตช่วยไว้แล้วไง…ทั้งๆ ที่จำไม่ได้แล้วจะช่วยอะไรอีก…”

เสียงของอีอูยอนที่พูดแบบนั้นสั่นอย่างรุนแรง เขาดูเหมือนเด็กที่หวาดกลัวและน่าสงสาร

“…อย่าเป็นแบบนี้เลย เข้าไปข้างใน…”

กรรมการผู้จัดการคิมพยุงอินซอบให้ลุกขึ้น อีอูยอนอุ้มอินซอบและวิ่งไปที่บ้านพักตากอากาศ หัวหน้าทีมชาและกรรมการผู้จัดการคิมก็รีบวิ่งตามไปด้วย

อีอูยอนพาอินซอบไปที่ห้องน้ำและเปิดน้ำอุ่น เขาเปิดน้ำอุ่นที่สุดใส่อ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำ จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูมาห่อตัวอินซอบไว้หลายๆ ชั้น

“ทำอะไรอยู่ครับ ไปเอาผ้าห่มหรือของที่ห่มได้มาสิครับ”

อีอูยอนตะโกนใส่หัวหน้าทีมชาที่ทำอะไรไม่ถูกและยืนอยู่หน้าห้องน้ำ

“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้…”

“อยู่นิ่งๆ ครับ”

“อะ นี่”

อีอูยอนรับผ้าห่มที่หัวหน้าทีมชานำมาไว้และห่อตัวให้อินซอบ จากนั้นก็วางอินซอบลงในอ่างอาบน้ำที่รองน้ำไว้แล้วประมาณหนึ่ง

“มันจะเปียกน้ำนะ ฉัน ฉัน…”

“แม่ง บอกให้อยู่เฉยๆ ไง!”

อีอูยอนกรีดร้องเสียงแหลม อินซอบที่ตกใจหน้าซีดและกลั้นหายใจ อีอูยอนนวดแขนและขาของอินซอบที่เย็นเฉียบพลางพูด

“ช่วยโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลทีครับ ช่วยเรียกรถฉุกเฉินให้ด้วยครับ”

อีอูยอนพูดกับกรรมการผู้จัดการคิม

“โอเค เข้าใจแล้ว”

“ไม่ ไม่ต้องครับ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ดะ…”

“คุณอินซอบ”

หัวหน้าทีมชาส่ายหน้าและห้ามไม่ให้อินซอบพูด ตอนนั้นเองอินซอบถึงเห็นอีอูยอน ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดเผือด มือที่กำลังนวดตัวเองอยู่ก็สั่นเทา…ดวงตาที่เหมือนคนที่หลงทางในที่มืดและกำลังจะร้องไห้ออกมา…

“…ไม่เป็นไรครับ จะต้องไม่เป็นไร…”

เป็นคำที่ไม่รู้ว่าพูดให้ใครกันแน่น การพูดแบบนั้นเหมือนกับสะกดจิตตัวเอง

“เขาบอกว่าอีกสิบนาทีจะมาถึง”

กรรมการผู้จัดการคิมที่คุยโทรศัพท์เสร็จชูโทรศัพท์ก่อนจะพูด

“ฉันจะไปเก็บเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยน กรรมการผู้จัดการมาทางนี้ครับ”

หัวหน้าทีมชาลากกรรมการผู้จัดการออกจากห้องน้ำไป อีอูยอนนวดแขนกับขาของอินซอบโดยไม่หยุดพัก

“…อูยอน”

อินซอบเรียกชื่อน้องชายของตนอย่างระมัดระวัง พวกเขาสบตากัน ความรู้สึกที่ไม่สามารถเข้าใจได้พุ่งขึ้นมาถึงลำคอ เขาหายใจไม่ออก มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง หัวใจของเขาเต้นเร็วจนเจ็บ มือกับเท้าก็สั่นระริก

น้ำหยดลงมาจากเส้นผมที่เปียกของอีอูยอน อินซอบเอื้อมมือออกไปเสยผมที่ลู่ติดหน้าผากขึ้น

“ไม่เป็นไรนะ”

ทั้งๆ ที่รู้ว่าควรจะพูดว่าขอโทษก่อน แต่อินซอบก็พูดออกไปแบบนั้น เหมือนกับว่าเขาต้องทำแบบนั้น เขารู้สึกว่าน้องชายที่สูงกว่าตัวเองเด็กและน่าสงสารมากๆ ถ้าทำได้ เขาก็อยากจะกอดและปลอบอีกฝ่ายเหมือนเด็กเล็กๆ

“ฉันไม่เป็นไรแล้ว เพราะฉะนั้น…”

ชายหนุ่มกอดอินซอบไว้ราวกับจะทรุดลงไปตรงนั้น แม้จะถูกกดกับไหล่กว้างจนเหมือนจะหายใจไม่ออก แต่อินซอบก็ลูบหัวของชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง เขาพ่นลมหายใจอุ่นร้อนออกมาพร้อมกับลูบแก้ม ความรู้สึกชากระจายไปทั่วผิวที่เลือดเริ่มกลับมาหมุนเวียนอย่างช้าๆ

“…ผมจะเป็นบ้าจริงๆ เพราะคุณ”

ลมหายใจที่แผ่วเบาของอีกฝ่ายสัมผัสที่ต้นคอ เขารู้สึกขนลุกซู่ที่ปลายเท้า อีอูยอนที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองอินซอบนิ่งๆ ใบหน้าของเขาค่อยๆ ใกล้เข้ามา แล้วริมฝีปากอ่อนนุ่มก็แตะเข้าเบาๆ ก่อนจะผละออก

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน

อินซอบกะพริบตาช้าๆ เรี่ยวแรงกลับมาที่นิ้วของอีอูยอนที่ลูบไล้ต้นคอของอินซอบ ริมฝีปากที่ผละออกไปใกล้เข้ามาอีกครั้ง

“นี่! รถมาแล้ว!”

ตอนนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก และกรรมการผู้จัดการคิมก็เข้ามาข้างใน

“ขอเสื้อด้วยครับ”

อีอูยอนลุกขึ้นและยื่นมือออกไปอย่างหน้าตาเฉย หัวหน้าชายื่นเสื้อที่จะเปลี่ยนให้

“เปลี่ยนเสื้อตรงนี้แล้วค่อยออกไปนะครับ จะปล่อยให้อุณหภูมิลดลงไม่ได้”

อีอูยอนพูดพลางเลื่อนผ้าห่มที่คลุมอินซอบไว้ลงมา

“ฉัน ฉันทำเอง ฉันใส่เองได้”

แม้อินซอบจะโบกมือปฏิเสธสุดชีวิต แต่อีอูยอนก็ไม่แม้แต่จะแกล้งทำเป็นได้ยิน

วันนั้นเขาไปโรงพยาบาลและรับการตรวจทั้งหมดที่สามารถทำได้ และได้ออกจากโรงพยาบาลหลังจากได้ฟังผลตรวจที่บอกว่าทุกอย่างปกติ

***

‘…ผมจะเป็นบ้าจริงๆ เพราะคุณ’

ริมฝีปากที่แตะลงมาพร้อมกับลมหายใจที่แผ่วเบา มันไม่ใช่การคิดไปเอง หรือการเข้าใจผิด เขาคิดว่ามันเป็นการทักทายเหรอ เพราะครอบครัวจูบแก้มกันได้ แต่การจูบปากที่นี่…

“ฟังอยู่หรือเปล่าครับ”

อินซอบที่จมอยู่กับความคิดอย่างอื่นอยู่พักหนึ่งตอบว่า ‘ครับ’ ให้กับคำถามของหมอ และยืดตัวตรง

“ถึงจะบอกว่าได้ยินเสียงแว่ว แต่ก็สามารถมองเป็นร่องรอยของสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต หรือเค้าลางว่าความทรงจำกำลังกลับมาทีละนิดได้นะครับ”

เขาได้ยินคำตำหนิของอีอูยอนที่ถามว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้กระโดดลงไปในทะเลสาบในฤดูหนาว หลังจากที่ผลตรวจออกมาว่าปกติดี

‘ฉันได้ยินเสียง…ได้ยินจริงๆ นะ ใครบางคนขอให้ช่วย เพราะตกน้ำ’

พออินซอบอ้ำอึ้งและอธิบายสถานการณ์ อีอูยอนก็พาอินซอบมาที่โซลและรับการตรวจทันที

“แล้วความทรงจำจะกลับมาเมื่อไรเหรอครับ”

อีอูยอนเอ่ยถาม

“ผมไม่สามารถพูดได้หรอกนะครับว่าจะกลับมาเมื่อไรแน่ แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ นี่จึงไม่ใช่สถานการณ์ที่เลวร้ายครับ มีอาการอย่างอื่นอีกไหมครับ เช่น ปวดหัว หรือเห็นภาพหลอน”

อินซอบสังเกตสถานการณ์อยู่พักหนึ่ง และพูดกับอีอูยอนที่ยืนกอดอกอยู่ข้างหลังตัวเองว่า ‘นี่’

“มีอะไรครับ”

“…ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งได้ไหม”

“ทำไมล่ะครับ”

คำตอบที่ไม่ต่างกันเลยแม้แต่คำเดียวถูกส่งกลับมา อินซอบรู้สึกกลัวนิดหน่อยทุกครั้งที่น้องชายผู้อ่อนโยนของตัวเองเป็นแบบนั้น

“ฉันมีเรื่องที่อยากถามคุณหมอน่ะ”

“ถามสิครับ”

ชายหนุ่มที่สวมหมวกของเสื้อฮู้ดกับแว่นกันแดดและยืนอยู่ข้างหลังไม่แสดงท่าทีว่าจะถอยออกไปง่ายๆ

“เนื่องจากเป็นความต้องการของคนไข้ เชิญคุณออกไปก่อนนะครับ”

หมอที่ทนดูไม่ได้เข้าข้างคำพูดของอินซอบ อีอูยอนเอียงคอ หมอกระแอมอย่างไม่จำเป็นและเบนสายตากลับไป แม้จะเป็นดาราที่มีข่าวลือว่ามารยาทดีและเป็นคนดี แต่แค่สบตา เหงื่อก็ไหลเย็นๆ ก็ไหลลงมาตามแนวกระดูกสันหลังอย่างน่าประหลาด

“ขอร้องล่ะ”

อินซอบก้มหัวพูด อีอูยอนถอนหายใจ

“งั้นผมจะอยู่ข้างนอกนะครับ”

พออีกฝ่ายออกไป อินซอบก็ผ่อนไหล่ที่เกร็งด้วยความประหม่าลง หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น แค่อีอูยอนยืนอยู่ข้างๆ เขาก็ประหม่าและปวดไปทั่วทั้งตัว

“คุณบอกว่ามีเรื่องที่อยากถามนี่ครับ”

หมอเปิดปากพูด

“ครับ คุณหมอ”

อินซอบวางกำปั้นลงบนเข่าพลางพยักหน้า

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท