รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 365 ยกนี้หรือ ยกนี้เรียกว่ากงเกวียนกำเกวียน!

บทที่ 365 ยกนี้หรือ ยกนี้เรียกว่ากงเกวียนกำเกวียน!

บทที่ 365 ยกนี้หรือ ยกนี้เรียกว่ากงเกวียนกำเกวียน!

“เจ้าเป็นคนวิกลจริตหรืออย่างไร?”

มหาจักรพรรดิตระกูลหานเห็นสภาพต้าเต๋อแล้วมาได้ยินวาจาเช่นนี้ขอต้าเต๋อ อย่าให้พูดเลยว่าสีหน้าพิลึกปานใด

ต้าเต๋อต้องเสียสติแค่ไหนถึงใช้ถ้อยคำเช่นนี้!

ต้าเต๋อฝอคือผู้พิทักษ์พุทธศาสนา ปีศาจหน้าไหนห้ามมิให้กำแหงอย่างนั้นหรือ!

พุทธศาสนาจำต้องให้เด็กฟันไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้พิทักษ์ด้วยหรือ!

หากเป็นเช่นนั้นจริง พุทธศาสนาคงถูกถอนรากถอนโคน กำจัดราบคาบไปนานแล้ว!

“อมิตาภพุทธ จักรพรรดิหาน ท่านไปเสียเถิด ท่านไม่อาจทำอันตรายอู้เต๋อได้จริง ๆ”

พระสังฆราชก้าวเข้ามา ท่องพระนามพลางกล่าว

พุทธสาวกไม่กล่าวโป้ปด สิ่งที่เขาว่ามาคือความจริง ต้าเต๋อมีวิถีสวรรค์คอยคุ้มครอง ต่อให้จักรพรรดิหานแข็งแกร่งปานใดก็เปล่าประโยชน์

“เจ้าก็บ้าไปด้วยหรือ?”

จักรพรรดิหานหันมองพระสังฆราช พระสังฆราชผู้นี้พูดเพ้อเจ้อกระไร?

เขาไม่อาจทำร้ายเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งได้หรือ

ถ้าเขาทำอะไรเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมไม่กี่ขวบไม่ได้ การบำเพ็ญในชาตินี้คงสูญเปล่า ขอบเขตมหาจักรพรรดิที่สำเร็จมาก็คงสูญเปล่า!

“อมิตาภพุทธ พวกเราเกลี้ยกล่อมดี ๆ หวังว่าจักรพรรดิหานจะยอมฟัง”

“พุทธสาวกไม่โป้ปด จักรพรรดิหานอย่าประเมินตนสูงนักเลย”

พระเวทโพธิสัตว์ก้าวเข้ามา เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมาเหมือนกัน

“ที่นี่คือพุทธศาสนาหรือ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเข้ามาในรังคนสติฟั่นเฟือน???”

จักรพรรดิหานหน้าตาฉงน ไยพระภิกษุเหล่านี้ถึงเหมือนเสียสติกันไปแล้วทั้งหมด วาจาที่เปล่งออกมาบ้าบอสิ้นดี

หรือว่าพระภิกษุเหล่านี้บำเพ็ญหลักธรรมจนสติไม่ดีกันหมด?

เขาเป็นถึงมหาจักรพรรดิแห่งยุค แต่กลับหาว่าเขาจัดการเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมคนหนึ่งอย่างนั้นหรือ!

ปั่นหัวกันเล่นหรือไร!

“ข้าจะฆ่าเขาให้พวกเจ้าดูเดี๋ยวนี้!”

มหาจักรพรรดิลงมือทันที มือใหญ่ข้างหนึ่งกระหน่ำเข้าไป ขยายใหญ่ตามลม บดบังผืนฟ้า ฟาดใส่ต้าเต๋อด้วยพลังอันสยดสยองท่วมท้นนภา

เมื่อฝ่ามือนี้ประทับลงไป แม้กระทั่งจ้าวนภาสูงสุดยังต้องจบเห่!

เขาอยากเห็นเหลือเกินว่าเด็กตัวกระเปี๊ยกนี่จะรอดได้อย่างไร!

“อามิต้าเต๋อฝอ ตาแก่ แน่จริงอีกประเดี๋ยวเจ้าอย่าหนี รอดูว่าต้าเต๋อฝอผู้นี้จะทุบเจ้าจนแหลกเหลวหรือไม่!”

ต้าเต๋อร้องตะโกน ไม่เกรงกลัวต่อฝ่ามือที่ฟาดใส่เขาสักนิด

“ข้าวิ่งกับปู่…แกสิ! ผู้ใดวิ่งผู้นั้นคือสุนัข!”

จักรพรรดิหานโกรธจนแทบบ้า มือใหญ่กระแทกลงไปอย่างไร้ความปรานี หมายมั่นจะฆ่าต้าเต๋อให้ตายอยู่ที่นี่

ครืน!

เวลานั้นเอง เสียงกึกก้องดังมาจากท้องฟ้า ก่อนที่ประกายแสงเจิดจ้าแยงตามากมายจะสาดลงมา ทาบทับบนตัวต้าเต๋อ

นี่คือแสงแห่งวิถีสวรรค์ แฝงไว้ด้วยพลังแห่งวิถีสวรรค์เข้าคุ้มกันต้าเต๋อไว้ ร่างกายต้าเต๋อมีประกายแสงวนเวียนล้อมรอบ ดูสูงส่งเหลือคณา!

“อ๊าก!”

จักรพรรดิหานคำรามด้วยความเจ็บปวด มือใหญ่ที่ฟาดใส่ต้าเต๋อเน่าเปื่อยกลายเป็นผงธุลี!

แสงแห่งวิถีสวรรค์ที่จุติลงจากฟากฟ้าทะลุผ่านมือใหญ่ของเขายามทาบทับบนตัวต้าเต๋อ

“ยกนี้หรือ ยกนี้เรียกว่ากงเกวียนกำเกวียน ผู้ใดใช้ให้เจ้าแปลงขนาดมือจนมโหฬารปานนั้น บดบังแม้รกะทั่งผืนฟ้า”

ต้าเต๋อคลี่ยิ้มพลางเอ่ย

แสงแห่งวิถีสวรรค์จุติลงมา ฝ่ามือของจักรพรรดิหานบังไว้พอดี ย่อมต้องส่องสว่างทะลุฝ่ามือจักรพรรดิหาน

จักรพรรดิหานเจ็บจนหน้าตาเหยเก ฝ่ามือของเขาหายไปทั้งข้าง ความเจ็บนั้นบีบรัดหัวใจยิ่ง

ทว่าเทียบกับความเจ็บปวดแล้ว เขาตะลึงงันมากกว่า

วิถีสวรรค์ถึงขั้นจุติพลังลงมาคุ้มกันต้าเต๋อเลยหรือ ต้าเต๋อมีปูมหลังเช่นไรกันแน่!

บัดซบ เขาโง่เองหรือนี่!

จู่ ๆ ก็หวนนึกถึงถ้อยคำที่พระสังฆราชและคนอื่น ๆ พร่ำบอกเขา คราแรกยังคิดว่าพวกพระสังฆราชเสียสติไปแล้ว และเขาเข้ามาในรังคนบ้า ที่ไหนได้ พวกพระสังฆราชนั้นพูดความจริงทั้งหมด มีเขาคนเดียวที่โง่เง่า เห็นความจริงเป็นคำโป้ปด!

“ไปล่ะ!”

เขาเจ็บใจนัก เรียกได้ว่าหนีอุตลุด

น่าขัน ต้าเต๋อมีวิถีสวรรค์คุ้มครอง จะให้เขาเป็นปรปักษ์กับวิถีสวรรค์หรืออย่างไร?

เขาใกล้ตายแล้วก็จริง แต่เขาไม่ได้อยากตายเสียเดี๋ยวนี้!

ผู้ใดจะรู้ว่าขืนเขาปะทะกับต้าเต๋อต่อจะเกิดเหตุใดขึ้น หากวิถีสวรรค์ถล่มเขาจนถึงที่ตายจริงเขาคงอนาถน่าดู!

“มหาจักรพรรดิเฮงซวยกระไร ไม่รักษาสัจจะ ไหนเอ่ยว่าผู้ใดหนีผู้นั้นคือสุนัขมิใช่หรือ”

ใบหน้าเล็ก ๆ ของต้าเต๋อบิดเบี้ยวด้วยความโกรธจัด เขาคิดอยากอัดจักรพรรดิหานให้เละสักครา ทว่าจักรพรรดิหานผู้นี้เผ่นไวมาก ไม่ให้โอกาสนี้กับเขาเลย!

เขาอยากไล่ตามไปแต่ตามไม่ทัน ขอบเขตของเขาต่ำต้อย พริบตาเดียวจักรพรรดิหานก็หายไปจากสายตาเขา

“เจ้าสุนัข ถือว่าเจ้าวิ่งได้เร็ว คราวหน้าคราวหลังยังกล้าทำกำแหงใส่พุทธศาสนาของเราอีก ข้าจะอัดเจ้าให้บวมเป็นหัวหมูแน่!”

ต้าเต๋อตะโกนด้วยท่าทางโมโห

“อู้เต๋ออย่าได้กล่าวคำเท็จเกินจริงบ่อยนัก เจ้าทำร้ายจักรพรรดิหานได้หรือ”

พระสังฆราชเอ่ยด้วยความระอา

เขารู้ว่าต้าเต๋อไม่สามารถใช้พลังแห่งวิถีสวรรค์ ต้าเต๋อเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังแล้ว

หากใช้พลังแห่งวิถีสวรรค์ไม่ได้ ต้าเต๋อย่อมไม่สามารถทำร้ายจักรพรรดิหาน

ต้าเต๋อหัวเราะคิกคัก “ตอนนี้ไม่ได้ แต่อนาคตได้แน่!”

อีกด้าน จักรพรรดิหานวิ่งเข้าเขาญาณราวกับคนบ้า

“นี่มันเรื่องบ้ากระไร อารมณ์ดี ๆ ต้องมาเสียหมด!”

เขาโกรธเกรี้ยวในใจเหลือแสน

ตั้งแต่ออกจากตระกูลหานมา เขาลุล่วงทุกสิ่งที่อยากทำ อย่าให้พูดเลยว่าสาแก่ใจเพียงใด

แต่ผู้ใดเล่าจะรู้ เขากลับต้องเสียเปรียบมหันต์ในสถานีสุดท้าย หนีหัวซุกหัวซุนประหนึ่งลูกหมา ความสะใจก่อนหน้าหายไปจนสิ้น!

“กลับล่ะ!”

เขาอัปยศอยู่เต็มหัวใจขณะเดินทางกลับตระกูลหาน

ทว่าหนนี้เขาได้รับรู้ความน่ากลัวของพุทธศาสนาแล้ว ในพุทธศาสนามีผู้ได้รับความคุ้มครองจากวิถีสวรรค์อยู่ พุทธศาสนาทำได้เยี่ยงไร?

ความลึกล้ำของสายน้ำที่เรียกว่าพุทธศาสนาพอให้จมน้ำตายได้จริง ๆ

อาณาจักรเหนืออาณาจักร แดนสังสารวัฏ

ภายในตำหนักมโหฬารแห่งหนึ่ง

“ไม่สบายใจนิดหน่อย ผู้ตรวจการจะลาดตระเวนสอบสวนทุกตำหนัก ข้าจะปิดบังผู้ตรวจการได้หรือไม่”

ท่ามกลางหมอกดำก้อนหนึ่ง ใครบางคนเอ่ยเสียงแผ่ว

หมอกดำว่ายวนอยู่รอบกายคนผู้นี้ จนมองไม่เห็นรูปโฉมของเขาได้ชัดนัก

เขาคือนายตำหนักของตำหนักนี้

ทว่าเขามิใช่นายตำหนักตัวจริง หากแต่เป็นนายตำหนักที่สวมรอย

นายตำหนักตัวจริงถูกเขาสังหารไปแล้ว เขาคือจักรพรรดิหมากรุกหวงหลง อดีตจ้าวสังสารวัฏแห่งตำหนักนี้

เดิมทีหลังจากเขาแทนที่นายตำหนักแล้วไม่ควรเกิดเหตุไม่คาดคิดอันใด

เขาคิดไม่ผิด ในตำหนักแห่งนี้มิมีผู้ใดล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงของนายตำหนัก ไม่เคยมีผู้ใดคลางแคลงในฐานะของเขามาก่อน

แต่ช่วงนี้ไม่ได้แล้ว

ช่วงนี้เขาได้รับข่าวมาว่า ตำหนักหลักแห่งแดนสังสารวัฏส่งผู้ตรวจการลงมา หมายจะลาดตระเวนตรวจตราไปทั่วทุกตำหนัก

ผู้ตรวจการผู้นี้ลาดตระเวนผ่านตำหนักไปไม่น้อย อีกประเดี๋ยวก็จะลาดตระเวนมาถึงตำหนักของเขาแล้ว เขากลัดกลุ้มนิดหน่อย กลัวว่าตัวตนของเขาถูกเปิดเผย ไม่อาจปิดบังผู้ตรวจการผู้นี้ได้

อย่างไรก็มาจากตำหนักหลัก

“หรือฆ่าผู้ตรวจการผู้นี้ไปด้วย แล้วข้าปลอมเป็นผู้ตรวจการ?”

จักรพรรดิหมากรุกหวงหลงคิดในใจ เป็นแผนเดียวกับเมื่อคราวรับมือนายตำหนัก สวมรอยแทนที่ผู้ตรวจการผู้นี้ไปด้วย

ทว่าเขาล้มเลิกความคิดนี้ในทันที

ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขาฆ่าผู้ตรวจการผู้นี้ได้หรือไม่ ต่อให้ฆ่าได้ แล้วเขาต้องสวมรอยอย่างไร?

ด้านตำหนักหลักน่าประหวั่นพรั่นพรึงเป็นที่สุด หากเขากลับไปถึงตำหนักหลัก มีโอกาสสูงว่าจะถูกจับได้ เขาไม่มีทางปลอมตัวเป็นผู้ตรวจการผู้นี้ได้เลย

ไม่ว่าอย่างไรหลังผู้ตรวจการตรวจตราตำหนักต่าง ๆ เรียบร้อยแล้วต้องกลับไปรายงานที่ตำหนักหลัก

“เฮ้อ กลุ้มจริง กลุ้มจนมีผมหงอกแล้ว!”

เขาเเดินวนไปเวียนมาอยู่ในตำหนัก วิตกกังวลเป็นหนักหนา เขาต้องใช้วิธีใดปิดบังผู้ตรวจการผู้นี้กันแน่

ยากเหลือเกิน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท