ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Historiette > 2-5

Side Story < Love Historiette > 2-5

“จะบอกว่าอยากกลับอเมริกาเหรอครับ”

อินซอบรีบพยักหน้า

“เดี๋ยวค่อยไปครับ ตอนนี้ต้องพักอย่างเต็มที่ก่อน…”

“กะ กลับไปที่บ้านฉันได้ไหม ฉันอยากกลับบ้าน…ส่งผมกลับไปเถอะนะครับ”

อีอูยอนสบถว่า ‘แม่ง’ พลางตบพวงมาลัย อินซอบที่หวาดกลัวเริ่มร้องไห้อีกครั้ง อีอูยอนจึงกำพวงมาลัยไว้อีกครั้ง

“ถ้าให้ยืมโทรศัพท์ ฉันจะรบกวนพ่อแม่แล้วก็จะจัดการเอง ฉันจะไม่ทำให้นายต้องยุ่งยาก…”

“ที่ว่าจะจัดการเองน่ะ จะจัดการอะไรเองเหรอ”

อีอูยอนย้อนกลับอย่างเย็นชา แม้จะรู้ว่าอินซอบที่ถูกทำให้กลัวกำลังสังเกตท่าทีของตัวเองอยู่ แต่อีอูยอนกลับมองตรงไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียวพลางขับรถ

“ตอนนี้คุณต้องฟังที่ผมพูดนะครับ เราไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะครับ”

“…ฉันไม่อยากไปโรงพยาบาล กลับ…กลับบ้านได้ไหมครับ …ได้โปรด ขอร้องล่ะ”

อีอูยอนจอดรถตรงข้างทางที่ปลอดคน อินซอบไหล่สั่นด้วยสีหน้าหวาดกลัว

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้”

“…”

“คุณกำลังทำได้ดีแล้วแท้ๆ นะครับ”

ตอนที่เห็นอินซอบที่กล่อมตนที่เมาเหล้าให้นอนหลับในตอนเช้า ความคิดต่างๆ ก็ปะปนกัน

ทำไมถึงไม่สามารถมีอะไรกันได้และเป็นแบบนี้เพราะบอกว่าเป็นน้องล่ะ มีกฎหมายที่ห้ามไม่ให้น้องมีอะไรกับพี่ด้วยเหรอ …แต่เหตุผลที่ชเวอินซอบ ไม่สิ เหตุผลที่ปีเตอร์ที่ไม่มีความทรงจำยังอยู่ข้างๆ ตนก็เพราะคิดว่าเขาเป็นน้อง

“คุณสุขสบายดีแล้วนี่ แม่งเอ๊ย อยากจะให้ผมทำอะไรอีกล่ะ ผมต้องทำยังไงเหรอ”

อีอูยอนกดหัวที่ปวดตุบพลางเอ่ยถาม วินาทีที่แน่ใจแล้วว่าอินซอบที่บอกว่าเชื่อตัวเองหายไป หัวของเขาก็ปวดราวกับจะแตก เขากลัวและเศร้ามากกว่าโกรธ เพราะเหมือนจะแน่ใจแล้วว่าไม่สามารถรั้งอินซอบไว้ได้ด้วยความเชื่อใจนั้น

“…ไม่ไปโรงพยาบาลได้ไหม…”

อินซอบพูดคำเดิมซ้ำๆ ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา อีอูยอนกัดฟันเบาๆ ความอดทนของเขาแห้งขอด ใจจริงเขาอยากกระชากคอเสื้อของอินซอบและพาไปโรงพยาบาล จากนั้นก็บังคับให้เข้ารักษาตัว

“ทำไมถึงไม่อยากไปโรงพยาบาลล่ะ”

อีอูยอนเอ่ยถาม อินซอบส่ายหน้าอีกครั้ง

“…เป็นแบบนี้เพราะไม่อยากให้ความทรงจำกลับมาเหรอครับ”

อีอูยอนลากเอาความคิดภายในใจที่เก็บไว้ในซอกมุมออกมา หมอบอกว่าอย่างมากก็สองสัปดาห์ อีกฝ่ายก็จะหายดี และยังบอกอีกว่าเนื่องจากเป็นภาวะที่สมองได้รับการกระทบกระเทือนเล็กน้อยมากๆ การกลับมาหายดีก็จะยิ่งเร็วเท่านั้น เขาหวังแล้วหวังอีกในทุกๆ เช้าขณะที่ปลุกอินซอบว่าอีกฝ่ายจะจำตนได้ แต่แล้วความคิดแบบนั้นก็โผล่มาในหัว คงไม่ใช่ว่าอินซอบไม่อยากให้ความทรงจำกลับมาหรอกนะ

“อยากกลับอเมริกาไปเฉยๆ โดยที่ความทรงจำไม่กลับมาเหรอครับ”

“…”

อินซอบไม่ตอบอะไร อีอูยอนพ่นลมหายใจออกมาสั้นๆ และเสยผมขึ้น ภายในหัวอัดแน่นไปด้วยความโกรธและความหงุดหงิดก็พุ่งขึ้นมา

อีอูยอนปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะโน้มตัวไปทางอินซอบ เขาจับไหล่ของอินซอบไว้และกำลังจะจูบปาก อินซอบตกใจและผลักอีอูยอนออก

“มะ ไม่ได้”

ตาของอีอูยอนเป็นวาววับในความมืด จากนั้นเขาก็จูบราวกับจะเคี้ยวริมฝีปากของอินซอบกิน แม้อินซอบจะดิ้นและพยายามดันอีอูยอนออก แต่ก็เปล่าประโยชน์ อีอูยอนจับคางของอินซอบไว้และบังคับให้อ้าปาก ริมฝีปากที่ไม่ได้ลิ้มรสอย่างเต็มที่มานานหวานจนแทบบ้า

แม่ง แค่จูบก็เหมือนจะแตกแล้ว

อีอูยอนปล่อยเสียงครางต่ำๆ ออกมาและกอดอินซอบไว้ ตอนนั้นเอง

“…!”

อีอูยอนถอนตัวออกมา มือของเขาแตะริมฝีปาก เลือดไหลออกมาจากริมฝีปากล่างที่ถูกกัด อีอูยอนเลียริมฝีปากล่างอย่างช้าๆ และหัวเราะเสียงทุ้มต่ำ

“…ยะ อย่าทำนะ”

“ทำไมล่ะ”

อีอูยอนเอ่ยถาม เขาใช้ริมฝีปากที่มีเลือดออกจูบแก้มอินซอบและถามซ้ำ ทุกครั้งที่ริมฝีปากแตะโดน อินซอบจะทำอะไรไม่ถูกและตัวสั่น ความโกรธที่รุนแรงถาโถมเข้ามา

“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ”

“…ก็นายเป็นน้อง”

อีอูยอนหัวเราะดังเหอะสั้นๆ

“แต่คุณไม่ได้มองผมเป็นน้องนี่”

“…”

อินซอบเบิกตาโพลงราวกับคนที่ถูกตีหลังหัว และเงยหน้ามองอีอูยอน

“น้องเหรอ แม่งเอ๊ย อย่าพูดอะไรเหี้ยๆ เลยครับ ถ้าคุณคิดว่าผมเป็นน้อง…”

อีอูยอนผ่อนลมหายใจช้าๆ ราวกับเคี้ยวความโกรธที่พุ่งขึ้นมาลงไป

เขารู้ว่าครอบครัวมีความหมายอย่างไรสำหรับชเวอินซอบ คนที่ยอมรับอินซอบที่ถูกทิ้งเพราะความผิดปกติของหัวใจไว้ก็คือครอบครัวของเขา และเป็นส่วนที่อ่อนแอและสำคัญที่สุดที่สร้างคนที่ชื่อชเวอินซอบขึ้นมา

เหตุผลที่เขาหลอกอินซอบที่สูญเสียความทรงจำว่าเป็นน้องไม่ใช่คนรักก็เหมือนกัน ความรักไม่สามารถครอบครองบทบาทที่สำคัญสำหรับเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดที่ไม่เคยมีรักครั้งแรกได้อยู่แล้ว คนที่คอยประคับประคองโลกที่แคบและอ่อนแอของอีกฝ่ายในตอนนั้นก็มีแค่ครอบครัว เขาจึงอยากจะแทรกตัวเข้าไปในช่องว่างนั้น

แต่ในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าอินซอบไม่ยอมรับตนเป็นน้อง แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น และถ้าเขาบอกแบบนั้น ชเวอินซอบที่ใจดีและใจอ่อนก็จะไม่มีวันทิ้งเขาไปอเมริกา

“…คุณแม่งไม่เคยคิดว่าผมเป็นน้องเลย”

ตอนแรกเขาคิดที่จะปรับเปลี่ยนให้เข้ากันอย่างพอประมาณและซื้อเวลาไว้ เขาหวังว่าในระหว่างนั้นความทรงจำของอินซอบจะกลับมา แต่พอได้รู้ว่าอินซอบไม่ได้วางตัวเองไว้ในนั้น ความโกรธก็พุ่งขึ้นมา เขารู้สึกเหมือนต่อให้จะใช้เวลาทั้งชีวิต เขาก็ไม่สามารถเข้าไปในนั้นได้

“…ทำไม่ได้…”

“อะไรนะ?”

“…ฉัน…ทำผิด ฉัน…ไม่ควรทำแบบนั้นกับนาย…”

ไหล่ของอินซอบขยับขึ้นลงและเริ่มร้องไห้หนักจนเทียบไม่ได้กับก่อนหน้านี้

“…ขอโทษนะ ที่ฉันมองนายด้วยสายตาแบบนั้น… …ขอโทษนะครับ”

อินซอบขอโทษด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา เขาแทบบ้า อีกฝ่ายทั้งน่าสงสารและน่ารักจนเขาอยากดึงเข้ามากอดและจูบ เขาอยากบอกว่าได้โปรดอย่าร้องไห้ และขอให้อีกฝ่ายนอนคว่ำหน้ากับพื้น

“…ทั้งๆ ที่ไม่ควรทำแบบนั้น แต่ฉันก็เป็นฝ่ายเริ่มก่อน…”

อินซอบพูดถึงเท่านั้นและใช้มือปิดหน้าของตัวเองไว้ราวกับคนที่ไม่สามารถเอาชนะความละอายใจได้ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาตามซอกนิ้ว

แม้แต่ในเวลาแบบนี้ อินซอบก็ยังตามหาและขอร้องในความผิดที่ไม่มีอยู่จริงของตัวเอง บางครั้งเขาก็เวทนาความเลวทรามของตัวเองที่คิดจะพึ่งพิงความดีนั้นจนหายใจไม่ออก

อินซอบขอโทษด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อยจากการร้องไห้อยู่หลายครั้งว่าขอโทษนะ อีอูยอนลูบหน้าพลางถอนหายใจ

“ความทรงจำกลับมาแล้วเหรอครับ”

อินซอบส่ายหน้า

“…แล้วรู้ได้ยังไงครับ”

อินซอบใช้มือที่สั่นเทาหยิบรูปใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าและยื่นให้แทนคำตอบ คนสองคนในรูปถ่ายที่ยับยู่ยี่กำลังยิ้ม พวกเขากอดและจูบกัน นี่เป็นความสัมพันธ์ที่มองเป็นคนรักได้แค่อย่างเดียวในสายตาของคนอื่น

“ฉันไม่ควรทำแบบนั้น…ฉันคงต้องไปนรก ขอโทษนะ ที่ฉันมาหานายโดยไม่จำเป็น…ขอโทษ”

อินซอบขอโทษและไม่สามารถหายใจได้อย่างปกติ เพราะการร้องไห้ที่พุ่งขึ้นมา

เขาคือคนที่มาหาอีอูยอนที่อยู่ที่เกาหลีก่อน และคนที่เริ่มความสัมพันธ์ที่ผิดนี้ต้องเป็นตัวเขาเองอย่างแน่นอน

อินซอบคิดว่าต้องทำให้ความทรงจำกลับมาให้ได้ เพราะหากมีอะไรที่ทำผิดไป เขาต้องขอโทษและทำให้ถูกต้อง เขานั่งอยู่ในสถานที่แห่งเดียวที่อยู่ในความทรงจำและสวดมนต์ให้ความทรงจำกลับมา แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไร เขาก็นึกเกี่ยวกับคนที่เห็นในฝันไม่ออก เขานึกออกแค่ความจริงที่ว่าถ้าอยู่ด้วยกัน เขาจะรู้สึกรัก ใจเต้น และมีความสุข และบางครั้งภายในลำคอก็ร้อนผ่านจากความรู้สึกที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดที่พุ่งขึ้นมา

แล้วนั่นก็เป็นความรู้สึกเดียวกับที่เขารู้สึกทุกครั้งที่เห็นอีอูยอน อินซอบคิดว่าตัวเองแทรกเข้าไปในรอยโหว่ที่อ่อนแอนั้น และทำตัวขี้ขลาด เห็นได้ชัดอยู่แล้ว เพราะต่อให้เสียความทรงจำไป แต่เขาก็ยังรู้สึกแบบนี้อีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่าย

พอคิดแบบนั้น เขาก็กลัวการที่ความทรงจำจะกลับมา เขากลัวว่าตัวเองจะทำให้ชีวิตของอีอูยอนพังไม่เป็นท่าอีกครั้ง…เขากลัว

‘เชื่อผมไหมครับ’

เขานึกถึงเสียงที่เอ่ยถามแบบนั้น แม้จะไม่ควรเป็นแบบนั้น แต่เขาก็คิดถึงอีอูยอน แล้วตอนนั้นอีกฝ่ายก็เปิดประตูและปรากฏตัวขึ้นราวกับโกหก วินาทีที่เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเหงื่อ เขาก็คิดว่า

…ตัวเองสมควรที่จะไปนรกแล้ว

“…ขอโทษนะครับ ผมทำผิดเอง”

อีอูยอนจ้องมองอินซอบที่ร้องขอการยกโทษให้ด้วยสีหน้าที่ว้าวุ่นก่อนจะเอ่ยปาก

“ไม่มีเรื่องให้ต้องขอโทษเลยครับ เพราะคนที่ผูกมัดคุณอินซอบไว้ด้วยคำว่าชอบคือผมเอง”

“…อะไรนะ”

ดวงตากลมโตของอินซอบที่มีน้ำตาคลอเบิกโพลง

“ถูกแล้วครับที่คุณอินซอบชอบผมก่อน แต่ผมเป็นคนขอคบก่อนครับ ผมบอกว่าถ้าคุณไม่อยู่กับผม ผมจะตาย ผมร้องไห้พร้อมกับอ้อนวอนคุณ ผมบอกว่าอย่าไป แล้วผมก็รั้งคุณไว้และข่มขืนคุณ ผมขอให้คุณอยู่กับผมจนกว่าจะตาย เพราะผมมีแค่คุณเท่านั้น…แม่ง”

อีอูยอนกดความรู้สึกที่พุ่งขึ้นมาไว้และเสยผมที่ยุ่งเหยิงขึ้น อินซอบกะพริบตาและส่ายหน้าราวกับไม่เชื่อคำพูดของอีอูยอน

“โกหก…”

“ไม่ได้โกหกครับ ถ้าคุณรู้ว่าที่ผ่านมาผมทำตัวเหี้ยแค่ไหนเพื่อที่จะได้คบกับคุณ…นี่เป็นเรื่องจริงครับ”

อินซอบทำสีหน้าที่บอกว่าเขาไม่เชื่อเด็ดขาด ผู้ชายที่แต่งตัวดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้ากำลังมองตน

อินซอบส่ายหน้า เขาไม่เชื่อคำพูดที่ผู้ชายแบบนั้นบอกว่าร้องไห้และอ้อนวอนตน

“นายโกหก นายหลอกฉันทั้งหมด…”

อีอูยอนคว้าข้อมือของอินซอบไว้

“แล้วผมควรจะทำยังไงเหรอครับ”

“…”

“ผมควรบอกว่าเรามีความสัมพันธ์ที่คุณกับผมมีอะไรกันตั้งแต่แรกดีไหมครับ ถ้าผมพูดออกไปตรงๆ แบบนั้นคุณจะเชื่อผมไหมครับ”

พออินซอบไม่กล้าพยักหน้า อีอูยอนก็ยิ้มอย่างขมขื่น

“ขอโทษนะครับที่หลอกคุณ ผมกลัวว่าคุณจะกลัวผมและกลับอเมริกาไปก็เลยทำแบบนั้นครับ ผมคิดว่าเดี๋ยวความทรงจำของคุณก็กลับมาแล้ว หมอเองก็บอกแบบนั้น และถ้าดูในหนัง มันก็เป็นแบบนั้นนี่ครับ ถ้านอนและตื่นมา ความทรงจำก็จะกลับมาราวกับไม่เคยเกิดขึ้น…”

อีอูยอนดึงมือของอินซอบไปแนบที่แก้มของตัวเอง

“…ไม่ต้องเชื่อผม แล้วก็ไม่ต้องคิดว่าผมเป็นน้อง… …แค่ขอให้ความทรงจำกลับมาได้ไหมครับ”

นี่เป็นความดันทุรังที่เหมือนกับเป็นเด็ก ผู้ชายที่ดูถือตัวโดยไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดเลยเปิดเผยความอ่อนแอของตัวเองออกมาอย่างง่ายดายจนไม่น่าเชื่อ อีอูยอนถูไถใบหน้าของตัวเองกับมือของอินซอบ อินซอบไม่กล้าดึงมือออก เขาไม่กล้าขยับ เพราะอีอูยอนที่จับข้อมือของตัวเองไว้ดูน่าสงสารมากๆ

“คุณอินซอบ …คุณอินซอบ”

เขาไม่ได้น้ำตาไหล แต่ดูเหมือนร้องไห้ มือที่ถูกอีกฝ่ายจับไว้ร้อนผ่าว

“…ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ…ได้โปรด”

‘ผมบอกว่าถ้าคุณไม่อยู่กับผม ผมจะตาย ผมร้องไห้พร้อมกับอ้อนวอนคุณ ผมบอกว่าอย่าไป แล้วผมก็รั้งคุณไว้และข่มขืนคุณ ผมขอให้คุณอยู่กับผมจนกว่าจะตาย เพราะผมมีแค่คุณเท่านั้น’

เรื่องต่างๆ ที่ไม่มีอยู่ในความทรงจำซัดสาดเข้ามาในหัวใจและผ่านไป อินซอบมองมือของชายหนุ่มที่จับตัวเองไว้ ปลายนิ้วของอีกฝ่ายกำลังสั่นน้อยๆ เหมือนวันนั้นที่เช็กว่าตัวเขาที่ถูกดึงขึ้นมาจากทะเลสาบปลอดภัยดี

“ขอร้องล่ะครับคุณอินซอบ ช่วยจำผมให้ได้สักนิดเถอะครับ แค่สักนิดก็พอครับ”

เขาสบตาราวกับอ้อนวอน อินซอบอยากร้องไห้ น้ำตาที่แห้งไปแล้วพุ่งขึ้นมาจนถึงลำคออีกครั้ง อีอูยอนค่อยๆ ยื่นมือออกมาเช็ดบริเวณตาของอินซอบ น้ำตาเขาไหลอยู่ตลอดเวลา อีอูยอนค่อยๆ เช็ดน้ำตาให้อย่างตั้งใจ ความร้อนที่กระจายตัวอยู่บริเวณดวงตาไหลอาบแก้มและโดนริมฝีปาก

“…อย่าร้องไห้ครับ”

อีอูยอนทำหน้าเหมือนตัวเองจะร้องไห้และพูด

“ถ้าคุณร้องแบบนั้น ผมเหมือนจะเป็นบ้าจริงๆ”

หลังคำพูดที่พูดออกมาราวกับลมหายใจ ริมฝีปากก็ใกล้เข้ามา พออินซอบจะเบือนหน้าหนี อีอูยอนก็กระซิบในระยะที่เหมือนริมฝีปากจะแตะกัน แค่สักนิดก็พอครับ แค่สักนิด

เขาไม่มีแม้แต่เวลาที่จะติดว่าไม่ได้ ผู้ชายที่ทำตัวไม่ถูกเหมือนเด็กที่โดนทิ้งและอ้อนวอนตัวเองอยู่น่าสงสารมาก อินซอบมองอีกฝ่าย พวกเขาสบตากัน และในขณะเดียวกันริมฝีปากก็ทาบทับลงมา ลิ้นถูกสอดเข้ามาผ่านริมฝีปากที่เปิดอ้า เขาหายใจมาออก ริมฝีปากของเขาแตะกันพร้อมกับเรียวลิ้นที่บดเบียดไปมา ลมหายใจของพวกเขาปะปนกันยุ่งเหยิง และน้ำลายก็ไหลออกมา สติของเขาเลือนรางเพราะขาดอากาศหายใจ ตอนที่ตั้งสติได้ อินซอบก็ได้รู้ว่าตัวเองกำลังเกาะแขนอีอูยอนอยู่

อีอูยอนที่ถอนริมฝีปากออกไปก้มมองตนในสภาพที่จมูกแตะกัน เขาไม่พูดอะไรเลย มีเพียงเสียงลมหายใจเท่านั้นที่ได้ยิน

ได้ยังไง

แล้วตอนนั้นอินซอบที่เงยหน้ามองอีอูยอนอย่างมึนงงก็ได้รู้ ว่าอีกฝ่ายกำลังรออยู่ รอคำอนุญาตที่จะได้ทำต่อ

ทำยังไงดี ทำยังไงดี ต้องทำยังไง…

“คุณอินซอบ…”

อีกฝ่ายเรียกชื่อเขาด้วยเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน แค่เท่านั้น แต่เขาก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายต้องการตัวเองขนาดไหน ดวงตาสีดำของชายหนุ่มเป็นประกายด้วยความต้องการและแรงอารมณ์

สายตารุนแรงที่ปลุกอารมณ์ทางเพศกำลังไล่มองใบหน้าตน ปลายจมูกของอีกฝ่ายแตะเบาๆ ก่อนจะผละออก การกระทำที่เหมือนกับการขอความรักของสัตว์ทำให้เซลล์ทุกส่วนในร่างกายของอินซอบทำงานได้ไม่ครบถ้วนราวกับถูกบดขยี้ด้วยความร้อน

อินซอบหลับตาลงอย่างช้าๆ

TW : เนื้อหาในตอนถัดไป ตั้งแต่ Side Story < Love Historiette > 2-6 ถึง 2-8 จะมีการกล่าวถึงจินตนาการ incest นะคะ (เป็นการพูด Dirty Talk ของอีอูยอนที่สมมติเหตุการณ์ว่าตัวเองเป็นน้องชายของอินซอบ)

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท