ฮ่องเต้รู้ว่าพี่สาวของเฉินตันจูตามมาด้วย เขาไม่ได้กีดขวาง อีกทั้งไม่สนใจ
หญิงสาวที่ถูกสามีหลอกลวงจนตระกูลแทบจะล่มสลายไม่มีสิ่งใดต้องสนใจ
เขาถามเฉินตันจูโดยตรงเหมือนดั่งแต่ก่อน เฉินตันจูก็ยอมรับความผิดเป็นอันดับแรกเหมือนแต่ก่อน จากนั้นพูดเหตุผลของตนเอง…แต่ครานี้คำพูดยอมรับผิดของเฉินตันจูยังไม่ทันได้เอ่ยออกมา ก็ถูกคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินท่านนี้ขัดเสียก่อน
ขอบพระทัย? ขอบพระทัยเรื่องใด
ขอบพระทัยที่ฮ่องเต้ไม่ประหารหรือ ถึงแม้คุกที่ให้นางถูกขังอยู่จะดุจราวกับจวนเทพ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะให้อภัยนางจริงๆ ขอบพระทัยเวลานี้รวดเร็วเกินไป ต้องการขอบพระทัยเพื่อปิดปากฮ่องเต้หรือ ความฉลาดอันเล็กน้อยนี้! ช่างไร้ประโยนชน์
“รอข้าตัดสินแล้ว” ฮ่องเต้มองนางด้วยสายตาเย็นชา “พวกเจ้าค่อยขอบพระทัยก็ยังไม่สาย”
เฉินตันเหยียนพูด “เวลานั้นหม่อมฉันย่อมต้องขอบพระทัยฝ่าบาท แต่เวลานี้หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทที่พระราชทานรางวัลเพคะ”
ฮ่องเต้ส่งเสียงตอบรับ พอจะกระจ่างใจ ก่อนจะเห็นหญิงสาวนี้เงยหน้าขึ้นพูด “ฝ่าบาททรงพระราชทานรางวัลให้หม่อมฉันกับบุตรชายของหลี่เหลียง หม่อมฉันเข้าเมืองหลวงมาเพื่อขอบพระทัยเพคะ”
ฮ่องเต้ยิ้ม “ดังนั้นขอบพระทัยของพวกเจ้าพี่น้องคือการสังหารคุณหนูเหยาหรือ”
“ฝ่าบาท…” เฉินตันจูเรียกขาน “เรื่องนี้หม่อมฉัน…”
แต่เฉินตันเหยียนพูดขัดนางอีกครั้ง นางลูบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆ “ตันจู เจ้าอย่าเพิ่งพูด รอข้าทูลฝ่าบาทเสียก่อน”
เฉินตันจูมองเฉินตันเหยียน รู้ว่าพี่สาวต้องการทำสิ่งใด เหมือนตอนเด็กในงานเลี้ยงภายในพระราชวัง ตอนที่เข้าเฝ้าฝ่าบาท พี่สาวก็ปกป้องนางไว้ด้านหลัง ไม่ต้องเอ่ยสิ่งใด ทุกสิ่งล้วนมีพี่สาวรับมือ
ถึงแม้เวลานี้นางเติบใหญ่แล้ว ถึงแม้นางจะรู้จักฮ่องเต้มากกว่า แต่พี่สาวต้องการปกป้องนาง นางเองก็ยินดีให้พี่สาวปกป้อง ปกป้องไปตลอดชีวิต
เฉินตันจูเงียบอย่างเชื่อฟัง อีกทั้งยังคุกเข่าเคลื่อนตัวเข้าใกล้เฉินตันเหยียน
ฮ่องเต้ส่งเสียงจิ๊ปากภายในใจ ที่แท้คุณหนูตันจูสามารถแสร้งทำตัวน่าสงสารเมื่ออยู่ต่อหน้าคนในครอบครัวด้วย
เฉินตันเหยียนปลอบน้องสาวที่เคลื่อนตัวมาอยู่ด้านหลัง ก่อนจะทูลฝ่าบาท “ฝ่าบาท โปรดฟังคำอธิบายของหม่อมฉัน ที่หม่อมฉันขอบพระทัยไม่มีส่วนเกี่ยวกับการสังหารเหยาฝู”
คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินนี้ไม่ได้มีเสน่ห์เท่าเฉินตันจู คิ้วและดวงตาของนางอ่อนโยนเหมือนสายน้ำ พูดจาไม่เร่งรีบไม่เชื่องช้า ท่าทางของนางไร้ซึ่งความหยิ่งผยอง ฮ่องเต้ยิ้มเย้ยหยัน ตัดสินใจลองฟังสิ่งที่นางพูดดู
“เนื่องจากหลี่เหลียงจงรักภักดีต่อพระองค์ หม่อมฉันจึงรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับพระราชทาน” เฉินตันเหยียนพูด “หลังจากได้ยินข่าวนี้ หม่อมฉันก็รีบเดินทางเข้าเมืองหลวงทันที เพื่อมาขอบพระทัยพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาท”
นางพูดพลางหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ
“ในเวลานั้นหม่อมฉันได้เขียนจดหมายให้บิดามารดาของหลี่เหลียง บอกกล่าวพวกเขาให้นำชื่อของบุตรชายหม่อมฉันเข้าวงศ์ตระกูล เมื่อวานจดหมายตอบกลับของพวกท่านส่งมาถึง อีกทั้งยังมีตราประทับของตระกูล ขอให้ฝ่าบาททอดพระเนตร บิดามารดาของหลี่เหลียงอยู่ระหว่างทางมาเมืองหลวง เมื่อพวกเขามาถึงแล้ว หม่อมฉันย่อมนำพวกเขามาขอบพระทัยฝ่าบาทอีกครั้งเพคะ”
ร้ายกาจ ฮ่องเต้คิดในใจ แต่ก็ไม่ได้ให้คนไปรับจดหมายของนางมาดู…เขาไม่สนใจ หากแต่เหลือบมองเฉินตันจู ก่อนจะส่งเสียงจิ๊ปากสองที ดูเถิด สตรีชนชั้นสูงที่แท้จริงเป็นอย่างไร ฉับไวคล่องแคล่ว เตรียมการรอบคอบ สมเหตุสมผล ไม่เหมือนเฉินตันจูที่มีเพียงความคิดเดียว ฆ่าคน
สำหรับผู้ที่มีเหตุผล ฮ่องเต้เองก็มีเหตุผลเสมอ ตรัสขึ้น “แต่ขอบพระทัยคือขอบพระทัย มีโทษก็ยังมีโทษ มันเป็นสองเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน เจ้ายอมรับการพระราชทาน ไม่เท่ากับเจ้า…” เขาชี้ไปที่เฉินตันจู “ฆ่าคนจะไม่มีความผิด”
เฉินตันจูนั่งคุกเข่าก้มหน้าอย่างเชื่อฟัง ไม่มีการโต้แย้งเหมือนแต่ก่อน
“ฝ่าบาท หม่อมฉันกราบขอบพระทัยเป็นคนละเรื่องกับการฆ่าเหยาฝูจริง อีกทั้งในเมื่อฝ่าบาทพระราชทานหม่อมฉัน เช่นนั้นการฆ่าเหยาฝูก็ไม่อาจถือเป็นความผิด” เฉินตันเหยียนพูด “ก่อนหน้านี้หม่อมฉันทูลแล้ว ฝ่าบาทพระราชทานหม่อมฉันกับบุตรเพราะความจงรักภักดีของหลี่เหลียง หม่อมฉันชื่นชมในความจงรักภักดีของหลี่เหลียงที่มีต่อฝ่าบาทเพคะ แต่หลี่เหลียงจงรักภักดีต่อฝ่าบาทมาจากตระกูลของหม่อมฉันปูทาง มาจากบิดาของหม่อมฉันสนับสนุน บิดาของหม่อมฉันให้อำนาจทางการทหารแก่เขา ชีวิตน้องชายหม่อมฉันเป็นหลักประกันให้เขา มาจากการที่หม่อมฉันถูกหลอกลวง หากไม่มีตระกูลของหม่อมฉัน จะมีความจงรักภักดีของเขาได้อย่างไร ความจงรักภักดีของหลี่เหลียงจะมีประโยชน์อันใดต่อฝ่าบาท ต่อบ้านเมืองเพคะ”
หลี่เหลียงก็เป็นเพียงแขนของเฉินเลี่ยหู่ ฮ่องเต้จะสนใจความจงรักภักดีของเขาหรือ
ฮ่องเต้เงียบ
“หม่อมฉันใช้ความจงรักภักดีของหลี่เหลียงรับพระราชทานเป็นเรื่องสมเหตุสมผล น้องสาวหม่อมฉันสังหารหลี่เหลียงและเหยาฝู จากส่วนตัวก็สมเหตุสมผล จากส่วนรวมเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาท หลี่เหลียงสามารถใช้ชีวิตของตระกูลหม่อมฉันเพื่อจงรักภักดีต่อฝ่าบาท พวกเราจะสังหารเขาเพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อฝ่าบาทไม่ได้หรืออย่างไร” เฉินตันเหยียนพูด ก่อนจะมองเฉินตันจูที่นั่งคุกเข่าอย่างเชื่อฟังอยู่ด้านข้าง “ฝ่าบาท ตันจูของพวกเราจงรักภักดีต่อฝ่าบาทต่อต้าเซี่ย ไม่แพ้หลี่เหลียงเพคะ”
ถึงแม้ แต่ว่า ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว
เฉินตันเหยียนเรียกขานฝ่าบาท “หลี่เหลียงฆ่าน้องชายหม่อมฉัน น้องสาวหม่อมฉันฆ่าภรรยานอกสมรสของหลี่เหลียง ถือว่าเสมอกันแล้ว จบสิ้นความแค้นกันไป แต่ว่ามันเป็นเพียงความแค้นระหว่างพวกเราทั้งสองฝ่าย ไม่เกี่ยวกับบุตรของหลี่เหลียง ดังนั้นฝ่าบาทโปรดวางพระทัยเพคะ หม่อมฉันจะรับบุตรชายของคุณหนูเหยามาไว้ในวงศ์ตระกูลหลี่ ดูแลเหมือนบุตรของตนเองจนเขาเติบใหญ่ ศึกษาตำราจนมีความสามารถ สืบทอดบิดาสร้างผลประโยชน์ให้ต้าเซี่ย ไม่ทำให้พระราชทานของฝ่าบาทต้องสูญเปล่าเพคะ”
ฮ่องเต้สีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจทั้งขบขันทั้งตกตะลึง ดูเถิด สิ่งใดคือการรุกการถอยอย่างพอเหมาะ มีเหตุมีผล สิ่งใดเรียกว่าถึงแม้จะโต้แย้ง แต่เจ้าก็ไม่อาจหาข้อครหาได้ ฝ่าบาทไม่ได้ทรงต้องการใช้นามของบุตรหลี่เหลียงพระราชทานให้คุณหนูเหยาท่านนี้หรือ ไม่มีปัญหา พวกนางเพียงแค่สังหารคุณหนูเหยา แต่บุตรชายของคุณหนูเหยายังคงพระราชทานได้
อีกทั้งคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินยังจะรับเลี้ยงบุตรชายของคุณหนูเหยา ให้เขาได้เข้าวงศ์ตระกูล ให้สายเลือดของหลี่เหลียงสืบทอด จดจำบุญคุณของฝ่าบาทตลอดไป
สตรีผู้เป็นภรรยานอกสมรสถูกสังหารไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่กระทบต่อเรื่องใหญ่ของบ้านเมือง ตระกูลใหญ่ย่อมมีเรื่องภรรยาหลวงสังหารภรรยารอง มันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย
ฝ่าบาทคงไม่ถึงขั้นจะสังหารพวกนางสองพี่น้องตระกูลเฉินเพื่อภรรยานอกสมรสของหลี่เหลียงใช่หรือไม่
ยังไม่ถึงขั้นนั้น…ฮ่องเต้คิดในใจ คุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินนี้ดูเหมือนร่างกายไม่แข็งแรง ผอมเพรียวตัวบาง แต่ไม่ว่าจะพูดถึงเรื่องพระราชทานก็ดี พูดถึงเรื่องความแค้นส่วนตัวกับคุณหนูเหยาก็ดี นางไม่ร้องไห้ไม่เศร้าโศกไม่โกรธแค้น หากแต่นางพูดอย่างจริงใจ ทำให้ผู้ฟัง ฟังเข้าไปในใจ
ร้ายกาจ หากคุณหนูใหญ่ท่านนี้อยู่ในเมืองหลวงตลอด ย่อมไม่ก่อปัญหาไปทั่วเหมือนเฉินตันจู…นางไม่ได้โง่นัก ก่อนหน้านี้อาจเป็นเพราะหลงใหลในความรัก
ฮ่องเต้นั่งหัวเราะอยู่บนบัลลังก์มังกร
“ดี” เขาพูด “ในเมื่อคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินมีเหตุมีผลเพียงนี้ ข้าเองก็วางใจมอบบุตรของหลี่เหลียงให้เจ้าดูแล”
เฉินตันเหยียนโน้มตัว “ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท!”
ฮ่องเต้พูดอีกครั้ง “แต่เจ้ากับข้าต่างรู้ดีแก่ใจ คุณหนูเหยาไม่เพียงแต่เป็นภรรยานอกสมรสของหลี่เหลียง นางยังเป็นคนขององค์รัชทายาท เป็นคนของราชสำนัก ไม่ใช่ว่าพวกเราฆ่าแล้วจะไร้สิ้นไร้เสียง อย่างไรก็ต้องให้นางมีที่พึ่งพิง”
เฉินตันเหยียนรีบพูด “ฝ่าบาททรงวางพระทัย หม่อมฉันจะให้นางฝังอยู่ในสุสานของตระกูลหลี่เพคะ”
แค่นี้ก็พอแล้ว ถือว่าไม่เป็นสัมภเวสีโดดเดี่ยว ฮ่องเต้พยักหน้าอย่างพอใจ
“ได้” เขาพูด “ตามที่หารือกับราชสำนักก่อนหน้านี้ แต่งตั้งเจ้าเป็นองค์หญิง บุตรชายของเจ้ากับบุตรชายของคุณหนูเหยาสถานปนาตำแหน่ง คุณหนูเฉิน เจ้าว่าอย่างไร”
เฉินตันเหยียนโน้มตัวอีกครั้ง “หม่อมฉัน…”
ครานี้นางยังพูดไม่ทันจบ เฉินตันจูที่คุกเข่าอยู่ด้านหลังนางเงยหน้าขึ้น
“หม่อมฉันขอคัดค้านเพคะ” นางพูด