รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 364 ยังมีข้าต้าเต๋อฝออยู่ พวกวายร้ายอย่างเจ้าไม่สามารถหยิ่งผยองได้!

บทที่ 364 ยังมีข้าต้าเต๋อฝออยู่ พวกวายร้ายอย่างเจ้าไม่สามารถหยิ่งผยองได้!

บทที่ 364 ยังมีข้าต้าเต๋อฝออยู่ พวกวายร้ายอย่างเจ้าไม่สามารถหยิ่งผยองได้!

แม้มหาจักรพรรดิจะเข้าสู่แดนฝอแล้ว แต่เขาก็ไม่ได้รีบร้อนตรงไปยังเขาหลิงซาน ทว่ากลับเดินไปทั่วแดนฝอเสียอย่างนั้น

เขาไม่เคยมาแดนฝอ ดังนั้นจึงเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับทุกสิ่ง

“แดนฝอน่ากลัวอะไรเช่นนี้ ตำแหน่งศาสนาพุทธช่างมั่นคงยิ่งนัก! แม้กระทั่งปุถุชนยังศรัทธาในพุธและสวดมนต์ทุกวัน!”

หลังจากตระเวนไปรอบ ๆ สีหน้าของมหาจักรพรรดิตระกูลหานก็เคร่งขึมเป็นพิเศษ

ตำแหน่งของศาสนาพุทธในแดนฝอจะมั่นคงเกินไปแล้ว ไม่ว่าเขาเดินเตร็ดเตร่ไปทางไหนก็เห็นแต่สิ่งมีชีวิตกำลังสวดมนต์ไหว้พระ

นี่ทำให้หนังศีรษะของเขาชาวาบ เหงื่อเย็นเปียกโชกหลัง!

ทั่วทุกหนแห่งบนดินแดนนี้ สิ่งมีชีวิตจำนวนมากมายเกือบทั้งหมดล้วนศรัทธาในศาสนาพุทธ นี่เรียกได้ว่าน่ากลัวเป็นอย่างมาก!

ไม่มีลัทธิหรือนิกายเต๋าใดสามารถทำเช่นนี้ได้มาก่อน!

ศาสนาพุทธช่างไม่ธรรมดา น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!

“แต่ไม่ว่าศาสนาพุทธจะน่ากลัว แปลกประหลาด หรือชวนหวาดหวั่นก็ไม่สามารถทำอะไรข้าได้อีกแล้ว วันนี้ข้าจะเปิดเผยความลึกลับของศาสนาพุทธ ไขแจ้งทุกความลับ!”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานจัดการอารมณ์ทั้งหมดของตนเอง ก่อนจะทะยานไปทางเขาหลิงซาน

เขาเป็นเพียงคนใกล้ตาย จึงไม่มีอะไรต้องเกรงกลัว

ในไม่ช้า เขาก็มาถึงเขาหลิงซาน

เขาหลิงซานสมกับเป็นต้นกำเนิดของพุทธศาสนา สูงตระหง่านสง่างาม สามารถสัมผัสได้ถึงปราณโบราณอันแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง

“อมิตาภพุทธ ขอทราบว่าท่านมาจากแห่งหนใด? ต้องการสิ่งใดจากเขาหลิงซาน?”

ที่เชิงเขา พุทธสาวกผู้หนึ่งเอ่ยถามมหาจักรพรรดิตระกูลหาน

“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ข้าเพียงแค่ต้องการเดินเล่นบนเขาหลิงซานสักรอบหนึ่ง”

สีหน้าของมหาจักรพรรดิตระกูลหานสงบนิ่ง เขาคร้านจะพูดจาอะไรกับพุทธสาวกผู้นี้อีก จึงก้าวเดินแล้วหายลับไปในทันที

เมื่อร่างของเขาปรากฏขึ้นมาอีกครา ก็มาโผล่ด้านในเขาหลิงซานเสียแล้ว

ในตอนนี้เขาไร้ซึ่งพะวงใด ไม่จำเป็นต้องใส่มารยาทว่าสุภาพหรือหยาบคาย หากเขายังใส่ใจเรื่องนี้อยู่ ก่อนหน้านี้เขาคงไม่ไปที่ตระกูลอู่เพื่อดื่มชาจักรพรรดิ ไปที่เผ่าวิหคทองเพื่อดื่มโลหิตวิหค ไปที่บ่อน้ำนำโชคของวังพร่างพรายเพื่ออาบน้ำ…

เหง่งหง่าง!

พุทธสาวกที่เห็นมหาจักรพรรดิตระกูลหานตรงเข้าไปในเขาหลิงซาน ก็รีบสั่นระฆังขึ้นมาทันใด

เสียงระฆังดังขึ้นทั่วทั้งเขาหลิงซานอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็มีลำแสงแห่งพุทธะพุ่งออกมาจากส่วนลึกของเขาหลิงซาน แสงนั้นคือร่างของเหล่าผู้แข็งแกร่งของพุทธศาสนาที่รีบตรงมายังที่นี่

“มหาจักรพรรดิตระกูลหาน!?”

พระสังฆราชเองเองก็มาด้วย หลังจากได้เห็นมหาจักรพรรดิตระกูลหานแล้วเขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา เนื่องจากเขาสามารถจำตัวตนของอีกฝ่ายได้

เขาย่อมรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก นี่เพราะเหล่าจักรพรรดิสิ้นชีพไปตั้งแต่ช่วงต้นของสงครามในครั้งโบราณกาล เหตุใดตอนนี้อีกฝ่ายจึงยังคงมีชีวิตอยู่?

อีกด้านหนึ่งนั้น มหาจักรพรรดิตระกูลหานไม่ได้สนใจพวกพระสังฆราชที่รีบรุดมาเลยแม้แต่น้อย

สายตาของเขายังคงจับจ้องไปทางพระพุทธรูปของพระอมิตาภะพุทธเจ้าที่อยู่ใจกลางเขาหลิงซาน

พระพุทธรูปองค์นี้นำความรู้สึกพิเศษมาให้เขา ราวกับว่านี่ไม่ได้เป็นเพียงพระพุทธรูป แต่เป็นคนผู้หนึ่งที่มีชีวิตเสียมากกว่า

ทว่าเขาก็ไม่คิดว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าจะยังคงมีชีวิตอยู่

พระอมิตาภะพุทธเจ้านั้นมีตัวตนอยู่ในยุคโบราณเก่าแก่เกินกว่าจะนับ จะสามารถมีชึวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร?

ถ้าหากยังมีชีวิตอยู่ ก็เกรงว่าพระอมิตาภะพุทธเจ้าคงกลายจะเป็นเซียนไปแล้ว!

“ให้ข้าดูซิว่าพระพุทธรูปองค์นี้มีสิ่งใดแปลกประหลาด…”

เขาก้าวไปด้านหน้าเพียงหนึ่งก้าวก็เคลื่อนไปไกลลิบ พริบตาเดียวก็มาถึงเบื้องหน้าพระพุทธรูปองค์นั้น เขาต้องการดูว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในพระพุทธรูป

“จักรพรรดิหานโปรดหยุดมือ!”

พระสังฆราชหน้าเปลี่ยนสี รีบตรงไปเข้าไปหยุดยั้ง

นี่คือพระพุทธรูปของพระอมิตาภะพุทธ บรรพชนหมื่นพุทธเจ้า เขาจะยอมให้มหาจักรพรรดิหานกระทำเช่นนั้นได้อย่างไร?

“หลีกไป”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานสะบัดฝ่ามือ ทันใดนั้นก็ปรากฏพลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งไปกระทบพระพุทธรูป

“จักรพรรดิหาน ท่านต้องการจะทำสิ่งใด!”

“ที่แท้ท่านก็แสร้งตาย ไม่ได้ตายจริง!”

เหล่าพระเวทโพธิสัตว์ทั้งแปดปรากฏกายออกมา พวกเขาล้วนคุ้นเคยกับมหาจักรพรรดิตระกูลหานเป็นอย่างดี

เพราะพวกเขาเองก็เข้าร่วมสงครามครั้งใหญ่เมื่อสมัยโบราณกาล

“ข้าไม่ได้ต้องการจะทำสิ่งใด ข้าเพียงแค่อยากเห็นความจริงที่ซ่อนอยู่ในพุทธศาสนาของพวกเจ้า”

มหาจักรพรรดิกล่าวออกมาอย่างเรียบเฉย “เริ่มจากพระพุทธรูปองค์นี้ก่อน”

เขารับรู้ได้ว่าพระพุทธรูปองค์นี้ไม่ธรรมดา อาจมีความลับของพระพุทธศาสนาแอบซ่อนเอาไว้อยู่

ทำให้เขาอยากรู้ความจริงทุกอย่างเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา

“ไม่ได้!”

“จักรพรรดิหานโปรดพิจารณาให้ดี!”

เหล่าพระเวทโพธิสัตว์ต่างหน้าเปลี่ยนสี เหตุใดมหาจักรพรรดิตระกูลหานจึงกระทำตัวเช่นนี้?

พระพุทธรูปทองคำของพระอมิตาภะพุทธเป็นสัญลักษณ์อันสำคัญสุดของพระพุทธศาสนา เหตุใดอีกฝ่ายกลับไม่แยแสในเรื่องนี้เลย?

มหาจักรพรรดิคร้านจะพูดอะไรมากความไปกว่านี้ เขาเพียงสะบัดมือเบา ๆ เหล่าพระเวทโพธิสัตว์ก็ถูกพลังอันแข็งแกร่งพัดปลิวออกไปทันที

เขาหันกลับไปมองทางพระพุทธรูปทองคำ เตรียมพร้อมจะผ่ามันออกเพื่อศึกษาดู

“อามิต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา ตาแก่อย่างเจ้ากำลังจะทำสิ่งใดกัน! หยุดสิ่งที่คิดจะทำและออกจากตรงนั้นเดี๋ยวนี้!”

ในตอนนั้นเอง ต้าเต๋อก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับกำปั้นเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความกราดเกรี้ยว โถมตัวเข้าใส่อีกฝ่าย

มหาจักรพรรดิตระกูลหานหันไปกลับมองต้าเต๋อด้วยความฉุนเฉียวทันที

กระทั่งเด็กเหลือขออายุเพียงไม่กี่ขวบปีก็กล้าที่จะต่อยกับเขาอย่างนั้นหรือ?

อีกอย่าง ศาสนาพุทธไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องความเมตตากรุณาหรอกหรือ ไยจึงต่อสู้ฆ่าฟันได้อย่างง่ายดายเช่นนี้?

เด็กเหลือขออายุเพียงไม่เท่าไรกลับมีความเป็นปฏิปักษ์อยู่เยอะเพียงนี้? แล้วคำพูดคำจายังดูฟั่นเฟือน? ถึงกลับกล้าเรียกขานตนเองว่าเป็นต้าเต๋อฝอ!

พุทธศาสนาสอนพุทธสาวกเช่นนี้หรือ?

เขาหัวเราะออกมาด้วยน้ำโห เอ่ยออกมาอย่างอดไม่ได้ “เด็กเหลือขออย่างเจ้าหย่าน้ำนมหรือยัง?”

“เด็กเหลือขอ?”

เมื่อต้าเต๋อได้ยินมหาจักรพรรดิตระกูลหานเรียกตนเองว่าเด็กเหลือขอ โทสะของเขาก็ระเบิดออกมาทันทีจนคิ้วเล็ก ๆ สองข้างเหยียดตรง

กล้าดีอย่างไรเรียกเขาว่าเด็กเหลือขอ แถมยังเหน็บแนมว่าเขายังไม่หย่าน้ำนม!

เขาได้ยินพระสังฆราชเรียกคนผู้นี้ว่ามหาจักรพรรดิตระกูลหาน ทำให้เขารู้ว่านี้คือมหาจักรพรรดิผู้หนึ่ง

แต่เป็นมหาจักรพรรดิแล้วอย่างไร?

เป็นมหาจักรพรรดิแล้วสามารถดูถูกเหน็บแนมกันได้อย่างนั้นหรือ?

ไม่มีทาง!

ด้วยคำพูดของท่านเซียน เต๋าสวรรค์จึงคอยคุ้มครองเขา กระทั่งมหาจักรพรรดิก็ไม่มีสิทธิมาดูถูกแหน็บแนมเขา!

“ตาแก่อย่างเจ้ามองความอ่อนเยาว์ของภิกษุน้อยเช่นข้าแล้วคงรู้สึกริษยาสินะ ใช่แล้ว ภิกษุน้อยผู้นี้ยังคงมีวันคืนที่งดงามอีกมากในอนาคต ส่วนเจ้าก็เหมือนถูกฝังในดินเหลืองไปแล้ว พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ!”

ต้าเต๋อไม่ยอมโดนแหน็บแหนมแต่ฝ่ายเดี๋ยวจึงโต้ต้อบกลับไปทันควัน

คำพูดเหล่านี้คล้ายตบลงบนความเจ็บปวดของมหาจักรพรรดิตระกูลหาน เขาก็เหมือนถูกฝังในดินเหลืองไปแล้ว พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ…

“เด็กเหลือขอ เจ้าอยากตายงั้นหรือ?”

ใบหน้าแก่ชราแปรเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง ทั่วร่างเผยจิตสังหารออกมา

“อยากฆ่าข้าหรือ?”

ต้าเต๋อมองมหาจักรพรรดิตระกูลหาน ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างไพล่หลังแล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่แยแส “ผู้ใดให้ความกล้าเจ้ามาพูดเช่นนี้? หากต้องการจะฆ่าข้า ตัวเจ้านั้นไม่คู่ควร!”

ไอ้สารเลวนี่!

หลังจากเห็นท่าทางของต้าเต๋อแล้ว มหาจักรพรรดิตระกูลหานก็โกรธจนควันออกหู

นี่หรือคือพุทธสาวกของพุทธศาสนา?

เหตุใดจึงให้ความรู้สึกเหมือนอันธพาลตัวน้อยมากกว่า!!!

“เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้าหรือ!?”

เขาจับจ้องต้าเต๋อด้วยนัยน์ตาดุดัน ไม่สนอีกต่อไปว่าต้าเต๋อจะเป็นเด็กอายุไม่กี่ขวบปี เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่กล้ามายั่วยุเขาล้วนไม่มีวันพบจุดจบที่ดี!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ เขาโกรธเป็นอย่างมาก!

จิตสังหารแผ่ออกมาจากร่างราวกับกระแสน้ำในมหาสมุทร เขาต้องการจะสังหารต้าเต๋อที่นี่!

“เจ้าต้องการจะฆ่าข้าหรือ!”

ต้าเต๋อยืดหลังตรงแล้วจับจ้องไปทางมหาจักรพรรดิตระกูลหาน “อามิต้าเต๋อฝอ ข้าพระพุทธไร้เกศา พุทธศาสนาไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะสามารถกำเริบเสิบสานได้ ยังมีข้าต้าเต๋อฝออยู่ พวกวายร้ายอย่างเจ้าไม่สามารถหยิ่งผยองได้!”

เขากล่าวออกมาประหนึ่งเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ไร้ใครเทียบ!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท