ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์ – Side Story < Love Historiette > 2-13

Side Story < Love Historiette > 2-13

คนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะไม่มีใครสามารถโต้เถียงคำพูดที่พูดเสริมอย่างไร้ยางอายได้เลย

“ทำไมล่ะครับ ผมไม่เหมาะกับชุดอื่นเหรอครับ”

พอเห็นอินซอบไม่เห็นด้วยกับคำพูดของตน อีอูยอนก็ยื่นหน้าเข้าไปถาม อินซอบจึงเบี่ยงตัวออกไปด้านหลังด้วยความตกใจ

“ไม่เหมาะจริงๆ เหรอ”

“ปะ เปล่าครับ…เหมาะมากครับ”

แม้จะพยายามตอบอย่างสุขุม แต่คนทั้งสามคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะก็รู้ความจริงว่าใบหูของอินซอบแดง ความรักที่ไม่สามารถซ่อนไว้ได้ปรากฏในดวงตาของอีอูยอนที่มองอินซอบที่เป็นแบบนั้น

“อะฮึ่ม ใครบอกว่านายไม่เหมาะกับชุดอื่นกันล่ะ เขาแค่บอกว่าบุคลิกที่ใส่ฮันบกดีมากอย่างที่ไม่ค่อยมีให้เห็นต่างหาก”

“คนอเมริกาเหมาะกับชุดฮันบกแล้วจะให้ไปใส่ที่ไหนล่ะครับ”

อีอูยอนโต้กลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“จะใส่ที่ไหนล่ะ ก็ใส่ในละครน่ะสิ”

“ก่อนหน้านี้ผมก็เคยใส่แล้วนี่ครับ”

“มันฉิบหายก่อนจะทันได้ใส่ดีๆ น่ะสิ!”

กรรมการผู้จัดการคิมแผดเสียง พออินซอบหน้าซีดเผือดและสะดุ้ง ใบหน้าของอีอูยอนก็นิ่งจนน่ากลัว

“ทำไมถึงพูดเรื่องเหี้ยๆ แบบนั้นในที่แบบนี้ล่ะ ในที่ที่บอกจะมองหน้าผมพร้อมกับกินข้าวไปด้วยน่ะ”

อีอูยอนใช้ผ้าเช็ดปากเช็ดปาก แม้กระทั่งการเคลื่อนไหวที่เรียบง่ายนั้นก็ยังแฝงไปด้วยความงดงามที่ดึงดูดสายตาของผู้คน

“แม่ง แล้วที่ละครเรื่องนั้นมันฉิบหายเป็นความผิดของผมเหรอครับ”

“…”

“…”

“… …”

ก็เป็นความผิดของนายน่ะสิ

“ผมจะทำอะไรได้กับการที่บริษัทผู้ผลิตวางมือล่ะครับ ถ้าจะให้พูดตรงๆ ละครเรื่องนั้นพังเพราะคังยองโมกบาลแตกต่างหาก”

…นั่นคือเหตุผลที่ฉันพูดออกไปตามตรงไม่ได้ยังไงล่ะ แม้กระทั่งกบาลนั้นนายก็เป็นคนทำแตก

เมฆหมอกของความจริงที่ไม่สามารถพูดออกไปได้ปรากฏอยู่บนหัวของคนทั้งสามคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นนั้นหรือไม่ อีอูยอนก็สำรวจรายชื่อของไวน์ที่อยู่บนโต๊ะและจมอยู่กับความคิดไปแล้ว

“อันนี้เหมือนจะใช้ได้นะ”

เขาใช้นิ้วยาวๆ เคาะรายชื่อของไวน์พลางเอ่ยถามอินซอบว่า “คิดว่ายังไงครับ”

“ไม่ครับ ผมไม่เป็นไรครับ”

อินซอบยิ้มและปฏิเสธเนื่องจากเอารถมา

“ทำไมล่ะ คุณอินซอบก็ดื่มสักแก้วสิ ตอนที่กรรมการผู้จัดการบอกว่าจะเลี้ยงก็ควรดื่มนะ เพราะวันที่กรรมการผู้จัดการคนเค็มจะเปิดกระเป๋าสตางค์อีกครั้งจะมาถึงเมื่อไรก็ไม่รู้ ดื่มสิ ดื่มเลย”

“ใช่ครับ คุณอินซอบดื่มเถอะครับ เพราะผมจะขับรถเอง”

อีอูยอนยื่นรายชื่อของไวน์ให้อินซอบพลางพูด

“ไม่เป็นไรครับ คุณอีอูยอนดื่มเถอะครับ”

แล้วมือของอีอูยอนก็เข้ามาในครรลองสายตาของกรรมการผู้จัดการคิมที่กำลังจะพูดว่า “อย่าทำตัวผิดปกติจนน่าด่าแล้วเรียกคนขับรถแทนมาสิ”

“ที่นิ้วของนายนั่นอะไรน่ะ”

“นี่เหรอครับ”

พออีอูยอนยกนิ้วก้อยที่ใส่แหวนให้ดู อินซอบก็นิ่งไป วันนี้พวกเขาก็ทะเลาะกันเล็กน้อยที่หน้าประตูบ้าน

‘ไม่ถอดแหวนเหรอครับ’

‘ทำไมต้องถอดด้วยล่ะ’

อีอูยอนเอียงคอถามราวกับไม่เข้าใจจริงๆ หลังจากได้รับที่ฮาวาย อีอูยอนไม่เคยถอดแหวนวงนั้นออกจากนิ้วเลยสักครั้ง

‘ถ้ากรรมการผู้จัดการคิมว่าอะไร…’

‘กรรมการผู้จัดการไม่ค่อยสนใจผมหรอกครับ’

‘…สนใจมากต่างหาก’

แม้อินซอบจะโต้แย้งอย่างระมัดระวัง แต่อีอูยอนก็ไม่แม้แต่จะทำเป็นได้ยิน อินซอบรั้งอีกฝ่ายที่สวมรองเท้าและกำลังจะออกไปอีกครั้ง

‘ถ้ามีปัญหาจะทำยังไงล่ะครับ’

‘ผมจะสวมแหวนที่ได้รับจากคนที่ชอบนิดหน่อย มันจะเป็นปัญหาอะไรล่ะครับ’

อินซอบหน้าแดงเพราะคำที่บอกว่า ‘คนที่ชอบ’ พอเห็นท่าทางที่ขนตายาวกะพริบปริบๆ และพยายามซ่อนสีหน้าที่บอกว่ารู้สึกดีเอาไว้ ช่วงล่างของอีอูยอนก็ตึงแน่น ช่างหัวข้าวเย็นอะไรนั่น แล้วถอดกางเกงของอินซอบออกแล้วสอดใส่ในท่ายืนดีไหมนะ

‘…แต่ก็อาจจะเข้าใจผิดได้นะครับ ไม่สิ ไม่ใช่เข้าใจผิด ยังไงก็ห้ามทำให้คุณอีอูยอนลำบากครับ’

อีอูยอนก้มหน้าลงและจูบริมฝีปากของอินซอบเบาๆ

‘…นี่เป็นของที่คุณอินซอบให้ผมนี่’

อินซอบมองใบหน้าของอีอูยอนที่อยู่แนบชิดราวกับลุ่มหลง อีอูยอนเอ่ยถามในสภาพที่ริมปากเชื่อมติดกันว่า ‘เป็นของที่ให้พร้อมกับขอแต่งงานใช่ไหม’ ราวกับเสียงที่ทุ้มต่ำนั้นถูกส่งผ่านริมฝีปากมา อินซอบรู้สึกวาบหวามในท้องและจิกปลายเท้า

‘ไม่ใช่เหรอ’

อีอูยอนถามซ้ำราวกับจะยืนยัน

‘ใช่ครับ’

‘ผมยังไม่เชื่อเลยว่าคนอย่างคุณจะแต่งงานกับผม’

อินซอบอยากพูดว่าผมเองก็เหมือนกัน แม้จะเห็นด้วยตาและลองหยิกตัวเองในทุกเช้า แต่ก็เป็นความจริงที่ไม่น่าเชื่ออยู่ดี

‘แต่เพราะมีแหวนอยู่ ผมเลยรู้ว่าไม่ใช่ฝัน…’

อีอูยอนใช้ลิ้นเลียริมฝีปากล่างของอินซอบก่อนจะกัดเบาๆ จากนั้นก็พึมพำคำพูดที่แฝงการเยาะเย้ยตัวเองไว้ว่า ‘แล้วผมจะถอดสิ่งนี้ได้ยังไง’

‘คุณอูยอน…’

อีอูยอนกดจูบลงบนเปลือกตาของอินซอบ

‘ถ้าอยากถอด คงต้องตัดนิ้วผมแล้วล่ะ’

อีอูยอนกระซิบถ้อยคำที่น่ากลัวด้วยน้ำเสียงที่หวานที่สุดและจูบอินซอบอีกหลายครั้ง ในที่สุดเนื่องจากไม่สามารถตัดนิ้วของอีอูยอนได้ พวกเขาจึงออกจากบ้านมาทั้งๆ อย่างนั้น

“เห็นว่าคราวก่อนก็ใส่ ใส่นานนะเนี่ย”

หัวหน้าทีมชาเองก็พูดราวกับคาดไม่ถึง

“อืม ใส่นานขนาดนั้นเลยเหรอ”

อินซอบกลัวว่าอีอูยอนจะพูดอะไรที่ไม่จำเป็นหรือเปล่าจึงไม่สามารถเงยหน้าขึ้นมาดีๆ ได้

“เหมาะไหมครับ”

อย่าว่าแต่ซ่อนเลย อีอูยอนกางนิ้วของตัวเองและถามราวกับโอ้อวดด้วยซ้ำ

…ถึงจะไม่สามารถตัดได้ แต่ก็ควรจะถอดให้ได้สิ

แม้อินซอบจะเหงื่อตกและรู้สึกเสียใจ แต่ก็เป็นน้ำที่หกออกมาแล้ว แม้จะอยากเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แต่ด้วยสมองที่ว่างเปล่านี้เขาไม่สามารถนึกอะไรออกได้

อีอูยอนกระดิกนิ้วก้อยและถามอินซอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“บอกว่าชุดฮันบกเหมาะ แต่อันนี้ไม่เหมาะเหรอครับ”

“ก็ ก็เหมาะ แต่…”

“เป็นสินค้าจากแบรนด์ไหนล่ะ เป็นของสั่งทำพิเศษเหรอ ไหนเอามาดูซิ”

พอกรรมการผู้จัดการคิมที่สนใจกับแฟชั่นเป็นพิเศษยื่นหน้ามา อินซอบก็สะดุ้งและห่อไหล่

“เป็นแหวนที่มีแค่วงเดียวครับ”

“เป็นของวินเทจสินะ จริงสิ เมื่อไม่นานมานี้ฉันเพิ่งได้ไวน์วินเทจเป็นของขวัญมาขวดหนึ่ง…”

ในขณะที่กรรมการผู้จัดการคิมอวดไวน์ อินซอบก็ดึงแขนเสื้อของอีอูยอนอย่างระมัดระวังอยู่ใต้โต๊ะ มันหมายความว่าให้ซ่อนมือ ไม่สิ ให้ซ่อนแหวน

ซ่อนอะไรล่ะวะ

อีอูยอนจงใจยื่นมือที่ใส่แหวนออกมาหยิบกระบอกน้ำ

“คุณอินซอบคอแห้งไหมครับ เอาน้ำไหมครับ”

“มะ ไม่เป็นไรครับ”

อินซอบตกใจ เขาหลบสายตาและเบือนหน้าหนี

รอยยิ้มบิดเบี้ยวถูกประดับไว้บนริมฝีปากของอีอูยอน ตัวเขามีความตั้งใจจะออกไปพูดในข่าวสดช่วงเก้าโมงเช้าว่าตัวเองถูกอินซอบขอแต่งงานตอนนี้เลยด้วยซ้ำ แม้ว่าอินซอบจะหน้าซีดและล้มพับหากรู้ก็ตาม

“รับน้ำไหมครับ”

อีอูยอนยื่นกระบอกน้ำให้กรรมการผู้จัดการคิมพลางเอ่ยถาม สายตาของอินซอบขยับตามนิ้วก้อยของอีอูยอนอย่างไม่สบายใจ ดูเหมือนขนตายาวๆ นั่นจะส่งเสียงออกมาทุกครั้งที่กะพริบตา

เป็นแค่ของที่พอกินเข้าไปแล้วไม่มีรสชาติอะไรเลยแท้ๆ แต่ทำไมถึงน่ารักนักนะ

อีอูยอนชื่นชมอินซอบอย่างช้าๆ ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

ตอนนั้นเองโทรศัพท์มือถือของอินซอบก็ดังขึ้น

“ผะ ผม ผมขอไปรับโทรศัพท์ข้างนอกสักครู่นะครับ”

“ไม่เลือกไวน์เหรอ”

“ครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไร เชิญเลยครับ…”

อินซอบรีบออกไปจากห้องส่วนตัวราวกับสุนัขที่ไฟไหม้หาง พอประตูปิดลง อีอูยอนก็ปล่อยเสียงหัวเราะที่กลั้นไว้ออกมา

“ฮ่าๆๆๆ ให้ตายสิ”

“ชอบเหรอ นายชอบนักเหรอ”

กรรมการผู้จัดการคิมที่ไม่สามารถทนต่อการกระทำที่น่าหมั่นไส้ได้จับผิด

“ครับ โคตรชอบเลยครับ”

อีอูยอนตอบกลับอย่างหน้าด้าน

“ชอบอะไรขนาดนั้นล่ะ นี่เป็นเวลาที่ควรจะหยุดชอบแล้วไม่ใช่เหรอ”

“นั่นสินะครับ”

อีอูยอนยิ้มและพูดต่อ

“แต่ทำไมยิ่งเวลาผ่านไปผมกลับยิ่งชอบล่ะ”

ลักษณะการพูดเหมือนเจ้าตัวก็ไม่รู้เหตุผลนั้นเหมือนกัน

“ปล่อยไปเถอะครับ คงชอบเพราะความจิตใจดีน่ะ”

พอหัวหน้าทีมชาพึมพำ อีอูยอนก็พูดว่า “จิตใจดีเหรอ” และเอียงคอไปมา

“ถ้าชอบเพราะเป็นคนจิตใจดี คนบนโลกนี้ไม่ต้องเกิดความใคร่กับพระเยซูกับนักบุญกันหมดเหรอ”

“…”

“…”

อีอูยอนพูดคำที่หยาบคายเกินกว่าจะหลุดออกมาจากปากด้วยสีหน้าที่มีศีลธรรมอย่างถึงที่สุด

“ถึงจะเคยพูดไปแล้ว แต่ผมชอบเพราะคุณอินซอบน่ารักครับ แม้เขาจะจิตใจดีด้วยก็เถอะ”

ใบหน้าของชายวัยกลางคนสองคนเป็นทุกข์เพราะคำตอบของอีอูยอน

“แล้วทำไมถึงต้องหงุดหงิดขนาดนั้นทุกครั้งที่เขาเป็นแบบนั้นล่ะ เป็นแบบนั้นเพราะคนที่ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นทำเรื่องที่น่าด่าเหรอ”

“คนโง่ คนโง่”

อีอูยอนส่งเสียงร้องในลำคอก่อนจะยกมุมปากขึ้นยิ้ม

“แน่นอนว่ามีเหตุผลอื่นด้วยครับ ถึงทั้งสองคนจะรู้เพราะเคยได้ยินมาแล้ว แต่คุณอินซอบเก่งเรื่องอย่างว่ามากครับ”

“แค่ก…!”

“อึก…!”

คนทั้งคู่สำลักพร้อมกันและเริ่มไอ อีอูยอนมองชายวัยกลางคนที่ตบหลังให้กันและพูดเรื่องลามกต่ออย่างค่อยเป็นค่อยไป

“ทุกครั้งที่สอดใส่เข้าจะร้องไห้ด้วยใบหน้าที่สวยที่สุดพร้อมกับช่วงล่างที่ตอด…”

“อ๊ากกก หูเน่าแล้ว! อย่าพูด! อย่าพูด!”

“อ๊ากกก ไม่ได้ยิน ฉันไม่ได้ยินอะไรเลย”

ชายวัยกลางคนสองคนทำสีหน้าเกลียดชังและปิดหู อีอูยอนหัวเราะและกดกริ่งเรียกพนักงาน พอพนักงานรับออเดอร์ไวน์เสร็จและออกไป อีอูยอนก็พูดต่อ

“ว่าแต่คงไม่ได้เรียกผมมาเพื่อฟังว่าทำไมผมถึงชอบเขาหรอกใช่ไหมครับ”

“เปล่า ฉันเรียกมาเพราะจะบอกให้ทำงานหน่อย”

กรรมการผู้จัดการคิมตอบทันควัน

“ผมก็ทำงานอย่างทุ่มเทอยู่นี่ไงครับ”

“ไม่ใช่งานพวกนั้น แต่เป็นละครน่ะ นายสัญญาว่าจะเล่นละครนี่”

“ผมเหรอครับ ตอนไหนเหรอครับ”

เขาทำสีหน้าที่บอกว่าไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ตอนที่ฉันช่วยปรับตารางการพักร้อนที่ฮาวายให้ไงล่ะ! นายพูดแบบนั้นเองนะ!”

หลังจากกลับมาจากฮาวาย อีอูยอนก็อารมณ์ดีจนน่าประหลาด เขาถ่ายโฆษณาและตอบคำถามในการสัมภาษณ์ตามที่สั่งให้ทำ ถึงขนาดที่หัวหน้าทีมชาเองยังบอกว่าถ้าอีอูยอนทำตัวเหมือนช่วงนี้ เขาก็สามารถทำงานได้เสมอ ปัญหาก็คือไม่ว่าจะส่งบทไปให้มากแค่ไหน เขาก็ไม่ยอมเลือกละครเรื่องต่อไป

“ผมเหรอครับ ผมพูดอย่างนั้นเหรอ”

“ฉันนึกเอาไว้อยู่แล้วว่านายต้องเป็นแบบนี้ ฉันเลยอัดเสียงการคุยโทรศัพท์ไว้แล้ว!”

กรรมการผู้จัดการคิมทำสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องและเอาโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาวางบนโต๊ะ

“อ๋อ เรื่องนั้น ผมบอกว่าจะลองคิดดูนี่ครับ แต่ไม่เคยบอกว่าจะทำเลย”

“ว่าไงนะ”

“ถ้าไม่เชื่อก็ลองฟังดูสิครับ”

กรรมการผู้จัดการคิมรีบกดเล่นไฟล์เสียงอีกครั้ง สีหน้าของเขาค่อยๆ หมองลงเรื่อยๆ

“ความจำไม่ดีอยู่แล้ว ความสามารถในการเข้าใจยังไม่ดีด้วยอีก จะทำยังไงดีล่ะครับ”

พออีอูยอนพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนสงสารจากใจ เส้นเอ็นก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของกรรมการผู้จัดการคิม หัวหน้าทีมชาเทน้ำใส่แก้วโดยไม่พูดอะไร และยื่นไปตรงหน้าของกรรมการผู้จัดการคิม กรรมการผู้จัดการคิมจึงหยิบยาออกมาจากกระเป๋าและโยนเข้าปากก่อนจะดื่มน้ำตาม

“โธ่ สุขภาพก็ไม่ดีด้วยเหรอครับ”

“นาย…!”

ตอนนั้นเองประตูก็ถูกเปิดและอินซอบก็เดินเข้ามา พออินซอบที่รู้สึกถึงบรรยากาศที่ผิดปกติชะงักและยืนอยู่ตรงนั้น อีอูยอนก็เลื่อนเก้าอี้ให้พลางยิ้ม

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

ใต้หน้ากากซูเปอร์สตาร์

Status: Ongoing

นิยายวายแปลเกาหลี ดารา x ผู้จัดการ วงการบันเทิง นายเอกใสซื่อ พระเอกเจ้าเล่ห์ และ “คลั่ง” รักหนักมาก

ข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวของ ‘อีอูยอน’ นักแสดงที่ได้ชื่อว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้แสนดี และไม่เคยมีแอนตี้แฟน คือการเปลี่ยนผู้จัดการส่วนตัวบ่อย

หลังจากเปลี่ยนผู้จัดการไปแล้ว 5 คนในปีเดียว ‘ชเวอินซอบ’ แฟนคลับของอีอูยอนก็ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการส่วนตัวคนใหม่ และสามารถปรับตัวเข้าได้กับทุกรสนิยมที่จู้จี้จุกจิกของอีอูยอนได้อย่างไร้ที่ติ

ทว่าสำหรับอีอูยอนแล้ว ผู้จัดการส่วนตัวแบบนั้นน่าสงสัยเป็นที่สุด

เขารู้สึกสนใจในการกระทำของอีกฝ่าย ในขณะเดียวกันความรู้สึกบางอย่างก็เริ่มก่อตัวขึ้นโดยไม่รู้ตัว

ทว่าในตอนที่เขารู้สึกดีกับอินซอบมากขึ้นเรื่อยๆ อีกฝ่ายก็ (ลอบ) แทงข้างหลัง (เบาๆ) และพยายามจะหนีไป

“ถ้าผมปล่อยคุณอินซอบไป แล้วผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ”

TW : Coercion / Dubious Consent / Dirty talk / Toxic relationship / Violence / Rape

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท