รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 362 มีเหามากจนไม่คัน มีหนี้เยอะจนไม่กังวล!

บทที่ 362 มีเหามากจนไม่คัน มีหนี้เยอะจนไม่กังวล!

บทที่ 362 มีเหามากจนไม่คัน มีหนี้เยอะจนไม่กังวล!

หลิงอินคร้านจะพูดอะไรกับจ้าวสมุทรไปมากกว่านี้

นางมองจ้าวสมุทรแล้วกล่าวออกมาเพียง “อย่างสร้างปัญญาอีก เข้าใจหรือไม่?”

การกำราบสำฤทธิ์ผลแล้ว

นางเข้ามาในทะเลต้องห้ามได้โดยไร้ผู้ใดสามารถหยุดยั้ง จ้าวสมุทรสามารถตระหนักได้ถึงจุดนี้เป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นคงไม่เรียกนางด้วยคำว่า ‘ท่าน’

ในเร็ว ๆ นี้ทะเลต้องห้ามจะไม่กล้ามายุ่งกับนางอีกแน่

นางต้องการจะถอนรากถอนโคน ไม่ให้เกิดปัญหาใดขึ้นอีกในอนาคต สุดท้ายแล้วหากทะเลต้องห้ามยังคงอยู่ก็อาจเกิดเรื่องได้เสมอในอนาคต

ทว่าในตอนนี้ นางยังไม่มีพลังเพียงพอที่จะทำลายทั้งทะเลต้องห้ามได้

หยกคุ้มภัยเพียงทำให้นางปลอดภัยไร้กังวล แต่ไม่ได้มอบพลังให้นางสามารถใช้งานกฎแห่งมหาเต๋าในหยกคุ้มภัยได้

แต่นางเองก็ไม่ได้กังวลใจมากนัก

ความเร็วในการเลื่อนขั้นของนางรวดเร็วมาก ใช้เวลาอีกเพียงไม่นาน ทะเลต้องห้ามก็ไม่อาจนับเป็นภัยคุกคามต่อตัวนางได้

ไม่ว่าทะเลต้องห้ามจะเรียนรู้บทเรียนในครั้งนี้หรือไม่ หากยังกล้ามาก่อเรื่องอีก ครั้งหน้านางจะทำลายทะเลต้องห้ามทิ้งเสีย!

ข่มขู่!

ตักเตือน!

นี่คือการข่มขู่และตักเตือนกันอย่างโต่ง ๆ!

จ้าวสมุทรกัดฟันด้วยความเกลียดชัง แต่ทว่ามันก็ไม่กล้าแสดงออกมา

มันในตอนนี้ไร้ซึ่งหนทางจะจัดการกับอีกฝ่าย

“ข้าไปแล้ว”

หลิงอินไม่รั้งอยู่ต่อ ออกจากทะเลต้องห้ามไปในทันที

หลังนางจากไปแล้ว สีหน้าของจ้าวสมุทรก็แปรเปลี่ยนเป็นดุดันยิ่ง

“แดนสังสารวัฏ คิดว่าพวกเจ้าทำเช่นนี้จะสามารถข่มขวัญทะเลต้องห้ามได้งั้นหรือ!?”

มันเอ่ยออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “คิดอะไรอยู่กัน! ทะเลต้องห้ามจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ไปแน่!”

หลังจากนั้นมันก็กลับเข้าไปในตำหนัก ใช้วิชาลับติดต่อบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับผู้แข็งแกร่งจากโลกโบราณ

โลกโบราณแห่งนั้นต่างหากที่เป็นฐานใหญ่ของพวกมัน!

พวกมันที่อยู่บนโลกใบนี้เป็นแค่เพียงทัพหน้าเท่านั้น

ณ แดงฮวง

อาณาจักรชางหยวน

ท่ามกลางดงเขา มีสิ่งปลูกสร้างโบราณขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในส่วนลึกอันเป็นที่ตั้งของลัทธิเจี๋ยเทียน

ทว่าแห่งนี้กลับปรากฏร่างของชายชราผู้หนึ่งขึ้น

“ได้ยินมาว่าดัชนีตัดสวรรค์ของลัทธิเทียนเจี๋ยนั้นมีอานุภาพอันไม่อาจคาดเดา ถึงขนาดสามารถตัดนภาได้ วันนี้ข้าอยากจะชมดูสักครา”

ชายชราเดินเข้าไปในลัทธิเทียนเจี๋ยแล้วค่อย ๆ เอ่ยออกมา

ผู้ใดกัน!?

วาจาช่างใหญ่โตนัก!

ดัชนีตัดสวรรค์เป็นเคล็ดวิชาที่สืบทอดมาจากมหาจักรพรรดิ ใช่สิ่งที่บอกอยากจะชมก็ชมได้หรือ?

หลังจากฟังที่ชายชราพูดแล้ว คนในลัทธิเทียนเจี๋ยก็พากันโมโห

“ข้าเองก็ไม่อยากลงมือเท่าไหร่นัก”

สีหน้าของชายชราเฉยเมย ขณะปลอปล่อยพลังปราณของตนออกมา

“มหา…จักรพรรดิ!”

“เจ้า…เจ้า…เจ้า!”

สมาชิกของลัทธิเจี๋ยเทียนต่างพากันหวาดกลัวจนแข็งขาสั่น นี่คือปราณของมหาจักรพรรดิ!

“ท่านคือบรรพชนตระกูลหาน!”

ผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนที่อยู่ที่นี่จำตัวตนของชายชราผู้นี้ได้

ในสมัยโบราณกาลมีมหาจักรพรรดิอยู่จำนวนไม่น้อย ในตอนแรกเขาจึงเพียงแค่รู้สึกคุ้นเคย หลังครุ่นคิดสักครู่ ในที่สุดก็จำชายชราได้

นี่คือมหาจักรพรรดิแห่งตระกูลหาน

แปลกจริง

มหาจักรพรรดิแห่งตระกูลหานผู้นั้นไม่ได้ตายไปตั้งแต่สมรภูมิครั้งใหญ่สมัยโบราณหรอกหรือ?

ในใจเขาเกิดความรู้สึกงงงวย เหตุใดมหาจักรพรรดิแห่งตระกูลหานยังคงมีชีวิตอยู่?

ถูกแล้ว ชายชราผู้นี้เป็นมหาจักพรรดิตระกูลหานที่รอดชีวิตมาจากสมรภูมิครั้งโบราณ

เรื่องราวทั้งหมดล้วนไม่อาจหวนคืนได้ ตระกูลหานได้ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหญ่ เป็นไปไม่ได้ที่จะแก้ไข ยอดนิกายอาจมาเยือนยังตระกูลหานเมื่อใดก็ได้

และยามที่ยอดนิกายมาเยือนตระกูลหาน นั่นย่อมหมายความว่าพวกเขาจะต้องสูญเสียอิสระภาพ ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของยอดนิกาย

ดังนั้นเขาจึงออกมาจากตระกูลหานแต่ไม่ได้ต้องการจะหลบหนี เพราะการหนีไม่ใช่สิ่งที่สามารถทำได้ จึงไม่จำเป็นต้องหนี

เขาออกมาจากตระกูลหานก็เพราะต้องการจะทำสิ่งที่เขาอยากทำก่อนจะสูญเสียอิสระภาพไป

ทว่าเมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ยังกรุ่นโกรธเป็นอย่างมาก

จะไม่โกรธได้อย่างไร?

เมื่อถูกปลุกขึ้นมาก็ได้ยินว่าทั้งตระกูลหานกำลังจะต้องพบกับจุดจบอันน่าสังเวช!

“เร็วเข้า ความอดทนของข้ามีอยู่จำกัด อย่างบังคับให้ข้าต้องลงมือ!”

เมื่อนึกถึงเรื่องที่ทำให้เขาโกรธขึ้นมา เขาก็กล่าวขึ้นมากับผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนอย่างไร้ความอดทน

“ผู้อาวุโส โปรดอย่าบีบคั้นพวกเรามากเกินไป!”

ผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนเอ่ยออกมาอย่างไม่ประนีประนอม

เขาจะประนีประนอมได้อย่างไร?

ดัชนีตัดสวรรค์เป็นเคล็ดวิชาที่สืบทอดมาจากมหาจักรพรรดิ เป็นหัวใจสำคัญของลัทธิเจี๋ยเทียน พวกเขาจะปล่อยให้มหาจักรพรรดิตระกูลหานดูตามใจชอบได้อย่างไร

เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาจึงเปิดค่ายกลคุ้มกันของลัทธิเจี๋ยเทียนขึ้นมาอย่างรวเร็ว

“ไม่เห็นเลือดก็ไม่ยอมเชื่อฟังสินะ!”

มหาจักพรรดิตระกูลหานพูดออกมาด้วยเสียงเย็นชา ก่อนจะใช้พลังอันทรงพลานุภาพโจมตีออกไปสังหารสมาชิกจำนวนมากของลัทธิเจี๋ยเทียนในทันที

แม้ว่าผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนจะใช้ค่ายกลเพื่อหยุดยั้งมันแล้ว แต่กลับไม่อาจต้านท้านได้ พลังของมหาจักพรรดินั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป!

“ท่าน!”

ผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนกัดฟันเอ่ยออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยโทสะ

จักรพรรดิตระกูลหานผู้นี้เป็นบ้าไปแล้วหรือ?

เห็นได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายใกล้ตายเต็มที ร่างกายไม่หลงเหลือปราณชีวิตอยู่มากแล้ว กลับยังกล้าลงมือครั้งใหญ่เช่นนี้ได้อย่างไร?

สิ่งนี้จะเร่งความตายของจักรพรรดิตระกูลหานให้เข้ามาเร็วกว่าเดิมอย่างมิต้องสงสัย!

เป็นไปได้หรือไม่ว่ามหาจักรพรรดิตระกูลหานต้องการจะทำเรื่องยิ่งใหญ่ทิ้งไว้ก่อนตาย?

“ยังไม่นำมันออกมาอีก? หรือต้องการให้ข้าสังหารทุกคนที่อยู่ที่นี่?”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานกล่าวออกมาเสียงเย็นเยียบ

พูดได้ว่าเขาในตอนนี้ไม่มีห่วงต้องพะวง อยากจะลงมือเท่าไรก็ลงมือเท่านั้น

อย่างไรเสียหนทางเบื้องหน้าเขาก็มีแต่ความตาย ดังนั้นเหตุใดเขาจึงต้องมามัวพะวงอะไรอีก?

ตายไปเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็ดี เขาจะได้ไม่ต้องไปต่อสู้เข่นฆ่ากับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวน

เขาเคยต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนมาก่อน จึงรู้ว่าสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนดุร้ายมากเพียงใด หากจำเป็นต้องไปต่อสู้ในสมรภูมิกับสิ่งมีชีวิตจากอาณาจักรเทียนหยวนจริง เกรงว่ายามนั้นแม้จะตายดีก็ยังเป็นเรื่องยาก!

ส่วนเรื่องจะนำปัญหาไปสู่ตระกูลหานนั้นเขาเองก็ไม่กลัว

มีเหามากจนไม่คัน มีหนี้เยอะจนไม่กังวล*[1] อย่างไรเสียตระกูลหานก็ทำให้ยอดนิกายขุ่นเคืองไปแล้ว คิดมากไปก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้

“ข้าจะนำมันมา!”

สุดท้ายผู้นำลัทธิเจี๋ยเทียนก็ยอมประนีประนอม นำเคล็ดวิชาดัชนีตัดสวรรค์ออกมา

ค่ายกลป้องกันไม่สามารถทำสิ่งใดได้ อีกทั้งมหาจักรพรรดิเผ่าหานก็เป็นบ้าไปแล้ว หากเขาไม่นำมันออกมา เกรงว่าสมาชิกทั้งหมดของลัทธิเจี๋ยเทียนไม่แคล้วถูกอีกฝ่ายสังหารลงจริง ๆ

“ไม่เลว ไม่เลว บรรพจารย์ของลัทธิเจี๋ยเทียนช่างไม่ธรรดา ถึงขนาดสามารถสร้างเคล็ดวิชาอันน่าอัศจรรย์เช่นนี้ออกมาได้”

หลังจากได้ดูแล้ว มหาจักรพรรดิตระกูลหานก็กล่าวออกมาด้วยความชื่นชม

หลังจากนั้นเขาก็จากลัทธิเจี๋ยเทียนไป

เขาไม่ได้นำเคล็ดวิชาติดไปด้วย

เพราะมันไร้ประโยชน์ที่จะนำไป หลังจากยอดนิกายมาเยือนตระกูลแล้ว อย่างไรเขาก็ต้องส่งมันคืน เป็นไปไม่ได้ที่ยอดนิกายจะยอมให้เขาเก็บเคล็ดวิชาของลัทธิเจี๋ยเทียนเอาไว้ จำเป็นต้องส่งคืนเจ้าของ

อย่างไรเสียยอดนิกายก็ไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งภายใน

เพียงแค่เขาได้ชมมันก็เพียงพอแล้ว

“จะไปที่ไหนต่อดีนะ?”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานหยุดพัก ครุ่นคิดว่าต้องการจะทำสิ่งใดต่อไปบนยอดเขาแห่งหนึ่ง

ชีวิตของเขาเหลืออยู่อีกไม่นานแล้วจึงพยายามใช้มันอย่างคุ้ม นั่นคือการทำในสิ่งที่ตนอยากจะทำ!

“อืม ไปที่ตระกูลอู่เพื่อลิ้มลองชาจักรพรรดิที่สะสมเอาไว้ ไปดื่มโลหิตวิหคของเผ่าวิหคทอง จากนั้นก็ไปอาบน้ำในบ่อน้ำนำโชคของวังเทพธิดาพร่างพราย…”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานนึกสิ่งที่เขาอยากจะทำขึ้นมา

มีเรื่องจำนวนมากที่เขาอยากจะทำ แต่ไม่กล้าทำมาก่อน

ไม่ว่าจะเป็นตระกูลอู่ เผ่าวิหคทอง หรือวังเทพธิดาพร่างพราย ล้วนเป็นเหมือนตระกูลหานที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณกาล

ทว่าตอนนี้ไม่มีอะไรที่เขาต้องกลัวแล้ว เขาต้องการเติมเต็มปณิธานตัวเองก่อนที่จะตาย!

ถึงอย่างไรแล้ว กองกำลังเหล่านี้ก็ไม่มีทางทำอะไรเขาได้

เขารู้ดีว่ากองกำลังเหล่านี้ไม่มีมหาจักรพรรดิที่มีชีวิตเหลือรอดอีก

“ใช่แล้ว ข้าลืมเขาหลิงซานของพุทธศาสนาไปได้อย่างไร! ที่นั่นเป็นเขาต้นกำเนิดของศาสนาพุทธ เป็นสถานที่ที่ข้าเคยอยากไปมากที่สุด”

เขาตบหัวตนเองแล้วกล่าวออกมา “อืม สุดท้ายข้าจะไปเที่ยวชมเขาหลิงซาน จะได้เข้าใจเส้นสนกลในของศาสนาพุทธ”

ศาสนาพุทธนั้นลึกลับไม่อาจคาดเดาได้ คนทั่วโลกล้วนอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก

กระทั่งเขาเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

[1] มีเหามากจนไม่คัน มีหนี้เยอะจนไม่กังวล (虱子多了不痒,债多了不愁) เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่า มีความยากลำบากมากมาย จนปลงคิดว่าไม่สามารถแก้ไขได้ จึงไม่ไปใส่ใจปัญหาเหล่านั้นแล้ว

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท