รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 366 ตายในยุคโบราณก็คืนชีพได้หรือ? ท่านเซียนเก่งกาจเกินไปแล้ว!

บทที่ 366 ตายในยุคโบราณก็คืนชีพได้หรือ? ท่านเซียนเก่งกาจเกินไปแล้ว!

บทที่ 366 ตายในยุคโบราณก็คืนชีพได้หรือ? ท่านเซียนเก่งกาจเกินไปแล้ว!

เมืองชิงซาน

หลี่จิ่วเต้าเดินไปตามถนนหนทาง มุ่งหน้าไปยังบ้านของหลิงอิน

หลายวันที่ผ่านมาเขาประพันธ์เพลงฉินบทใหม่ขึ้นมาหนึ่งบท อยากให้หลิงอินได้ลองฟัง

“ไม่อยู่บ้านหรือ”

เขามาถึงบ้านหลิงอิน แต่กลับไม่ได้พบนาง

มารดาของนางบอกเขาว่าหลิงอินออกจากบ้านแต่เช้าตรู่ เห็นว่าไปที่เขาฉินนอกเมือง

“หากคุณชายไม่มีธุระอื่น ช่วยไปดูหลิงอินให้ข้าที่เขาฉินหน่อยได้หรือไม่”

มารดาของหลิงอินทอดถอนหายใจ “ข้าเห็นว่าสองสามวันมานี้นางผิดปกติอย่างมาก ไม่เหลือความร่าเริงอย่างวันวาน ดูท่าทางหม่นหมองเศร้าโศกเหลือคณา ข้าถามนางว่าเหตุเรื่องใดขึ้น นางก็ไม่ยอมบอกข้า”

นางเว้นจังหวะ ก่อนจะเอ่ยคำ “ลูกโตแล้ว เรื่องบางเรื่องไม่เต็มใจเล่าให้ผู้ใหญ่ฟังเป็นเรื่องปกติ แต่ข้าเป็นห่วงนาง กลัวว่านางจะไปเจอเรื่องราวคิดไม่ตก คุณชายสนิทกลมเกลียวกับอินเอ๋อร์ดี อายุอานามก็ไล่เลี่ยกัน ข้าคิดแล้วนางคงยอมบอกคุณชาย หากนางเจอเรื่องคิดไม่ตกจริง ๆ รบกวนคุณชายช่วยกล่อมนางแทนข้าด้วย”

ลูกโตแล้ว มีความคิดความอ่านเป็นของตนเอง หลาย ๆ เรื่องมักซ่อนเอาไว้ไม่ยอมบอกผู้ใหญ่ในบ้าน

นางผ่านมาจากกระบวนการนี้มาก่อน จึงเข้าอกเข้าใจในตัวหลิงอิน และมิได้คาดคั้นสิ่งใดจากบุตรสาวมากนัก

หากคาดคั้นเกินไป รังแต่จะได้ผลตรงข้าม ยิ่งพาให้เหตุการณ์ย่ำแย่ลงไปใหญ่

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ ข้าไปดูให้”

หลี่จิ่วเต้าบอกลามารดาหลิงอิน ก่อนจะจากไป

ภูเขาฉินเป็นเพียงภูเขาลูกเล็ก ไม่อาจเทียบได้กับเขาชิงซานและเขาลี่ เนินขึ้นเขาก็มิได้สูงชันนัก

สภาพแวดล้อมถือว่าไม่เลว เพียงแต่เล็กไปหน่อย ผู้คนสัญจรไม่มาก

หลิงอินไปทำการใดบนเขาฉิน?

ชายหนุ่มใคร่อยากรู้ในใจเช่นกัน

ทัศนียภาพบนเขาลี่งดงามกว่าเขาฉิน หากต้องการชมทิวทัศน์ควรไปที่เขาลี่ถึงจะถูก

นอกจากนี้ หากเทียบกันแล้ว เขาฉินค่อนข้างห่างไกลร้างคน เขาคิดหาเหตุผลที่นางไปยังเขาฉินไม่ออกจริง ๆ

หลังออกจากบ้านของหญิงสาว เขาไปยืมม้าตัวหนึ่งมาจากร้านขายม้า ซึ่งเป็นม้าสีขาว ก่อนจะกระโจนขึ้นม้าขาวแล้วควบไปยังเขาฉิน

การขี่ม้าถือเป็นทักษะแขนงหนึ่งเหมือนกัน และเขาฝึกฝนจนถึงระดับสูงสุดแล้ว อย่าว่าแต่ขี้ม้าเลย ต่อให้ขี่เสือ ขี่สิงโต ก็ไม่ครณามือเขา กำราบสัตว์พาหนะได้อย่างง่ายดาย

เขามาถึงเขาฉิน

ที่นี่ห่างไกลร้างผู้คนมากจริง ๆ ตลอดทั้งทางแทบไม่ได้พบผู้ใด เดิมเขายังกังวลอยู่ว่าต้องไปหาหลิงอินจากไหน แต่เมื่อเข้ามาถึงเขาฉินแล้วก็ไม่ต้องเครียดอีกต่อไป

เพราะเขาได้ยินเสียงฉิน

เขาคุ้นเคยในเสียงฉินของหลิงอินเป็นที่สุด และเขารู้ว่านางกำลังบรรเลงฉินอยู่

ชายหนุ่มไล่ไปตามเสียงฉิน และได้พบนางตามคาด

หลิงอินกำลังบรรเลงฉินอยู่

เป็นทำนองแสนอาดูร ฟังแล้วชวนให้รู้สึกปวดร้าว เขามิได้ขัดหลิงอิน เพียงแต่กระโจนลงมาจากม้าขาว แล้วนำม้าไปผูกไว้กับต้นไม้ต้นหนึ่ง

หลังได้มาเยือนที่นี่ เขาพอรู้แล้วว่าหลิงอินทำอะไร

เบื้องหน้าของนางมีหลุมศพขนาดไม่ใหญ่มาก บนหลุมศพมีดอกไม้ปูอยู่มากมาย

หลิงอินดีดฉินบรรเลงหน้าหลุมศพ เห็นได้ชัดว่าบรรเลงให้คนในหลุมศพฟัง…

สหายหรือ?

หลี่จิ่วเต้าคิดในใจ ผู้ตายที่อยู่ในหลุมศพนี้เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นสหายของหลิงอิน

หากเป็นญาติ ก็ไม่มีทางที่มารดาหญิงสาวจะไม่ทราบ

คิดแล้วสาเหตุที่หลายวันมานี้หลิงอินแปลกไปก็คงเป็นเรื่องนี้…

หลังบรรเลงจบหนึ่งบทเพลง ชายหนุ่มก็เห็นน้ำตาหลั่งรินจากขอบตานาง ทำให้เขาลอบถอนหายใจ คนในหลุมศพคงสำคัญต่อหลิงอินมาก

มิเช่นนั้นนางคงไม่เสียใจเยี่ยงนี้

“คุณ…คุณชาย!”

หลิงอินเห็นท่านเซียนแล้วตกตะลึงนิดหน่อย คิดไม่ถึงว่าท่านเซียนจะมาที่นี่

หลี่จิ่วเต้าถอนหายใจ เดินเข้าไปอยู่ข้างกายนางพลางปลอบ “อย่าเสียใจนักเลย…”

หลิงอินตาแดง น้ำตายังคลอหน่วยอยู่ดังเดิม

นางสงสารเสี่ยวหยาเหลือเกิน เสี่ยวหยาจิตใจบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้น กลับพบจุดจบน่าเวทนาเช่นนี้ ทุกครั้งที่นางหวนรำลึกถึงต้องเจ็บปวดใจอย่างมาก

ใช่แล้ว ผู้ที่ถูกฝังอยู่ที่นี่ก็คือเสี่ยวหยา

นางกลับจากหุบเขาคงหลิงได้พักหนึ่งแล้ว และวันรุ่งขึ้นหลังจากนางกลับถึงหุบเขาคงหลิง ก็มาอยู่ที่เขาฉินเพื่อฝังกระดูกของเสี่ยวหยา

“นางน่าสงสารเหลือเกิน บุพการีตายจากไปตั้งแต่ยังเล็ก เหลือพี่ชายเพียงคนเดียวให้พึ่งพาอาศัย ที่จริงชีวิตกำลังดีขึ้นเรื่อย ๆ หารู้ไม่ สวรรค์ไม่ยอมให้มนุษย์สมปรารถนา พี่ชายของนางกลับหายตัวไปกะทันหัน…”

หลิงอินเอ่ยด้วยดวงตาแดงก่ำ “แต่แม้เป็นเช่นนั้น นางก็มิได้ยอมแพ้ ยังคงสดใสและโอบอ้อมอารี เปี่ยมความหวังต่อทุกสิ่ง”

นางยิ่งพูดตายิ่งแดง เสียงเศร้าสลดขึ้นเรื่อย ๆ “น่าเจ็บใจนัก คนดีไม่ได้ดี นางมีเมตตาช่วยเหลือผู้อื่น หารู้ไม่ คนผู้นั้นกลับเป็นคนสามานย์อย่างถ่องแท้ นางถูกฆ่าตายอย่างทารุณ ไม่ทันได้รอเห็นพี่ชายของนางกลับมา…”

น่าสงสารถึงเพียงนี้เชียวหรือ

หลี่จิ่วเต้าฟังแล้วไม่สบายใจมากเช่นกัน

“นางชื่นชอบการดีดฉิน ข้าจึงนำฉินมาบรรเลงบทเพลงให้นางฟัง นางชื่นชอบดอกไม้ ข้าจึงนำดอกไม้นานาพันธุ์มาปูให้เต็มหลุมศพของนาง ทว่า…นางไม่อาจกลับมาได้อีกแล้ว!”

หลิงอินเอ่ยเสียงสะอื้นไห้ “นางเพิ่งอายุสิบกว่าปีเท่านั้น เดิมควรเป็นสาวน้อยวัยสะพรั่ง มีอนาคตยาวไกล ผู้ใดรู่ว่าต้องมาด่วนจากไปเยี่ยงนี้…”

“คนทำดีย่อมได้ดี ข้าเชื่อว่าสวรรค์ไม่มีทางอยุติธรรม ชาติก่อนนางต้องทนทุกข์ทรมาน ชาติหน้านี้ ข้าเชื่อว่านางต้องเปี่ยมล้นด้วยบุญวาสนา ปราศจากความกังวลตลอดชีวิต!”

หลี่จิ่วเต้าปลอบหลิงอิน

ได้ยินวาจานี้ของท่านเซียนแล้ว หัวใจของนางพลันสั่นไหว

ท่านเซียนพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร

ชาติหน้า?

หรือเสี่ยวหยายังมีโอกาสฟื้นคืนมาได้?

นางประเมินท่านเซียนต่ำไปหรือ?

ท่านเซียนมีวิธีคืนชีพเสี่ยวหยา?

คิดมาถึงนี่ หัวใจของนางเต้นพลัน ‘ตึกตัก’ โครมคราม

ถ้าเสี่ยวหยาคืนชีพได้จริงก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีมากแน่ ๆ!

“นางชอบฉินกับดอกไม้หรือ”

หลังได้ยินสิ่งที่เสี่ยวหยาได้ประสบพบเจอ หลี่จิ่วเต้านึกปวดใจมากเช่นกัน

เขากล่าว “นางชอบฉิน ข้าจะบรรเลงเพลงฉินที่ไพเราะที่สุดให้นางฟัง! นางชอบดอกไม้ บ้านข้ามีดอกไม้ที่งดงามที่สุด ข้าจะเด็ดมาวางไว้ให้หน้าหลุมศพของนาง! คนทำดีย่อมได้ดี ข้ายังเชื่อมั่นในหลักการนี้!”

พูดจบ เขาคลายเชือกที่คล้องม้าขาวแล้วกระโจนขึ้นไป กลับบ้านเด็ดดอกไม้ที่งดงามที่สุด

ท่านเซียนจะคืนชีพเสี่ยวหยาหรือ!?

หลิงอินมองแผ่นหลังที่จากไปของท่านเซียน บอกไม่ถูกว่าตื้นตันปานใด

‘นี่หรือคือความแข็งแกร่งของผู้เป็นเซียน แม้แต่คนที่ตายไปในยุคโบราณยังคืนชีพได้…!’

นางทึ่งมากจริง ๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดเลยว่าเสี่ยวหยาจะฟื้นคืนจากความตายได้

ถึงอย่างไรเสี่ยวหยาได้ตายไปนานแล้ว วิญญาณของนางก็คงสลายไปแล้วนานนม ในสถานการณ์เช่นนี้ น่ากลัวว่าต่อให้เป็นท่านเซียนก็คงจนปัญญา

แต่หารู้ไม่ นางประเมินท่านเซียนต่ำไป!

ท่านเซียนคืนชีพเสี่ยวหยาได้!

‘ท่านเซียนพาข้าไปที่ภาคกลาง ไม่เพียงแต่ต้องการให้ข้าล้างแค้นแทนเสี่ยวหยา แต่ยังตั้งใจคืนชีพเสี่ยวหยาอีกด้วย!’

นางคิดในใจ ไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องขอบคุณท่านเซียนอย่างไร

ท่านเซียนดีกับนางมากจริง ๆ!

“คนทำดีย่อมได้ดี! เสี่ยวหยา เราสองจะได้พบกันอีกครั้ง!”

หลิงอินจ้องมองหลุมศพ ปีติเหลือล้นจนน้ำตารื้น เรียกได้ว่านี่เป็นเรื่องที่สร้างความยินดีแก่นางที่สุด นางจะได้พบหน้าเสี่ยวหยาอีกครั้ง!

นางเฝ้ารอการมาของท่านเซียนอย่างมีความหวัง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท