การที่ชเวอินซอบมาหาตนเป็นปาฏิหาริย์ รวมไปถึงการที่เขาซึ่งระมัดระวังและขี้กลัวทุ่มเทชีวิตอยู่กับตนได้หลายปีด้วย
มันเป็นโชคดีที่เกิดจากการฆ่าตัวตายของเพื่อน และได้รับมาอย่างยากลำบาก
“งั้นก็บอกว่าตอนนี้กำลังคบกันอยู่…”
“ถ้าพูดแบบนั้น เขาจะชอบผมไหมครับ”
อีอูยอบคาบบุหรี่ไว้ในปากพลางเอ่ยถาม
…ชอบ ถ้านายหุบปาก
กรรมการผู้จัดการคิมรีบกลืนความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาลงไป
นิสัยของอีอูยอนเสีย ป่าเถื่อน และบ้าระห่ำเกินกว่าที่จะขอให้ชอบอย่างบุ่มบ่ามได้ เรื่องโชคดีก็คืออีอูยอนแสดงความอดทนอย่างคาดไม่ถึง และดูแลอินซอบโดยไม่ทำเรื่องไม่ดี
อีอูยอนทำหน้าตาอิดโรยและพ่นควันบุหรี่ออกมาพร้อมกับลมหายใจ
ใช่แล้ว เราเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน เพราะเราไม่สามารถแตะต้องเขาได้แม้แต่ปลายนิ้วด้วยคำโกหกที่ทำเพื่อรั้งอินซอบไว้
“แต่ถึงยังไงอีอูยอนก็เป็นคนแล้วนะ ฉันว่าตอนนี้นาย…”
“จะเป็นคน หรือเป็นไอ้บ้าอะไรก็เถอะ ผมแม่งจะเป็นบ้าจริงๆ แล้วครับ เพราะอยากมีเซ็กซ์กับเด็กนั่น ผมคิดจะจับขาของชเวอินซอบกางออกและสอดใส่เข้าไปวันละสิบๆ ครั้ง ไม่สิ วันละพันครั้งเลยครับ แค่ผมช่วยตัวเองพร้อมกับมองใบหน้าตอนหลับของเด็กนั่นไปด้วยก็วันสองวันแล้ว แม่งเอ๊ย”
“…”
ยังไม่เป็นคนสินะ
“ถ้าพี่น้องแท้ๆ มีเซ็กซ์กันผิดกฎหมายที่เกาหลีไหมครับ”
คำถามที่ต่ำช้าของอีอูยอนทำให้กรรมการผู้จัดการคิมเกิดความรู้สึกว่าอยากกลับโซลตอนนี้
“…การบังคับให้ทำน่ะ ผิดทั้งจารีตทั้งกฎหมายเลยล่ะ”
“งั้นผมทำผิดประเวณีได้ใช่ไหมครับ”
“…แต่นายจะโดนอินซอบเกลียดนะ”
“แม่งเอ๊ย เพราะฉะนั้นผมถึงได้ทนยังไงล่ะครับ ผมถึงได้อดทนมีอะไรกับฝ่ามือในอายุเท่านี้ไงครับ
อีอูยอนพูดราวกับเคี้ยวความโกรธลงไป จากนั้นก็ดูดก้นกรองของบุหรี่ด้วยความหงุดหงิด
“ต้องรอดูไปก่อนใช่ไหมครับ ตามที่ไอ้โรงพยาบาลหัวค*ยนั่นสั่ง”
“ใช่ ตอนนี้ก็ทำอย่างนั้น…”
ในตอนที่เขากำลังจะพูดว่า ‘แล้วนายก็ค่อยๆ กลับไปที่โซลและเริ่มทำงาน’
เขาก็ได้ยินเสียงน้ำดัง จ๋อม
“อะไรน่ะ เสียงอะไร เมื่อกี้…”
อีอูยอนวิ่งออกไปทางทะเลสาบ กรรมการผู้จัดการคิมเองก็กระวีกระวาดวิ่งตามหลังอีกฝ่ายไปเช่นกัน
“ชเวอินซอบ!”
อีอูยอนเรียกชื่อของอินซอบ เขาไม่เห็นอินซอบที่ควรจะนั่งอยู่หน้าคันเบ็ดที่วางไว้ หัวหน้าทีมชาที่โผล่มาทีหลังหอบและถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“อะไรกัน เกิดเรื่องอะไรกับคุณอินซอบเหรอ”
“คุณอินซอบ! แม่งเอ๊ย ชเวอินซอบ!”
อีอูยอนเรียกชื่อของอินซอบอย่างร้อนรนด้วยเสียงที่ดังขึ้น เขามองเห็นผ้าห่มที่อินซอบห่มอยู่พร้อมกับเสียงผิวน้ำกระเพื่อม อีอูยอนจึงวิ่งไปที่ทะเลสาบ
“บ้าไปแล้ว! นี่เป็นฤดูหนาวและนายก็ว่ายน้ำไม่เป็นด้วย!”
“ปล่อย!”
อีอูยอนสะบัดกรรมการผู้จัดการคิมที่จับแขนของตัวเองออกไป
“ผมจะไปเอง รอเดี๋ยว…”
อีอูยอนวิ่งลงไปในน้ำในระหว่างที่หัวหน้าทีมชาถอดรองเท้า เขาเดินไปได้ไม่กี่ก้าว น้ำที่เคยปริ่มตรงใต้เข่าก็สูงขึ้นมาจนถึงหน้าอกโดยไม่ทันได้รู้ตัว
“ชเวอินซอบ! อินซอบ! อินซอบ!”
อีอูยอนเรียกชื่อของอินซอบอยู่หลายครั้งด้วยเสียงที่เหมือนจะขาดวิ่น เขาได้ยินเสียงดังจ๋อมจากข้างในนั้น อีอูยอนทิ้งตัวลงในน้ำอย่างไม่ลังเล น้ำที่เย็นราวกับแผ่นน้ำแข็งโอบกอดตัวของเขาไว้ เขาหายใจไม่ออก ไม่มีอะไรที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยในความมืด แต่ถึงอย่างไรก็ต้องหาให้เจอ ไม่ว่าอย่างไร…ไม่ว่าอย่างไร…ก็ต้องหาอินซอบ…
อีอูยอนคลำไปทั่ว และกอดร่างกายผอมบางที่กำลังตะเกียกตะกายไว้อย่างยากลำบาก
“แฮ่ก…ข้างใน…คน…”
อินซอบสติไม่อยู่กับตัวแล้ว แม้จะขึ้นมาเหนือผิวน้ำแล้ว แต่เขาก็ยังตัวสั่นและพูดไม่ได้ศัพท์อยู่
“อยู่เฉยๆ!”
อีอูยอนกอดอินซอบที่ดิ้นไปมาไว้จากด้านหลังและลากออกมาจากน้ำ ทันทีที่ออกมานอกทะเลสาบ กรรมการผู้จัดการคิมและหัวหน้าทีมชาก็ถอดเสื้อที่ตัวเองสวมอยู่ออกและห่มให้อินซอบ อินซอบที่หน้าซีดเผือดตัวสั่นและสำลักน้ำออกมา
“ฮือ…อึก…อุก”
“อินซอบ มองผม ฉิบ หายใจ…”
อีอูยอนแทบจะคว่ำหน้าลงกับพื้นพูดพร้อมกับนวดแขนอินซอบ คนที่ต้องหายใจไม่ใช่ชเวอินซอบ แต่เป็นอีอูยอนต่างหาก หน้าของเขาซีดเผือดด้วยความกลัวและความกังวลใจ
“ข้างใน…คน…ต้องช่วย…”
อินซอบปากสั่นและพยายามจะลุกขึ้น สายตาที่ว่างเปล่าของเขายังผูกติดอยู่ที่ทะเลสาบ
“ไม่มี ตรงนั้นไม่มีคน ตั้งสติสิ มองผมหน่อยครับ ขอร้อง”
อีอูยอนยึดใบหน้าของอินซอบให้มองตัวเองและพูดราวกับอ้อนวอน
“ต้องช่วย คนจมน้ำ…”
อีอูยอนตบแก้มของอินซอบที่กำลังจะทำให้ร่างกายที่ซวนเซลุกขึ้น ตอนนั้นเองอินซอบที่กุมแก้มที่หันไปเบาๆ พร้อมกับเสียงดัง เพียะ ถึงได้เงยหน้ามองอีอูยอน
“ตั้งสติหน่อย แม่ง จะช่วยใครล่ะ…ก็ช่วยมาแล้วไง ตอนนั้นคุณเสี่ยงชีวิตช่วยไว้แล้วไง…ทั้งๆ ที่จำไม่ได้แล้วจะช่วยอะไรอีก…”
เสียงของอีอูยอนที่พูดแบบนั้นสั่นอย่างรุนแรง เขาดูเหมือนเด็กที่หวาดกลัวและน่าสงสาร
“…อย่าเป็นแบบนี้เลย เข้าไปข้างใน…”
กรรมการผู้จัดการคิมพยุงอินซอบให้ลุกขึ้น อีอูยอนอุ้มอินซอบและวิ่งไปที่บ้านพักตากอากาศ หัวหน้าทีมชาและกรรมการผู้จัดการคิมก็รีบวิ่งตามไปด้วย
อีอูยอนพาอินซอบไปที่ห้องน้ำและเปิดน้ำอุ่น เขาเปิดน้ำอุ่นที่สุดใส่อ่างล้างหน้าและอ่างอาบน้ำ จากนั้นก็เอาผ้าขนหนูมาห่อตัวอินซอบไว้หลายๆ ชั้น
“ทำอะไรอยู่ครับ ไปเอาผ้าห่มหรือของที่ห่มได้มาสิครับ”
อีอูยอนตะโกนใส่หัวหน้าทีมชาที่ทำอะไรไม่ถูกและยืนอยู่หน้าห้องน้ำ
“ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้…”
“อยู่นิ่งๆ ครับ”
“อะ นี่”
อีอูยอนรับผ้าห่มที่หัวหน้าทีมชานำมาไว้และห่อตัวให้อินซอบ จากนั้นก็วางอินซอบลงในอ่างอาบน้ำที่รองน้ำไว้แล้วประมาณหนึ่ง
“มันจะเปียกน้ำนะ ฉัน ฉัน…”
“แม่ง บอกให้อยู่เฉยๆ ไง!”
อีอูยอนกรีดร้องเสียงแหลม อินซอบที่ตกใจหน้าซีดและกลั้นหายใจ อีอูยอนนวดแขนและขาของอินซอบที่เย็นเฉียบพลางพูด
“ช่วยโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาลทีครับ ช่วยเรียกรถฉุกเฉินให้ด้วยครับ”
อีอูยอนพูดกับกรรมการผู้จัดการคิม
“โอเค เข้าใจแล้ว”
“ไม่ ไม่ต้องครับ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น ไม่ต้องไปโรงพยาบาลก็ดะ…”
“คุณอินซอบ”
หัวหน้าทีมชาส่ายหน้าและห้ามไม่ให้อินซอบพูด ตอนนั้นเองอินซอบถึงเห็นอีอูยอน ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดเผือด มือที่กำลังนวดตัวเองอยู่ก็สั่นเทา…ดวงตาที่เหมือนคนที่หลงทางในที่มืดและกำลังจะร้องไห้ออกมา…
“…ไม่เป็นไรครับ จะต้องไม่เป็นไร…”
เป็นคำที่ไม่รู้ว่าพูดให้ใครกันแน่น การพูดแบบนั้นเหมือนกับสะกดจิตตัวเอง
“เขาบอกว่าอีกสิบนาทีจะมาถึง”
กรรมการผู้จัดการคิมที่คุยโทรศัพท์เสร็จชูโทรศัพท์ก่อนจะพูด
“ฉันจะไปเก็บเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยน กรรมการผู้จัดการมาทางนี้ครับ”
หัวหน้าทีมชาลากกรรมการผู้จัดการออกจากห้องน้ำไป อีอูยอนนวดแขนกับขาของอินซอบโดยไม่หยุดพัก
“…อูยอน”
อินซอบเรียกชื่อน้องชายของตนอย่างระมัดระวัง พวกเขาสบตากัน ความรู้สึกที่ไม่สามารถเข้าใจได้พุ่งขึ้นมาถึงลำคอ เขาหายใจไม่ออก มันเป็นแบบนี้ทุกครั้ง หัวใจของเขาเต้นเร็วจนเจ็บ มือกับเท้าก็สั่นระริก
น้ำหยดลงมาจากเส้นผมที่เปียกของอีอูยอน อินซอบเอื้อมมือออกไปเสยผมที่ลู่ติดหน้าผากขึ้น
“ไม่เป็นไรนะ”
ทั้งๆ ที่รู้ว่าควรจะพูดว่าขอโทษก่อน แต่อินซอบก็พูดออกไปแบบนั้น เหมือนกับว่าเขาต้องทำแบบนั้น เขารู้สึกว่าน้องชายที่สูงกว่าตัวเองเด็กและน่าสงสารมากๆ ถ้าทำได้ เขาก็อยากจะกอดและปลอบอีกฝ่ายเหมือนเด็กเล็กๆ
“ฉันไม่เป็นไรแล้ว เพราะฉะนั้น…”
ชายหนุ่มกอดอินซอบไว้ราวกับจะทรุดลงไปตรงนั้น แม้จะถูกกดกับไหล่กว้างจนเหมือนจะหายใจไม่ออก แต่อินซอบก็ลูบหัวของชายหนุ่มอย่างระมัดระวัง เขาพ่นลมหายใจอุ่นร้อนออกมาพร้อมกับลูบแก้ม ความรู้สึกชากระจายไปทั่วผิวที่เลือดเริ่มกลับมาหมุนเวียนอย่างช้าๆ
“…ผมจะเป็นบ้าจริงๆ เพราะคุณ”
ลมหายใจที่แผ่วเบาของอีกฝ่ายสัมผัสที่ต้นคอ เขารู้สึกขนลุกซู่ที่ปลายเท้า อีอูยอนที่ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมามองอินซอบนิ่งๆ ใบหน้าของเขาค่อยๆ ใกล้เข้ามา แล้วริมฝีปากอ่อนนุ่มก็แตะเข้าเบาๆ ก่อนจะผละออก
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
อินซอบกะพริบตาช้าๆ เรี่ยวแรงกลับมาที่นิ้วของอีอูยอนที่ลูบไล้ต้นคอของอินซอบ ริมฝีปากที่ผละออกไปใกล้เข้ามาอีกครั้ง
“นี่! รถมาแล้ว!”
ตอนนั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก และกรรมการผู้จัดการคิมก็เข้ามาข้างใน
“ขอเสื้อด้วยครับ”
อีอูยอนลุกขึ้นและยื่นมือออกไปอย่างหน้าตาเฉย หัวหน้าชายื่นเสื้อที่จะเปลี่ยนให้
“เปลี่ยนเสื้อตรงนี้แล้วค่อยออกไปนะครับ จะปล่อยให้อุณหภูมิลดลงไม่ได้”
อีอูยอนพูดพลางเลื่อนผ้าห่มที่คลุมอินซอบไว้ลงมา
“ฉัน ฉันทำเอง ฉันใส่เองได้”
แม้อินซอบจะโบกมือปฏิเสธสุดชีวิต แต่อีอูยอนก็ไม่แม้แต่จะแกล้งทำเป็นได้ยิน
วันนั้นเขาไปโรงพยาบาลและรับการตรวจทั้งหมดที่สามารถทำได้ และได้ออกจากโรงพยาบาลหลังจากได้ฟังผลตรวจที่บอกว่าทุกอย่างปกติ
***
‘…ผมจะเป็นบ้าจริงๆ เพราะคุณ’
ริมฝีปากที่แตะลงมาพร้อมกับลมหายใจที่แผ่วเบา มันไม่ใช่การคิดไปเอง หรือการเข้าใจผิด เขาคิดว่ามันเป็นการทักทายเหรอ เพราะครอบครัวจูบแก้มกันได้ แต่การจูบปากที่นี่…
“ฟังอยู่หรือเปล่าครับ”
อินซอบที่จมอยู่กับความคิดอย่างอื่นอยู่พักหนึ่งตอบว่า ‘ครับ’ ให้กับคำถามของหมอ และยืดตัวตรง
“ถึงจะบอกว่าได้ยินเสียงแว่ว แต่ก็สามารถมองเป็นร่องรอยของสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต หรือเค้าลางว่าความทรงจำกำลังกลับมาทีละนิดได้นะครับ”
เขาได้ยินคำตำหนิของอีอูยอนที่ถามว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้กระโดดลงไปในทะเลสาบในฤดูหนาว หลังจากที่ผลตรวจออกมาว่าปกติดี
‘ฉันได้ยินเสียง…ได้ยินจริงๆ นะ ใครบางคนขอให้ช่วย เพราะตกน้ำ’
พออินซอบอ้ำอึ้งและอธิบายสถานการณ์ อีอูยอนก็พาอินซอบมาที่โซลและรับการตรวจทันที
“แล้วความทรงจำจะกลับมาเมื่อไรเหรอครับ”
อีอูยอนเอ่ยถาม
“ผมไม่สามารถพูดได้หรอกนะครับว่าจะกลับมาเมื่อไรแน่ แต่เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ นี่จึงไม่ใช่สถานการณ์ที่เลวร้ายครับ มีอาการอย่างอื่นอีกไหมครับ เช่น ปวดหัว หรือเห็นภาพหลอน”
อินซอบสังเกตสถานการณ์อยู่พักหนึ่ง และพูดกับอีอูยอนที่ยืนกอดอกอยู่ข้างหลังตัวเองว่า ‘นี่’
“มีอะไรครับ”
“…ออกไปข้างนอกแป๊บหนึ่งได้ไหม”
“ทำไมล่ะครับ”
คำตอบที่ไม่ต่างกันเลยแม้แต่คำเดียวถูกส่งกลับมา อินซอบรู้สึกกลัวนิดหน่อยทุกครั้งที่น้องชายผู้อ่อนโยนของตัวเองเป็นแบบนั้น
“ฉันมีเรื่องที่อยากถามคุณหมอน่ะ”
“ถามสิครับ”
ชายหนุ่มที่สวมหมวกของเสื้อฮู้ดกับแว่นกันแดดและยืนอยู่ข้างหลังไม่แสดงท่าทีว่าจะถอยออกไปง่ายๆ
“เนื่องจากเป็นความต้องการของคนไข้ เชิญคุณออกไปก่อนนะครับ”
หมอที่ทนดูไม่ได้เข้าข้างคำพูดของอินซอบ อีอูยอนเอียงคอ หมอกระแอมอย่างไม่จำเป็นและเบนสายตากลับไป แม้จะเป็นดาราที่มีข่าวลือว่ามารยาทดีและเป็นคนดี แต่แค่สบตา เหงื่อก็ไหลเย็นๆ ก็ไหลลงมาตามแนวกระดูกสันหลังอย่างน่าประหลาด
“ขอร้องล่ะ”
อินซอบก้มหัวพูด อีอูยอนถอนหายใจ
“งั้นผมจะอยู่ข้างนอกนะครับ”
พออีกฝ่ายออกไป อินซอบก็ผ่อนไหล่ที่เกร็งด้วยความประหม่าลง หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น แค่อีอูยอนยืนอยู่ข้างๆ เขาก็ประหม่าและปวดไปทั่วทั้งตัว
“คุณบอกว่ามีเรื่องที่อยากถามนี่ครับ”
หมอเปิดปากพูด
“ครับ คุณหมอ”
อินซอบวางกำปั้นลงบนเข่าพลางพยักหน้า