ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 375 อนุภรรยาคนใหม่(ปลาย)

ตอนที่ 375 อนุภรรยาคนใหม่(ปลาย)

ไม่ได้​ดื่ม​ชาคา​รวะ​นาย​หญิง​ ​ถือว่า​พิธี​ไม่สำเร็จ​ ​หาก​พิธี​สำเร็จ​ก็​ไม่​ถือว่า​เป็น​อนุภรรยา​ของ​ท่าน​โหว

สำหรับ​คนอื่น​ ​อาจจะ​พูด​เช่นนี้​ได้​ ​แต่​สำหรับ​สกุล​หยาง​มัน​ไม่​เหมือนกัน​ ​นาง​มีพ​ระ​ราช​กฤษฎีกา​

ป้า​ซ่ง​เล่า​เหตุการณ์​ตอนนั้น​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง​ ​แต่​สือ​อี​เหนียง​กลับใจ​ลอย​

สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​ขุนนาง​การเมือง​ ​ผ่าน​ไป​นาน​เข้า​ ​เขา​อาจจะ​ได้รับ​ผลกระทบ​จาก​สภาพแวดล้อม​การทำงาน​ ​เขา​อาจจะ​กำลัง​วางแผน​ ​อาจจะ​กำลัง​อดทน​ ​แต่​เขา​ไม่มีทาง​บุ่มบ่าม​หรือ​ประมาท​เพราะ​ความรู้สึก​

ที่​เขา​ทำ​เช่นนี้​ ​มันต​้​อง​มีเหตุผล​แน่นอน​

แต่​นาง​คิดไม่ออก​จริงๆ​ ​ว่า​เหตุผล​อะไร

แต่​ไม่ว่า​ความจริง​จะ​เป็น​เช่นไร​ ​สตรี​สกุล​หยาง​เป็น​คน​ของ​ไท​เฮา​ ​แล้วยัง​แต่ง​เข้ามา​ใน​จวน​สกุล​สวีตาม​ขนบธรรมเนียม​ ​ใน​สายตา​ของ​ผู้คน​ ​สตรี​สกุล​หยาง​ก็​คือ​อนุภรรยา​ของ​เขา​แล้ว​ ​หรือว่า​คนอื่น​จะ​ปฏิเสธ​ว่า​สตรี​สกุล​หยาง​ไม่ใช่​อนุภรรยา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เพียง​เพราะ​นาง​ไม่ได้​ดื่ม​ชาคา​รวะ​ตัวเอง​เช่นนั้น​หรือ​ ​หรือว่า​เมื่อ​ไท​เฮา​สวรรคต​แล้ว​ ​เขา​สามารถ​ใช้​ข้ออ้าง​นี้​ไล่​สตรี​สกุล​หยาง​ออก​ไป​จาก​จวน​เช่นนั้น​หรือ​ ​เขา​ทำ​เช่นนี้​ ​นอกจาก​อยาก​ทำให้​สตรี​สกุล​หยาง​รู้​ว่า​เขา​ไม่สน​ใจ​ตัวเอง​แล้ว​ไม่พอใจ​ ​นอกจาก​อยาก​ให้​ทุกคน​รู้​ว่า​เขา​ไม่พอใจ​กับ​เรื่อง​นี้​ ​มัน​ยัง​จะ​มี​ข้อดี​อะไร​อีก

ถึงแม้ว่า​เขา​พร้อม​ที่จะ​หย่า​กับ​สตรี​สกุล​หยาง​เมื่อ​ฮ่องเต้​แตกแยก​กับ​สกุล​หยาง​ ​แต่​ตอนนี้​ ​ฮ่องเต้​เป็น​คน​ตอบ​ตกลง​เรื่อง​แต่งตั้ง​อนุภรรยา​ ​นาง​คือ​คน​ของ​ไท​เฮา​ ​เขา​สามารถ​ถือโอกาส​นี้​โปรดปราน​สกุล​หยาง​ ​ถึง​จะ​สามารถ​ทำให้​ฮ่องเต้​พอใจ​ ​ทำให้​ไท​เฮา​พอใจ​ ​แล้วยัง​สามารถ​ใช้​เรื่อง​นี้​เป็น​ข้ออ้าง​ใน​การ​ไป​ขอร้อง​ความยุติธรรม​จาก​ฮ่องเต้​ใน​เวลา​ที่​คับขัน

ได้เปรียบ​แล้วแต่​ยัง​ทำ​เรื่อง​ไม่มีเหตุผล​!

นี่​คือ​ใบหน้า​ที่แท้​จริง​ของ​ขุนนาง​การเมือง​ที่​มีคุณ​สมบัติ​เหมาะสม​หรือ

สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​อะไร​ไป

คิด​เช่นนี้​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​มอง​ไป​ที่​ป้า​ซ่ง

ภายใต้​แสงไฟ​ ​ป้า​ซ่ง​กำลัง​พูด​ด้วย​ใบหน้า​ที่​มีความสุข​

“​ป้า​ซ่ง​”​ ​สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ขัดจังหวะ​นาง​ ​“​หยาง​อี๋​เหนียง​แต่ง​เข้ามา​ตาม​พระราชกฤษฎีกา​”

เสียงพูด​ที่​มีความสุข​ของ​ป้า​ซ่ง​พลัน​หยุดชะงัก​ทันที

“​ตราบใดที่​แต่ง​เข้ามา​แล้ว​ ​ก็​คือ​อนุภรรยา​ของ​ท่าน​โหว​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เตือน​นาง​เบา​ๆ

“​แต่​ ​แต่ว่า​…​”​ ​ป้า​ซ่ง​คิด​ว่า​สือ​อี​เหนียง​พูด​มีเหตุผล​ ​แต่​เมื่อ​นึกถึง​ภาพ​เหตุการณ์​ใน​ตอนนั้น​ ​นาง​ก็​คิด​ว่า​สือ​อี​เหนียง​พูด​นั้น​ผิด​ ​แต่​มัน​ผิด​ตรงไหน​ ​นาง​ก็​บอก​ไม่ได้​ ​ทำได้​แค่​พึ่งพา​สัญชาตญาณ​ของ​ตัวเอง​ ​“​แต่ว่า​ท่าน​โหว​ไม่​ให้​นาง​ดื่ม​ชาคา​รวะฮู​หยิน​ ​ก็​หมายความว่า​ท่าน​โหว​ไม่ยอมรับ​นาง​เจ้าค่ะ​”

ใช่​สิ​ ​นี่​คือ​เรื่อง​ที่​ทำให้​คน​สงสัย​!

หาก​ไม่พอใจ​จริงๆ​ ​ปล่อย​ให้​นาง​อยู่​ที่นั่น​ก็ได้​ ​ทำไม​ต้อง​คิดเล็กคิดน้อย​กับ​เรื่อง​เช่นนี้​

สือ​อี​เหนียง​ไม่เข้าใจ​ ​นาง​ไล่​สาวใช้​ที่อยู่​ใน​ห้อง​ออก​ไป​ ​จากนั้น​ก็​ให้​หู่​พั่ว​รับใช้​นาง​พักผ่อน

อยู่​ด้วยกัน​มานาน​ ​นาง​ยิ่ง​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​และ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​คน​สอง​คนที​่​นิสัย​คล้าย​กัน​มาก

พวกเขา​ล้วนแต่​หวัง​ว่า​ตัวเอง​จะ​มีอำนาจ​มากขึ้น​เพื่อ​รับรอง​ว่า​ตัวเอง​จะ​มีชีวิต​ที่​ดีขึ้น​ ​พวกเขา​ล้วนแต่​ยอม​แบกรับ​ความรับผิดชอบ​และ​ภาระ​ที่​ตัวเอง​ต้อง​แบกรับ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เป็น​หย่ง​ผิง​โหว​ ​ดังนั้น​เขา​ต้อง​รับผิดชอบ​ความเจริญรุ่งเรือง​ของ​สกุล​ ​ความเจริญรุ่งเรือง​ของ​ลูกหลาน​ ​และ​ดูแล​ทุกคน​ใน​ครอบครัว​ ​นาง​เป็นฮู​หยิน​หย่ง​ผิง​โหว​ ​ดังนั้น​นาง​จึง​มีหน้า​ที่​ดูแล​ส่วนกลาง​ของ​จวน​ ​เคารพ​ไท่ฮู​หยิน​ ​สร้างความสัมพันธ์​ที่​ดี​กับ​บรรดา​ลูกสะใภ้​ ​จัดการ​บรรดา​อนุภรรยา​และ​ดูแล​ลูก​ๆ​ ​ให้​ดี.​..​เมื่อ​ตั้งหลัก​มั่นคง​แล้ว​ ​นาง​ก็​จะ​เริ่ม​คบหาสมาคม​กับ​สหาย​ ​เปิดร้าน​เย็บปักถักร้อย​ ​บริหาร​สินเดิม​ ​อยาก​มีสั​งคม​เป็น​ของ​ตัวเอง​ ​แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ดูเหมือนว่า​ไม่เคย​เห็น​เขา​วางแผน​ให้​ตัวเอง​ ​หรือว่า​ ​เขา​อาจจะ​วางแผน​แล้ว​นาง​ไม่รู้​ ​พวกเขา​ทั้งสอง​คน​ ​เขา​มักจะ​อยู่​ข้างนอก​ ​ความดี​ของ​เขา​นาง​มองไม่เห็น​ ​นาง​มักจะ​อยู่​ข้างใน​ ​แค่​มี​อะไร​เคลื่อนไหว​เขา​ก็​รู้​แล้ว​…

ท่ามกลาง​ความมืด​มิด​ ​มี​คนพูด​พึมพำ​ข้าง​หู​นาง​ว่า​ ​“​มั่ว​เหยี​ยน​”

สือ​อี​เหนียง​ค่อยๆ​ ​ลืมตา​ขึ้น​ช้าๆ

ท่ามกลาง​ม่าน​เตียง​ที่​คลุมเครือ​ ​มีด​วง​ตา​ที่​เป็นประกาย​คู่​หนึ่ง​อยู่​ตรงหน้า​นาง​ ​ราวกับ​ดวงตา​ของ​เสือดาว​ที่ซ่อน​ตัว​ซุ่ม​มอง​คน​อยู่​ใน​ป่า

สือ​อี​เหนียง​ตกใจ​อย่างมาก​ ​พลัน​ตา​สว่าง​ขึ้น​ทันที​ ​ถอยหลัง​หนี​โดยสัญชาตญาณ​ ​“​ท่าน​โหว​ ​ท่าน​จะ​ทำ​อะไร​เจ้า​คะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​มองดู​สีหน้า​หวาดกลัว​บน​ใบหน้า​เรียว​เล็ก​ของ​นาง​ ​ทันใดนั้น​เขา​ก็​นึกถึง​ผู้หญิง​ที่​ถูก​พวก​อัธ​พาล​ขืนใจ​บน​ถนน​ขึ้น​มา​ ​เขา​อยาก​จะ​หัวเราะ​ ​แต่กลับ​กลั้น​ไว้​แล้ว​พูด​ด้วย​สีหน้า​ที่​เย็นชา​ ​“​ข้า​จะ​ทำ​อะไร​…​”​ ​เขา​ขยับ​เข้าไป​ใกล้​นาง

ใบหน้า​ของ​เขา​แดงก่ำ​ ​แล้วยัง​มีกลิ่น​สุรา​ออกมา​จาก​ลมหายใจ​ ​ถึงแม้ว่า​เขา​จะ​ทำ​หน้า​เคร่งขรึม​ ​แต่​แววตา​ของ​เขา​กลับ​เต็มไปด้วย​รอยยิ้ม​

สือ​อี​เหนียง​อด​หัวเราะ​ไม่ได้

เหตุใด​ตน​ถึง​ถาม​เช่นนั้น​เล่า​!

เมื่อ​เห็น​นาง​หัวเราะ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​อด​หัวเราะ​ตาม​ไม่ได้​ ​เขา​ยิ้ม​แล้ว​จับมือ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ลุกขึ้น​ ​ช่วย​ข้า​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​!​”

สือ​อี​เหนียง​ถึง​ได้​เห็น​ว่า​เขา​ยัง​สวม​เสื้อผ้า​ไหม​ตัว​นั้น​อยู่​ ​แต่ว่า​มัน​ยับยู่ยี่​ไป​หมด

สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​นาง​สำรวจ​มอง​ตัวเอง​ ​จึง​บ่น​ขึ้น​พึมพำ​ ​“​เจ้า​หมอนั​่น​ฟั่น​เหวย​กัง​ให้​คน​นำ​สุรา​เซา​เตา​จาก​เซ​วี​ยนถ​งมา​ให้​ข้า​ตั้ง​สอง​ลำ​รถม้า​”​ ​เขา​พูด​แล้วก็​ยืน​ขึ้น​ด้วย​สายตา​ที่​เป็นประกาย​ ​“​ซุ่น​อ๋อง​อยาก​จะ​แข่ง​ดื่ม​สุรา​กับ​ข้า​ ​แต่กลับ​แพ้​ข้า​ ​ตอนนี้​เขา​กำลัง​นอน​อยู่​ใน​ห้องรับแขก​ที่​จวน​เรา​!​”​ ​เขา​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​ภาคภูมิใจ​ ​จากนั้น​ก็​จับมือ​สือ​อี​เหนียง​อีกครั้ง​ ​“​ลุกขึ้น​มา​เปลี่ยนเสื้อ​ผ้า​ให้​ข้า​!​”​ ​พูด​ด้วย​ความเย่อหยิ่ง

สือ​อี​เหนียง​จึง​ตระหนัก​ได้​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​เมา​แล้ว​

พูด​เหตุผล​กับ​คนเมา​ ​ก็​แค่​หาเรื่อง​ให้​ตัวเอง​

สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​พูด​อะไร​ ​นาง​ยืน​ขึ้น​อย่าง​อ่อนโยน​ ​เรียก​สาวใช้​ตัก​น้ำ​เข้ามา​แล้ว​เดิน​ไป​ที่​ห้อง​ชำระ​กับ​เขา​

มอง​จาก​ข้างหลัง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก้าว​ขา​อย่างมั่นคง​ ​แต่​เมื่อ​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้องน้ำ​ ​เขา​ก็​นั่งลง​บน​เก้าอี้​จน​ลุก​ไม่​ขึ้น​

สาวใช้​เดิน​เข้าไป​ก็​ถูก​เขา​เบิกตา​ใส่​ ​นาง​ตกใจ​จน​ตัวสั่น

สือ​อี​เหนียง​จึง​ต้อง​รับใช้​เขา​อาบน้ำ

สวี​ลิ่ง​อี๋​เงียบ​อยู่​ตลอด​ ​ปิดปาก​แน่น​สนิท​ ​ไม่​พูด​อะไร​กับ​นาง​แม้แต่​ประโยค​เดียว

นาง​เคย​เห็น​ผู้ชาย​เมา

ปกติ​พวกเขา​มักจะ​กล้า​พูด​เรื่อง​ที่​ตอน​มีสติ​สัมปชัญญะ​ไม่กล้า​พูด​ ​ทำ​ใน​เรื่อง​ที่​ตอน​มีสติ​สัมปชัญญะ​ไม่กล้า​ทำ

คนที​่​เหมือนกับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​นาง​พึ่ง​เคย​เจอ​เป็นครั้งแรก​

ดื่มเหล้า​จน​เมา​ขนาด​นี้​ ​แต่กลับ​ไม่​พูด​อะไร​ ​ไม่​ทำ​อะไร​สัก​อย่าง​

แต่​นาง​เข้าใจ​ความรู้สึก​นั้น

เหมือนกับ​นาง​เอง​ ​ความจริง​แล้ว​นาง​ดื่ม​สุรา​เป็น​ ​แต่​นาง​ไม่เคย​กล้า​ที่จะ​ดื่ม​อย่างเต็มที่​ ​หาก​อยาก​ดื่ม​ ​ก็​จะ​ดื่ม​นิดหน่อย​ ​แต่​จะ​ต้อง​อยู่​ใน​ขอบเขต​ที่​ตัวเอง​กำหนด​เอาไว้​ ​เพราะ​นาง​กลัว​ว่า​หาก​ตัวเอง​ดื่ม​จน​เมา​แล้ว​ ​จะ​พูด​เรื่อง​ที่​ไม่​ควร​พูด​ ​ทำ​ใน​เรื่อง​ที่​ไม่​ควร​ทำ​

คิด​เช่นนี้​ ​จู่ๆ​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​รู้สึก​แน่นหน้าอก​

นาง​รับใช้​สวี​ลิ่ง​อี๋​แต่งตัว​ ​จากนั้น​ก็​ประคอง​เขา​ไป​ที่​เตียง​ช้าๆ

หู่​พั่ว​เดิน​เข้ามา​ ​“​ท่าน​โหวต​รง​กลับมา​ที่​เรือน​หลัก​เลย​เจ้าค่ะ​”​ ​นาง​พูด​เบา​ๆ​ ​“​ไม่ได้​ไป​ที่​เรือน​ของ​หยาง​อี๋​เหนียง​”

สือ​อี​เหนียง​มองดู​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่นอน​ตะแคง​หลับ​ไป​แล้ว​ ​ลังเล​อยู่​ครู่หนึ่ง​แล้ว​พูดว่า​ ​“​ให้​เขา​นอน​ที่​เรือน​ของ​ข้า​เถิด​ ​เจ้า​ไป​บอก​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ ​แล้วก็​ไป​บอก​หยาง​อี๋​เหนียง​ ​บอกว่า​ท่าน​โหว​เมา​มาก​แล้ว​!​”

หู่​พั่ว​ตอบรับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

สือ​อี​เหนียง​ห่ม​ผ้า​ให้​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​วาง​น้ำเย็น​ลง​บน​โต๊ะ​ข้าง​เตียง​ ​จากนั้น​ก็​เป่า​ตะเกียง​แล้ว​หลับ​ไป

นาง​ถูก​ปลุก​ตื่น​กลางดึก​ ​“​มั่ว​เหยี​ยน​ ​ริน​ชาเย็น​ให้​ข้า​สัก​ถ้วย​”

สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​แล้ว​ยื่น​น้ำเย็น​ให้​เขา

สวี​ลิ่ง​อี๋​ดื่ม​จน​หมด​ ​พลิกตัว​แล้วก็​นอนหลับ​ไป​อีกครั้ง

สือ​อี​เหนียง​กลัว​ว่า​ประเดี๋ยว​เขา​จะ​อยาก​ดื่ม​น้ำ​อีก​ ​จึง​ลุกขึ้น​ไปริ​นน​้ำ​ร้อน​ไว้​ปล่อย​ให้​มัน​เย็น

แต่กลับ​มีเสียง​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​มั่ว​เหยี​ยน​ ​เจ้า​จะ​ไป​ไหน​”

สือ​อี​เหนียง​ตอบรับ​จากนั้น​ก็​เดิน​ไป​ขึ้น​เตียง​

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยังคง​หลับตา​ ​เขา​กอด​นาง​เข้ามา​ใน​อ้อมแขน​ด้วย​ความ​มึนงง​ ​จากนั้น​ก็​หลับ​ไป​อีกครั้ง

สือ​อี​เหนียง​ถูก​เขา​ทับ​ ​นาง​พลิกตัว​ไปมา​ตั้ง​นาน​กว่า​จะ​หา​ตำแหน่ง​ที่​สบาย​ตัว​ได้​แล้ว​หลับตา

กำลัง​ง่วง​ก็​ถูก​ปลุก​ตื่น​อีกครั้ง​ ​“​ชา​!​”

สือ​อี​เหนียง​ลุกขึ้น​ไปริน​ชา​ให้​เขา

คืนนี้​ก็​ผ่าน​ไป​เช่นนี้

สือ​อี​เหนียง​ดู​เหนื่อยล้า​ ​ส่วน​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ไม่สบาย​ตัว​ ​เขา​นวด​ขมับ​แล้ว​เรียก​บ่าว​รับใช้​เข้ามา​ถามหา​ซุ่น​อ๋อง​ ​“​หมอนั​่น​ตื่น​แล้ว​หรือยัง​”​

“​ยัง​ขอรับ​!​”​ ​บ่าว​รับใช้​พูด​อย่างระมัดระวัง​ ​“​หลิน​ปัว​ไป​เชิญ​หมอ​หลวง​มา​แล้ว​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​นอนลง​อีกครั้ง​ ​“​บอก​ให้​หมอ​หลวง​เข้ามา​สั่ง​ยา​ให้​ข้า​ด้วย​”

บ่าว​รับใช้​ตอบรับ​แล้ว​เดิน​ออก​ไป

สือ​อี​เหนียง​ให้​คน​ไป​ต้ม​ข้าวต้ม​มา​ ​“​ท่าน​โหว​ทาน​สักหน่อย​เถิด​เจ้าค่ะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​ฝืน​ทาน​ไป​ครึ่ง​ชาม​

บรรดา​อี๋​เหนียง​ก็​มาคา​รวะ​นาง​

สือ​อี​เหนียง​เห็น​ว่า​สวี​ลิ่ง​อี๋​ไม่ได้​จะ​ลุกขึ้น​ ​นาง​จึง​วาง​หมอน​หนุนหลัง​ให้​เขา​ ​จากนั้น​ก็​ลุกขึ้น​แล้ว​เดิน​ออก​ไป​ที่​ห้องโถง

ท่ามกลาง​ฝูงชน​ ​นาง​เห็น​หยาง​อี๋​เหนียง​อย่างรวดเร็ว

อายุ​ราว​สิบห้า​สิบ​หก​ปี​ ​สูง​ปานกลาง​แต่​รูปร่าง​อรชร​ ​นาง​สวม​เสื้อกั๊ก​ยาว​สีชมพู​เรียบๆ​ ​ม้วน​ผม​เป็น​มวย​อย่างเรียบร้อย​ ​ปักปิ่น​ปัก​ผม​ดอก​กล้วยไม้​หยก​ ​ผิวขาว​ ​หน้า​รูปไข่​ ​คิ้ว​เรียว​ ​ตาโต​ ​หาง​ตา​ชี้​ขึ้น​ ​ท่ามกลาง​สายลม​ที่​พัดมา​ทำให้​นาง​ดู​เปี่ยม​ไป​ด้วย​เสน่ห์​ ​แล้ว​นาง​ยัง​มีสี​หน้า​และ​ท่าที​ที่​สง่างาม​ ​มีท​่า​ที​ขี้อาย​ของ​บุตรสาว​สกุล​ใหญ่​สกุล​โต​ ​ทำให้​ผู้คน​อด​ไม่ได้​ที่จะ​จ้องมอง​ ​อยากรู้​ว่า​สตรี​คน​นี้​มีเสน่ห์​หรือว่า​ขี้อาย​กัน​แน่

ความ​มีเสน่ห์​ของ​นาง​ ​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​ตกใจ

นาง​เข้าใจ​แล้ว​ว่าความ​เงียบ​ใน​ห้องโถง​ที่เกิด​ขึ้น​เมื่อวาน​มา​ได้​เช่นไร

ทันใดนั้น​ก็​มี​คน​เดิน​ออกมา​ข้างๆ

นาง​ย่อเข่า​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​แล้ว​เดิน​เข้าไป​ประคอง​นาง​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​ท่าน​นั่ง​ตรงนี้​เถิด​เจ้าค่ะ​”​ ​พานาง​เดิน​ไป​ที่​เก้าอี้​ใน​ห้องโถง

นาง​คือ​เฉียว​เหลียน​ฝัง

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​แล้ว​พยักหน้า​ให้​นาง​ ​มอง​นาง​ตั้งแต่​หัว​จรด​เท้า​เงียบๆ

นาง​สวม​เสื้อผ้า​ไหม​สีแดง​ ​ม้วน​ผม​เป็น​มวย​สูง​ ​ประดับ​ด้วย​ดอก​โบตั๋น​สีขาว​ ​สวม​ต่างหู​สีเขียว​มรกต​ ​ทำให้​นาง​ดู​หรูหรา​เกินไป​

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​แอบ​ถอนหายใจ​

ล้วนแต่​เป็น​อนุภรรยา​เหมือนกัน​ ​หยาง​อี๋​เหนียง​ดู​สง่างาม​ ​เดิมที​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ชนะ​หยาง​อี๋​เหนียง​ตรง​ความอ่อนหวาน​ ​แต่​ตอนนี้​นาง​กลับ​ทำตัว​สง่างาม​ราวกับ​กลัว​ว่า​คนอื่น​จะ​ไม่รู้​…

นาง​นั่งลง​ ​แต่​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ยังคง​ยืน​อยู่​ข้าง​นาง​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​และ​หยาง​อี๋​เหนียง​เดิน​เข้ามา​คำนับ​สือ​อี​เหนียง​ ​จากนั้น​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ก็​ชี้​ไป​ที่​หยาง​อี๋​เหนียง​แล้ว​พูดว่า​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​นี่​คือ​หยาง​อี๋​เหนียง​”

หยาง​อี๋​เหนียง​คุกเข่า​ลง​ข้างหน้า​สือ​อี​เหนียง​ ​“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​ ​ข้า​สกุล​หยาง​ ​ก้มหัว​ให้ฮู​หยิน​เจ้าค่ะ​”​ ​จากนั้น​ก็​ก้มหัว​ให้​สือ​อี​เหนียง​สาม​ครั้ง​ด้วย​ความเคารพ​ ​คำนับ​อีกครั้ง​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​เอ่ย​เรียก​ป้า​หยาง​ ​สตรี​อายุ​ราว​สามสิบ​กว่า​ปี​เดิน​เข้ามา​ ​นาง​สวม​เสื้อ​สีฟ้า​ ​ถือ​ถาด​สีแดง​ที่​มี​รองเท้า​ปัก​สีแดง​สอง​คู่​

“ฮู​หยิน​เจ้า​คะ​”​ ​นาง​หยิบ​รองเท้า​ขึ้น​มา​ ​“​นี่​คือ​รองเท้า​ที่​ข้า​ทำให้ฮู​หยิน​ ​ไม่รู้​ว่า​พอดี​กับ​ท่าน​หรือไม่​ ฮู​หยิน​ลอง​สวม​ดูเถิด​”

หู่​พั่ว​รับ​มายื​่น​ให้​สือ​อี​เหนียง

ปัก​ลาย​นกแก้ว​และ​ดอก​เหมย​ ​เย็บ​อย่างประณีต​ ​ใช้​สี​อย่างพิถีพิถัน​ ​หาก​หยาง​อี๋​เหนียง​เป็น​คน​ทำ​เอง​จริงๆ​ ​เช่นนั้น​นาง​คงจะ​เย็บปักถักร้อย​เก่ง​ไม่น้อย

“​ลำบาก​หยาง​อี๋​เหนียง​แล้ว​!​”​ ​นาง​บอก​ให้​หู่​พั่ว​เก็บ​รองเท้า​นั้น​ไว้​ ​“​งาน​ปัก​ไม่เลว​เลย​ทีเดียว​”​ ​จากนั้น​ก็​ชี้​ไป​ยัง​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ ​“​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​เจ้า​คงจะ​รู้จัก​แล้ว​ ​ข้า​คง​ไม่​แนะนำ​ไปมา​กก​ว่านี​้​”​ ​แล้ว​ชี้​ไป​ที่​ฉิน​อี๋​เหนียง​ ​“​นี่​คือ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ ​มารดา​ของ​คุณชาย​น้อย​สอง​สกุล​เรา​”

ตั้งแต่​สวี​ซื่อ​อวี​้​จากไป​นาง​ก็​ไม่สบาย​ ​สือ​อี​เหนียง​บอก​ให้​นาง​ไม่ต้อง​มาคา​รวะ​เช้า​เย็น​ ​แต่​นาง​ก็​ยัง​มาคา​รวะ​สือ​อี​เหนียง​ตรงเวลา​ทุกวัน​ ​สือ​อี​เหนียง​จึง​ตามใจ​นาง​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​หน้าแดง​ ​ทำให้​นาง​ดู​ไม่​ค่อย​มีความสุข​ ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​แนะนำ​นาง​ให้​หยาง​อี๋​เหนียง​รู้จัก​ ​ก็​รีบ​ย่อเข่า​คำนับ​หยาง​อี๋​เหนียง​ ​ทำเอา​หยาง​อี๋​เหนียง​ตกใจ​ ​แล้ว​รีบ​ย่อเข่า​คำนับ​กลับ​อย่างรวดเร็ว

สุดท้าย​สือ​อี​เหนียง​ก็​ชี้​ไป​ที่​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ ​“​นี่​คือ​เฉียว​อี๋​เหนียง​”

เช่นนี้​ ​ก็​ถือว่า​บอกอา​ยุ​ของ​บรรดา​อนุภรรยา​เป็นนัย​ไป​แล้ว​

เฉียว​เหลียน​ฝัง​ยิ้ม​แล้ว​พยัก​ให้​หยาง​อี๋​เหนียง​ด้วย​สีหน้า​ที่​เย่อหยิ่ง​

หยาง​อี๋​เหนียง​แปลกใจ​เล็กน้อย​ ​แต่​ก็​เดิน​เข้าไป​คำนับ​พวก​นาง​ด้วย​รอยยิ้ม

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท