รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 348 ผู้พิทักษ์เมืองปุถุชน อืม สมญานามนี้ไม่เลว!

บทที่ 348 ผู้พิทักษ์เมืองปุถุชน อืม สมญานามนี้ไม่เลว!

บทที่ 348 ผู้พิทักษ์เมืองปุถุชน อืม สมญานามนี้ไม่เลว!

ท่ามกลางชั้นเมฆา อสูรทั้งเก้าลากรถทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ร่างกายของพวกมันเปล่งประกายวาววาม พลังปราณน่าหวาดหวั่น เห็นได้ชัดว่าต่างจากตอนเพิ่งมาถึงภาคกลางอย่างมาก

มิต่างมากได้อย่างไร

ท่านเซียนดีกับพวกมันมาก เมื่อครั้งอยู่ที่เขาหยงหมิง ท่านเซียนก็แวะมาหาพวกมันบ่อย ๆ ซ้ำยังนำของกินมาให้พวกมันด้วย

พวกมันในตอนนี้นับว่าเหนือกว่าในอดีตมากแล้ว ขอบเขตแต่ละตนสูงกว่าเก่าหลายเท่า พวกมันก้าวสู่ขอบเขตก่อกำเนิดนภา เทียบเท่ากับประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์ในภาคกลางแล้ว

นอกจากนี้ นี่ยังมิใช่ขีดจำกัดของพวกมัน ภายในตัวพวกมันมีพลังสั่งสมอยู่เต็มเปี่ยม เพียงแต่ยังไม่ถูกหลอมเท่านั้น

ในสถานการณ์เช่นนี้ อนาคตของพวกมันย่อมไร้ชีดจำกัด จุดประกายเพลิงเทวา กลายเป็นอสูรเทวาได้อย่างแน่นอน!

ยามนี้ภายในใจของพวกมันล้วนเอ่อล้นด้วยความรู้สึกโชคดี โชคดีที่ครานั้นพวกมันได้รับเลือกโดยเซี่ยเหยียน!

หากมิใช่ว่าเซี่ยเหยียนเลือกพวกมัน พวกมันไฉนเลยจะมีโอกาสลากรถให้ท่านเซียน และไฉนเลยจะมีโอกาสได้รับประโยชน์มหาศาลถึงเพียงนี้?

อย่าว่าแต่กลายเป็นอสูรเทวาเลย ลำพังพวกมันอยากก้าวสู่ขอบเขตก่อกำเนิดนภายังมีหวังไม่มากในชีวิตนี้

คิดแล้วยามเซี่ยเหยียนมาหาพวกมันขอให้พวกมันไปเป็นสัตว์พาหนะ พวกมันต่างเกรี้ยวกราดกันถ้วนหน้า ซ้ำยังลั่นวาจาว่ายอมตายเสียดีกว่าเป็นสัตว์พาหนะให้มนุษย์

บัดนี้หวนนึกถึงภาพในวันนั้นแล้ว พวกมันละอายใจเหลือแสน เกือบตัดอนาคตอันดีงามของตนเองทิ้งเสียแล้ว!

พวกมันเดินทางได้ไวมาก ไวกว่าขามามาก ในเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน พวกมันก็เดินทางจากภาคกลางมาถึงแดนบูรพาทิศ กลับไปถึงเมืองชิงซาน

ท่านเซียนมีเมตตา มิต้องการรบกวนปุถุชนในเมือง พวกมันจึงลงจอดในจุดปลอดคนนอกเมือง พวกหลี่จิ่วเต้าพากันเดินลงจากรถลาก

ประมุขแดนศักดิ์สิทธิ์เหิงเทียนและสือเฟิงมิได้มาด้วย พวกเขาอยู่ต่อที่ภาคกลาง

“โลกภายนอกบันเทิงเพียงใดก็ดีมิสู้บ้าน”

หลี่จิ่วเต้าสะท้อนใจเหลือคณา หลังได้กลับถึงเมืองชิงซาน เขาก็รู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด มิใช่ความรู้สึกที่เขาสัมผัสได้จากที่อื่น

เขายิ้มทักทายผู้คนอันคุ้นเคยในเมือง และกลับไปยังลานเล็กของเขา

ทุกอย่างในลานเล็กยังเหมือนเก่า อย่างไรก็เป็นสถานที่ที่เขาพำนักมาหลายปี ความรู้สึกคุ้นเคยยิ่งทวีคูณ ที่นี่ไม่เพียงเป็นที่พำนักของเขา แต่ยังเป็นบ้านของเขาอีกด้วย!

หลี่จิ่วเต้าเดินไปที่โอ่งเลี้ยงปลา สอดส่ายสายตาดูปลาในนั้น

เขากังวลอยู่ว่าผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ปลาในโอ่งจะตายหรือไม่

ทว่าความกังวลของเขาเกินจำเป็นอย่างเห็นได้ชัด

ปลาแต่ละตัวในโอ่งล้วนมีชีวิตชีวา ร่าเริงแจ่มใสกันทุกตัว สภาพดีกันสุด ๆ

บุ๋ง บุ๋ง!

เหล่าปลาในโอ่งเห็นท่านเซียนเดินมา แต่ละตัวล้วนแข่งกันกระโดดหมายจะเป็นที่ชื่นชอบของท่านเซียน

ท่านเซียนโปรดมองข้า!

ยามท่านเซียนไม่อยู่ พวกมันอยากหนี แต่หนีไม่ได้ ซ้ำไม่มีโอกาสให้แม้แต่จะคิดหนีด้วย!

ข้าจงรักภักดีต่อท่านเซียนอย่างเหลือล้น เคารพนับถือเต็มประดา ดั่งเช่นราชันผู้ปราดเปรื่องและขุนนางผู้ภักดี ท่านให้โอกาสข้าสักครั้งเถิด!

มัจฉาสัตมายาเอ่ยเสียงดังบุ๋งบุ๋ง หวังว่าหลี่จิ่วเต้าจะได้ยินวาจาของมัน ให้โอกาสมันเถิด ได้โปรดปล่อยมันออกไป

ทว่าหลี่จิ่วเต้าไม่ได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นเลย

เขามองเพียงปราดเดียวก็จากไป

“คืนนี้พวกเจ้าอยู่กินข้าวกันที่นี่เถิด”

หลี่จิ่วเต้าคลี่ยิ้ม บอกให้หลิงอิน เซี่ยเหยียน และคนอื่น ๆ มาร่วมกินข้าวที่บ้าน

นอกเมืองชิงซาน ข้างแม่น้ำสายเล็ก

ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานและบรรพชนเผ่าฉงฉีตามหลังพวกหลี่จิ่วเต้ามาตลอดจนมาถึงที่นี่ เดิมพวกเขาตั้งใจจะตามเข้าไปในเมืองชิงซานด้วย

ต้นหลิวต้นหนึ่งกลับกีดขวางทางไปของพวกเขา!

“พวกเจ้าลับ ๆ ล่อ ๆ คิดทำสิ่งใดกันแน่!”

ต้นหลิวตวาด กิ่งหลิวร่ายรำสะบัด ขวางอยู่ด้านหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานและบรรพชนเผ่าฉงฉี

“เจ้าเป็นใคร”

ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานขมวดคิ้ว นึกแปลกใจ เหตุใดข้างเมืองปุถุชนถึงมีต้นหลิวซึ่งก้าวสู่เส้นทางฝึกตนแล้วหยั่งรากอยู่

หรือว่าต้นหลิวต้นนี้มีความเกี่ยวข้องกับพวกหลี่จิ่วเต้า

“พวกเราคือผู้พิทักษ์เมืองปุถุชนแห่งนี้ ผู้ใดที่ไม่ประสงค์ดีล้วนไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในเมืองปุถุชนแห่งนี้!”

ก้อนหินตะคอก

ผู้พิทักษ์เมืองปุถุชน!

อืม!

สมญานามนี้ไม่เลว

ตัวตนของท่านเซียนเปิดเผยไม่ได้ พวกมันสามารถใช้สมญานามนี้คอยพิทักษ์เมืองแห่งนี้

ก้อนหินเอ๋ยก้อนหิน เจ้านี่โคตรฉลาดเลย!

ก้อนหินลอบยินดีปรีดา เอ่ยในใจอย่างเปรมปรีดิ์

“ผู้พิทักษ์เมืองปุถุชน? คือสิ่งใดรึ?”

ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานขมวดคิ้วเป็นปมยิ่งขึ้น

“ยังไม่เข้าใจอีกหรือ สมองของเจ้าเป็นของประดับหรือไร”

ก้อนหินเอ่ยอย่างดูแคลน “ผู้พิทักษ์เมืองปุถุชน ความหมายตามชื่อ เมืองแห่งนี้มีข้ากับพี่ใหญ่หลิวคอยคุ้มกัน ไม่มีผู้ใดสามารถก่อเรื่องในเมืองปุถุชนแห่งนี้ได้!”

สมองเป็นของประดับรึ!?

หลังผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานได้ยินถ้อยคำนี้ ใบหน้าแก่ชราของเขาก็อึมครึมคล้ายฝนจะตก

มีคนกล้าเอ่ยวาจาเยี่ยงนี้กับเขาเมื่อใด!?

ทว่าเขามิได้ระเบิดอารมณ์ มิได้ลงไม้ลงมือ

จ้าวสูงสุดคนอื่น ๆ ในตระกูลหานยังมาไม่ถึง เขาไม่อยากผลีผลามลงมือที่นี่ ไม่ต้องการให้พวกเซี่ยเหยียนในเมืองรู้ตัว

เขาไม่แม้แต่จะปล่อยพลังปราณออกไปด้วยซ้ำ กักเก็บพลังปราณไว้ด้านในมาตลอด กลัวเหลือเกินว่าพวกเซี่ยเหยียนจะจับพวกเขาได้

พวกเขาสะกดรอยตามมาทั้งทาง พบว่าพวกเซี่ยเหยียนเหมือนยังไม่รู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา ดูท่าผู้นำตระกูลมิได้เปิดเผยเรื่องของพวกเขา

ทีแรกเขาไม่รู้ว่าผู้นำตระกูลนั้นเป็นหรือตาย ทว่าบัดนี้เขาทราบถึงสภาวการณ์ของผู้นำตระกูลแล้ว

ผู้นำตระกูล…สิ้นชีพลงแล้ว!

ร่างแปลงของเขาเชื่อมกับร่างต้นของเขา

ยามร่างแปลงของเขากลับถึงดินแดนตระกูลหาน เขาก็ได้รู้ว่าผู้นำตระกูลตายไปแล้ว

ตะเกียงฉางหมิงของผู้นำตระกูลในดินแดนตระกูลดับมอด

ตะเกียงฉางหมิงเกี่ยวพันลึกซึ้งกับผู้นำตระกูล ตะเกียงดับบ่งบอกว่าผู้นำตระกูลสิ้นชีพลงแล้ว

ผู้นำตระกูลใช้ได้ แม้ต้องเผชิญกับความตายก็มิได้เปิดเผยการมีอยู่ของพวกเขา ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานรู้สึกว่าผู้นำตระกูลถือว่าสมตำแหน่ง

“เช่นนั้นพวกเรารบกวนแล้ว”

ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานเอ่ยเสียงไม่เต็มใจนัก มิได้ต่อความยาวสาวความยืดกับต้นหลิวและก้อนหิน

ไม่ยอมอดทนต่อการเล็กรังแต่จะเสียการใหญ่!

พวกเขาไมสามารถเสียการใหญ่เพียงเพราะมัวต่อล้อต่อเถียงกับต้นหลิวต้นหนึ่งและก้อนหินก้อนหนึ่งอยู่ที่นี่

จากนั้น เขากับบรรพชนเผ่าฉงฉีไปจากที่นี่

“ก้อนหินทำได้ไม่เลวนี่ ผู้พิทักษ์เมืองปุถุชน อืม ข้าชอบสมญานามนี้”

ต้นหลิวชมก้อนหิน

“แน่นอน ก้อนหินผู้นี้ปราดเปรื่องอย่างยิ่งยวด!”

ก้อนหินเอ่ยด้วยท่าทางได้ใจ

ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานและบรรพชนเผ่าฉงฉีมิได้จากไปไกล

พวกเขามาอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง จับตาดูสถานการณ์ภายในเมืองชิงซานอย่างใกล้ชิด

“เจ้าคิดว่าต้นหลิวกับก้อนหินเกี่ยวข้องกับพวกหลี่จิ่วเต้าหรือไม่”

บรรพชนเผ่าฉงฉีถามผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหาน

เขากลัวว่าต้นหลิวกับก้อนหินเกี่ยวข้องกับพวกหลี่จิ่วเต้า แล้วเล่าเรื่องของพวกเขาให้พวกหลี่จิ่วเต้าฟัง

พวกเขาชะล่าใจเกินไปจริง ๆ มิเคยนึกถึงว่านอกเมืองจะมีต้นหลิวและก้อนหินหยั่งราก จนเปิดเผยตัวตนออกมา

“เกี่ยวข้องหรือไม่มิได้สำคัญแล้ว!”

ผู้อาวุโสสูงสุดตระกูลหานยิ้มเย็น “จ้าวสูงสุดคนอื่น ๆ ในตระกูลของข้าใกล้มาถึงเต็มที ถึงครานั้น พวกเราไม่จำเป็นต้องปิดบังอีก บุกเข้าไปตรง ๆ ได้เลย!”

ร่างต้นของเขาเชื่อมต่อกับร่างแปลง

บัดนี้ ร่างแปลงของเขานำทางจ้าวสูงสุดคนอื่น ๆ ในตระกูลหานมายังแดนบูรพาทิศแล้ว อีกเพียงพริบตาเดียวก็สามารถมารวมตัวกับพวกเขาที่นี่

ดั่งเช่นที่เขาว่า

หลังรวมตัวกันเมื่อใด พวกเขาไม่จำเป็นต้องมีความกังวลอีก รุกรานเข้าไปซึ่งหน้าก็พอ!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท