คุณชายตระกูลหลี่ยืนชะเง้อมองอยู่ด้านนอกห้องขังอย่างเงียบๆ ห้องขังขนาดเล็กนี้เบียดแน่นไปด้วยผู้คน
ริมเตียงของเฉินตันจูมีหลี่เหลียน หลิวเวยและจางเหยานั่งอยู่ อีกทั้งยังมีชายผู้หนึ่งกำลังฝังเข็มให้จางเหยา หญิงสาวทั้งสองรวมทั้งเฉินตันจูมองดูอย่างตั้งใจ อีกทั้งยังส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาในบางครั้ง
“เจ้ามาทำอันใดตรงนี้”
เสียงของใต้เท้าหลี่ดังขึ้นจากด้านหลัง
คุณชายตระกูลหลี่รีบหันไปเรียกขานท่านพ่อ ก่อนจะกดเสียงต่ำชี้มาทางห้องขัง “จางเหยา จางเหยาผู้นั้นก็มาแล้ว”
ใต้เท้าหลี่ย่อมรู้ว่าจางเหยาคือผู้ใด เขาส่งเสียงหัวเราะออกมา “จางเหยามาแล้วมีสิ่งใดน่าประหลาดใจกัน”
ห้องขังขนาดเล็กนี้มีผู้คนมากมายต่างเคยมา
เวลานี้แม้จะเป็นฮ่องเต้เสด็จมา ใต้เท้าหลี่ก็ไม่รู้สึกประหลาดใจ
คุณชายตระกูลหลี่ตกตะลึงอย่างมาก ถามเสียงเบา “แม่ทัพหน้ากากเหล็กจากไปแล้ว เหตุใดคุณหนูตันจูจึงยังเป็นที่โปรดปรานเช่นนี้”
นี่เรียกว่าเป็นการถูกขังอยู่ในคุกหรือ คงจะอิสระกว่าเรือนของตนเองเสียอีก
ใต้เท้าหลี่ไม่ชอบฟังประโยคนี้ ราวกับเขาเป็นขุนนางที่ไม่เที่ยงธรรม! เขาไม่ใช่คนประเภทนั้น ถลึงตาใส่บุตรชายหนึ่งที “อยู่ในคุกก็คืออยู่ในคุก” เพียงแค่เปลี่ยนวิธีอยู่เท่านั้น
ในขณะที่บิดาและบุตรกำลังสนทนากัน ขุนนางคนหนึ่งวิ่งมาอย่างรีบร้อน “ใต้เท้าหลี่ ใต้เท้าหลี่ คนจากในวังมาขอรับ”
สีหน้าของใต้เท้าหลี่เปลี่ยนไป สิ่งที่ควรมาย่อมต้องมา ถึงแม้เขาจะหวังให้ฮ่องเต้ลืมเฉินตันจู ให้นางอยู่ในคุกสักปีครึ่งปี แต่เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ไม่ได้ลืม อีกทั้งยังนึกขึ้นได้เร็วเพียงนี้
ใต้เท้าหลี่มองไปทางห้องขัง จากไปด้วยสีหน้าดำทะมึน
ภายในห้องขัง หยวนไต้ฟูดึงเข็มออกอย่างแรง จางเหยาส่งเสียงร้องออกมา เหล่าหญิงสาวปรบมือในทันที
“มีเสียงแล้ว มีเสียงแล้ว” หลิวเวยพูดอย่างดีใจ “หยวนไต้ฟูมีความสามารถเสียจริง”
หยวนไต้ฟูอมยิ้มถ่อมตน “ฝีมือต่ำต้อย ฝีมือต่ำต้อย” เขาบอกจางเหยาที่จับคอของตนเอง “มา ลองพูดสักประโยค”
จางเหยาจับคอของตนเอง ราวกับตกในที่ตนเองส่งเสียงออกมาได้ แต่ก็ราวกับพูดไม่เป็น เขาอ้าปากช้าๆ “ข้า…” เสียงเปล่งออกมา บนใบหน้าของเขาปรากฏรอยยิ้ม “อ่า หายดีแล้วจริงด้วย”
ถึงแม้เสียงจะแหบพร่าเล็กน้อย แต่คำที่พูดออกมาชัดเจนเหมือนคนทั่วไป
หยวนไต้ฟูพูด “ไม่ถือว่าหายดีแล้ว ต่อจากนี้เจ้าต้องกินยาอีกหลายวัน อีกทั้งต้องพูดให้น้อย พักอีกหกเจ็ดวันจึงจะหายดี”
จางเหยาคำนับขอบคุณเขา หยวนไต้ฟูอมยิ้มน้อมรับ ก่อนจะพูดกับเฉินตันจู “คุณหนูตันจู คุณหนูใหญ่กำลังเฝ้ายาของท่านอยู่ ข้าจะไปต้มยาของคุณชายจางออกมาด้วย”
เฉินตันจูกำชับ “อย่าให้ท่านพี่ต้องเหนื่อย อาเถียนก็ต้มยาได้”
หยวนไต้ฟูตอบรับก่อนจากไป
ทางนี้ เฉินตันจูกวักมือเรียกจางเหยา “รีบเล่าให้ข้าฟัง หลายวันนี้อยู่ด้านนอกเจ้าสบายดีหรือไม่”
จางเหยาพูด “ดี ดีมาก”
เฉินตันจูเบ้ปาก พินิจเขา “สภาพเจ้าดีมากที่ใดกัน อย่าบอกว่าเหน็ดเหนื่อยเพียงนี้เพราะเร่งเดินทางมาหาข้า”
ทั้งที่อันที่จริงเป็นเพราะความเหน็ดเหนื่อยต่องานประจำวัน
จางเหยามักเขียนจดหมายพูดถึงเรื่องซ่อมแซมทางน้ำ ระหว่างตัวอักษรล้วนเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ความดีใจแทบจะล้นออกมาจากกระดาษ แต่ดูจากเวลานี้ ดีใจก็คงดีใจ แต่ความเหน็ดเหนื่อยยังคงเหมือนกับเมื่อชาติก่อนที่ถูกทิ้งอยู่ในแค้วนเล็กอันห่างไกล หรืออาจจะเหน็ดเหนื่อยกว่าด้วยซ้ำ
ชาติก่อนแคว้นเล็กที่ห่างไกลไม่มีทางน้ำให้ซ่อมแซม ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยเพียงนี้
จางเหยาโบกมือ พูด “ดีมากจริงๆ ข้าอยากทำอันใดก็ทำ ทุกคนล้วนฟังข้า ประตูน้ำที่สร้างใหม่มีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว ความเหน็ดเหนื่อยเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของประชาชน อีกทั้งข้าเองไม่ใช่คนที่เหน็ดเหนื่อยที่สุด”
เขาเล่าเรื่องในแต่ละวันอย่างง่ายดาย หลิวเวย หลี่เหลียนและเฉินตันจูต่างฟังอย่างตั้งใจและเคารพ
“ผลเป็นอย่างไรบ้าง” เฉินตันจูถามอย่างเป็นห่วง
จางเหยาพูด “ใกล้ถึงช่วงฤดูน้ำหลากแล้ว คงจะพิสูจน์ได้” ดวงตาของเขาลุกวาว สีหน้าได้ใจเล็กน้อย “ถึงแม้ยังไม่ได้พิสูจน์ แต่ข้ามั่นใจ ไม่มีทางผิดพลาดอย่างแน่นอน”
หลิวเวยอดหัวเราะไม่ได้ “เวลานี้ท่านพี่กล้าพูดเสียจริง ไม่ใช่คนที่นั่งอยู่ในหอไจซิง ยื่นนิ้วออกมาครึ่งเดียวตอนที่ข้ากับคุณหนูหลี่ถามว่าท่านสามารถอดทนได้นานเพียงใดอีกแล้ว”
นึกถึงตอนนั้น จางเหยาหัวเราะ “ไม่เหมือนกัน ความสามารถมีเฉพาะทาง เวลานี้เจ้าถามข้าว่าสามารถเขียนบทความได้กี่บท ข้ายังคงไม่มั่นใจ”
แต่การจัดการน้ำ เขาไม่กลัวสิ่งใดทั้งสิ้น
เฉินตันจูมองแสงในดวงตาของจางเหยา ยิ้มอย่างสบายใจ ถึงแม้จะเหน็ดเหนื่อยมาก แต่เขาเปล่งประกายไปด้วยแสงสว่าง
“แต่ว่าเจ้าต้องระวังร่างกาย” นางกำชับอีกครั้ง “ร่างกายดี จึงจะสามารถบรรลุความปรารถนาของเจ้า สร้างทางน้ำที่มากขึ้น หยุดยั้งภัยน้ำหลากได้มากขึ้น อย่าละโมภในความดีเพียงชั่วเวลาหนึ่ง”
จางเหยาพยักหน้า “ข้ารู้ คุณหนูตันจูวางใจ สิ่งที่ข้าจะทำคือแผนการร้อยปี ข้าจะทำให้ตนเองอยู่ถึงร้อยปี”
หลิวเวยและหลี่เหลียนหัวเราะขึ้นอีกครั้ง “ท่านพี่คงกลายเป็นเทพชราแล้ว” ภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
“ท่านคือคุณชายจางหรือ” เสียงหญิงสาวดังขึ้นจากด้านนอก “ได้ยินชื่อเสียงมานาน เมื่อท่านมา ที่นี่ก็คึกคักขึ้นเสียจริง”
เฉินตันจูยังไม่ทันเห็นคนก็รีบเรียกขานท่านพี่ หลิวเวยและหลี่เหลียนหันกลับไป จางเหยาเองก็รีบจัดเสื้อผ้า มองไปทางประตู บริเวณประตูมีหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งเดินเข้ามา คิ้วดุจภูเขา ดวงตาดุจสายน้ำในฤดูใบไม้ผลิ ถึงแม้แต่งกายธรรมดาด้วยชุดกระโปรงสีฟ้า ไม่แต่งหน้าหรือสวมใส่เครื่องประดับ แต่นางก็ยังคงโดดเด่นสะดุดตา คนผู้นี้ก็คือพี่สาวของเฉินตันจู เฉินตันเหยียนหรือ
“คุณหนูใหญ่” จางเหยาคำนับ
หลิวเวยและหลี่เหลียนต่างเรียกท่านพี่ตามเฉินตันจู
เฉินตันเหยียนคำนับจางเหยาตอบ พร้อมทั้งพินิจเขา ชื่นชม “คุณชายจางสง่างามยิ่งนัก”
เฉินตันจูพูดอย่างได้ใจอยู่ด้านข้าง “ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่ ท่านพี่ คุณชายจางมีความสามารถมาก”
จางเหยาแอบคิดในใจ คงจะมีเพียงสองพี่น้องนี้ที่สามารถเห็นความไม่ธรรมดาของเขาตั้งแต่แรกเห็น
เฉินตันเหยียนเดินเข้ามา ด้านหลังตามติดมาด้วยหยวนไต้ฟู เขาถือชามยามาสองถ้วย
“เอาเถิด ควรกินยาแล้ว” เฉินตันเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม ให้จางเหยานั่งลง
เฉินตันจูนั่งอย่างเชื่อฟัง รอคอยการป้อนยา
ก่อนหน้านี้เฉินตันจูสลบไม่ฟื้น ยาและซุปโสมล้วนป้อนจากมือของเฉินตันเหยียน เมื่อเฉินตันจูฟื้นขึ้นมาแล้ว ก็ยังคงเป็นเฉินตันเหยียนป้อนข้าวป้อนยา เวลานี้ตนเองสามารถนั่งได้แล้ว เฉินตันจูราวกับถูกป้อนจนชิน กินยาเองไม่เป็นแล้ว
หลิวเวยและหลี่เหลียนหัวเราะอยู่ด้านข้าง เฉินตันเหยียนนั่งอยู่ขอบเตียง ยกชามยามา “ไม่หัวเราะ ไม่หัวเราะ ตันจูของพวกเรายังป่วยอยู่” พูดพลางตักยาหนึ่งคำ เป่าเบาๆ ส่งไปยังริมปากของเฉินตันจู
เฉินตันจูอ้าปากดื่มเข้าไป ก่อนจะย่นหน้าลง เฉินตันเหยียนจึงหยิบผลไม้เชื่อมในขวดด้านข้างขึ้นมา ส่งไปที่ริมปากก่อนจะหยุดลง
“กัดได้เพียงคำเดียว ผลไม้เชื่อมหนึ่งคำกับยาหนึ่งชาม ไม่ให้กินมาก” นางพูด
เฉินตันจูกัดคำเล็กอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อเห็นท่าทางของนาง หลี่เหลียนและหลิวเวยก็หัวเราะขึ้นอีกครั้ง
“นางเป็นเช่นนี้แต่เด็ก” เฉินตันเหยียนพูดกับพวกนาง “กินยาชามเดียวให้คนป้อนอยู่ครึ่งวัน”
แต่หญิงสาวที่อ่อนแอเพียงนี้ กลับกล้าอาบยาพิษทั่วตัวเพื่อฆ่าคน เสียงหัวเราะของหลิวเวยและหลี่เหลียนเศร้าโศกอย่างประหลาด
ทางด้านจางเหยามองหยวนไต้ฟูที่เดินเข้ามา ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะถาม “ยาของข้า ข้าดื่มเองหรือไต้ฟูท่านป้อนข้า”
ทันใดนั้นคนในห้องต่างหัวเราะออกมา
ใต้เท้าหลี่ยืนฟังเสียงหัวเราะด้านในจากด้านนอกห้องขัง รู้สึกเพียงฝีเท้าหนักอึ้งจนยกไม่ขึ้น แต่เมื่อนึกถึงขันทีและองครักษ์หลวงที่ยืนอยู่ในห้องโถง เขาทำได้เพียงเดินเข้าประตูไป
“คุณหนูตันจู” เขาพูดเสียงทุ้ม “ฝ่าบาทมีรับสั่ง ให้ส่งตัวท่านเข้าวัง”
เสียงหัวเราะภายในห้องขังสลายไปทันที