ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Historiette > 2-4

Side Story < Love Historiette > 2-4

พอมาถึงที่จอดรถ เขาก็จอดรถอย่างลวกๆ และเดินเข้าประตูหน้าบ้าน

วินาทีที่เซนเซอร์ของประตูหน้าบ้านทำให้ไฟเปิด ลางสังหรณ์ที่ว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติก็ไต่ขึ้นมาตามแนวกระดูกสันหลัง เขามองไม่เห็นรองเท้าของอินซอบ

อีอูยอนเดินเข้าไปข้างในทั้งๆ ที่ยังสวมรองเท้าอยู่

“คุณอินซอบ”

ไม่มีคำตอบกลับมา บรรยากาศในห้องนั่งเล่นเต็มไปด้วยความเงียบที่หนาวเหน็บราวกับจะยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ แม้จะค้นที่ห้องนอนกับห้องน้ำแล้ว แต่ก็ไม่เจออินซอบอยู่ดี แล้วเขาก็ได้ยินเสียงคนที่ชั้นบน

“คุณอินซอบ!”

เขาวิ่งขึ้นไปชั้นบน แมวที่ออกมาจากห้องอ่านหนังสือเจอเขา มันตกใจและรีบหนีไป อีอูยอนเปิดประตูห้องอ่านหนังสือออกกว้าง ไม่มีใครอยู่ในนั้นเลย

อีอูยอนเสยผมขึ้นอย่างงุ่นง่าน

แม่งเอ๊ย…อยู่ที่ไหนกันแน่

แล้วแสงไฟของโน้ตบุ๊กที่กำลังกะพริบก็เข้ามาในครรลองสายตาของเขาที่เป็นแบบนั้น พอกดปุ่ม enter หน้าจอก็ถูกปลุกให้พร้อมใช้งาน เขาเช็กประวัติการเข้าชมอินเทอร์เน็ตและต่อสายหาโรงพยาบาลทันที

“สวัสดีครับ ผมโทรศัพท์มาเพราะมีเรื่องจะสอบถามครับ”

อีอูยอนพูดข้อมูลส่วนตัวของอินซอบ และถามว่าวันนี้คนไข้คนนี้ได้ไปที่โรงพยาบาลหรือไม่

[ไม่ได้มาค่ะ ไม่มีในประวัติการรักษานะคะ แล้ววันนี้ก็เป็นวันหยุดของอาจารย์จองด้วยจึงไม่สามารถเข้ารักการรักษาได้ค่ะ ไม่ทราบว่าจะสะดวกมาวันอื่น…]

อีอูยอนวางสายทันที

ไปไหนกันแน่นะ น่าจะมีเหตุผลที่ค้นหาโรงพยาบาลสิ แล้วทำไม…

“โธ่เว้ย!”

อีอูยอนจับโน้ตบุ๊กที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือโยนทิ้ง ความโมโหตัวที่ทิ้งอินซอบไว้คนเดียวพุ่งขึ้นมา อีอูยอนต่อสายหาหัวหน้าทีมชา

“ฮัลโหล”

[…]

“อย่าแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเลยครับ”

[…ทำไมฉันต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะ…มีเรื่องอะไร]

เนื่องจากเป็นความสัมพันธ์ที่ปกติแล้วจะไม่โทรศัพท์มาหาด้วยเรื่องส่วนตัว หัวหน้าทีมชาจึงถามอย่างฝืนใจ

“ได้รับการติดต่อจากคุณอินซอบบ้างไหมครับ”

[อินซอบเหรอ ทำไมคุณอินซอบต้องโทรศัพท์หาฉันด้วยล่ะ]

“ก็คราวก่อนคุณให้นามบัตรไปนี่ครับ”

อีอูยอนกดขมับไว้พลางพูด หัวของเขาเริ่มปวดราวกับจะแตก

[…นามบัตรนั้นโดนนายแย่งไปแล้วนี่]

“ไม่ได้ให้อีกเหรอครับ”

[ไม่ได้ให้ แล้วต่อให้ฉันจะให้ เด็กนั่นจะโทรศัพท์หาฉันเหรอ เพิ่งเจอหน้ากันไม่กี่ครั้ง… …คุณอินซอบหายไปเหรอ]

“พอผมกลับมาที่บ้านหลังจากเสร็จงานแถลงข่าว เขาก็ไม่อยู่แล้วครับ”

[โอ๊ย เด็กนั่นไม่รู้เส้นทางในโซลนี่ แล้วจะไปที่ไหน…นี่ อย่าบอกนะว่านาย…]

“แม่ง ผมไม่ได้แตะต้องเขาครับ”

ถ้าแตะต้องก็คงไม่รู้สึกเสียใจหรอก อีอูยอนกลืนความโกรธที่พุ่งขึ้นมาลงไปในลำคอ

[นายอย่าลืมนะว่าสภาพจิตใจของเด็กนั่นคืออายุสิบเจ็ดปี ต่อให้โมโหยังไง…]

อีอูยอนตัดสายไป

อีกฝ่ายเป็นเด็กอายุสิบเจ็ดที่ไม่มีความทรงจำอย่างที่หัวหน้าทีมชาพูด และไม่มีแม้กระทั่งที่ที่ควรจะไปในโซลด้วย คนที่เจอหลังจากที่ฟื้นขึ้นมานอกเหนือจากตนแล้วก็มีแค่หัวหน้าทีมชากับกรรมการผู้จัดการคิมเท่านั้น

…ไม่สิ มีอีกคนหนึ่ง

อีอูยอนโทรศัพท์หากรรมการผู้จัดการคิม

[อ้อ! อีอูยอน โทรศัพท์มาพอดีเลย วันนี้พีดีชมว่านายทำดีมาก…]

“ช่างหัวพีดีอะไรนั่นเถอะครับ ขอเบอร์โทรศัพท์ของหมอคนนั้นหน่อยครับ”

[หา? หมออะไร?]

“หมอที่ดูแลชเวอินซอบน่ะครับ”

[อาจารย์จองเหรอ จะเอาเบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์ไปทำไมล่ะ]

“แม่งเอ๊ย รีบๆ ให้เบอร์โทรศัพท์มาเถอะครับ”

[นี่เป็นข้อมูลส่วนตัวนะ จะบอกให้รู้เลยได้ยังไงล่ะ ไหนๆ ก็พูดถึงแล้ว ขอพูดอะไรสักหน่อยเถอะ นายรู้ไหมว่าการนัดอาจารย์จองมันยากขนาดไหน ฉันต้องขอร้องพ่อถึงจะนัดได้เลยนะ แต่นายดันไปพูดจาไร้มารยาทต่อหน้าคนคนนั้น…]

“กรรมการผู้จัดการ”

น้ำเสียงทุ้มต่ำดังขึ้นอย่างน่าหวาดกลัว ไม่จำเป็นต้องพูดคำอื่นหรือสาธยายอะไรต่ออีกแล้ว กรรมการผู้จัดการคิมเผลอกลืนน้ำลายอย่างไม่รู้ตัว เพราะความน่ากลัวที่รู้สึกจากปลายสาย

“ส่งเบอร์โทรศัพท์มาทีครับ”

[…อืม]

เขาวางสาย ผ่านไปไม่นาน ข้อความที่กำชับว่าห้ามฆ่าอาจารย์จองก็ถูกส่งมาพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ จะฆ่าหรือไม่ฆ่าเป็นปัญหาที่เอาไว้ทีหลัง อีอูยอนต่อสายหาหมอ

[ครับ สวัสดีครับ]

เขาได้ยินเสียงของผู้ชายที่มีอายุพอสมควรจากปลายสาย

“สวัสดีครับ ผมอีอูยอนที่ไปเป็นเพื่อนในฐานะผู้ดูแลของคนไข้ที่เข้ารับการตรวจรักษาเมื่อสองวันก่อนนะครับ ผมติดต่อมาเพราะมีเรื่องจะเรียนถามครับ”

อีอูยอนอธิบายจุดประสงค์ที่โทรศัพท์มาอย่างแห้งเหี่ยว

[อ๋อ คนที่ประธานคิมแนะนำมา ครับ สวัสดีครับ มีเรื่องอะไรหรือครับ]

“ผมอยากทราบข้อมูลที่คนไข้ปรึกษาคุณหมอในระหว่างการรักษาเมื่อสองวันก่อนน่ะครับ”

ในระหว่างที่คุยโทรศัพท์ อีอูยอนก็สำรวจทั่วทุกห้องของชั้นสอง เพราะเขาคิดว่าบางทีอินซอบอาจจะนอนหลับอยู่ที่ไหนสักที่ก็ได้

[ขอโทษด้วยครับ ผมไม่สะดวกใจที่พูดให้ทราบ เพราะนั่นเป็นความลับระหว่างหมอกับคนไข้ครับ]

หมอส่งเสียงหัวเราะอย่างคนดีมาให้พลางเอ่ยตอบ อีอูยอนถอนหายใจเบาๆ

“หมอครับ”

เสียงของอีอูยอนอ่อนโยนและนุ่มนวลเหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิ นี่เป็นเหตุผลที่เขาถูกเลือกให้เป็นอันดับหนึ่งในบรรดาคนดังที่อยากไปชมดอกไม้ด้วยในฤดูใบไม้ผลิหลายปีซ้อน หัวหน้าทีมชามักจะกัดฟันกรอดและบอกว่า ‘เฮ้อ ไอ้ฝุ่นเหลือง[1]เอ๊ย’ ทุกครั้งที่ได้ยินผลสำรวจ

“เนื่องจากคนไข้คนนั้นหายไป ผมเลยกำลังตามหาอยู่ครับ”

พอเปิดประตูห้องที่อินซอบเคยใช้ แมวที่ซ่อนอยู่ข้างในก็ร้องเหมียวเบาๆ และหนีออกมา เขาอยากจะจับคอแมวมาเขย่าและถามว่ารั้งเจ้านายแกไว้ไม่ได้เลยเหรอ

[คนไข้หายไปเหรอครับ]

“ก็อย่างที่พูดครับ แต่ถ้าตอนนี้ผมหาเขาไม่เจอ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่าจะเป็นยังไงต่อไป”

อีอูยอนพูดว่า ‘อ๋อ จริงด้วย’ และพูดต่อ

“ถ้าหาเขาไม่เจอ ผมจะฆ่ากรรมการผู้จัดการคิมก่อน เพราะผมเองก็จำเป็นต้องระบายความโกรธใส่คนที่ไม่ผิดสักคนเหมือนกันครับ”

[ครับ? พะ พูดว่าอะไรนะครับ ตอนนี้คุณจะทำอะไร…]

“แล้วถ้าเวลาผ่านไป ผมก็จะแวะไปที่บ้านของคุณหมอด้วยครับ ไม่จำเป็นต้องบอกที่อยู่ให้ผมรู้หรอกนะครับ เพราะผมจะไปหาด้วยตัวเอง”

อีอูยอนเคาะนิ้วกับโต๊ะเขียนหนังสือของอินซอบและพูด

“เพราะฉะนั้นผมจะถามอีกครั้ง คราวนี้ช่วยคิดดีๆ ก่อนตอบด้วยนะครับ ข้อมูลที่คนไข้ปรึกษาวันนั้นคืออะไรครับ ผมหวังว่าคุณหมอจะช่วยตอบให้ตรงไปตรงมาที่สุดเท่าที่จะตรงได้นะครับ”

***

เขาวิ่งจนหายใจแทบไม่ไหว เขาวิ่งจากทางเข้าไปจนถึงทางออกและดูคนที่ผ่านไปทีละคนราวกับเสียสติ แต่ก็ไม่เห็นอินซอบเลย

“แม่งเอ๊ย ให้ตายสิ…”

อีอูยอนเสยผมที่ชื้นเหงื่อขึ้น

‘เขาบอกว่าคนคนเดิมโผล่มาในฝันทุกวันครับ เขาบอกว่าจำไม่ได้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร แต่เหมือนจะเป็นคนที่คบอยู่ ผมจึงวินิจฉัยว่าอาจจะเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับความทรงจำ และแนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ก็ให้ไปพบกับคนคนนั้นครับ และบอกว่านอกจากเรื่องนั้นแล้ว สถานที่ที่ปรากฏในฝันก็มีส่วนช่วยเหมือนกันครับ แล้วผมก็บอกให้เขาลองไปที่นั่นดู…’

อินซอบที่ออกมาจากโรงพยาบาลในวันนั้นถามว่าจะสามารถพาตนไปพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำได้ไหม เขาจึงพาอีกฝ่ายไปที่พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำใกล้โรงพยาบาลโดยไม่คิดอะไร ตอนนั้นอินซอบถามเขาแบบนี้

‘ฉันเคยมาที่นี่กับนายไหม’

ราวกับคนที่รู้อะไรบางอย่าง

อีอูยอนขับรถตรงไปที่อควาเรียมที่เคยไปกับอินซอบเมื่อหนึ่งปีก่อน นี่เป็นสถานที่เดียวที่ชเวอินซอบจำได้ เขาคิดว่าถ้าอีกฝ่ายจะไปที่ไหน ก็คงเป็นที่นี่เท่านั้น

แต่ถึงเขาจะวิ่งไปมาจนหายใจได้ไม่ปกติ เขาก็ยังหาอินซอบไม่เจอ เขาแทบเป็นบ้า ถ้าอินซอบหายไปแบบนี้ …อยู่ที่ไหน ต้องทำยังไง…

“ขอโทษนะคะ ใช่คุณอีอูยอนหรือเปล่าคะ”

ใครบางคนพูดกับอีอูยอนที่ยืนใจลอย อีอูยอนหันไปมองรอบๆ อย่างกระวนกระวายใจ แม้อีกฝ่ายจะพูดด้วยอีกหลายครั้ง แต่เขาก็ไม่แม้แต่จะสบตาเลย

“อะไรเนี่ย ไม่ใช่อีอูยอนเหรอ”

“เหมือนจะใช่อีอูยอนนะ”

อีอูยอนมองผู้หญิงที่เดินห่างออกไปพร้อมกับพูดว่าโชคไม่ดีเลย แล้วก็มีภาพหนึ่งโผล่มาในหัว

อีอูยอนหมุนตัวก่อนจะออกวิ่ง ประตูที่มีป้ายห้ามคนอื่นนอกเหนือจากผู้เกี่ยวข้องเข้าออกติดไว้ถูกเปิดออกกว้าง อินซอบที่นั่งห่อตัวอยู่บนพื้นเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ วินาทีที่เห็นใบหน้าที่เปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา อีอูยอนก็คิดว่า เราคงจะตายโหงเพราะหมอนั่นเข้าสักวันแน่ๆ

“มาทำอะไรตรงนี้กันแน่ครับ แล้วมาที่นี่ได้ยังไง…”

“…บอกว่าห้ามเข้ามาไง…”

“พูดว่าอะไรนะครับ”

“ทำไมนายถึง…มาที่นี่…ไม่สิ ไม่ ทำไม…”

อินซอบน้ำตาหยดแหมะๆ และพูดคำพูดที่ไม่มีเหตุผลวกไปวนมา อีอูยอนถอดเสื้อโค้ตที่กำลังสวมอยู่ออกและห่มให้อินซอบ

“อย่าเป็นแบบนี้เลยครับ ลุกขึ้นก่อนเถอะ คุณจะเป็นหวัดเอาได้”

“…”

อินซอบส่ายหน้า อีอูยอนเลิกโน้มน้าว เพราะเขารู้ดีว่าแม้จะเป็นคนอ่อนโยน แต่ก็ดื้อกว่าใคร อีอูยอนก้มตัวลง เขาห่ออินซอบด้วยเสื้อโค้ตก่อนจะอุ้มขึ้นมา

“ทำอะไร…ปล่อย…”

“อยู่นิ่งๆ ครับ”

“ปล่อยฉันลง ฉัน ฉัน…”

“บอกให้อยู่นิ่งๆ ไง!”

อินซอบกลั้นหายใจและห่อตัว ด้วยเหตุนั้นน้ำตาที่เกาะอยู่บริเวณดวงตาจึงหยดลงมา เส้นเลือดปรากฏบนหลังมือของอีอูยอนที่อุ้มอินซอบไว้

“…ขอร้องล่ะครับ ไปคุยกันที่รถนะครับ”

อินซอบไม่ตอบอะไร อีอูยอนอุ้มอินซอบไว้อย่างนั้นและเดินไปที่ที่จอดรถไว้ เขาจับอินซอบนั่งลงที่ที่นั่งข้างคนขับ ส่วนตัวเองก็นั่งลงตรงที่นั่งฝั่งคนขับ เขาเปิดฮีตเตอร์ให้แรงที่สุดและสังเกตสีหน้าของอินซอบ

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ บาดเจ็บตรงไหน…”

อินซอบดันมือของอีอูยอนออก อีอูยอนก้มมองมือของตัวเองและแกล้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนใช่ไหมครับ”

อินซอบส่ายหน้า ดวงตาที่บวมแดงเพราะร้องไห้อย่างหนักเปรอะเปื้อนด้วยน้ำตา

พอนึกถึงอินซอบที่ร้องไห้อยู่คนเดียวในที่ที่ตัวเองไม่เห็น อีอูยอนก็กังวลใจมาก

“ร้องไห้ทำไมครับ”

“…”

“เป็นแบบนั้นเพราะผมเหรอครับ ผมทำอะไรผิดเหรอครับ”

อินซอบปิดปากแน่นและส่ายหน้า ราวกับคนที่ทำได้แค่นั้น

“ไปโรงพยาบาลกันครับ ไปตรวจร่างกายก่อน…”

“…ไม่ต้องไปก็ได้”

“การสับสนในระหว่างที่ความทรงจำกลับมาเป็นเรื่องปกติครับ เพราะฉะนั้น…”

“…กลับ กลับบ้านได้ไหม”

น้ำเสียงที่ถูกกดด้วยการร้องไห้ประกาศความคิดของตัวเองอย่างดื้อรั้น

“เราสัญญากันแล้วนี่ครับว่าถ้าป่วยจะไปโรงพยาบาลโดยไม่มีข้อแม้”

“…ไม่เคยสัญญานะครับ สัญญาแบบนั้นน่ะ ฉัน…ฉันไม่ได้ทำ”

อินซอบตอบตะกุกตะกัก จากนั้นก็พูดเสริมว่า “ฉันอยากกลับบ้าน”

“แล้วทำไม…”

มือของอินซอบที่กำลังสั่นเทาโผล่มาในครรลองสายตาของอีอูยอน แล้ววินาทีนั้นเขาก็ได้รู้ ว่า ‘บ้าน’ ที่อินซอบพูดถึงตั้งแต่เมื่อกี้ไม่ใช่ ‘บ้าน’ ที่พวกเขาสองคนอยู่

[1] ฝุ่นเหลือง คือ ทรายที่ถูกพัดเข้ามาจากทะเลทรายของจีนและมองโกเลีย

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท