“…”
เขามึนงงและคิดอะไรไม่ออก แก้มที่ถูกมือของอีอูยอนสัมผัสร้อนเหมือนถูกไฟจี้และรู้สึกขนลุกซู่ไปทั้งตัว ในขณะที่เป็นแบบนั้น คำพูดของอีอูยอนที่บอกว่าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้วก็วนเวียนอยู่ในหู
“เชื่อผมไหมครับ”
“…ครับ”
“ผมถามว่าเชื่อผมไหม”
แววตาของอีอูยอนที่ถามแบบนั้นหนักแน่นเป็นอย่างมาก
คนที่เรียกชื่อของเขาในครั้งแรกตอนที่ลืมตาขึ้นมาในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย คนที่คอยอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา คนที่ยอมลำบากด้วยความยินดี…และคนที่มาช่วยเขาในน้ำเย็นๆ อย่างไม่ลังเล…
อินซอบพยักหน้า
“เชื่อ”
เขาทำได้แค่เชื่อ อีอูยอนจริงใจกับเขาเสมอโดยไม่สนสภาพที่สับสนของเขา
“โอเคครับ”
อีอูยอนยิ้มอย่างสดใส และทำหน้าไร้เดียงสาเหมือนเด็กหนุ่มที่เคยทำให้เห็นในระหว่างที่กึ่งหลับกึ่งตื่น
“งั้นรอนะครับ เดี๋ยวผมมา”
“…อื้อ”
นี่เราฝันแปลกๆ แบบนั้นกับคนแบบนี้เหรอเนี่ย ความละอายใจทำให้เขารู้สึกผิดที่จะสบตา
“ถ้ามีคนที่ไม่รู้จักมาห้ามหลับหูหลับตาเปิดประตูให้นะครับ”
ลักษณะการพูดเหมือนกับเตือนเด็กเล็ก อินซอบพยักหน้า หลังจากอีอูยอนออกไป อินซอบถึงสามารถผ่อนลมหายใจที่กลั้นไว้ออกมาได้
“…เฮ้อ…”
เขานั่งลงบนโซฟา เมื่ออยู่คนเดียว เขาก็เริ่มนึกถึงความฝันเมื่อคืนอย่างชัดเจนอีกครั้ง
ปลายนิ้วของเขาเย็นเฉียบ
เป็นไปได้ไหมที่พอความทรงจำหายไป สมองก็เลยแปลกไปด้วย เราไม่เคยคิดกับใครแบบนั้นเลยสักครั้งตั้งแต่เกิดมา ไม่สิ ไม่เคยฝันเรื่องลามกเลยด้วย เป็นไปได้ไหมนะที่พอความทรงจำหายไป สมองก็เลยผิดปกติไปด้วย อินซอบลุกขึ้น กลัวจัง เป็นแบบนี้ สมองเราคงใช้งานได้ไม่ปกติ…
“อ๊ะ…”
อินซอบรีบลุกขึ้นและวิ่งไปที่ชั้นสอง เขาเห็นโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือ จึงเดินเข้าไปในห้องอ่านหนังสืออย่างไม่ลังเล อินซอบมองไปรอบๆ มีโน้ตบุ๊กวางอยู่ เขาจึงเปิดโน้ตบุ๊กและค้นหาชื่อของโรงพยาบาลที่ตัวเองไป จากนั้นก็หาชื่อของหมอที่รักษาจากหน้าโฮมเพจและโทรศัพท์ไปที่โรงพยาบาล หลังเสียงสัญญาณดังอยู่สองสามครั้ง เขาก็ได้ยินเสียงของพนักงานประชาสัมพันธ์ อินซอบพูดชื่อของอาจารย์หมอที่ดูแลและถามว่าวันนี้จะสามารถเข้ารับการรักษาได้ไหม
[เดี๋ยวจะติดต่อแผนกที่รับผิดชอบให้นะคะ กรุณารอสักครู่ค่ะ]
อินซอบขยับมือที่มีเหงื่อซึมจนเย็นเฉียบไปมาๆ และรอให้สายถูกต่อ
[สวัสดีค่ะ สายถูกโอนมาแล้วค่ะ]
“ครับ สวัสดีครับ ผมเป็นคนไข้ของอาจารย์หมอจองยุนชิกครับ ไม่ทราบว่าวันนี้จะสามารถเข้ารับการตรวจได้ไหมครับ”
เขาเคยได้ยินหมอบอกว่าถ้ามีสิ่งผิดปกติก็ให้มาที่โรงพยาบาลได้ทุกเมื่อ
[เนื่องจากอาจารย์ไปสัมมนาจึงไม่ได้ออกตรวจค่ะ ได้นัดไว้ไหมคะ]
“ครับ? นัดเหรอครับ”
[ค่ะ ต้องจองนะคะ เนื่องจากเดือนนี้ถูกนัดหมายไว้หมดแล้ว จะสามารถนัดได้หลังจากนี้ค่ะ จะนัดไว้ไหมคะ]
“มะ ไม่เป็นไรครับ…ถ้าไปโดยไม่นัดต้องรอนานไหมครับ”
เขานึกถึงวันนั้นที่ตรวจรักษาโดยไม่ได้นัดหมายไว้และเอ่ยถาม
[สำหรับอาจารย์จองไม่สามารถทำได้ค่ะ แต่สำหรับคุณหมอท่านอื่นๆ ถ้ามารับบัตรคิวตั้งแต่เช้าและรอก็สามารถเข้ารับการตรวจได้ค่ะ แต่น่าจะต้องรอหลายชั่วโมง คุณสะดวกหรือเปล่าคะ]
เป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการตรวจก่อนที่อีอูยอนจะกลับมา อินซอบตอบว่า “ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ” อย่างสุภาพก่อนจะวางสาย
อินซอบถอนหายใจพลางกุมหัว
ทำยังไงดี ถ้าจะนัดพูดคุยก็ต้องบอกอีอูยอน แล้วเราจะบอกว่าฝันแปลกๆ แบบนั้นได้ยังไง…
อินซอบทึ้งหัว เขาคิดว่าลองค้นในอินเทอร์เน็ตกันเถอะและเปิดโน้ตบุ๊กอีกครั้ง พอพิมพ์ได้ถึง ‘having sex with (มีเซ็กซ์กับ)’ ความละอายใจกับความกระดากก็พุ่งขึ้นมา
อินซอบถูหน้าที่แดงและพิมพ์คำที่ติดกันให้สมบูรณ์ เอกสารมากมายเด้งขึ้นมาเป็นพืด อินซอบคลิกเอกสารที่อยู่บนสุดและอ่านไล่ลงมา ใบหน้าที่เคร่งเครียดด้วยความกังวลใจค่อยๆ ผ่อนคลายลง
อินซอบอ่านเอกสารฉบับต่อไป เอกสารมีเนื้อหาคล้ายกันเป็นส่วนใหญ่ นั่นคือการฝันว่ามีอะไรกับคนที่ใกล้ชิดหรือครอบครัวไม่ได้หมายความว่ามีรสนิยมที่วิปริต แต่เป็นผลที่สะท้อนถึงจิตใต้สำนึกที่ต้องการจะคืนดี หรือต้องการการประคับประคองทางด้านจิตใจจากอีกฝ่าย
อินซอบนึกถึงเรื่องที่เกิดในห้องน้ำ ดูเหมือนเขาจะฝันแปลกๆ แบบนั้นเพราะไม่สบายใจกับเรื่องนั้น
…แต่
‘คุณอินซอบ แฮ่ก ฉิบ…คุณอินซอบ’
เขานึกถึงเสียงที่เต็มไปด้วยความต้องการที่เอ่ยเรียกตน น้ำหนักที่กดลงมาบนตัว กลิ่นเหงื่อ และสายตาของชายหนุ่มที่มองราวกับจะจับเขากินเดี๋ยวนั้น…
อินซอบรีบส่ายหน้า วินาทีที่คิดว่าดื่มน้ำเย็นๆ แล้วตั้งสติเถอะ เขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างล้มดังโครม อินซอบรีบลุกและวิ่งไปยังที่ที่เกิดเสียง
“เหมียว…”
แมวที่ทำกรอบรูปตกลงมาจากโต๊ะเขียนหนังสือพองขนและร้องเสียงยาวราวกับกลัว อินซอบกอดแมวไว้พลางเอ่ยถามว่า “ตกใจเหรอ” แมวถูไถใบหน้ากับแขนของอินซอบราวกับออดอ้อน อินซอบตบแมวเบาๆ และหยิบกรอบรูปที่หล่นอยู่บนพื้นขึ้นมา
“…เอ่อ”
อินซอบกะพริบตา ผู้ชายสองคนที่กำลังมองกันและกันด้วยรอยยิ้มคือเขากับน้องชาย การได้เห็นรูปที่ไม่มีอยู่ในความทรงจำทำให้เขารู้สึกแปลกมากกว่าที่คิด
ถ่ายที่หน้าบ้านหลังนี้เหรอ
เหมือนจะเป็นหน้าร้อน พวกเขาทั้งคู่เปียกโชกเพราะสปริงเกอร์ในสวนปล่อยน้ำออกมาและกำลังหัวเราะ เขารู้สึกจั๊กจี้ในอกข้างหนึ่ง อินซอบมองอีอูยอนที่ยิ้มเหมือนเป็นเด็กหนุ่มที่ขี้เล่นอยู่พักใหญ่แล้วก็วางกรอบรูปลง เขาเก็บข้าวของที่ตกลงมาพร้อมกับกรอบรูปทีละชิ้น แต่แมวกลับใช้เท้าหน้าเตะของตกแต่งสีเงินออกไป
“…เบื่อสินะ”
อินซอบตบหัวแมวเบาๆ และก้มตัวลงเพื่อหยิบของ เขามองเห็นของที่สะท้อนแสงสีเงินอยู่ใต้เตียง อินซอบนอนคว่ำลงกับพื้นและเอื้อมมือออกไป ปลายนิ้วของเขาแตะของตกแต่งได้อย่างเฉียดฉิว
ได้แล้ว
เขาดึงของตกแต่งออกมา แต่สมุดโน้ตเล่มเล็กๆ กลับถูกกวาดออกมาพร้อมกัน
“อะไรน่ะ”
อินซอบเอาของตกแต่งไปวางไว้ที่เดิม และหยิบสมุดโน้ตที่ถูกปิดด้วยหน้าปกสีกรมขึ้นมา ดูเหมือนแมวจะทำสมุดโน้ตหล่นลงไปด้วยในอุบัติเหตุเมื่อสักครู่นี้
อินซอบที่กำลังจะเอาสมุดโน้ตวางลงบนโต๊ะเขียนหนังสือหยุดการขยับมือ ตัวหนังสือที่เขียนไว้ตรงหน้าปกดูคุ้นตา
…เราเขียนเหรอ
อินซอบเขียนเลขสองต่างจากคนอื่น ดังนั้นเขาจึงรู้ได้ในทันทีว่าตัวเลขที่เขียนไว้บนหน้าปกคือลายมือของตัวเอง
เปิดดูแค่ลายมือข้างในแล้วปิดเลยดีกว่า
อินซอบครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะกางสมุดโน้ตออก มันคือไดอารี่ที่เขียนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยลายมือของเขา
[วันที่ 23 พฤศจิกายน
เขาได้เล่นภาพยนตร์เรื่อง ‘โลกแห่งความต่อเนื่อง’ แล้ว ภาพยนตร์ในคราวนี้ต้องเป็นไปได้ด้วยดีแน่ๆ เพราะบทดี และผู้กำกับก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมด้วย…ถ้าได้รางวัลก็คงจะดีสิ]
เขียนถึงหนังที่ชอบเหรอ
ทั้งๆ ที่อ่านไดอารี่ที่ตัวเองเขียน แต่กลับรู้สึกเหมือนแอบอ่านไดอารี่ของคนอื่นอยู่
[วันที่ 1 ธันวาคม
ข่าวลือถูกปล่อยออกมา แล้วเขาก็โทรศัพท์มาหาทันที หลังจากถามว่ากินข้าวหรือยัง กำลังทำอะไรอยู่ เขาก็พูดว่า
มันไม่มีอะไรเลยครับ
ถึงจะคิดว่ามันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว แต่พอได้ยินคำตอบแบบนั้นเข้าจริงๆ เราก็อารมณ์ดีขึ้น]
[วันที่ 5 ธันวาคม
วันนี้กรรมการผู้จัดการเรียกไปดื่มเหล้ากันสามคน
แม้จะปล่อยข่าวแก้ไขเรื่องราวออกไปแล้ว แต่กลับเต็มไปด้วยข่าวลือที่ว่าทั้งสองจะแต่งงานกันในปีหน้าแพร่ไปทั่วอินเทอร์เน็ต กรรมการผู้จัดการโมโหว่าเป็นข่าวลือแปลกๆ ที่แพร่ออกไปเพราะตั้งใจจะให้หุ้นของบริษัทตก ส่วนหัวหน้าทีมชาบอกอยู่หลายครั้งว่าไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก
ผมรู้ครับ
เพราะไม่กล้าพูดออกไปแบบนั้น เราเลยดื่มเหล้าด้วยเงียบๆ บางครั้งเราก็รู้สึกว่ากำลังหลอกทั้งสองคนอยู่ และรู้สึกผิดมากๆ]
กรรมการผู้จัดการกับหัวหน้าทีมชา คือสองคนตอนนั้นใช่ไหม พวกเขาเป็นคนดีนะ
[วันที่ 16 ธันวาคม
พรุ่งนี้เป็นงานประกาศรางวัลภาพยนตร์แล้ว นอนไม่หลับเลย เรารู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยมโดยไม่ต้องพึ่งรางวัล เพราะเขาพยายามและทำเต็มที่อยู่เสมอ ไม่ต้องได้รางวัลก็ได้ เพราะเขาเยี่ยมที่สุดอยู่แล้ว]
[วันที่ 17 ธันวาคม
รางวัลใหญ่!!!!]
เขาวาดถ้วยรางวัลลงไปด้วย อินซอบยิ้ม เราเชียร์ใครกันนะ อินซอบเปิดไปหน้าถัด แต่แล้วความคิดที่โผล่มาในหัวก็ทำให้เขาพลิกกระดาษกลับไปที่หน้าก่อนตามเดิม
…เหมือนกันเลย
อินซอบตรวจสอบว่าถ้วยรางวัลที่วาดลงในสมุดโน้ตคือของตกแต่งที่ตัวเองหยิบออกมาจากใต้เตียงเมื่อสักครู่นี้
ทำไมถ้วยรางวัลนั้นถึงอยู่ที่นี่ล่ะ
อินซอบรีบเปิดไปหน้าถัดไป
[วันที่ 23 ธันวาคม
แอรอนที่อยู่ฮ่องกงบอกว่าน่าจะแวะมาที่โซลในวันคริสต์มาสและชวนให้มาเจอกันสักเดี๋ยว เย็นวันนั้นเราทะเลาะกับคุณอูยอน เราพยายามจะไม่ร้องไห้ แต่น้ำตากลับไหลออกมา
เป้าหมายในปีหน้า: ไม่ร้องไห้]
ตอนนั้นไม่ค่อยสนิทกันเหรอ ถ้าดูจากการที่เรียกว่าคุณอูยอนแล้ว …แอรอนจะมาแล้วทำไมต้องทะเลาะกันด้วยล่ะ ชีวิตประจำวันที่ถูกบันทึกอย่างกระชับทำให้เข้าใจได้ยาก
[วันที่ 24 ธันวาคม
หิมะตก เราไปดูหิมะกับคุณอูยอนด้วย คิดถึงวิลจังเลย ในวันที่หิมะตก วิลจะชอบมากและวิ่งไปรอบๆ ตอนนี้วิลคงจะดูหิมะและมีความสุขอยู่บนสวรรค์สินะ]
อินซอบช็อกไม่น้อย …วิลตายแล้วเหรอ
[วันที่ 25 ธันวาคม
วันนี้หิมะก็ตกเหมือนกัน เราแลกของขวัญกันตอนเช้าและคุณอูยอนก็ขอคืนดี…เขาไม่ได้ขอคืนดีไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วเหรอ]
ยิ่งอ่านไดอารี่ อินซอบก็ยิ่งได้รู้ว่าอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง ความกังวลที่กดเอาไว้อย่างยากลำบากก็เริ่มเผยออกมา
[วันที่ 30 ธันวาคม
เราตกลงจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นพรุ่งนี้]
‘เราไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันครับ ในวันที่ 31 ธันวาคม เพราะคุณบอกว่าอยากดูพระอาทิตย์ขึ้นในวันปีใหม่’
เขานึกถึงคำที่อีอูยอนพูดกับตน แล้วอินซอบก็ได้รู้ว่านี่เป็นไดอารี่ของปีที่แล้ว
[วันที่ 1 มกราคม
เมื่อวาน ไม่สิ ปีที่แล้วเราดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ทงเฮมา เขาถามว่าเราอธิษฐานอะไร เราเลยบอกไปว่าเป็นความลับ เพราะถ้าพูดไป คำอธิษฐานจะไม่เป็นจริง ความจริงเราก็อยากพูดให้ฟังว่าหลังจากเจอคุณพบก็ขอพรเหมือนเดิมเสมอ
‘ขอให้ผมมีสุขภาพแข็งแรงและมีความสุขอยู่กับคุณอีอูยอนไปนานๆ นะครับ’]
เขามือเย็นและรู้สึกกลัวมากๆ อินซอบอ่านสมุดโน้ตหน้าเดิมซ้ำๆ อยู่หลายรอบ เพราะแม้จะอ่านด้วยตาของตัวเอง แต่เขากลับไม่แน่ใจเลยสักนิดว่ากำลังอ่านอะไรอยู่
ไม่ใช่หรอก เพราะเขาเป็นน้อง…เพราะเราสนิทกัน เพราะว่าเป็นครอบครัว…
เขาใช้มือที่สั่นเทาพลิกกระดาษ
[วันที่ 8 มกราคม
เราไปเที่ยวเล่นที่กองถ่ายภาพยนตร์ของคุณอูยอนมา มีฉากที่ต้องใกล้ชิดกับนักแสดงหญิงเยอะเลย แม้จะรู้ว่าเป็นงาน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า เราร้องไห้นิดหน่อยในระหว่างทางกลับบ้านด้วย
เป้าหมายในปีใหม่ล้มเหลว]
…เป็นไปไม่ได้
อินซอบพยายามปฏิเสธ มันไม่มีเหตุผล อีอูยอนเป็นน้องชายของเขา เหมือนที่เขาเป็น…
ตอนนั้นเอง รูปถ่ายหนึ่งใบที่เสียบไว้ในหน้าสุดท้ายของสมุดโน้ตก็หล่นลงมาบนพื้น อินซอบก้มลงไปหยิบรูปถ่าย มันคือรูปโพลารอยด์ที่ถ่ายหน้าต้นคริสต์มาส ตัวเขาในรูปมอมแมมไปด้วยครีมเค้กและกำลังยิ้มอยู่ ส่วนอีอูยอนกอดเขาไว้ อีกฝ่ายยิ้มอย่างขี้เล่นพร้อมกับจูบแก้ม…
อินซอบทำรูปหลุดมือ จากนั้นก็วิ่งไปที่ห้องน้ำ
“แหวะ”
แม้จะไม่มีอะไรออกมาเพราะไม่ได้กินอาหารเช้า แต่เขาก็เกาะชักโครกและอ้วกอยู่สักพัก มือของเขาสั่นระริกและตาก็ลาย
น้ำตาไหลทะลักออกมา เขากลัว เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไร เขาที่ความจำเสื่อมเป็นใครกันแน่ แล้วทำไม…
อินซอบนั่งห่อตัวอยู่ตรงมุมห้องน้ำ เขาสั่นไปทั้งตัวราวกับถูกน้ำที่เย็นจัดสาด และสับสนเหมือนตอนที่ลืมตาขึ้นมาครั้งแรกที่นี่ในสภาพที่สูญเสียความทรงจำ ไม่สิ มันยิ่งกว่าตอนนั้นอีก
‘เชื่อผมไหมครับ’
เขานึกถึงเสียงที่เอ่ยถามแบบนั้น เขาอยากเชื่อ เขาทำอะไรไม่ได้นอกจากเชื่อ เพราะอีกฝ่ายขอให้ทำแบบนั้น แต่ตอนนี้…
…เขากลัว
อินซอบซุกหน้าลงกับเข่าและร้องไห้