ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 363 ฤดูหนาว(ปลาย)

ตอนที่ 363 ฤดูหนาว(ปลาย)

สวี​ลิ่ง​ควน​เดิน​เข้ามา​ ​โค้ง​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความเคารพ​ ​“​ก็​แค่​คุย​กับ​พี่​สี่​สอง​สาม​ประโยค​เท่านั้น​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​แผ่วเบา​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​ขอตัว​ออก​ไป​ ​“​พี่​สี่​ ​เช่นนั้น​ข้า​ขอตัว​ก่อน​ขอรับ​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​ ​มอง​สวี​ลิ่ง​ควน​เดิน​ออก​ไป​ ​จากนั้น​ก็​หันกลับ​เข้าไป​ใน​ห้อง​กับ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​รับใช้​เขา​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า

“​ไท​เฮา​ยัง​ไม่​หาย​ประชวร​ ​ข้า​ให้​น้อง​ห้า​ไป​บอก​น้อง​สะใภ้​ห้า​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​เบา​ๆ​ ​“​บอก​ให้​น้อง​สะใภ้​ห้า​ไป​เยี่ยม​นาง​ที่​พระราชวัง​ ​เกรง​ว่านาง​ยัง​จะ​คุ้นเคย​กับ​เรื่อง​ใน​พระราชวัง​มากกว่า​ไท่ฮู​หยิน​เสียอีก​”

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​ท่าที​ตอนที่​ไท่ฮู​หยิน​พูดถึง​อาการป่วย​ของ​ไท​เฮา​ ​นาง​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ท่าน​โหวก​็​สงสัย​ว่า​ไท​เฮา​แกล้ง​ป่วย​หรือ​เจ้า​คะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​เงียบ​ ​ถือว่า​เขา​ไม่​ปฏิเสธ

ถึงแม้ว่า​จะ​แกล้ง​ป่วย​ ​นอกจาก​จะ​สร้าง​ความ​ไม่​สงบ​ราบรื่น​ให้​กับ​งานฉลอง​ของ​องค์​หญิง​ใหญ่​ ​ทำให้​ฮ่องเต้​ไม่สบาย​พระทัย​แล้ว​ ​มัน​ยัง​ส่งผล​กระทบ​อะไร​ได้​อีก

สือ​อี​เหนียง​คิดไม่ออก

“​ฤดูใบไม้ผลิ​ก็​จะ​คัดเลือก​พระสนม​แล้ว​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เตือน​นาง​เบา​ๆ​ ​“​ครั้งนี้​คือ​การ​เพิ่ม​สตรี​วังหลัง​ให้​กับ​ฮ่องเต้​”

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ

ไท​เฮา​อยาก​ให้​สกุล​หยาง​เข้ามา​ใน​พระราชวัง​ตั้ง​หลายครั้ง​ ​แต่กลับ​ถูก​ฮ่องเต้​ปฏิเสธ​อ้อม​ๆ​ ​มาต​ลอด

“​ท่าน​กลัว​ว่า​ไท​เฮา​จะ​แกล้ง​ป่วย​เพื่อ​แสดง​ความอ่อนแอ​ให้​ฮ่องเต้​เห็น​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​ครุ่นคิด​ ​“​หาก​เป็น​เช่นนี้​จริงๆ​ ​เกรง​ว่า​ไท​เฮา​คงจะ​มี​วิธี​รับมือ​อยู่​แล้ว​กระมัง​ ฮู​หยิน​ห้า​เอง​ก็​เป็น​ผู้น้อย​ ​ข้า​คิด​ว่า​ ​ไม่​สู้​ให้​ไท่ฮู​หยิน​ไป​เยี่ยม​ยัง​จะ​ดีกว่า​”

ระหว่าง​พวก​นาง​และ​ไท​เฮา​นั้น​มีส​ถานะ​ที่​แตกต่าง​กัน​เกินไป​ ​ไท​เฮา​สามารถ​ตัดสินใจ​ว่า​จะ​เจอ​หรือไม่​เจอ​ก็ได้​ ​จะ​ให้​นั่ง​พูดคุย​กัน​อยู่​ข้างๆ​ ​หรือ​จะ​ตอบคำถาม​เพียง​สอง​สาม​ประโยค​ผ่าน​ม่าน​ก็ได้​ ​ด้วย​คุณสมบัติ​ของฮู​หยิน​ห้า​ ​ไท​เฮา​อาจจะ​ไม่สน​ใจ​นาง​ ​ถึงแม้ว่า​นาง​จะ​คุ้นเคย​หรือ​เข้าใจ​สถานการณ์​ใน​พระราชวัง​มาก​แค่ไหน​ ​แต่​หาก​ไม่ได้​เจอ​กับ​ไท​เฮา​ ​ก็​คง​ทำ​อะไร​ไม่ได้

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้​ว่านาง​ยัง​พูด​ไม่​จบ​ ​เขา​ก็​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ข้า​รู้จัก​คน​ของ​พระตำหนัก​ฉือ​หนิง​สอง​สาม​คน​ ​แต่ว่า​ช่วงนี้​ไท​เฮา​ไม่สบาย​ ​อารมณ์​ไม่​ค่อย​ดี​ ​ทุกคน​จึง​ไม่กล้า​เดิน​ไปมา​ตามอำเภอใจ​ ​หาก​ให้​น้อง​สะใภ้​ห้า​ไป​ ​ก็​จะ​ได้​ไป​ถาม​อาการ​ของ​ไท​เฮา​ ​ถึง​ตอนนั้น​คงมี​คน​ให้​คำตอบ​”

เจตนา​ที่แท้​จริง​ก็​คือ​ส่ง​คน​ไป​สืบ​ข่าว​ออกมา​!

หาก​เป็น​เช่นนี้​ ​จะ​ได้​เจอ​กับ​ไท​เฮา​หรือไม่ก็​คง​ไม่มี​ประโยชน์​อะไร

นาง​พยักหน้า​ ​จากนั้น​ก็​พักผ่อน​ไป​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋

เช้า​วัน​ต่อมา​ ฮู​หยิน​ห้า​ก็​เดินทาง​ไป​ยัง​พระราชวัง​ ​หลังจาก​กลับมา​จาก​พระราชวัง​ใน​ตอนเที่ยง​ก็​ตรง​มาที​่​เรือน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ทันที

สือ​อี​เหนียง​บอก​ให้​คน​ไป​เชิญ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​ลาน​ข้างนอก​เข้ามา​ ​แล้วก็​ต้อนรับ​นาง​เข้ามา​นั่ง​ใน​ห้อง​ข้างใน​

ฮู​หยิน​ห้า​เห็นท่า​ที​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​ก็​รู้​ได้​ว่า​สือ​อี​เหนียง​รู้​จุดประสงค์​ที่​ตน​เข้าไป​ใน​พระราชวัง​ ​จึง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เหลือบมอง​สือ​อี​เหนียง

แต่​หาง​ตากลับ​เหลือบ​ไป​มอง​ขอบ​หน้าต่าง​ตรง​เตียง​เตา

มีด​อก​พุุด​ตาน​สีแดง​สด​อยู่​ใน​แจกัน​ดอกไม้​หยก​สีม่วง​ที่สูง​ประมาณ​หนึ่ง​นิ้ว​ ​สวยงาม​ราวกับ​ดอกไม้​ใน​เดือน​สี่​ ​และ​ใน​โถ​ปลา​กระจก​ที่​มี​ขนาด​เท่ากับ​กะละมัง​ข้างๆ​ ​แจกัน​ดอกไม้​ก็​มี​ปลาทอง​ที่​หายาก​สี่​ห้า​ตัว​ ​พวก​มัน​กำลัง​แกว่ง​หาง​ว่ายน้ำ​ไปมา​อย่าง​มีความสุข​ราวกับ​สวม​กระโปรง​พลิ้วไหว

นาง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ตกใจ

สอง​สิ่ง​นี้​ ​มีมูล​ค่า​หลาย​พัน​ตำลึง​เงิน

โดยเฉพาะ​แจกัน​ดอกไม้​หยก​สีม่วง​นั้น​ ​นาง​เคย​เห็น​แค่​แจกัน​ดอกไม้​สีเหลือง​ที่​มี​ขนาด​เท่ากัน​กับ​ของ​ฮองเฮา​คน​ก่อนที่​พระราชวัง​หลัง

นาง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​เงยหน้า​มอง​ไปร​อบ​ๆ

โต๊ะ​บน​เตียง​เตา​ ​ตู้​สูง​ ​เก้าอี้​ไท่​ซือ​ ​พรม​ปูพื้น​ล้วนแต่​เป็น​สีดำ​ ​ผ้าม่าน​ ​เตียง​เตา​และ​เบาะ​รอง​นั่ง​บน​เก้าอี้​ล้วนแล้วแต่​เป็น​ผ้าไหม​ผืน​ใหม่​สีเหลือง​ ​ใน​ห้อง​ไม่มี​กระถางธูป​หรือ​จุด​ธูปหอม​เหมือน​สกุล​ร่ำรวย​ทั่วไป​ ​แต่​มี​กระถาง​ดอก​บ๊วย​เดือน​สิบสอง​ที่สูง​ประมาณตัว​คน​วาง​อยู่​ที่​มุม​ห้อง​ ​กลีบดอก​สีเหลือง​ที่​สดใส​ราวกับ​ลูกแก้ว​ ​กิ่งก้าน​สีน้ำตาล​เข้ม​พัน​กัน​เป็นเกลียว​ ​ให้​กลิ่นอาย​ของป่า​ ​ส่งกลิ่น​หอม​ไป​ทั่ว​ ​พลอย​ทำให้​ผู้คน​รู้สึก​อบอุ่น​และ​สบายใจ​จน​อยาก​จะ​เอน​ตัว​นอน​แล้ว​หลับ​ไป​บน​หมอนอิง​ใบ​ใหญ่​บน​เตียง​เตา

ต้น​ดอก​บ๊วย​เดือน​สิบสอง​ใน​ห้อง​ของ​สือ​อี​เหนียง​เป็นต้น​ที่นา​งม​อบ​ให้​สะใภ้​จี้​ถิง​เป็น​คนดู​แล​ ​นาง​เห็นฮู​หยิน​ห้าม​อง​ไป​ที่​ดอก​บ๊วย​เดือน​สิบสอง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จึง​พูด​เรื่อง​นี้​กับฮู​หยิน​ห้า​ขึ้น​มา​ ​“​ฤดูหนาว​ ​จึง​ต้อง​ปิดประตู​หน้าต่าง​แน่น​ ​เช่นนั้น​กลิ่นธูป​ก็​จะ​ฉุน​ไป​หน่อย​ ​จึง​ย้าย​ต้น​ดอก​บ๊วย​เดือน​สิบสอง​เข้ามา​ใน​ห้อง​”

ฮู​หยิน​ห้า​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ตกใจ

ตั้งแต่​มี​แม่​หมอ​คน​นั้น​ ​อาการป่วย​ของ​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ก็ดี​ขึ้น​มาก​ ​ดังนั้น​ตอนที่​แม่​หมอ​คน​นั้น​บอกว่า​เรือน​ลี่​จิ​่ง​เซ​วี​ยน​ล้อมรอบ​ด้วย​ดอกไม้​ต้นไม้​ ​ไม่ดี​สำหรับ​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ ​นาง​จึง​เลือก​กลับ​ไป​สกุล​เดิม​ใน​วันที่​สือ​อี​เหนียง​ย้าย​เรือน​ ​จึง​ไม่รู้​อะไร​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้​ ​สวี​ลิ่ง​ควน​รู้​แล้วก็​ไม่สบายใจ​เป็นอย่างมาก​ ​แต่​เห็น​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ดีขึ้น​ทุกวัน​ ​เขา​จึง​แสร้งทำ​เป็น​คน​หูหนวก​ตาบอด​ไม่พูดถึง​เรื่อง​นี้​ ​สอง​สาม​วันก่อน​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ป่วย​อีกแล้ว​ ​แม่​หมอ​คน​นั้น​บอกว่า​กลิ่นธูป​ใน​ห้อง​แรง​เกินไป​…

“​กลิ่น​ดอก​บ๊วย​เดือน​สิบสอง​ช่าง​เหมาะ​เสีย​จริง​”​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​นั่งลง​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​ ​“​แต่​แม่​หมอ​คน​นั้น​บอกว่า​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ของ​เรา​ไม่​ถูก​กับ​กลิ่น​ดอกไม้​ ​ข้า​คง​ต้อง​ไป​ถาม​ก่อน​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​เข้าใจ​แล้ว​ว่า​เดิมทีฮู​หยิน​ห้า​สัญญา​ไว้​เป็น​อย่างดี​ ​แต่​เหตุใด​ถึง​หนี​กลับ​ไป​สกุล​เดิม​ตอนที่​นาง​ย้าย​เรือน​…

นี่​ถือเป็น​คำอธิบาย​ภายหลัง​ใช่​หรือไม่

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​คล้อยตาม​คำพูด​ของ​นาง​ ​“​เช่นนั้น​ต้อง​ถาม​ดี​ๆ​ ​สุขภาพ​ของ​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​สำคัญ​ที่สุด​”​ ​จากนั้น​ก็​เรียก​สาวใช้​ให้​ยก​ชา​และ​ของว่าง​เข้ามา

ฮู​หยิน​ห้า​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​กลับมา​พอดี

นาง​รีบ​ลุกขึ้น​แล้ว​เอ่ย​เรียก​ ​“​พี่​สี่​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​ออก​ไป​ข้างนอก

พวกเขา​สอง​คนพูด​คุย​กัน​ใน​ห้อง​ประมาณ​หนึ่ง​ถ้วย​ชา​ ​จากนั้นฮู​หยิน​ห้า​ก็​ลุกขึ้น​ขอตัว​ลา​

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้วไป​ส่งฮู​หยิน​ห้า​ที่​หน้า​ประตู​ลาน​แล้วก็​กลับ​เข้ามา​ใน​ห้อง​

สวี​ลิ่ง​อี๋​นั่ง​อยู่​บน​เตียง​เตา​ข้างหน้า​ต่าง​ด้วย​ใบหน้า​ที่​ครุ่นคิด

สือ​อี​เหนียง​เก็บ​ถ้วย​ชา​อย่างเงียบเชียบ​ ​จากนั้น​ก็​ริน​ชา​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ใหม่

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยก​ถ้วย​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​ ​ถอนหายใจ​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ไท​เฮา​ทรงพระ​ประชวร​จริงๆ​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​ความผิดหวัง

สือ​อี​เหนียง​นั่งลง​ตรงข้าม​เขา​ ​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความลังเล​ ​“​เช่นนั้น​ ​ท่าน​จะ​ทำ​อย่างไร​เจ้า​คะ​!​”

บางครั้ง​คนเรา​สามารถ​ไม่​คุกเข่า​ให้​ความ​น่าเกรงขาม​ได้​ ​แต่กลับ​มี​ไม่​กี่​คนที​่​จะ​ไม่​เสียใจ​เมื่อ​ต้อง​เผชิญ​กับ​ความยากลำบาก​ ​ดังนั้น​ตอนที่​ไท่ฮู​หยิน​คิด​ว่า​ไท​เฮา​แกล้ง​ป่วย​นาง​ไม่พอใจ​ได้​ ​แต่​เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้​ว่า​ไท​เฮา​ป่วย​จริงๆ​ ​เขา​กลับ​ต้อง​ทำ​สีหน้า​เป็นกังวล

“​หาก​ถึง​ตอนนั้น​จริงๆ​ ​ก็​ต้อง​ตอบ​ตกลง​อย่าง​มีแผน​รับมือ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​อย่าง​เยือกเย็น​และ​แน่วแน่

เรื่อง​พวก​นี้​ไม่ใช่​เรื่อง​ที่นา​งค​วร​ถาม

สือ​อี​เหนียง​ริน​ชา​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​เงียบๆ

*****

ตั้งแต่​วันนั้น​เป็นต้นมา​ ​บางครั้ง​สวี​ลิ่ง​อี๋​จะ​ออก​ไป​เยี่ยม​สหาย​ ​และ​หลังจากที่​สือ​อี​เหนียง​ยุ่ง​กับ​เรื่อง​ร้าน​มงคลสมรส​เสร็จ​แล้ว​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ก็​กลับมา​พอดี

หน้าตา​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ไม่ได้​เปลี่ยนไป​มาก​นัก​ ​แต่กลับ​สูง​ขึ้น​กว่า​ตอนที่​จากไป​ไม่น้อย

เห็น​ฉิน​อี๋​เหนียง​ที่​ยืน​น้ำตา​คลอ​เบ้า​อยู่​ท่ามกลาง​ผู้คน​จับจ้อง​ไป​ที่​เขา​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ก็​หันหน้า​มา​ ​ก้มหน้า​ลง​แล้ว​โค้ง​คำนับ​สือ​อี​เหนียง

สวี​ซื่อ​จุน​หยุด​ตั้งแต่​วันที่​เจ็ด​เดือน​สิบสอง​แล้ว​ ​แต่​เขา​กลับ​ไม่​ค่อย​ว่าง​ ​อาจารย์​จ้าว​ที่​ยังคง​เขียนหนังสือ​ให้การ​บ้าน​เขา​มากมาย​ ​เขา​ยัง​ไป​ถามฮู​หยิน​สอง​ถึง​เรื่อง​นี้​ด้วย​ ฮู​หยิน​สอง​ไม่ได้​ให้​คำตอบ​เขา​ ​แต่กลับ​ชี้​ไป​ที่​ห้อง​หนังสือ​บอก​ให้​เขา​ไปหา​เอา​เอง​ ​เขา​ใช้เวลา​กว่า​สามสี​่​วัน​ใน​การ​หา​หนังสือ​เล่ม​นั้น​จน​เจอ​ ​จากนั้น​ก็ดี​ใจ​เป็นอย่างมาก​ ​บอก​ให้​ฉา​หมิง​ ​บ่าว​รับใช้​คน​ใหม่​ที่มา​ทำงาน​ใน​เรือน​ของ​เขา​แอบ​ไป​ซื้อ​หัวหมู​ของโปรด​ของ​อาจารย์​จ้าว​ที่​ตลาด​กลับมา​ ​แล้วยัง​อ้างว่า​จะ​บอก​ให้​สวี​ซื่อ​เจี้ยวา​ดรูป​แล้ว​เรียก​สวี​ซื่อ​เจี้ยมา​ ​แต่​ใคร​จะ​รู้​ว่า​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยก​ลับ​มา​ฟ้อง​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​คิด​ว่า​มัน​เป็นความลับ​ของ​พวก​เด็ก​ๆ​ ​จึง​แสร้งทำ​เป็น​ไม่รู้​ ​สุดท้าย​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ทาน​หัวหมู​แล้ว​กระโดดโลดเต้น​ ​แต่​สวี​ซื่อ​จุน​กลับ​ท้องเสีย​ไป​สอง​วัน​ ​ฉา​หมิง​จึง​ถูก​ไท่ฮู​หยิน​สั่ง​เฆี่ยน​เพราะ​เรื่อง​นี้​ ​หาก​ไม่ใช่​เพราะว่า​สวี​ซื่อ​จุน​ออกหน้า​ขอร้อง​ให้​เขา​ ​แล้ว​ฉา​หมิง​ก็​ยัง​เป็น​คนที​่​พ่อบ้าน​ไป๋​แนะนำ​มา​ ​เกรง​ว่า​เขา​คงจะ​ถูก​ไล่ออก​ไป​แล้ว​

เมื่อ​รู้​ว่า​สวี​ซื่อ​อวี​้​จะ​กลับมา​บ่าย​วันนี้​ ​เขา​ก็​ไป​ที่​เรือน​ของ​สือ​อี​เหนียง​ตั้งแต่​เช้า​ ​หยิบ​ป้าย​ตัวหนังสือ​ออกมา​สอน​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​แล้วยัง​อยู่​ทานข้าว​เที่ยง​ที่​เรือน​ของ​สือ​อี​เหนียง

หลังจาก​เห็น​สวี​ซื่อ​อวี​้​โค้ง​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ ​เขา​ก็​ลาก​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เดิน​ไป​โค้ง​คำนับ​พี่ชาย​ตัวเอง​

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เดิน​อยู่​ข้างหลัง​สวี​ซื่อ​จุน​ ​ทำท่า​ทาง​เลียนแบบ​เขา

“​ซื่อ​จื่อ​สูง​ขึ้น​แล้ว​!​”​ ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ประกบ​มือ​คำนับ​สวี​ซื่อ​จุน​อย่าง​มีมา​รยาท

คำ​เรียก​ที่​ไม่​คุ้นเคย​ ​อีกทั้ง​น้ำเสียง​ที่​ไม่​คุ้นเคย​ ​ทำให้​สวี​ซื่อ​จุน​ตกใจ

แต่​สวี​ซื่อ​อวี​้​กลับ​ไป​ลูบ​หัว​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​เบา​ๆ​ ​“​น้อง​ห้า​!​”

เขา​ยิ้ม​แล้ว​ทักทาย​สวี​ซื่อ​เจี​้ย

นั่น​คือ​ท่าทาง​ที่​สือ​อี​เหนียง​ชอบ​ทำ​ ​ใน​จวน​สกุล​สวี​ ​ก็​มี​แค่​สือ​อี​เหนียง​ที่​ทำ​เช่นนี้​ ​กล้า​ลูบ​หัว​เขา​

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ตัว​น้อย​ไม่เข้าใจ​ว่า​ทำไม​พี่ชาย​ที่อยู่​ตรงหน้า​ที่​หน้าตา​ดู​คุ้นเคย​แต่กลับ​แปลกหน้า​มากกว่า​คน​นี้​ ​ต้อง​ลูบ​หัว​ตัวเอง​เหมือน​ท่าน​แม่​ ​เขา​จึง​หันหน้า​หนี​สวี​ซื่อ​อวี​้​ตาม​สัญชาตญาณ​ ​จากนั้น​ก็​จับมือ​สวี​ซื่อ​จุน​แน่น​ ​ดวงตา​ที่​เหมือนกับ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​มองดู​เขา​ด้วย​ความหวาดระแวง

สวี​ซื่อ​อวี​้​หยุด​มือ​กลางอากาศ​อย่าง​กลืนไม่เข้าคายไม่ออก​ ​เขามอง​ไป​ที่​มือ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ที่จับ​มือ​สวี​ซื่อ​จุน​แน่น​ ​ความขมขื่น​ที่​โผล่​ขึ้น​มา​ใน​สายตา​พลัน​หาย​ไป​อย่างรวดเร็ว

สือ​อี​เหนียง​เห็น​เช่นนี้​ก็​ลอบ​ถอนหายใจ​ใน​ใจ​

เมื่อก่อน​สวี​ซื่อ​อวี​้​สนิท​กับ​สวี​ซื่อ​ฉิน​และ​สวี​ซื่อ​เจี่ยน​ ​แต่กลับ​ไม่​ค่อย​สนิท​กับ​สวี​ซื่อ​จุน​และ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​ต่อมา​นาง​ให้​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ไป​อยู่​ที่​เรือน​ลี่​จิ​่ง​เซ​วี​ยน​ ​ก็​เพื่อที่จะ​ให้​เขา​ได้​ใกล้ชิด​กับ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​บ้าง​ ​แต่ว่า​สวี​ซื่อ​อวี​้​อยู่​ที่​ลาน​ข้างหน้า​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยอยู​่​ที่​ลาน​ข้างหลัง​ ​เขา​ไม่​ค่อย​เข้าไป​ลาน​ข้างหลัง​ ​ก็​ไม่​แปลกที่​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​จะ​ไม่สนิท​สนม​กับ​เขา​

นาง​กำลัง​อยาก​จะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​เพื่อ​กอบกู้​สถานการณ์​ให้​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​แต่​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​กลับ​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้าไป​คำนับ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​“​พี่​สอง​เจ้า​คะ​!​”

สือ​อี​เหนียง​เห็น​สวี​ซื่อ​อวี​้​ดึง​มือ​กลับมา​ ​ยิ้ม​อย่างจริงใจ​สีหน้า​มีความสุข

“​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​!​”​ ​เขา​เรียก​น้องสาว​ของ​ตัวเอง​อย่างสนิทสนม​ ​ใบหน้า​พลัน​สดใส​ขึ้น

เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​ยิ้ม​ตอบ

สีหน้า​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ผ่อนคลาย​ลง​ไม่น้อย​

เขา​เอ่ย​ทักทาย​ฉิน​อี๋​เหนียง​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​และ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​อย่าง​มีมา​รยาท

“​คุณชาย​น้อย​สอง​!​”​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ปาก​สั่น​ ​ท่าที​ตื่นเต้น​ ​แต่กลับ​พูด​อะไร​ไม่​ออก​สัก​คำ

แต่​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​กลับ​ปิดปาก​ยิ้ม​อย่าง​มีความสุข​ ​“​ไม่ได้​เจอ​คุณชาย​น้อย​สอง​ตั้ง​นาน​ ​คุณชาย​น้อย​สอง​ดู​สุขุม​มากกว่า​แต่ก่อน​อีก​นะ​เจ้า​คะ​ ​เหมือน​คำ​ที่ว่า​ ​’​อ่านหนังสือ​พัน​เล่ม​ไม่​สู้​เดินทาง​เป็น​พัน​ลี้​’​ ​ต้อง​ออก​ไป​เปิดโลก​กว้าง​จริงๆ​…​”​ ​นาง​ยังคง​พูดมาก​เหมือนเดิม​ ​ส่วน​สวี​ซื่อ​อวี​้​เพียง​ก้มหน้า​ยิ้ม​ฟัง​อยู่​อย่าง​เดียว​

แต่​ปฏิกิริยา​ของ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​กลับ​ตรงไปตรงมา

นาง​พยักหน้า​ให้​สวี​ซื่อ​อวี​้​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​เดิน​ออก​ไป​อยู่​ข้างๆ

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​ทักทาย​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​“​เรา​ไปหา​ท่าน​ย่า​กัน​เถิด​!​ ​ท่าน​พูดถึง​เจ้า​ตั้งแต่​เช้า​แล้ว​!​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบรับ​ ​“​ขอรับ​”​ ​ด้วย​ความ​นอบน้อม​ ​จากนั้น​ก็​มีสาว​ใช้​ ​บ่าว​รับใช้​และ​ท่าน​ป้า​ล้อมรอบ​ไป​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน​กับ​สวี​ซื่อ​จุน​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​และ​เจิน​เจี่ย​เอ๋อร​์

ฉิน​อี๋​เหนียง​ยืน​มอง​แผ่น​หลัง​ของ​สวี​ซื่อ​อวี​้​แล้ว​เช็ดน้ำ​ตา​ไม่​หยุด​ ​“​คุณชาย​น้อย​สอง​ผอม​ลง​ไปมาก​!​”

นาง​หน้าแดง​ ​แต่กลับ​ดู​มีชีวิตชีวา​

เฉียว​เหลียน​ฝัง​ได้ยิน​เช่นนี้​ก็​ไม่สน​ใจ​แล้ว​เบะ​ปาก​อย่าง​เยาะเย้ย​ ​จากนั้น​ก็​พาสาว​ใช้​กลับ​ไป​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ก็​ยัง​เป็น​คนที​่​เข้า​อก​เข้าใจ​คนอื่น​ ​“​คุณชาย​น้อง​สอง​กลับมา​เป็นเรื่อง​น่ายินดี​ ​พี่​หญิง​อย่า​ร้องไห้​ไป​เลย​ ​ตอนนี้ฮู​หยิน​พา​คุณชาย​น้อย​สอง​ไปหา​ไท่ฮู​หยิน​แล้ว​ ​ประเดี๋ยว​เขา​ก็​คงจะ​มาหา​พี่​หญิง​ ​เล่อ​อาน​อยู่​ไกล​ขนาด​นั้น​ ​ขนบธรรมเนียม​ไม่​เหมือน​เรา​ ​ข้า​คิด​ว่า​พี่​หญิง​ไม่​สู้​กลับ​ไป​บอก​ให้​คน​ทำอาหาร​โปรด​ที่​คุณชาย​น้อย​สอง​ชอบ​ทาน​เตรียม​ไว้​ดีกว่า​ ​เมื่อ​คุณชาย​น้อย​สอง​มาหา​พี่​หญิง​ ​พี่​หญิง​ก็​จะ​ได้​ช่วย​บรรเทา​ความหิว​ของ​คุณชาย​น้อย​สอง​อย่างไรเล่า​เจ้า​คะ​”

“​ข้า​สะเพร่า​เอง​ ​ข้า​สะเพร่า​เอง​”​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​รีบ​เช็ดน้ำ​ตา​ ​ย่อเข่า​ให้​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ด้วย​ความ​ซาบซึ้ง​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​พาสาว​ใช้​ออก​ไป

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​มองดู​ลาน​กว้างขวาง​ที่​เมื่อ​ครู่​ยัง​คึกคัก​แต่​ตอนนี้​กลับ​เงียบสงัด​ ​นาง​ยิ้ม​แล้ว​ส่ายหน้า​ ​จากนั้น​ก็​กลับ​ไป​ที่​เรือน​ของ​ตัวเอง​กับ​ชิว​หง

“​เมื่อ​ครู่​เจ้า​บอกว่า​นกแก้ว​ที่​ท่าน​เขย​ใหญ่​ส่ง​มา​ให้​คุณหนู​ผิดปกติ​ ​ผิดปกติ​อย่างไร​หรือ​”

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท