ชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมสีขาวนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ภายใต้แสงอาทิตย์ยามรุ่งอรุณ เขาถือหนังสือเอาไว้ในมือจนกระทั่งเห็นมู่หรงอ๋อง เขาลุกขึ้นช้าๆ ดวงตาของเขาเรืองแสงเล็กน้อยในตอนที่กล่าวทักทายอีกฝ่าย “ท่านอ๋อง ไม่ได้เจอกันเสียนาน”
“คุณชาย กรุณานั่งลงเถิดขอรับ!” กิริยาท่าทางของมู่หรงอ๋องอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นชายคนนั้น เขาแทบจะลงไปคุกเข่าคำนับเขาเสียด้วยซ้ำ “ได้โปรดเถิดขอรับคุณชาย ได้โปรดช่วยแนะนำข้าที ต่อไปข้าควรทำเช่นใดดีหรือขอรับ”
รอยยิ้มอันชัดเจนและเรียบง่ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายคนนั้น แต่คำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากของเขากลับเย็นชาจนสามารถเปลี่ยนอากาศให้กลายเป็นน้ำแข็งได้เลยทีเดียว “ข้าได้ยินมาว่าฮ่องเต้ใกล้จะสวรรคตเต็มทีแล้วนี่ ทำไมเจ้าไม่เข้าไปแทนที่เขาเสียล่ะ”
หลังจากพูดจบ ชายคนนั้นก็เดินออกไปท่ามกลางสายฝนที่ตกปรอยๆ อยู่ด้านนอกอย่างมั่นใจ แผ่นหลังของเขาสูงตระหง่านและเหยียดตรง จะกล่าวว่าเขาคือนิยามของคำว่าสมบูรณ์แบบก็คงไม่ผิดนัก
ข้ารับใช้ที่อยู่ในจวนแอบมองเขาจากหางตา แต่เขาก็ไม่ได้ยินในสิ่งที่ท่านอ๋องของตนพูดแม้แต่น้อย
เพียงแต่ว่าในวันนั้น มู่หรงอ๋องกลับใช้เวลาอยู่ในห้องหนังสือของตนอย่างยาวนาน เขานั่งอยู่ในท่าเดิมตลอดระยะเวลาหนึ่งก้านธูป
ทันทีที่ฝนซา ท้องฟ้าก็สว่างเจิดจ้าเป็นอย่างมาก
หลังจากเฮ่อเหลียนเวยเวยกลับมาถึง นางก็ผล็อยหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน นางลืมเรื่องที่ต้องช่วยองค์ชายสามอาบน้ำไปเสียสนิท ความคิดนั้นถูกทิ้งไว้อยู่ ณ มุมหนึ่งอันไกลโพ้นภายในใจของนาง
ทันทีที่นางได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา เฮ่อเหลียนเวยเวยก็คิดว่าคนคนนั้นคือชิงจ้าน
ชิงจ้านต้องอยู่ที่นี่และคอยรับใช้นางในระหว่างที่นางล้างตัว
นางไม่มีอะไรต้องปิดบังเมื่ออยู่กับชิงจ้าน
นางบิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน แล้วหาวออกมาเสียงดัง จากนั้นจึงลุกขึ้นเดินไปที่ฉากกั้น แต่แล้วในตอนนั้นนั่นเองนางก็ได้เห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือใคร
เฮ่อเหลียนเวยเวยตัวแข็งไปทั้งร่างพร้อมกับจ้องไปตรงนั้น…
องค์ชายผู้นี้มาทำอะไรที่ห้องของนางตั้งแต่เช้าตรู่หรือ
ปกติเขาไม่ได้หลับจนถึงบ่ายหรอกหรือ
เมื่อเฮ่อเหลียนเวยเวยกลับมาตั้งสติได้ นางก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าท่อนล่างของนางมีแค่ชั้นในปิดบังเอาไว้เพียงตัวเดียว นางก้มมองตัวเอง แล้วรีบถอยกรูดหลบไปอยู่ด้านหลังของฉากกั้นโดยทันที “ขอ… ขอเวลาเดี๋ยว…” นางพึมพำระหว่างสุ่มคว้ากางเกงนอนขายาวตัวหนึ่งมาสวม
“หืม” ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก้าวยาวๆ สองก้าวเข้ามาข้างใน ดวงตาของเขาลึกล้ำและมืดมิดน่าค้นหา ตาคู่นั้นมีอารมณ์อันไม่อาจอธิบายได้ก่อตัวอยู่ภายใน
หลังจากสวมกางเกงขายาวตัวนั้นเสร็จ เฮ่อเหลียนเวยเวยจึงสังเกตเห็นว่าไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดูจะอารมณ์ไม่ดี และเย็นชากว่าปกติ นางเลิกคิ้วได้รูปของตนใส่เขา “ท่านมาที่นี่แต่เช้า ต้องการอะไรจากข้าหรือ”
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยจ้องนางเขม็ง น้ำเสียงของเขาราบเรียบ “เจ้าลืม”
“อะไรนะ” เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกอยู่เสมอว่าการพูดคุยกับองค์ชายบางพระองค์ทำให้นางเกร็งไปทั้งหนังศีรษะเสียทุกครั้ง เขาหมายถึงเรื่องที่นางลืมล่ามตัวเองเอาไว้หรือ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยยกมือที่บาดเจ็บของตนขึ้นอย่างข่มอารมณ์
ตอนนั้นนั่นเองเฮ่อเหลียนเวยเวยจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่านางดูเหมือนจะลืมสัญญาเมื่อวานที่ว่าจะอาบน้ำให้องค์ชายไป
แต่… มันยังเช้าอยู่เลยมิใช่หรือ
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยสังเกตแววตาในดวงตาของเฮ่อเหลียนเวยเวย น้ำเสียงเย็นชาของเขาคล้ายจะแฝงไปด้วยความเกียจคร้านอันชั่วร้าย “เจ้าลืมสัญญาที่จะช่วยข้าอาบน้ำไปแล้วจริงๆ”
“เมื่อคืนนี้ท่านไม่ได้อาบน้ำหรือ” เฮ่อเหลียนเวยเวยเลิกคิ้วอีกครั้ง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยเตือนนาง “เมื่อคืนเจ้าไม่ได้ทำตามสัญญา”
“เมื่อคืนนี้ข้ายุ่งมาก ข้าจะไปเตรียมน้ำร้อนให้เดี๋ยวนี้”
ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว สีหน้าขององค์ชายบางพระองค์บอกว่าถ้าเจ้าไม่อาบน้ำให้เขา เขาจะสรรหาสารพัดความคิดวิตถารมาลงโทษเจ้านั้นยากเกินกว่าที่เฮ่อเหลียนเวยเวยจะสามารถทนได้
มิหนำซ้ำคนที่ตกลงสัญญากับเขาเอาไว้ก็คือตัวนางเอง
นอกจากนั้นวิธีการพูดขององค์ชายบางพระองค์ก็เหมือนจะสามารถกระตุ้นให้คนฟังรู้สึกผิดได้อีกด้วย
ผลสุดท้ายเฮ่อเหลียนเวยเวยจึงไม่ได้แสดงอาการขัดขืนออกไปมากนัก พร้อมกับหาวอย่างเกียจคร้าน แล้วใช้กระบวยไม้ตักน้ำขึ้นมา ในเวลาเดียวกันนั้นรอยยิ้มเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของนาง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยหยิบหนังสือโบราณออกมาจากชั้นหนังสือของนาง เขายกมือข้างหนึ่งขึ้นเท้าค้างระหว่างนั่งอยู่ข้างหน้าต่าง แล้วพลิกหน้ากระดาษอย่างลวกๆ โดยไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก ในใจของเขาเต็มไปด้วยภาพขาเรียวยาวสีขาวของเฮ่อเหลียนเวยเวย ดูเหมือนว่าภาพนั้นยังไม่พอ เพราะตอนนี้เขากำลังนึกภาพนางสวมชุดสีขาวขนาดใหญ่กว่าตัวเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยสีแดงชุ่มฉ่ำบริเวณต้นคอได้อย่างชัดเจน ด้านหน้าของเสื้อที่นางสวมอยู่ร่นต่ำลงมาเผยให้เห็นช่วงคอเรียวยาวบางส่วนของนาง… เพียงแค่นั้นมันก็ทำให้เขาอยากที่จะ…
แคว่ก
เสียงหนึ่งดังขึ้นเพราะชายหนุ่มเผลอออกแรงมากเกินไป มุมหนึ่งของหนังสือโบราณเล่มนั้นหายไปในทันที
แต่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็ทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาใช้มือรีดเสื้อคลุมของตนจนเรียบกริบพร้อมกับแสงสลัวที่เป็นประกายอยู่ในดวงตาราวกับเขากำลังรอคอยเวลาลงมือที่เหมาะสม
ขณะที่เฮ่อเหลียนเวยเวยกำลังเทน้ำลงในอ่างอาบน้ำที่ทำจากไม้ นางก็รู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผดเผาอยู่ที่ด้านหลังของนาง
ทันทีที่นางหันกลับไป ใบหน้าด้านข้างของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก็โผล่เข้ามาทักทายนาง เขาปลดกระดุมที่คอเสื้อด้วยท่วงท่าสง่างาม แล้วปลดเสื้อคลุมลงไปกองที่เท้า เผยเรือนร่างอันงดงามอย่างถึงที่สุดที่แม้กระทั่งเทพเซียนก็ยังต้องพากันนึกอิจฉาริษยา
เฮ่อเหลียนเวยเวยห้ามตัวเองไม่ให้มอง แล้วหันหลังกลับไปโรยกลีบดอกไม้ลงในอ่างอาบน้ำไม้ พลางคิดว่าคนที่อาบน้ำวันละสามครั้งอย่างเขา ย่อมต้องคาดหวังในคุณภาพมาตรฐานของน้ำอย่างแน่นอน
แต่นางคาดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยก้าวขาออกมาจากหลังฉากกั้น อากาศก็ดูคล้ายกับจะหนาแน่นขึ้นเสียจนเหมือนจะไม่มีใครสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นตรงนั้นได้
เฮ่อเหลียนเวยเวยก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวสีขาวขึ้น นางมองไปข้างๆ แล้วกล่าวว่า “น้ำอุ่นกำลังดี ท่านลงไปได้แล้ว”
ไอร้อนพวยพุ่งขึ้นมาเต็มหน้าของนาง แต่เฮ่อเหลียนเวยเวยก็ยังคงรักษาสีหน้าราบเรียบของตนได้อย่างสม่ำเสมอ ความเยือกเย็นวาดอยู่บนใบหน้านั้น
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยนึกขำภาพที่เห็นนั้น หากเด็กสาวคนอื่นตกอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกนางคงจะหน้าแดง และทำตัวไม่ถูกไปแล้ว
แต่เจ้าตัวเล็กนี่กลับยังมีกลิ่นอายจอมพยศอยู่เช่นเดิม
คนที่ไม่รู้จักนางก็คงคิดไปแล้วว่านางเชี่ยวชาญในการทำเช่นนี้
มุมปากของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกระตุกขึ้นเป็นเส้นโค้งอันงดงามระหว่างที่เขาก้าวลงไปในอ่างอาบน้ำไม้ จากนั้นก็ย่อตัวลงเอนหลังพิงมันอย่างเกียจคร้าน เขาสวมเสื้อคลุมแขนกว้างสีขาวที่เผยให้เห็นแผ่นหลังได้รูปอันเย้ายวน เส้นผมสีปีกกาของเขาทิ้งตัวลงด้านหลังศีรษะ ดวงตาอันลึกล้ำของเขาทอแสงจางๆ ประหนึ่งบ่อน้ำโบราณที่พยายามข่มความงดงามของตนเอาไว้ แต่ภาพนั้นกลับทำให้เขาดูเหมาะกับคำว่าหล่อเหลายิ่งนัก
การอาบน้ำให้ชายหนุ่มรูปงามไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เฮ่อเหลียนเวยเวยรู้สึกขาดทุนสักเท่าไหร่นัก ความจริงแล้วมันออกจะเป็นสิ่งบันเทิงใจของนางเสียอีก นางผิวปากพลางใช้ผ้าขนหนูเช็ดไปทั่วร่างของไป๋หลี่เจียเจวี๋ย
ไม่มีสิ่งใดทำให้นางรู้สึกประหม่าแม้แต่น้อย
เพียงแต่ว่าทุกครั้งที่เฮ่อเหลียนเวยเวยยื่นมือเข้าไปในอ่าง นางจะระมัดระวังเป็นพิเศษไม่ให้เผลอไปสัมผัสเข้ากับส่วนที่นางไม่ควรสัมผัส
ความสนุกสนานในรอยยิ้มของไป๋หลี่เจียเจวี๋ยทับถมกันมากขึ้นทุกนาที และแล้วในไม่ใช้ความสนุกนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทรงเสน่ห์อันชั่วร้าย
“เสร็จแล้ว” เฮ่อเหลียนเวยเวยชักมือกลับ บนใบหน้าของนางยังคงมีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏอยู่ “ระวังอย่าให้มือข้างซ้ายของท่านเปียกน้ำล่ะ”
แปะ!
ระหว่างที่นางกำลังพูดอยู่ หยดน้ำที่นางเช็ดไม่ทันก็พลันหยดเข้าไปในเสื้อของนาง ทำให้เนื้อผ้าสีขาวของเสื้อที่นางสวมกลายสภาพเป็นเนื้อผ้าอันโปร่งใสจนมองเห็นตู้โตวสีแดงของนาง
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยกลืนน้ำลายทันทีที่สายตาของเขาหยุดลงที่ทรวงอกของนาง เขาไม่พยายามจะปิดบังสายตาของตนเลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงของเขาลุ่มลึกและแหบพร่า “เจ้าแน่ใจหรือว่าเสร็จแล้ว”
“หา” เฮ่อเหลียนเวยเวยมองร่างสูงอันงดงามราวกับหยกของเขา แล้วคิดกับตัวเองในใจว่า ไหล่ อาบแล้ว แขน อาบแล้ว หลังก็อาบแล้ว ก็น่าจะหมดแล้วนี่นา
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยตวัดสายตามองนาง แล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “เจ้าไม่ได้แตะต้องส่วนที่อยู่เหนือขา แต่อยู่ต่ำกว่าหน้าท้องของข้าแม้แต่นิดเดียว”
เหนือขา แต่อยู่ต่ำกว่าเอว…
สายตาของเฮ่อเหลียนเวยเวยเคลื่อนไปตามตำแหน่งที่เขาบอก ก่อนจะหยุดลงที่จุดหมายปลายทางที่ว่า ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าแก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวเพราะอุณหภูมิที่ปะทุขึ้น ไม่ว่านางจะเคยสุขุมเยือกเย็นเพียงใด แต่เมื่อเจอกับผู้ชายอย่างไป๋หลี่เจียเจวี๋ยแล้ว นางก็ยัง…
แต่สิ่งที่นางนึกไม่ถึงเลยก็คือการที่องค์ชายบางพระองค์สามารถที่จะอธิบายถึงส่วนนั้นราวกับเป็นเรื่องธรรมดาด้วยน้ำเสียงอันราบเรียบได้
เขาพูดเหมือนกับว่าถ้านางไม่ล้างส่วนนั้นให้เขา นางจะบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ไป
ไป๋หลี่เจียเจวี๋ยดื่มด่ำกับภาพใบหน้าเห่อร้อนของอีกฝ่าย แล้วโน้มตัวลงจนกระทั่งใบหน้าอันงดงามอย่างร้ายกาจของเขาอยู่ห่างจากนางเพียงไม่กี่นิ้ว กลิ่นหอมอ่อนๆ จากร่างของนางพรั่งพรูเข้ามาในจมูกของเขา เส้นผมของนางแตะอยู่ที่ปลายจมูกของเขา ก่อนจะเอ่ยถามนางด้วยน้ำเสียงที่กดลงต่ำเป็นอย่างมากว่า “ทำไมเจ้าไม่พูดอะไรเลยล่ะ”