รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 353 ไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์เข้ามาพัวพัน แต่พวกเขาก็ยังต้องรับเคราะห์!

บทที่ 353 ไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์เข้ามาพัวพัน แต่พวกเขาก็ยังต้องรับเคราะห์!

บทที่ 353 ไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์เข้ามาพัวพัน แต่พวกเขาก็ยังต้องรับเคราะห์!

“มานี่สิเจ้าแมวน้อยจอมตะกละ มีส่วนของเจ้าด้วยนะ”

หลี่จิ่วเต้ากวักมือให้แมวขาวตัวน้อย ส่วนแมวขาวตัวน้อยก็กระโดดเข้าหาเขาทันทีอย่างมีความสุข

เขาลูบขนเรียบลื่นของแมวขาวตัวน้อยระหว่างเอ่ยขึ้นมาพร้อมรอยยิ้ม “ข้าก็ทำหยกพกมาให้เจ้าด้วย”

มันคือหยกพกขนาดเล็กที่มีคำอวยพรเขียนเอาไว้อยู่เหมือนกัน

แมวสีขาวตัวน้อยเป็นผู้ที่อยู่กับเขามากที่สุด ย่อมมีความสำคัญมากในใจเขา

เขาห้อยหยกพกอันเล็กไว้บนคอของแมวสีขาวตัวน้อย

“เมี้ยว เมี้ยว เมี้ยว~”

ลั่วสุ่ยร้องออกมาอย่างมีความสุข นางรู้ว่าท่านเซียนจะไม่มีวันลืมนาง

อีกด้านหนึ่ง อันหลานเสวี่ยกำลังมองด้วยความอิจฉา

นางรู้ดีว่านี่คือเครื่องรางคุ้มภัยอย่างแท้จริง เพียงสวมใส่ชีวิตก็จะปลอดภัย!

มีของนางหรือไม่นะ?

นางอดคาดหวังขึ้นมาในใจไม่ได้

คิดอะไรอยู่!

นางกล้าคิดเช่นนั้นได้อย่างไร!

หญิงสาวรำพึงขึ้นมาในใจ

หยกคุ้มภัยที่ท่านเซียนมอบให้ ไม่ใช่มอบเนื่องในโอกาสหรือวาสนาอะไร แต่เป็นน้ำใจ แสดงให้เห็นว่าพวกหลิงอินมีความสำคัญในหัวใจของท่านเซียน

ท่านเซียนปรารถนาให้พวกหลินอินมีชีวิตรอดปลอดภัย!

นางเองก็ต้องการจี้หยกคุ้มภัยเช่นกัน แต่นางก็ตระหนักตัวเองดีว่า นางไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับท่านเซียน ไม่สามารถเทียบได้กับพวกหลินอิน

ดังนั้น…

จึงไม่มีหยกคุ้มภัยสำหรับนาง

กล่องไม้ว่างเปล่าถูกท่านเซียนปิดลงไปแล้ว

แม้นางจะรู้ตัวดีว่าไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับท่านเซียน หยกคุ้มภัยย่อมไม่มีส่วนของนาง ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ได้รับรู้ว่าไม่มีจริง ๆ นางก็ยังอดรู้สึกผิดหวังขึ้นมาไม่ได้

เมื่อไหร่นางจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับท่านเซียนเหมือนพวกหลินอินบ้าง!

นางคิดขึ้นมาในใจอย่างเงียบ ๆ

นางคิดว่าทุกอย่างจบลงแล้ว ทว่ากลับมีสิ่งที่ทำให้นางประหลาดใจ นั่นก็คือท่านเซียนหยิบกล่องไม้อีกหนึ่งกล่องมาวางไว้เบื้องหน้านาง

นาง…นางเองก็ได้รับของด้วยหรือ?

“นี่คือพู่กันที่ข้าทำขึ้นมาเอง แม่นางเสวี่ยชอบวาดภาพใช่หรือไม่? ข้าหวังว่าแม่นางเสวี่ยจะสามารถวาดภาพที่ดีขึ้นได้ด้วยพู่กันนี้”

หลี่จิ่วเต้ายิ้มบางระหว่างเปิดกล่องไม้ ด้านในกล่องไม้เป็นพู่กันด้ามหนึ่ง ด้ามจับของมันทำจากไม้จันทน์ฝังด้วยไพลินหนึ่งเม็ด ขนแปรงเรียบลื่น นับเป็นแปรงชั้นดีที่หาได้ยาก

พวกอ้ายฉานยังจำเป็นต้องพึ่งพาอันหลายเสวี่ยในการฝึกฝน ดังนั้นเขาย่อมไม่อาจละเลยอันหลานเสวี่ย

ยามที่ทำหยกพก จึงคิดจะมอบพู่กันให้อันหลายเสวี่ยด้วย

สำหรับหยกคุ้มภัย เขาไม่คิดจะมอบให้นาง

หยกคุ้มภัยแทนความสำคัญในใจของเขา ดังนั้นเขาจะไม่มอบให้ผู้ใดง่าย ๆ

“ขอบคุณ คุณชาย!”

อันหลานเสวี่ยหยิบพู่กันขึ้นมา ความผิดหวังในใจพลันสลายไป

แม้นางจะไม่ได้รับหยกคุ้มภัย แต่นางก็ได้รับพู่กัน แสดงให้เห็นว่าท่านเซียนยังคิดถึงนางบ้าง ไม่ได้ไม่สนใจการมีอยู่ของนาง

“ไม่ต้องขอบคุณ ขอเพียงเจ้าชอบ”

หลี่จิ่วเต้ากล่าวพร้อมรอยยิ้ม “พวกอ้ายฉานยังจำเป็นต้องให้เจ้าช่วยดูแล”

หลังทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว พวกเขาก็บอกลาหลี่จิ่วเต้า

อันหลานเสวี่ยพาพวกอ้ายฉานกลับไปพรรคจื่อเสีย เซี่ยเหยียนกลับไปสำนักไท่หัว ส่วนหลิงอินกลับไปที่บ้านของนางเอง

หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว หลิงอินก็เอนตัวลงนอนบนเตียง

นางนึกถึงเสี่ยวหยาขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

เสี่ยวหยาที่บริสุทธิ์จิตใจดีถึงขนาดนั้น กลับพบจุดจบอันน่าสังเวชถึงเพียงนั้น ยิ่งนางคิดมากเท่าไรก็ยิ่งปวดใจ

สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม คนดีกลับไม่ได้รับสิ่งดี ๆ

จุดจบของเสี่ยวหยาไม่ควรเป็นเช่นนั้น…

“ข้าจะหาสถานที่ดี ๆ สำหรับฝังเจ้า ให้เจ้าได้พักผ่อนอย่างสงบ”

นางรำพึงกับตัวเอง

หญิงสาววางแผนจะไปหาสถานที่ดี ๆ ใกล้เมืองชิงซานเพื่อฝังเสี่ยวหยา

มีท่านเซียนอยู่ เมืองชิงซานย่อมเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนตัวนางเองก็จะอยู่ข้างท่านเซียนไปตลอด ดังนั้นการฝังเสี่ยวหยาไว้ใกล้เมืองชิงซานย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด นางสามารถไปช่วยกวาดหลุดศพเสี่ยวหยาได้เป็นครั้งคราว

ทันใดนั้น นางพลันรับรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวในศาสตราบรรจุของ

มันคือป้ายคำสั่ง ป้ายคำสั่งที่นางมอบให้กับจ้าวหุบเขาคงหลิง เพื่อให้สามารถติดต่อนางได้ตลอดเวลา

ป้ายคำสั่งเรืองแสง ก่อนจะมีเสียงดังออกมา

“ไม่! เจ้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้!”

หลิงอินขมวดคิ้ว เด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที นางจำเสียงของจ้าวหุบเขาได้ ดูเหมือนว่าสถานการณ์ทางนั้นจะเลวร้ายเป็นอย่างมาก!

เสียงของจ้าวหุบเขานั้นสั่นเครือ เห็นได้ชัดว่าพบกับภัยคุกคามบางอย่าง

“ป้ายนี้สามารถติดต่อนางได้ใช่หรือไม่?”

มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากแผ่นป้าย เป็นเสียงเย็นชาที่ไม่อาจแยกได้ว่าเป็นของบุรุษหรือสตรี

“ไม่! นั่นเป็นเพียงแผ่นป้ายธรรมดา ไม่สามารติดต่อผู้ใดได้!”

เสียงของจ้าวหุบเขาดังขึ้นมาอีกครั้ง

“แผ่นป้ายธรรมดาอย่างนั้นหรือ? เจ้าช่างดื้อดึงเสียจริง…”

เสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องอีกหลายครั้ง ก่อนจะมีเสียงล้มลงกับพื้นดังมาจากแผ่นป้าย

“อย่าฆ่าผู้ใดอีกเลย ถึงท่านจะฆ่าคนไปมันก็ยังเป็นเพียงแผ่นป้ายธรรมดา!”

จ้าวหุบเขาร้องออกมา

“การเอ่ยยอมรับมันยากขนาดนั้นเชียวหรือ? ข้ารู้ทุกอย่างตั้งนานแล้ว เพียงอยากได้ยินคำยืนยันจากเจ้า”

เสียงเย็นชาดังขึ้น

“ถ้าเจ้าไม่เอ่ยยอมรับ ข้าก็จะฆ่าจนกระทั่งหุบเขาคงหลิงไม่เหลือแม้แต่คนเดียว…”

น้ำเสียงนั้นเย็นชาและไร้ความปรานี

“หยุดมือเสีย!”

หลิงอินส่งเสียงตะโกนผ่านแผ่นป้าย “เจ้าต้องการจะพบข้าใช่หรือไม่! หยุดรอซะ ข้าจะไปที่นั่น!”

นางเข้าใจเกือบทั้งหมดแล้วว่าเกิดสิ่งใดขึ้น

คนจากทะเลต้องห้ามมาแล้ว!

จักรพรรดิบุปผาไม่ได้โกหก นางมีส่วนเกี่ยวข้องกับทะเลต้องห้ามจริง เห็นได้จากที่ตอนนี้คนจากทะเลต้องห้ามไปเยือนถึงหุบเขาคงหลิงแล้ว

เกรงว่าผู้มาเยือนจะแข็งแกร่งอย่างมาก แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าจักรพรรดิบุปผา ผู้นำหุบเขาคงหลิงจึงต้องการป้องปกนางไม่ให้ไปเผชิญหน้า

หลิงอิงกระจ่างแจ้งในเรื่องนี้ ทว่านางก็ยังคงใช้แท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายเดินทางไปทันที

เรื่องของใครก็เรื่องของมัน นางไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์มารับเคราะห์

โดยเฉพาะจ้าวหุบเขาที่ยังต้องการจะปกป้องนาง แม้ต้องเผชิญหน้ากับสิ่งมีชีวิตอันหน้าสะพรึงกลัวถึงเพียงนั้น ทำให้นางต้องการจะไปหุบเขาคงหลิงมากยิ่งขึ้น

ค่ายกลทำงาน ก่อนที่ร่างของนางจะหายไปจากห้อง

เมื่อร่างของนางปรากฏขึ้นอีกที นางก็มาถึงภายในหุบเขาคงหลิงแล้ว

นี่คือค่ายกลเคลื่อนย้ายที่นางขอหุบเขาคงหลิง เพื่อที่นางจะได้มายังหุบเขาคงหลิงได้ทุกเมื่อหลังจากผ่านเรื่องราวครั้งก่อนขึ้น

หลังจากนางมาถึง ใบหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นเย็บเยียบทันที

สถานการณ์ร้ายแรงเสียยิ่งกว่าที่นางคิดเอาไว้!

แม้ไม่ถึงขั้นภูเขาซากศพทะเลโลหิต แต่ก็ไม่ห่างไกลนัก รอบกายนางเต็มไปด้วยศพและเลือดทั่วทุกพื้นที่

“เหตุใดไม่รีบติดต่อข้าตั้งแต่แรก!?”

ก่อนจะจากไป นางได้บอกจ้าวหุบเขาว่าหากเกิดเรื่องให้ติดต่อนางเป็นอย่างแรก

ทว่าเห็นได้ชัดเจ้าหุบเขาไม่ได้ทำตาม คนจากทะเลต้องห้ามมาถึงและเปิดฉากสังหารนานแล้ว เลือดบางส่วนแห้งกรังและแข็งตัว

นางไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์เข้ามาพัวพัน แต่พวกเขาก็ยังต้องรับเคราะห์ ผู้คนที่นี่ตายเพราะนาง!

“เป็นความผิดของข้าเอง…”

นางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ นางรู้ว่าจ้าวหุบเขามีเจตนาดีไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับนาง

“เลือดต้องล้างด้วยเลือด!”

จิตสังหารของนางล้นทะลัก นางรีบออกจากบริเวณนี้ตรงไปหาจ้าวหุบเขา

ที่ตรงนั้นมีปราณอันน่าสยดสยองพุ่งออกมา ทำให้นางรับรู้ได้ทันทีว่าจ้าวหุบเขาและคนจากทะเลต้องห้ามอยู่ตรงนั้น

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท