เฟิงหลินจัดเตรียมกระโจมที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เฉินตันจูเดินเข้าไป โจวเสวียนเดินตามเข้าไป องค์ชายสามเดินเข้าไปอย่างไม่รีบร้อน หลี่จวิ้นโส่วเดินเข้าไปอย่างไม่ร้อนรน…
คนมากเกินไปแล้ว! เฟิงหลินมองคนในกระโจม ถาม “ข้าเตรียมกระโจมอีกแห่งดีหรือไม่”
โจวเสวียนพยักหน้า พูดกับองค์ชายสามและหลี่จวิ้นโส่ว “เบียดแน่นเกินไป องค์ชายสามกับใต้เท้าไปพักในกระโจมอีกแห่งเถิด”
องค์ชายสามตรัส “ไม่ต้องดีกว่า พวกเรามาเพื่อเยี่ยมท่านแม่ทัพ ไม่ใช่มาสร้างความวุ่นวายให้พวกเจ้า”
หลี่จวิ้นโส่วก็บอกว่าตนเองต้องจับตาดูเฉินตันจู ไม่สามารถจากไปได้
โจวเสวียนส่งเสียงไม่พอใจอยู่ด้านข้าง องค์ชายสามให้เฟิงหลินไปทำงานของตนเอง ไม่ต้องรับรองพวกเขา
“นำชาร้อนมาให้คุณหนูตันจูก็พอ” เขาพูด พลางมองไปยังเฉินตันจู
เฉินตันจูนั่งลงแล้ว อาเถียนกำลังหยิบเบาะรองนั่งจากในรถมาให้นางเอนพิง ใบหน้าขาวของหญิงสาวเวลานี้ ไม่ร้องไม่ตะโกน เพียงแต่เอนกายพิงหมอนอย่างเงียบสงบ คนทั้งคนราวกับจมอยู่ในความเหนื่อยล้า
เขาเคยเห็นนางร้องไห้โฮ เห็นท่าทางเหิมเกริมของนาง ไม่ว่าร้องไห้หรือเหิมเกริม ดวงตาของนางล้วนสดใสดุจราวกับดวงดาว แม้จะเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา แต่ส่วนลึกนั้นยังคงเป็นเปลวเพลิงที่ไม่มอดดับ
แต่เวลานี้ นางทั้งเหนื่อยล้าทั้งทรุดโทรม ดวงดาวภายในดวงตากลายเป็นความมืดมิด
เฉินตันจูไม่ปฏิเสธ พยักหน้า มองไปทางเฟิงหลิน “ขอชาร้อนให้ข้าหน่อยเถิด ข้าอยากจะประคองตนเองจนกว่าจะได้พบท่านแม่ทัพ”
เฟิงหลินรีบตอบรับ ก่อนจะเดินออกไปด้านนอก องค์ชายสามเรียกขาน “เจ้าไม่ต้องวิ่งไปกลับหรอก” พูดพลางเรียกขานขันที
ขันทีสองคนด้านนอกกระโจมเดินเข้ามา
องค์ชายสามพูดกับเฟิงหลิน “ให้บ่าวรับใช้ข้าตามเจ้าไป”
ภายในค่ายย่อมไม่ให้ผู้อื่นเคลื่อนไหวได้ตามใจ แต่หากเป็นขันทีขององค์ชายสาม ของกินดื่มขององค์ชายสามเฉพาะเจาะจง เรื่องในงานเลี้ยงของท่านโหวโจวผ่านไปยังไม่นานนัก ถึงแม้ร่างกายขององค์ชายสามหายดีแล้ว แต่ยังคงต้องระวังไว้
“ตามข้ามา” เฟิงหลินพูด
ขันทีสองคนนั้นเดินตามเขาออกไป
เรื่องเล็กแค่นี้ไม่สำคัญ เฉินตันจูเพียงแค่มอง ก่อนจะพูดกับองค์ชายสาม “เสี่ยวชวีไม่ได้ติดตามองค์ชายสามหรือเพคะ?”
ขันทีสองคนก่อนหน้านี้ไม่ใช่เสี่ยวชวีที่นางคุ้นเคย
องค์ชายสามพูดเสียงเบา “เขาไปส่งหนิงหนิงกลับแคว้นฉี ยังไม่กลับมา”
หนิงหนิงหรือ เฉินตันจูตกตะลึงเล็กน้อย ถูกส่งกลับแคว้นฉีหรือ เพราะเรื่องที่นางฟ้องก่อนหน้านี้หรือ ไม่สมควร หนิงหนิงรักษาองค์ชายสามให้หายดี องค์ชายสามควรปกป้องนางด้วยชีวิต…
องค์ชายสามไม่ได้พูดสิ่งใดอีก “อย่าพูดต่อเลย เจ้ารีบพักผ่อนเถิด สภาพเจ้าเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาพบท่านแม่ทัพ จะทำให้เขาเป็นกังวลมากขึ้น”
เฉินตันจูพยักหน้า หลับตาลงพักผ่อน ไม่นานนักขันทีสองคนถือชาร้อนและขนมเดินเข้ามา ถึงแม้องค์ชายสามบอกว่าไม่ต้องสนใจพวกเขา แต่เฟิงหลินไม่มีทางส่งชาถ้วยเดียวเข้ามา
เฉินตันจูดื่มชาร้อน กินขนม ขันทีผู้หนึ่งเดินไปมาอยู่ภายในกระโจม นำชาร้อนและขนมให้โจวเสวียนกับหลี่จวิ้นโส่ว ขันทีอีกผู้หนึ่งยืนรินชาอยู่ข้างกายองค์ชายสาม
เฉินตันจูกินไปไม่กี่คำก็เอนกายพิงอาเถียนหลับตาพักผ่อนต่อ เมื่อหลับตาลงก็ลืมตาขึ้นอย่างกะทันหัน ยกมือขึ้นป้องจมูกกระแอมไอ
“เป็นอันใดหรือเจ้าคะ” อาเถียนรีบถาม “คุณหนูจะดื่มน้ำหรือไม่เจ้าคะ”
องค์ชายสามที่อยู่ด้านข้างก็มองมา รีบบอกให้ขันทีที่รินชาให้ตนเองรินชาให้เฉินตันจู
เฉินตันจูส่ายหน้า ขยี้จมูกกระแอมไอ “ไม่เป็นอันใด ไม่เป็นอันใด” สายตากวาดไปรอบห้อง โจวเสวียนไม่ได้ดื่มชา กอดแขนมองด้านนอกครุ่นคิดบางอย่าง หลี่จวิ้นโส่วมือหนึ่งถือชามือหนึ่งถือพระราชโองการ นางมองข้ามขันทีทั้งสองไปยังองค์ชายสาม
องค์ชายสามมองนางด้วยความกังวล เฉินตันจูยิ้มให้เขา ไม่พูดสิ่งใด ก่อนจะเอนกายพิงอยู่ในอ้อมอกของอาเถียนหลับตาลงอีกครั้ง เพียงแต่คิ้วขมวดเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากังวลใจแม้ยามพักผ่อน องค์ชายสามเบนสายตาถอนหายใจเบาๆ ยกชาขึ้นดื่มอย่างเชื่องช้า
…
เฟิงหลินเดินเข้ามาในกระโจม หวังเจียนรีบดึงเขาเข้าใกล้ หมุนรอบตัวเขา อีกทั้งยังสูดดมอย่างแรง
“ข้าเป็นอันใดหรือ” เฟิงหลินถาม ตนเองก็อดที่จะยกแขนขึ้นดมไม่ได้ “ข้าติดกลิ่นอันใดมาหรือ”
ไม่รู้เป็นเพราะผลทางจิตใจหรือไม่ เขารู้สึกว่าเหมือนมีกลิ่นหอม เมื่อนึกถึงก่อนหน้านี้หวังเจียนให้คนมาสั่งให้เขาทำบางสิ่ง จึงอดบ่นไม่ได้
“หวังไต้ฟูต้องการทำอันใด เหตุใดจึงให้ข้าสัมผัสกับขันทีสองคนนั้น ทั้งขัดขาทั้งกอด ทำเกินกว่าเหตุแล้ว”
หวังเจียนยื่นสองนิ้วออกมาตบไหล่ของเขา “เอาล่ะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด”
เฟิงหลินตัวสั่นเมื่อเห็นท่าทางของเขา รีบหันหลังออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
“เป็นอย่างไร” องค์ชายหกนอนเอียงอยู่บนเตียง เขาถอดหน้ากากลงมาอีกครั้ง ถือไว้ในมือหมุนไปมา บนใบหน้าอ่อนเยาว์เต็มไปด้วยความสงสัย
หวังเจียนพยักหน้า “ถึงแม้กลิ่นเบามาก แต่สามารถมั่นใจได้ว่าบนตัวของพวกเขามียาพิษซ่อนอยู่”
องค์ชายหกถาม “ในเมื่อเบาเพียงนี้ จะวางยาข้าได้อย่างไร”
“เพราะว่าพิษเหล่านั้นยังไม่แตกกระจายออกมา” หวังเจียนพูด “หากมันแตกออกมา แม้ว่าท่านแม่ทัพจะสูมดมเพียงเล็กน้อย ท่านที่ไม่ป่วยก็ไม่อาจลุกขึ้นได้อีก หากท่านป่วย เพียงแค่ครึ่งวันท่านก็อยู่บนทางไปยมโลกแล้ว พิษประเภทนี้ข้าเคยพบเห็นเพียงสองครั้ง พระราชวังช่างเป็นถ้ำเสือถ้ำมังกร”
ไม่รู้ว่าประโยคสุดท้ายเป็นคำชมหรือเสียดสี
องค์ชายหกหัวเราะ “ถ้ำเสือถ้ำมังกรอันใดกัน คงจะเป็นเพราะได้ยินเรื่องของคุณหนูตันจู จึงเรียนรู้ได้” ก่อนจะถามหวังเจียนอีกครั้ง “คนที่ซ่อนยาพิษเอาไว้ดื่มพิษเข้าไปเองหรือไม่”
“ย่อมต้องดื่ม ใช้พิษต้านพิษ มิฉะนั้นพวกเขาคงตายก่อนท่านตอนวางยา หากเป็นเช่นนั้นคงต้องถูกเปิดโปง ข้าเพียงแค่เห็นสีหน้าของขันทีสองคนนั้นผิดปกติ จึงสังเกตได้” หวังเจียนพูด พลางถลึงตา “ท่านยังมีอารมณ์คิดเรื่องนี้ องค์ชายหก มีคนต้องการให้ท่านตาย”
องค์ชายหกส่ายหน้ากากไปมา “ผิดแล้ว ไม่ใช่ให้องค์ชายหกตาย แต่ให้ท่านแม่ทัพตาย”
การแบ่งแยกเรื่องนี้มีความจำเป็นหรือ สำหรับเขาแล้ว ตัวตนทั้งสองล้วนเป็นคนเดียวกัน สีหน้าของหวังเจียนเคร่งเครียด “ท่านเดาว่าเป็นผู้ใด”
ผู้ใดต้องการให้แม่ทัพหน้ากากเหล็กตาย ฉวยโอกาสที่ท่านแม่ทัพป่วยมาเอาชีวิตของเขา ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง
ภายในกระโจมนั้นมีสี่คน เฉินตันจู…ไม่ต้องคำนึง
ถึงแม้ขันทีที่ซ่อนพิษจะเป็นคนขององค์ชายสาม แต่อาจไม่ใช่เขา โจวเสวียนก็ดี หรือแม้กระทั่งหลี่จวิ้นโส่วที่ถือพระราชโองการคนนั้นก็ดี ล้วนมีโอกาสเข้าใกล้ขันที
อีกทั้งคนที่ไม่ได้เดินทางมา คนภายในราชวัง ล้วนมีความเป็นไปได้
เมื่อคิดเช่นนี้ หวังเจียนมองไปทางองค์ชายหก ทั้งรู้สึกขบขันทั้งรู้สึกสงสาร “ที่แท้มีคนมากมายเพียงนี้ที่ต้องการให้ท่านตาย ท่านแม่ทัพ จงรักภักดีเพื่อบ้านเมืองมาทั้งชีวิต แต่สุดท้ายกลับถูกคนเกลียดชังเพียงนี้”
บนใบหน้าอ่อนเยาว์ขององค์ชายหกไร้ซึ่งความเศร้าโศก ดวงตาของเขาสดใส “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ไม่ใช่เพราะข้าทำให้คนเกลียดชัง หรือเพราะข้านิสัยแย่ เพียงแค่ข้าขัดขวางเส้นทางของผู้อื่นเท่านั้น ผู้ขวางทางย่อมต้องตาย ไม่เกี่ยวกับข้าเป็นคนดีหรือคนเลว เพียงแค่ความขัดแย้งทางผลประโยชน์เท่านั้น”
ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ย่อมเป็นการใช้ทุกวิถีทาง ไม่ใช่เจ้าตายก็ข้าตาย ไม่มีสิ่งใดน่าเศร้าโศก
หวังเจียนเบ้ปากอย่างไม่สบอารมณ์ “ปลอมตัวเป็นชายชราไม่กี่ปีก็กลายเป็นคนใจแข็งเสียแล้ว” ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกของคนหนุ่มบ้างเลยหรือ
องค์ชายหกสวมหน้ากากเหล็กไว้บนหน้า พูดกลั้วหัวเราะ “ไม่เกี่ยวกับการปลอมตัวเป็นคนชรา ข้าใจแข็งมาตั้งแต่เด็ก หวังไต้ฟู ตอนเด็กข้าปฏิบัติต่อท่านอย่างไร หรือว่าท่านลืมไปแล้ว”
เมื่อนึกถึงเรื่องที่ถูกเด็กคนนี้ทรมานในอดีต หวังเจียนก็หลั่งน้ำตาสงสารตนเองออกมา
“ดังนั้นเหมือนข้าบอกก่อนหน้านี้แล้ว” องค์ชายหกใช้มือพยุงหัวเอาไว้ หน้ากากเหล็กปิดบังใบหน้าของเขา ทันใดนั้นคนที่นอนอยู่บนเตียงก็กลายเป็นคนชรา “ข้าป่วยนานขึ้น ย่อมเห็นเรื่องต่างๆ ได้มากขึ้น”