ตอนที่เฉินตันจูฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง ด้านนอกหน้าต่างมีฝนตกโปรยปราย หัวเตียงเปลี่ยนเป็นดอกพุดซ้อนช่อใหม่
รอบเตียงไม่มีผู้อื่น มีเพียงเฉินตันเหยียนนั่งอยู่ด้วยสีหน้าสงบ ไม่มีความรีบร้อนกังวลแม้แต่น้อย ในมือยังคงกำลังปักถุงเท้า
เฉินตันจูครุ่นคิด ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองเป็นลมสลบไปอีกครั้ง แต่ครานี้สติของนางไม่ได้ล่องลอย
“ท่านพี่” นางถาม “ข้าสลบไปนานเพียงใด”
เฉินตันเหยียนถือเข็มกับด้ายหันมามองนาง รอยยิ้มปรากฏขึ้นในดวงตา “เจ้าตื่นแล้วหรือ หิวหรือไม่ จะดื่มน้ำหรือไม่”
เฉินตันจูพยักหน้า “อยากดื่มน้ำ ข้าหิวแล้วด้วย”
อาเถียนที่อยู่ด้านนอกได้ยินการเคลื่อนไหวจึงวิ่งเข้ามา พยุงเฉินตันจูขึ้นมาในท่าทางกึ่งนั่ง
“คุณหนูใหญ่” นางเอื้อมมือ “ข้าป้อนคุณหนูรองเองเจ้าค่ะ”
เฉินตันเหยียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ให้ข้าป้อนเองเถิด ข้ามักจะเข้มงวดกับนาง นางก็ทำได้เพียงฉวยโอกาสตอนป่วยมาอ้อนข้า”
อาเถียนโตมาพร้อมกับเฉินตันจู ย่อมจำเรื่องในวัยเด็กได้ “ข้ายังเคยร่วมมือกับคุณหนูรองหลอกคุณหนูใหญ่ ทั้งที่สามารถเดินไปกินอาหารที่โต๊ะเองได้แล้ว แต่เมื่อได้ยินว่าคุณหนูใหญ่มาคุณหนูรองก็ปีนกลับเตียงเพื่อรอคุณหนูใหญ่ป้อนข้าวทันที”
เฉินตันจูพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าวที่ท่านพี่ป้อนอร่อย”
ทั้งสามคนพูดคุยกัน เฉินตันเหยียนป้อนน้ำเฉินตันจูไปหลายคำ ก่อนจะให้อาเถียนไปยกอาหารมา เฉินตันจูพยายามกิน
“ครานี้เจ้าสลบไปเพียงหนึ่งวัน” เฉินตันเหยียนเล่าให้นางฟัง “หยวนไต้ฟูรออยู่หน้าประตูวัง เขาให้ยาเจ้าในตอนนั้นทันที ที่เจ้าสลบไปหนึ่งวันก็เป็นเพราะฤทธิ์ยา หลับมากหายไว”
เฉินตันจูพยักหน้าตอบรับ
“เรื่องการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงแค่เพียงไม่กี่วันนี้ เมื่อวานอาจี๋มา บอกว่าจวนองค์หญิงของเจ้าคือจวนของพวกเรา ได้ให้เส้าฝู่เจี้ยนไปทำป้ายแล้ว” เฉินตันเหยียนพูดต่อ “เตรียมการต้องใช้เวลาหลายวัน เจ้าจะกลับภูเขาดอกท้อก่อนหรือไม่”
ในเมื่อฮ่องเต้ทรงแต่งตั้งคุณหนูเป็นองค์หญิงแล้ว ย่อมไม่มีความผิดแล้ว ย่อมไม่ต้องอยู่คุกแล้ว เพียงแต่ว่าเวลานี้เฉินตันจูยังไม่อยากกลับไป ภายในคุกมียารักษาสะดวกยิ่งกว่า เพราะอย่างไรก็ตามระยะนี้เฉินตันจูล้วนพักอยู่ในคุก ดังนั้นจึงอยู่ต่อ
อาเถียนพูดขึ้นอยู่ด้านข้าง “บนภูเขาเก็บกวาดแล้วเจ้าค่ะ”
เฉินตันจูส่ายหัว “ไม่ ไม่กลับขึ้นไปบนภูเขา” สีหน้าของนางเอาแต่ใจเล็กน้อย “ข้าถูกจับกุมเข้าคุก ข้าย่อมต้องออกจากคุกไปเป็นองค์หญิง ให้ทุกคนได้เห็นว่าข้าเฉินตันจูไม่มีความผิด”
อาเถียนรีบพยักหน้าตาม “ถูกต้อง สมควรเป็นเช่นนี้” ก่อนจะมองเฉินตันเหยียนด้วยความได้ใจเล็กน้อย “คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองของพวกเรามีนิสัยเช่นนี้เสมอ”
อันที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น เฉินตันจูในวัยเด็กอาจซนไปบ้าง แต่ไม่เอาแต่ใจ เฉินตันเหยียนมองเฉินตันจู การบรรยายของหญิงสาวสอดคล้องกับคำร่ำลือเกี่ยวกับคุณหนูตันจูที่ได้ยินในเมืองซีจิง ที่แท้น้องสาวเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นแบบนี้ นางยื่นมือไปลูบหัวของเฉินตันจูอย่างแผ่วเบา “ได้ เจ้าว่าอย่างไรก็อย่างนั้น พี่จะอยู่ในคุกกับเจ้าอีกสองสามวัน”
เฉินตันจูจับใจความสำคัญจากคำพูดของนาง นั่งตัวตรงขึ้นทันที “ท่านพี่ ท่านจะกลับไปแล้วหรือ”
เฉินตันเหยียนทำสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย “ตันจู เสี่ยวหยวนอยู่ในเรือน เขาห่างจากข้านานเพียงนี้เป็นครั้งแรก ข้าไม่วางใจ”
เสี่ยวหยวน…
“ท่านพี่ ชื่อของเด็กหรือ” เฉินตันจูรีบถาม “เขาสบายดีหรือไม่”
เหมือนดั่งมารดาทั่วไป เมื่อพูดถึงบุตร เฉินตันเหยียนเผยรอยยิ้มออกมาจากภายในดวงตา “ดี เป็นเด็กดีมาก เชื่อฟังมาก อีกทั้งฉลาดมาก ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยพูดนัก แต่สิ่งที่พวกเราพูด เขาล้วนเข้าใจ”
เฉินตันจูจับมืออย่างตื่นเต้น “ข้า ข้าควรมอบสิ่งใดให้เขา” หันไปมองอาเถียน “เจ้ารีบคิด พวกเรามีสิ่งของใดน่าเล่นบ้าง”
อาเถียนก็ตื่นเต้นจนกระวนกระวาย “ข้าจะไปคิดดู ไปหาในจวน ในอาราม และบนท้องถนนดู” พูดพลางวิ่งออกไป
เฉินตันเหยียนยิ้ม “มอบสิ่งใดให้เขาก็ได้ อายุของเขาในเวลานี้ ชอบทุกสิ่ง”
เฉินตันจูจับมือของเฉินตันเหยียน เงียบไปสักพักจึงเอ่ยถาม “ท่านพี่ ท่านไม่ได้โกรธข้าใช่หรือไม่”
เฉินตันเหยียนทำหน้าบึ้ง “ข้าย่อมต้องโกรธเจ้า ข้าไม่ใช่เทวดา”
เฉินตันจูจับแขนเสื้อของนางเขย่าเบาๆ “ท่านพี่ ข้ารู้ว่าท่านทำเพื่อข้า ท่านจากซีจิงมาถึงเมืองหลวง ท่านทำเรื่องมากมายล้วนเป็นเพราะข้า แต่ว่า ท่านพี่ ข้าปฏิเสธท่าน…”
“เจ้ารู้ว่าข้าทำเพื่อเจ้า” เฉินตันเหยียนจับมือของนาง “ข้าย่อมรู้ว่าเจ้าก็ทำเพื่อข้า ตันจู ข้าเข้าใจเจ้า เจ้าแย่งชิงรางวัลพระราชทานของข้าไป เพื่อไม่ให้ข้ามีความเกี่ยวข้องกับหลี่เหลียงอีกในชีวิตนี้ ให้ชีวิตที่เหลือของข้าใสสะอาด อิสระ”
ถึงแม้หลี่เหลียงตายแล้ว เหยาฝูก็ตายแล้ว แต่เฉินตันเหยียนได้รับรางวัลพระราชทานในนามของหลี่เหลียง ชีวิตต่อจากนี้ของนางย่อมต้องมีชื่อของหลี่เหลียงติดอยู่ตลอดไป บุตรชายของนางย่อมต้องถูกตีตราของหลี่เหลียง อีกทั้งนางยังต้องเลี้ยงดูบุตรชายของสตรีที่เกือบทำให้นางต้องตาย ต้องฟังเด็กคนนี้เรียกว่ามารดา จากนั้นเด็กคนนี้ย่อมรู้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของตนเองตายอย่างไร บุตรชายของนางย่อมต้องรู้ว่าบิดาของเขาตายอย่างไร…
ชีวิตที่เหลือของนางจะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ภายในความแค้น อีกทั้งไม่อาจหลุดพ้นได้ เพราะว่าเขาคือบุตรชายของนาง คนในครอบครัวของนาง…
ความเจ็บปวดนี้จะกัดกินหัวใจทุกวันทุกคืน
น้องสาวของนางจะยอมปล่อยให้นางใช้ชีวิตแบบนี้ได้อย่างไร น้องสาวของนางยอมทนทุกข์ทรมานเองก็ไม่ยอมปล่อยให้นางต้องเจ็บปวดแม้แต่น้อย
“ข้าโกรธที่เจ้าไม่รักตัวเองให้มาก” เฉินตันเหยียนกอดน้องสาวไว้ในอ้อมแขน ลูบไล้ผมนุ่มยาวของนาง “ข้าโกรธตัวเองที่ไม่อาจทำให้เจ้ารักตัวเอง เพราะสิ่งเดียวที่ทำให้เจ้ามีความสุขได้คือคนอื่นในครอบครัวมีความสุข ดังนั้น พวกเราทำได้เพียงยืนมองดูเจ้าอยู่ห่างๆ”
เฉินตันจูแนบชิดอยู่ในอกของเฉินตันเหยียน “ท่านพี่ ท่านไม่เข้าใจ การที่มีพวกท่านเฝ้ามองดูข้าก็เป็นเรื่องที่ข้ามีความสุขมากแล้ว”
เฉินตันเหยียนไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่นางก็หัวเราะเสียงเบา “ได้ พวกข้าจะมองดูเจ้า เจ้าเองก็มองเห็นพวกข้าได้ พวกเรามองกันและกันเช่นนี้ มีชีวิตอยู่อย่างดี”
หลังจากนั้นสามวัน จวนตระกูลเฉินในเดิมที ต่อมากลายเป็นจวนของท่านโหวกวนเน่ยนั้นถูกแขวนผ้าสีแดงอีกครั้ง ขันทีและขุนนางขบวนหนึ่งเดินออกมาจากพระราชวัง มือถือพระราชโองการ พร้อมด้วยเงินทองผ้าไหม แขวนป้ายจวนองค์หญิงขึ้นไปอยู่บนประตูจวน ส่วนอีกด้านมีรถม้าคันหนึ่งที่ไม่สะดุดตา องครักษ์ขบวนหนึ่งที่ไม่สะดุดตา นำหญิงสาวผู้หนึ่งออกมาจากภายใน
หญิงสาวสวมชุดสีแดงลายปักทอง ผิวพรรณขาวผ่อง ดวงตาเป็นประกาย สะบัดแส้ที่พันไปด้วยด้ายทองในมือ
“จู๋หลิน จูงม้ามา” นางพูด “ได้ยินว่าแคว้นฉีครานี้มีบัณฑิตสามัญชนสามรายสอบติด ฝ่าบาทพระราชทานชุดขุนนาง พร้อมทั้งสุรา อีกทั้งยังมีการเดินขบวนบนท้องถนน วันนี้ข้าเฉินตันจูถูกพระองค์ทรงแต่งตั้งเป็นองค์หญิง ข้าก็อยากจะเดินขบวนให้ผู้คนได้เห็นเช่นเดียวกัน”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นอีกครั้งบนถนนในฤดูร้อนของเมืองหลวง
ความวุ่นวายคราก่อนคืองานศพของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก ผู้คนต่างไว้อาลัยทั่วเมือง ฮ่องเต้เป็นผู้นำส่งร่างของอีกฝ่ายด้วยตนเอง ขบวนเกี้ยวมังกรสีทองเคลื่อนที่อยู่ในหิมะที่ขาวโพลน
เหตุการณ์เพิ่งผ่านไปไม่นาน ผู้คนยังคงเศร้าเล็กน้อยเมื่อพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นตอนที่เห็นความวุ่นวายครั้งใหม่จึงตกตะลึงเล็กน้อย
หญิงสาวในชุดสีแดงไม่มีทหารกองเกียรติยศเหมือนตอนที่ฮ่องเต้เสด็จออกมา แต่มีความมุทะลุอย่างไม่มีใครเทียบได้
เฉินตันจู!
เฉินตันจูออกมาอีกแล้ว!
นอกจากนี้ องค์หญิงคืออันใดกัน เหตุใดเฉินตันจูจึงถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิง
ระยะก่อน มีข่าวลือว่าฮ่องเต้ทรงพระราชทานภรรยากับบุตรของหลี่เหลียง คนในเมืองหลวงต่างลืมเลือนชื่อของหลี่เหลียงไปแล้ว มีเพียงคนเก่าแก่ในเมืองอู๋นึกขึ้นได้…
“เขาเป็นพี่เขยของเฉินตันจู!”
“พี่เขยที่ถูกเฉินตันจูฆ่า!”
ถึงแม้จะผ่านไปเพียงสองสามปี แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าเฉินตันจูผู้เป็นสตรีชนชั้นสูงของเมืองอู๋เก่าได้ทำเรื่องน่ากลัวมากมายเพียงใด ฆ่าพี่เขยของตนเอง ชักนำทูตจากราชสำนัก บีบบังคับท่านอ๋องอู๋ ขับไล่ขุนนางอู๋…
เรื่องเหล่านี้ยังไม่ต้องเอ่ยถึง ข่าวลือว่าฮ่องเต้ทรงพระราชทานภรรยากับบุตรของหลี่เหลียง เหตุใดจึงกลายเป็นเฉินตันจู ภรรยาของหลี่เหลียงไม่ใช่พี่สาวของเฉินตันจูหรือ แล้วนางเล่า?
ความเอิกเกริกบนถนนนั้นถูกตัดขาดอยู่ภายนอกกำแพงพระราชวังที่สูงตระหง่าน ตำหนักวังบูรพาในมุมหนึ่งของพระราชวังสงบยิ่งกว่า
ห้องทรงพระอักษรขององค์รัชทายาทมีคนจำนวนมากกว่าเวลาอื่น แม้แต่พระชายาก็อยู่ด้วย
“เรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว การหารือในท้องพระโรงก็ผ่านไปแล้ว ถึงแม้มีขุนนางบางส่วนคัดค้าน แต่ฝ่าบาททรงนำแม่ทัพหน้ากากเหล็กออกมาอ้าง ทุกคนจึงเงียบลง” ฝูชิงพูดเสียงเบา
องค์รัชทายาทยิ้มกล่าวคำที่ฮ่องเต้ตรัสในท้องพระโรงออกมา “ท่านแม่ทัพสั่งเสียข้า ยากที่จะปฏิเสธเสียจริง”
พระชายาพูดอย่างเคียดแค้นอยู่ด้านข้าง “แต่ก่อนอาฝูเคยบอกว่าเฉินตันจูหลอกล่อท่านแม่ทัพให้หลงเสน่ห์ หม่อมฉันยังคิดว่ามันเกินจริง ไม่คิดว่าท่านแม่ทัพตายไปแล้วยังปูทางให้นาง ทั้งชีวิตของท่านแม่ทัพไม่เคยดูแลแม้แต่คนในตระกูลเสียด้วยซ้ำ” พูดถึงอาฝู นางก็อดหลั่งน้ำตาไม่ได้ “สงสารน้องสาวของหม่อมฉัน ถูกนางฆ่าตายเช่นนี้”