“ผมกลับมาแล้วครับ”
อีอูยอนเดินผ่านประตูหน้าบ้านเข้ามาพร้อมกับเรียกอีกฝ่ายอีกครั้งว่า “คุณอินซอบ” เขาได้ยินแค่เสียงดนตรีเบาๆ ในห้องนั่งเล่นเท่านั้น
พอเขาถอดรองเท้าและเดินเข้าไปข้างใน อินซอบที่นอนหลับอยู่บนโซฟาก็เข้ามาในครรลองสายตา อีอูยอนเดินเข้าไปข้างตัวของอีกฝ่ายเงียบๆ แมวที่นอนอยู่บนหน้าอกของอินซอบเงยหน้าขึ้นมา แม้จะเกลียดที่แมวเกาะติดอินซอบ แต่ช่วงนี้เขาก็หลับหูหลับตาไปประมาณหนึ่ง เพราะคิดว่าเป็นการดีกว่าที่ให้อินซอบมีอะไรสักอย่างที่รู้สึกถึงความรับผิดชอบและต้องดูแลที่นี่
อินซอบพลิกตัวในขณะที่นอนหลับและกอดแมวไว้ อีอูยอนหิ้วแมวขึ้นมาทันทีและปล่อยมันลงจากโซฟา แมวลังเลก่อนจะรีบซ่อนตัว
อีอูยอนนั่งคุกเข่าลงด้านล่างโซฟาและมองอินซอบที่นอนหลับ
แม้ปกติจะหน้าเด็กอยู่แล้ว แต่เขาก็รู้สึกเหมือนอีกฝ่ายเป็นเด็กหนุ่มในวัยเลขสิบจริงๆ หลังจากที่สูญเสียความทรงจำ อีอูยอนลูบปลายนิ้วของอินซอบอย่างระมัดระวัง
ก่อนหน้านี้ไม่นานพวกเขาไปอเมริกาด้วยกัน เขาทำเพื่ออินซอบที่อยากเจอพ่อแม่ ส่วนตัวเขาเองตัดสินใจพักอยู่ที่บ้านพักตากอากาศที่อยู่ใกล้ๆ
เย็นวันนั้นการติดต่อจากอินซอบก็ถูกตัดขาดไป ขณะรอการติดต่อของอินซอบ เขาก็ได้รู้ว่าตัวเองคิดผิดขนาดไหน ความรู้สึกของอินซอบไม่เหมือนกับเมื่อก่อน แต่เขาก็ยังยอมส่งอินซอบที่เป็นแบบนั้นเข้าบ้านด้วยมือของตัวเองอย่างนั้นเหรอ นี่ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเลย ไม่มีทางที่อินซอบจะยอมทิ้งครอบครัวที่ใจดีและอ่อนโยนของตัวเอง และเลือกตัวเขาที่จิตใจสกปรก ดีไม่ดีพ่อแม่ของอีกฝ่ายที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดนี่อาจจะแจ้งตำรวจก็ได้
พอนอนไม่หลับเลยสักนิดและอยู่โต้รุ่งมาเป็นวันที่สาม อีอูยอนก็หยิบกุญแจรถขึ้นมา เขาตัดสินใจว่าไหนๆ ชีวิตก็เหี้ยอยู่แล้ว ไปเจอชเวอินซอบสักครั้งเถอะ
วินาทีที่เปิดประตูหน้าบ้าน เขาก็สบตากับอินซอบ
‘ผมติดต่อคุณไม่ได้…’
อินซอบอ้ำอึ้งและพูดต่อ
‘ผมส่งข้อความมาหาตลอดเลย แต่คุณก็ไม่อ่านครับ ผมเลยกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าน่ะครับ’
‘…’
อีอูยอนมองอินซอบโดยไม่พูดอะไร
‘…ไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหนใช่ไหมครับ’
อีอูยอนกอดอินซอบทั้งๆ แบบนั้น วันนั้นเขากอดอินซอบทั้งคืนอย่างไม่มีสติ เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าพูดอะไรไปบ้าง และหลับไปราวกับหมดสติ
เขามารู้ทีหลังว่าโทรศัพท์ของเขาเสียด้วยปัญหาอะไรบางอย่าง อีอูยอนเปลี่ยนโทรศัพท์ทันที และเลื่อนการกลับประเทศเข้ามาเร็วกว่ากำหนดสามวัน อินซอบเป็นฝ่ายเสนอให้ทำแบบนั้นก่อน
‘ไม่เป็นไรครับ เพราะพ่อแม่บอกว่าสุดสัปดาห์นี้จะไปเที่ยว’
อินซอบพูดแบบนั้นพลางยิ้มร่าให้ จากนั้นก็พูดเสริม
‘ผมไม่ได้บอกหรอกครับ ว่าเกิดอุบัติเหตุ’
‘ทำไมล่ะครับ’
‘…เพราะพวกท่านคงเป็นกังวลน่ะครับ’
จากนั้นก็พูดต่ออย่างตะกุกตะกัก
‘ไม่ใช่ว่าผมไม่กลัวคุณอูยอนเป็นกังวลนะครับ ผมแค่กลัวว่าถ้าพ่อแม่เป็นห่วง ท่านจะไม่ให้ผมกลับไปที่เกาหลี…’
อินซอบพูดว่า ‘ขอโทษครับ’ และขอโทษอีอูยอน อีอูยอนจูบกระหม่อมของอินซอบโดยไม่พูดอะไร
หลังจากกลับมาที่เกาหลีก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่อะไร อีอูยอนเริ่มทำงานอีกครั้ง ส่วนอินซอบก็ไปโรงพยาบาลและรับการตรวจตามระยะเวลาที่กำหนด และใช้เวลาที่เหลือด้วยกันเสมอ
เสียงเพลงเบาๆ ดังอยู่ในห้องนั่งเล่น มันคือเพลงที่ถูกแทรกอยู่ในช่วงต้นของภาพยนตร์ที่เคยดูด้วยกันเมื่อก่อน และมีเนื้อเพลงที่ดาษดื่นในการยกย่องความรักว่าถ้าคุณต้องการ ผมก็จะเก็บดาวบนฟ้ามาให้
เขารู้สึกเหมือนช่วงเวลานั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมากแล้ว
อีอูยอนมองอินซอบนิ่งๆ อยู่สักพัก ชเวอินซอบที่เป็นเด็ก ไม่สิ ปีเตอร์ดื้อและขี้อ้อนมากกว่าที่ตัวเองรู้นิดหน่อย ถ้าเสียใจก็จะคลุมโปงและนอนนิ่งๆ ไม่ยอมขยับอยู่ครึ่งวัน แล้วก็แอบทิ้งอาหารที่ไม่ชอบกินด้วย บางครั้งก็แกล้งทำเป็นดื้อแล้วก็ร้องไห้
แม้กระทั่งส่วนที่ไม่เคยรู้มาก่อนก็น่ารักมาก…
อีอูยอนลูบแก้มของอินซอบที่นอนหลับเบาๆ อินซอบลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ พอสบตากัน อินซอบก็ยิ้มให้นิดๆ
“ขอโทษ ผมทำให้ตื่นเหรอครับ”
พออีอูยอนเอ่ยถาม อินซอบก็ซบแก้มกับมือของเขาและหลับตาลง
“ถ้าง่วงก็นอนต่อเถอะครับ”
“…ไม่ครับ”
น้ำเสียงที่ยังคงเต็มไปด้วยความงัวเงียน่ารักจนอีอูยอนลูบแก้มของอินซอบเบาๆ
“ถ่ายงานเสร็จแล้วเหรอครับ”
“อื้อ”
“งั้นก็อาบน้ำสิครับ”
“นั่นสินะ”
อีอูยอนลุกขึ้น อินซอบเรียกรั้งอีอูยอนจากทางด้วยหลังว่า “เดี๋ยวครับ” และพูดต่อ
“ผมบอกแอรอนแล้วครับ ผมบอกว่าคงจะไม่ได้ เพราะสัปดาห์หน้ามีนัดแล้ว”
“…”
อีอูยอนยืนเหม่อ ไม่สามารถขยับได้
“…โกรธเหรอครับ”
อินซอบเอ่ยถาม คราวนี้เขาไม่ลังเลที่จะ…
“ขอโทษครับที่ผมนัดตามใจชอบ คราวหน้าผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้วครับ เพราะฉะนั้น…”
อินซอบลุกขึ้นมายืนตรงหน้าอีอูยอน จากนั้นก็จูบแก้มเขาเบาๆ และกระซิบว่า “หายโกรธนะครับ”
อีอูยอนใช้มือข้างหนึ่งกุมใบหน้าของเขาไว้และก้มหน้า ยังไงก็ได้ ผมคิดว่าถ้ามีคุณอยู่ ทุกอย่างจะต้องไม่เป็นไร
อีอูยอนกอดอินซอบและจูบอย่างยาวนานในครั้งนี้ เขากัดลิ้นที่เกี่ยวกระหวัดอย่างนุ่มนวลเบาๆ ก่อนจะดูดดุนพร้อมกับช่วงชิงลมหายใจ จูบที่เริ่มขึ้นอย่างกะทันหันจบลงอย่างกะทันหัน อีอูยอนหัวเราะเบาๆ และทักทายในระยะที่เหมือนริมฝีปากจะชนกันว่า
“กลับมาแล้วครับ”
“…”
หัวหน้าทีมชาที่ขมวดคิ้วถือช้อนไว้และจ้องอีอูยอน อีอูยอนดื่มน้ำไปอึกหนึ่งและถามว่า “ทำไมเหรอครับ”
“…ตอนนี้ฉันได้ยินอะไรอยู่”
“จะได้ยินอะไรล่ะครับ ก็ได้ยินคำตอบที่ถามไปน่ะสิ”
“ไม่ใช่ ฉัน…!”
หัวหน้าทีมชาตะโกนก่อนจะมองไปรอบๆ และรีบปิดปาก
มันเป็นวันที่มีการถ่ายทำละครครั้งแรก และเป็นการถ่ายทำที่ต่างจังหวัดด้วย จึงเป็นวันที่ทั้งผู้กำกับ นักแสดง และทุกคนเป็นกังวล และในวันแบบนั้น อีอูยอนก็บอกกับหัวหน้าทีมชาว่าจะพาอินซอบไปที่กองถ่าย
อีกฝ่ายไม่ค่อยพาอินซอบมาที่กองถ่ายหลังจากที่กลับมาจากอเมริกา แม้จะคิดว่าถูกลมอะไรพัดมาถึงได้ทำพฤติกรรมบ้าระห่ำแบบนั้น แต่หัวหน้าทีมชาก็ตอบไปว่าทำตามใจเถอะ เพราะเขาคิดว่าต่อให้พูดยาวๆ กับอีอูยอนไปก็เหนื่อยเปล่า เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง แต่พอคุยกับอินซอบในระหว่างทางที่มาก็ได้รู้ว่าวันนี้เป็นวันที่จะไป MT[1] ที่มหาวิทยาลัย
…เฮ้อ อย่างที่คิดไว้เลย ไอ้ขยะเอ๊ย
หัวหน้าทีมชาหมุนพวงมาลัยพลางกลั้นคำด่าที่มีต่ออีอูยอนไว้อย่างยากลำบาก ในระหว่างที่แวะกินข้าวที่จุดพักรถก็มีโทรศัพท์เข้ามาหาอินซอบ เป็นน้องชายที่เรียนอยู่ที่ฮ่องกงนั่นเอง อินซอบกระสับกระส่ายและขออนุญาตอย่างยากลำบากก่อนจะลุกออกไป พออินซอบหายไป ใบหน้าของอีอูยอนที่ยิ้มและโบกมือให้ก็นิ่งอย่างน่ากลัวในชั่วพริบตา
‘แม่ง น่ารำคาญชะมัด’
วินาทีที่ได้ยินคำพูดคนเดียวของอีอูยอน หัวหน้าทีมชาก็คร่ำครวญออกมาโดยอัตโนมัติ ไอ้บ้าที่ดูดีแค่หน้านี่โลภมาแค่ไหนกันแน่ ถึงได้พูดขนาดนั้นกับการคุยโทรศัพท์กับครอบครัวแค่นิดหน่อย
หน้าจอโทรทัศน์ที่ตั้งอยู่ด้านหลังของอีอูยอนโผล่เข้ามาในครรลองสายตาของหัวหน้าทีมชาที่บ่นพึมพำ ในโทรทัศน์กำลังฉายละครที่ถูกบันทึกไว้ว่าเรตติ้งที่สูงอย่างต่อเนื่อง แม้จะถูกผู้ชมด่าว่าเป็นละครน้ำเน่าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาละครน้ำเน่าก็ตาม ว่ากันว่าตอนนี้เป็นประเด็นร้อนในกระทู้ข้อความของผู้ชมเลยทีเดียว เพราะความลับเรื่องชาติกำเนิดได้ถูกเปิดเผยว่าแม่สามีที่รังแกตัวเอกคือพ่อแท้ๆ ของตัวเองที่ผ่าตัดแปลงเพศ พอตัวเอกตัดสินใจแก้แค้นและขึ้นมาบนรถก็เกิดอุบัติเหตุจนความจำเสื่อม หัวหน้าทีมชามองหน้าจอและเปิดปากพูดอย่างกะทันหัน
‘ถ้าอินซอบเป็นแบบนั้นจะทำยังไง’
‘หมายถึงอะไรครับ’
‘ถ้าเขาลืมนายไปเลยเพราะความจำเสื่อม’
ชายหนุ่มแฝงจิตใจที่ชั่วร้ายลงไปนิดหน่อย
เพราะเขาสงสารอินซอบที่ไม่สามารถไป MT ธรรมดาๆ ได้ในขณะที่เรียนมหาวิทยาลัย และแม้กระทั่งการคุยโทรศัพท์กับครอบครัวก็ไม่สามารถทำได้ตามอำเภอใจ เขาโคตรจะเกลียดไอ้อีอูยอนคนเฮงซวยที่สุดในโลกนั่นจริงๆ
‘ผมจะทำยังไงน่ะเหรอครับ’
อีอูยอนวางช้อนลงและใช้ผ้าเช็ดปากที่พับอย่างเรียบร้อยเช็ดปาก จากนั้น…
“นี่ ไอ้บ้า ไอ้เวร ไอ้อันธพาล…ที่ฉันได้ยินตอนนี้…ฉัน…ถ้าอย่างน้อยนาย…มีจิตสำนึก…ในฐานะมนุษย์…”
หัวหน้าทีมชาตัวสั่น เขาด่าออกมาดีๆ ไม่ได้ด้วยซ้ำ
‘ผมจะพาอินซอบที่ความจำเสื่อมไปที่ที่ไม่มีใคร และหลอกว่าตัวเองเป็นน้องชายแท้ๆ จากนั้น…’ คำพูดต่อมานั้นเป็นเนื้อหาที่หยาบคายและไม่ถูกต้องจนผู้ร้ายยังจินตนาการได้ยาก ถึงขนาดที่ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะเอาน้ำเย็นๆ ล้างหูสักสิบรอบ
“คุณถาม ผมก็ตอบ แล้วอยากให้ผมทำยังไงเหรอครับ”
อีอูยอนยิ้มอย่างหน้าด้านพลางโต้กลับ
“ไม่ว่ายังไง…นายจะทำแบบนั้น…กับคุณอินซอบได้ยังไง…”
“แล้วใครบอกว่าทำล่ะครับ ผมจินตนาการไม่ได้เหรอ”
“แล้วทำไมต้องจินตนาการแบบนั้นด้วยล่ะ มันมีอย่างอื่นให้จินตนาการนะ”
เขารู้สึกอยากตายจริงๆ กับส่วนที่บอกว่า ‘ผมจินตนาการถึงชเวอินซอบที่ยังเป็นเด็ก และติดอยู่ในความทรงจำในวัยสิบเจ็บปีทุกคืน…’
ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ฉันทำอะไรผิดเหรอถึงต้องมาฟังเรื่องแบบนี้ทั้งๆ ที่ยังลืมตา และมีสติครบถ้วน บอกมาสิว่าฉันทำอะไรผิด!
“แล้วจะถามอย่างนั้นทำไมล่ะครับ แม่ง แค่คิดก็อารมณ์เสียแล้ว”
“…อารมณ์เสียแน่เหรอ ไม่ใช่ว่านายวางแผนไว้หมดแล้วหรือไง”
จุดประสงค์ที่ซื้อบ้านพักตากอากาศที่คังวอนโดจากกรรมการผู้จัดการคิมน่าสงสัยมาก หัวหน้าทีมชาตั้งใจว่าถ้าสองคนนี้ไปที่บ้านพักตากอากาศและติดต่อไม่ได้ เขาจะแจ้งตำรวจอย่างแน่นอน
“จะวางแผนไว้หรืออะไรก็ช่าง มันไม่มีเรื่องที่ชเวอินซอบจะความจำเสื่อมหรอกครับ แค่ผมทำตัวเป็นไอ้สารเลวก็พอแล้ว”
“โล่งอกไปทีนะที่นายรู้ดีว่าทำตัวเป็นไอ้สารเลว”
อีอูยอนไม่ตอบอะไรและดื่มน้ำพลางแสยะยิ้ม และสายตายังคงจับจ้องไปที่อินซอบที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้านนอก
…ทำตัวเป็นไอ้สารเลวจริงๆ ด้วย ให้ตายสิ
หัวหน้าทีมชาดื่มน้ำเย็นเข้าไป เพราะความโกรธเคืองที่พุ่งขึ้นมาในใจ อีอูยอนลุกออกไปสักพัก ผ่านไปไม่นานหัวหน้าทีมชาก็เห็นว่าเขารับข้าวใส่ซุปถ้วยใหม่มาและทำตาโต
“อะไรกัน จะกินอีกถ้วยเหรอ”
นี่นับว่าเป็นการกินอาหารที่มากเกินไปเมื่อเทียบกับอีอูยอนที่ควบคุมอาหารอย่างเด็ดขาดในระหว่างถ่ายทำ
“เปล่าครับ ของคุณอินซอบน่ะ”
อีอูยอนยื่นถาดหลุมใส่อาหารที่อินซอบกินไว้ให้พนักงานที่เดินผ่านและรบกวนให้เก็บให้อย่างสุภาพ
“ไม่สิ เขาเพิ่งกินอันนั้นไปได้ไม่กี่คำเอง ทำไมล่ะ?”
“มันเย็นหมดแล้วครับ ใครจะกินข้าวที่เย็นจนอืดล่ะครับ”
“…”
“ทำอะไรอยู่ครับ ถึงไม่ยอมกิน”
อีอูยอนเหลือบมองข้าวใส่ซุปที่เย็นจนอืดของหัวหน้าทีมชาพลางพูด
…ไอ้เหี้ยเอ๊ย
หัวหน้าทีมชาตักข้าวใส่ซุปเย็นๆ ใส่ปากอย่างต่อเนื่องพลางด่าในใจ ตอนนั้นเองผู้ชายที่มองมาทางนี้จากที่ไกลๆ ก็เดินมาแถวโต๊ะ
“…ขอโทษนะครับ ใช่คุณอีอูยอนหรือเปล่าครับ”
“ครับ สวัสดีครับ”
อีอูยอนตอบกลับอย่างมีมารยาท
“ผมเป็นแฟนคลับของคุณอีอูยอนครับ ผมตั้งใจดูหนังกับละครอย่างดีเลยครับ”
ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงที่สั่นราวกับตื่นเต้น
“ขอบคุณที่ชอบนะครับ”
“ถ้า ถ้าไม่ว่าอะไรช่วยถ่ายรูปกับลูกชายของผมสักรูปได้ไหมครับ”
ชายหนุ่มให้ลูกที่อายุประมาณหกเจ็ดขวบยืนข้างหน้าพลางยื่นโทรศัพท์มือถือให้ พอเขาทำแบบนั้นคนที่ดูอยู่รอบๆ และจ้องโอกาสที่จะแทรกเข้ามาก็เริ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาถือ ในขณะเดียวกันเท้าของอีอูยอนก็แตะหน้าแข้งของหัวหน้าทีมชาจากใต้โต๊ะด้วยแรงทั้งหมดที่มี
“…!”
หัวหน้าทีมชาถลึงตาและจ้องอีอูยอน อีอูยอนยิ้มอย่างงดงามและเอียงคอเล็กน้อย
มัวทำอะไรอยู่ครับ ถึงไม่จัดการไอ้คนพวกนี้
เสียงที่ไม่มีทางได้ยินโผล่มาในหัวและผ่านออกไป หัวหน้าทีมชาลุกขึ้นและขอให้เข้าใจเพราะตอนนี้กำลังกินข้าวอยู่พลางจัดการรอบๆ
[1] MT หมายถึง Membership Training เป็นการรวมตัวกันของรุ่นพี่ รุ่นน้องในมหาวิทยาลัยให้มาทำความรู้จักกัน โดยจะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัย หรือไปเที่ยวข้างนอกก็ได้