หญิงสาวไม่ได้โต้เถียงกับเขาอีก อีกทั้งไม่มีความโกรธ แต่เมื่อยิ้มเช่นนี้ องค์ชายสามราวกับถูกห้อมล้อมไปด้วยกระแสน้ำ ไม่อาจหายใจได้
“ตันจู” เขาพูด นอกจากอ้าปากเรียกชื่อนี้แล้ว ไม่มีสิ่งใดจะพูดอีก
เฉินตันจูยิ้มให้เขาอีกครั้ง “แต่ว่าองค์ชายสามคงไม่ฆ่าหม่อมฉันปิดปากด้วยกระมัง”
เมื่อองค์ชายสามเห็นนางยิ้ม รอยยิ้มของเขาราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ มันเป็นรอยยิ้มที่เขาฝึกฝนอยู่หน้ากระจกครั้งแล้วครั้งเล่าตั้งแต่เด็ก แต่ครานี้เขาไม่มองกระจกก็รู้ว่ารอยยิ้มของตนเองย่ำแย่อย่างมาก
ภายนอกกระโจมมีการเคลื่อนไหว ตามมาด้วยเสียงของอาวุธและการปะทะ เสียงกรีดร้องของอาเถียน ก่อนที่ทุกสิ่งจะสงบลง
เฉินตันจูที่นั่งคุกเข่าอยู่ตัวเกร็งขึ้นมาทันใด ม่านของกระโจมถูกเปิดขึ้น โจวเสวียนที่สวมชุดเกราะเดินเข้ามา
เขาคงจะได้ยินสิ่งที่เฉินตันจูพูด สีหน้าของเขาทั้งดำทะมึนทั้งหงุดหงิด “เฉินตันจู ท่านจบสิ้นหรือไม่”
เฉินตันจูเบนสายตากลับมา ไม่พูดสิ่งใด
โจวเสวียนมององค์ชายสาม “ฝ่าบาททรงรู้เรื่องแล้ว รับสั่งให้ข้าดูแลค่ายก่อน” เขาถือดาบทอง บนด้ามดาบมีลายมังกรพันเกี่ยว เป็นดาบที่ฮ่องเต้มักใช้เป็นประจำ
การถือดาบเล่มนี้เป็นผลของแผนการที่เขาวางเอาไว้เป็นเวลานาน แม่ทัพหน้ากากเหล็กจากโลกนี้ไปอย่างกะทันหัน คนที่ฮ่องเต้เชื่อใจได้มีเพียงโจวเสวียน โจวเสวียนควบคุมค่ายทหาร แม้จะเป็นแค่ชั่วคราว แต่อำนาจทางการทหารในวันหน้าย่อมไม่น้อย แต่เวลานี้ องค์ชายสามไม่มองดาบทองแม้แต่น้อย เขามองเพียงเฉินตันจู
โจวเสวียนทนดูต่อไปไม่ได้ “องค์ชายสาม ท่านออกไปก่อน ให้ข้าคุยกับคุณหนูตันจูส่วนตัว”
องค์ชายสามมองหญิงสาวที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า รู้สึกว่าหากตนเองเดินออกไป จะไม่ได้เห็นหน้าของนางอีก
“ตันจู เจ้าฟังข้า” เขาอดพูดไม่ได้
“องค์ชาย” โจวเสวียนพูดขัดเขา ดึงเขาให้ลุกขึ้น “เวลานี้ท่านไม่ต้องพูดสิ่งใดกับนางแล้ว นางไม่ฟังสิ่งใดทั้งสิ้น”
องค์ชายสามมองหญิงสาวที่นั่งนิ่ง ถอนหายใจเสียงเบา พูดกับโจวเสวียน “เจ้าพูดกับนางดีๆ อย่าข่มขู่นาง”
โจวเสวียนโบกมืออย่างรำคาญ “ระหว่างข้ากับนาง ท่านไม่ต้องกังวล”
องค์ชายสามมองเฉินตันจูอีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ภายในห้องยังคงมีสองคนหนึ่งร่าง
โจวเสวียนไม่ได้นั่งลง เขายืนอยู่ข้างกายของเฉินตันจู พูดด้วยคิ้วขมวด “เฉินตันจู ท่านวุ่นวายอันใด”
วุ่นวายอันใด คำพูดเดียวของเขาทำให้ไฟโกรธของเฉินตันจูปะทุขึ้น นางชี้ไปยังคนบนเตียง “คนตายไปแล้ว ในสายตาของท่านคือวุ่นวายหรือ”
โจวเสวียนเย้ยหยัน “ไม่ได้ตายในมือของพวกข้า”
ใช่ ไม่ผิด เฉินตันจูหัวเราะ “พวกท่านช่างโชคดี เจตนาฆ่าคน ไม่รอลงมือคนก็ตายแล้ว พวกท่านบริสุทธิ์สมดังปรารถนา แม้แต่อยากจะด่าพวกท่านยังไม่มีเหตุผล”
โจวเสวียนหัวเราะ “นี่เรียกว่าฟ้ามีตา”
เมื่อเทียบกับความเลือดเย็นขององค์ชายสาม โจวเสวียนดูเหมือนจะเป็นคนที่มีความแค้นกับแม่ทัพหน้ากากเหล็ก เฉินตันจูลุกขึ้นยืน “ท่านไปมาหาสู่กับเหล่าองค์ชาย ฝ่าบาทย่อมต้องจับตาท่าน ท่านสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายสามภายใต้การจับตามองของฝ่าบาทได้อย่างไร งานเลี้ยงในจวนคราก่อนหรือ”
โจวเสวียนพูด “เร็วกว่านั้นมาก ตอนที่จะซื้อจวนท่าน”
ใช่ เวลานั้น โจวเสวียนต้องการแย่งชิงจวนของนาง องค์ชายสามยังอ้อนวอนแทนนาง ไปหาโจวเสวียน…ที่แท้ตั้งแต่ต้นตนจบ ตั้งแต่ต้นจนจบล้วนไม่เกี่ยวข้องกับนางเฉินตันจู เฉินตันจูจ้องมองโจวเสวียน ไม่รู้ว่าตัวเองควรโกรธหรือควรหัวเราะ นางอ้าปากพึมพำ “พวกท่านต้องขอบคุณข้าเสียจริง”
โจวเสวียนพูด “ท่านมีอันใดต้องตกตะลึง ท่านไม่ควรดีใจกับข้าหรือ”
เฉินตันจูเดินขึ้นหน้าจับเขาเอาไว้ กัดฟัน “ข้ามีอันใดต้องตกตะลึงหรือ? ฝ่าบาทฆ่าบิดาของท่าน เกี่ยวอันใดกับแม่ทัพหน้ากากเหล็ก”
โจวเสวียนหัวเราะ “แม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นแขนซ้ายแขนขวาของฮ่องเต้ หากเวลานั้นไม่ใช่เขาเร่งเร้าให้ออกรบ ฝ่าบาทก็คงไม่รีบร้อนเพียงนั้น รีบร้อนจนต้องใช้ชีวิตของท่านพ่อมาเป็นหินรองเท้า”
“ท่านช่างไร้เหตุผล ท่านเคยบอกว่ากรรมใดผู้ใดก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนองผู้นั้น” เฉินตันจูกัดฟันพูด จ้องมองโจวเสวียน “ท่านต้องการอำนาจทางการทหาร ท่านสมรู้ร่วมคิดกับองค์ชายสาม องค์ชายสามรู้เป้าหมายของท่านหรือไม่”
องค์ชายสามมีความแค้นกับองค์รัชทายาท ต้องการต่อกรกับองค์รัชทายาท แต่ไม่เคยคิดสังหารบิดาของตนเอง
เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนี้ โจวเสวียนหัวเราะออกมา “สมองของท่านไม่ได้เลอะเลือน ท่านไม่เคยพูดความลับของข้าต่อองค์ชายสามแม้แต่คราเดียว ดังนั้น มีเพียงท่านกับข้า พวกเราเป็นพวกเดียวกันอย่างแท้จริง”
เขายื่นมือไปกุมมือของหญิงสาวตรงหน้าของตนเอง
เฉินตันจูผลักเขาออกไปอย่างแรง กัดฟันตะโกนเสียงต่ำ “โจวเสวียน! หากจะบ้าคลั่ง เสียสติก็มีเพียงท่าน ไม่ใช่ข้า ข้าไม่เหมือนท่าน! ข้าไม่มีทางสมรู้ร่วมคิดกับคนที่หลอกใช้ข้าฆ่าคน!”
แรงของหญิงสาวไม่มากนัก หากจะบอกว่าผลักโจวเสวียนออก สู้บอกว่านางถูกแรงของตนเองผลักถอยหลังไป
โจวเสวียนมองหญิงสาวที่เหมือนจะล้ม ทั้งร้อนใจทั้งโกรธ “เฉินตันจู! ท่านมองแม่ทัพหน้ากากเหล็กเป็นบิดาบุญธรรมของตนเองจริงหรือ หากไม่ใช่เขา ท่านจะเป็นเช่นนี้หรือ ตระกูลของท่านจะเป็นเช่นนี้หรือ กองทัพโจมตีเมืองอู๋เขาเป็นคนนำด้วยตนเอง! ท่านทำเหมือนบิดาของท่านตายไปแล้วจริงๆ ท่านต่างหากที่เสียสติ!”
“โจวเสวียน!” เฉินตันจูโกรธจัดเช่นเดียวกัน “ข้าเป็นดังเช่นทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะท่านแม่ทัพ ความจริงแล้ว หากไม่ใช่ท่านแม่ทัพ ข้าและคนในตระกูลคงตายไปนานแล้ว ข้าเฉินตันจูรู้ว่าศัตรูคือผู้ใด ผู้ใดมีบุญคุณต่อข้า ผู้ใดมีความแค้นต่อข้า ข้ารู้ดีแก่ใจ!”
โจวเสวียนโกรธจนแทบเสียสติ “ท่านรู้ดีอันใดกัน! ข้าว่าท่านต้องเข้าใจผิดจนโง่ไปแล้ว!”
เฉินตันจูยิ้มเย้ยหยัน “ท่านเชื่อหรือไม่ ข้าจะไปบอกองค์ชายสามบัดนี้ว่าท่านมีแผนการอันใด!”
โจวเสวียนยิ้มเย้ยหยันเช่นเดียวกัน “เฉินตันจู ท่านเชื่อหรือไม่ ถึงแม้ท่านจะบอกองค์ชายสาม องค์ชายสามก็ไม่มีทางทำอันใดข้า ท่านคิดว่าเขามีความแค้นกับองค์รัชทายาทเท่านั้นหรือ เขาเกลียดคนที่ทำร้ายเขา อีกทั้งเกลียดคนที่ไม่ลงโทษคนที่ทำร้ายเขา สำหรับเขาแล้ว การปล่อยปละโหดร้ายเสียยิ่งกว่าทำร้ายเขาด้วยตนเอง”
ไม่ลงโทษองค์รัชทายาท แสดงว่าหมายถึงฮ่องเต้? เฉินตันจูมองโจวเสวียน หน้าอกขยับขึ้นลงอย่างแรงเพราะหอบหายใจ
“การทำให้คนผู้หนึ่งตายไม่ถือเป็นการแก้แค้น” โจวเสวียนมองนาง พูดด้วยเสียงเย็นชา “แต่การทำให้คนผู้หนึ่งเสียใจ ถึงจะเป็นการแก้แค้นที่ดีที่สุด”
ดังนั้นองค์ชายสามต้องการให้ฮ่องเต้เห็นองค์รัชทายาทที่ตนเองรักใคร่แหลกสลายไปต่อหน้าหรือ
แล้วโจวเสวียนเล่า ฮ่องเต้ต้องการความมั่นคงของต้าเซี่ย ไม่เสียดายที่จะฆ่าโจวชิง เช่นนั้นโจวเสวียนจะทำให้ฮ่องเต้เห็นความโกลาหลของต้าเซี่ย ให้เห็นเหล่าองค์ชายทำร้ายกันเองกับตาหรือ
คนเสียสติสองคนนี้!
โจวเสวียนเดินมาตรงหน้านาง จับไหล่ของนางเบาๆ
“คุณหนูตันจู” เขาพูดเสียงเบา “เขาไม่ใช่คนที่มีบุญคุณต่อท่าน เขาเป็นศัตรูของท่าน ท่านจะโกรธข้าเพราะเขาได้อย่างไร”
เฉินตันจูมองเขา พูดเสียงเบาที่ปนไปด้วยความเหนื่อยล้า “ท่านโหวโจว ตามคำพูดของท่าน แม่ทัพหน้ากากเหล็กคงจะไม่ใช่ศัตรูของข้าจริง ศัตรูของข้าคงจะเป็นบิดาของท่าน เพราะบิดาของท่านต้องการผลักดันคำสั่งเรียกคืนที่ดินศักดินา จึงก่อให้เกิดสงครามสามอ๋อง ทำให้ข้าจำเป็นต้องทรยศท่านอ๋องทรยศท่านพ่อจนกลายเป็นสภาพเหมือนทุกวันนี้ โจวเสวียน ท่านกับข้าเป็นศัตรูที่แท้จริง”
มือของโจวเสวียนที่จับไหล่ของนางเอาไว้สั่นเทา เขาจ้องมองดวงตาของหญิงสาว ส่งเสียงหัวเราะออกมา “ยินดีกับท่านที่แก้แค้นสำเร็จ ท่านพ่อของข้าตายไปแล้ว! ตายได้ดี!”
พูดพลางหันหลังเดินออกไป เขาแทบจะพุ่งตัวออกไปจากกระโจม ม่านกระโจมถูกฉีกขาด พลิ้วไหวอยู่ท่ามกลางลมที่โหมกระหน่ำ
มองผ่านม่านที่พลิ้วไหว สามารถมองเห็นทหารที่สวมชุดเกราะถืออาวุธยืนอยู่อย่างเข้มงวด ล้อมรอบกระโจมเอาไว้อย่างแน่นหนา
ทหารที่สวมชุดเกราะต่างมองเห็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ภายในกระโจม หญิงสาวตัวเบาหวิวราวกับกระดาษ แต่ก็ผอมเพรียวตระหง่านราวกับต้นหลิว นางนั่งคุกเข่าลงบนเบาะรองนั่งข้างเตียง