ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 382 บุปผาโบยบิน (ต้น)

ตอนที่ 382 บุปผาโบยบิน (ต้น)

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​อึ้ง​ไป​ชั่วขณะ

สือ​อี​เหนียง​เป็น​คนที​่​แบ่งแยก​ความดี​ความ​ชั่ว​ชัดเจน​มาโดยตลอด​ ​หยาง​อี๋​เหนียง​พึ่ง​จะเข้า​จวน​มา​ ​ไม่เคย​เลย​ที่จะ​ละเลย​การแสดง​ความเคารพ​ต่อ​สือ​อี​เหนียง​…​นาง​ไม่เคย​คิด​ไป​ถึง​เรื่อง​นี้​เลย

ตอนนี้​พอได้​ยิน​เฉียว​เหลียน​ฝัง​พูด​มา​อย่างนี้​ ​และ​พอล​อง​นึก​ไป​ถึงที่​ไป​ที่มา​ของ​หยาง​อี๋​เหนียง​…​หรือว่า​ที่​สือ​อี​เหนียง​มอบหมาย​หยาง​อี๋​เหนียง​ให้​ตน​ดูแล​ ​เพราะ​มี​เจตนา​เช่นนี้​จริงๆ​ ​หรือ

เมื่อ​ความคิด​เช่นนี้​แล่น​ผ่าน​ใน​หัว​ ​ใน​ใจ​ของ​นาง​ก็​วุ่นวาย​สับสน​ไป​หมด​ ​แม้แต่​จะ​นั่ง​ก็​นั่ง​ไม่​ติด​เสียด​้วย​ซ้ำ

“​ที่​น้อง​หญิง​พูด​มามี​เหตุผล​”​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​พูด​ขึ้น​ ​“​กฎเกณฑ์​ใน​จวน​ของ​เรา​จะ​สำคัญ​แค่ไหน​ ​ก็​ไม่​สู้​กฎ​ใน​วัง​ ​เป็น​ข้า​เอง​ที่​ไม่เข้าใจ​ใน​จุดประสงค์​ของฮู​หยิน​”

เฉียว​เหลียน​ฝัง​เห็น​สีหน้า​ท่าที​ของ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ที่​พูด​ไม่​ตรง​กับ​ใจ​ ​ก็​เม้มปาก​ยิ้ม​พลาง​จิบ​ชา​ไป​ที​หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​ลุกขึ้น​ขอตัว​ลาก​ลับ

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​กลุ้มใจ​และ​กังวล​เป็นอย่างมาก​ ​จึง​หันไป​ถาม​ชิว​หง​ว่า​ ​“​หรือว่าฮู​หยิน​คิด​จะ​ยืมมือ​ข้า​ไป​จัดการ​หยาง​อี๋​เหนียง​จริงๆ​”​ ​น้ำเสียง​ของ​นาง​เต็มไปด้วย​ความลังเลใจ

“​ไม่​หรอก​กระมัง​เจ้า​คะ​!​”​ ​ชิว​หง​พูด​ขึ้น​อย่าง​สองจิตสองใจ​ ​“​หากฮู​หยิน​คิด​จะ​ยืมมือ​ของ​ใคร​เพื่อที่จะ​มา​จัดการ​หยาง​อี๋​เหนียง​จริงๆ​ ​เหตุใด​ถึง​ต้อง​มอบหมาย​ให้ท่าน​ด้วย​ ​สู้​ใช้​เฉียว​อี๋​เหนียง​ไม่ดี​กว่า​หรือ​!​ ​เวลานี้​คนที​่​หวาดกลัว​หยาง​อี๋​เหนียง​ที่สุด​ไม่ใช่​พวกเรา​เสียหน่อย​ ​แต่​เป็น​เฉียว​อี๋​เหนียง​ต่างหาก​”

คำพูด​ประโยค​เดียว​ปลุก​คน​หนึ่ง​คน​ให้​ตื่น​จาก​ห้วง​แห่ง​ความฝัน

“​ไม่เลว​ทีเดียว​”​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​สัมผัส​หน้าผาก​เบา​ๆ​ ​“​ข้า​เกือบจะ​หลงเชื่อ​คำพูด​ของ​เฉียว​อี๋​เหนียง​เสีย​แล้ว​”​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​หยิก​แก้ม​ของ​ชิว​หง​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​ครั้งนี้​ถือว่า​เจ้า​ฉลาด​จริงๆ​”

ชิว​หง​ลูบ​แก้ม​เบา​ๆ​ ​“​เบา​ๆ​ ​หน่อย​เจ้าค่ะ​อี๋​เหนียง​”​ ​จากนั้น​นาง​ก็​ยู่​ปาก​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​บ่าว​ไม่​ฉลาด​ตอน​ไหน​กัน​ ​มี​ก็​แต่​อี๋​เหนียง​นี่แหละ​ ​ที่​ช่วงนี้​เอาแต่​คิด​ฟุ้งซ่าน​และ​สงสัย​ไป​หมด​”

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ได้ยิน​แล้ว​รอยยิ้ม​เมื่อ​ครู่​ก็​จาง​ลง​ ​ผ่าน​ไป​ครู่ใหญ่​ก็​ยัง​ไม่ได้​พูด​อะไร​ต่อ

ชิว​หง​นึก​ว่า​คำพูด​ที่​ตน​พูด​นั้น​แรง​เกินไป​ ​เห็นท่า​แล้วก็​รู้สึก​เป็นห่วง​ขึ้น​มา​ ​จึง​รีบ​เรียก​นาง​ ​“​อี๋​เหนียง​”

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​จึง​ค่อย​ได้สติ​กลับคืน​มา​ ​ใบหน้า​ปรากฏ​รอยยิ้ม​ขึ้น​มา​อีกครั้ง​ ​จากนั้น​ก็​หยิก​แก้ม​ของ​ชิว​หงอีก​ที​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ชิว​หง​ ​เจ้า​พูด​ถูก​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​ถึง​วันนั้น​จริงๆ​ ​สิ่ง​ที่​ข้า​พูดมาก​็​ล้วน​เป็นเรื่อง​จริง​ ​ไม่ได้​โป้ปด​มดเท็จ​แต่อย่างใด​ ​จะ​มี​อะไร​ให้​กังวลใจ​กัน​”​ ​ความกังวลใจ​ที่​แบก​มา​หลาย​วัน​ถูก​ขจัด​จน​หมด​ไป​ใน​คราว​เดียว​ ​นาง​หันไป​สั่ง​กับ​ชิว​หง​ว่า​ ​“​เจ้า​ไป​เอา​ผ้าฝ้าย​ผืน​ใหญ่​ที่​ข้า​สั่ง​จาก​อู​เจิ​้​นมา​สัก​ผืน​ ​เรา​ไป​เยี่ยมฮู​หยิน​กัน​”

ชิว​หง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ย่อ​ตัว​ขานรับ​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​ขณะที่​กำลังจะ​ถอย​ออก​ไป​นั้น​ ​ก็​มีสาว​ใช้​น้อย​เข้ามา​เรียน​ว่า​ ​“​อี๋​เหนียง​ ​ฉิน​อี๋​เหนียง​มาหา​เจ้าค่ะ​”

“​นี่​มัน​เป็นการ​รวมตัว​ของ​เหล่า​ผู้​กล้า​หรือ​อย่างไร​กัน​!​”​ ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็ได้​ให้​สาวใช้​น้อย​เชิญ​ฉิน​อี๋​เหนียง​เข้ามา

ฉิน​อี๋​เหนียง​นำทอง​สิบ​แท่ง​ออกมา​ ​“​นี่​คือ​เงิน​ที่​ข้า​เก็บ​สะสม​หลาย​ปี​ที่ผ่านมา​ ​ตั้งใจ​จะ​ให้​คุณชาย​น้อย​สอง​ ​เพื่อให้​คุณชาย​น้อย​สอง​เอา​ไป​ใช้จ่าย​ที่​เล่อ​อาน​ ​ต้อง​ไป​ลำบาก​ถึงที่​โน่น​ ​มีเงิน​ติดตัว​ไว้​ ​จะ​ฝากฝัง​ใคร​ก็​ง่าย​ขึ้น​มา​หน่อย​ ​อี๋​เหนียง​ช่วย​ข้า​แลก​เป็น​ตั๋วเงิน​ด้วย​เถิด​!​”

ที่ผ่านมา​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​มักจะ​ช่วย​เหล่า​สตรี​ใน​จวน​แลก​ทองแท่ง​เป็น​ตั๋วเงิน​อยู่​เสมอ​ ​แต่​แค่​ไม่เคย​แลก​ทอง​จำนวน​เยอะ​ขนาด​นี้​ใน​คราว​เดียว​มาก​่อน

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​จึง​ค่อนข้าง​รู้สึก​อึ้ง​ ​แต่​แล้ว​สุดท้าย​นาง​ก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​ตอบ​ตกลง

ฉิน​อี๋​เหนียง​กล่าว​ขอบคุณ​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ ​จากนั้น​ก็ได้​ลุกขึ้น​ขอตัว​ลาก​ลับ

หลังจากที่​เดิน​กลับ​ไป​ถึง​เรือน​ของ​ตน​แล้ว​ ​ก็ได้​เงยหน้า​ขึ้น​มา​เห็น​ทางเดิน​ของ​เรือน​แถว​ส่วนหลัง​ที่ตั้ง​อยู่​ทาง​ด้านหลัง​เรือน​ของ​เรือน​หลัก​ ​นาง​ก็ได้​ชะงัก​ฝีเท้า​ลง​ ​และ​ยืน​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็ได้​สั่ง​กับ​ชุ่ย​เอ๋อร​์​ว่า​ ​“​เรา​ไป​เยี่ยม​เรือน​ของ​หยาง​อี๋​เหนียง​สักหน่อย​ ​ถือโอกาส​ไป​ทานอาหาร​เที่ยง​พร้อมกับ​นาง​เลย​ ​คุณชาย​สาม​และฮู​หยิน​สาม​ไม่อยู่​เรือน​ ​นาง​ก็​ถือว่า​อิสระ​แล้ว​ ​สามารถ​ใช้​ห้องครัว​เล็ก​ได้​ตามอำเภอใจ​ ​อยาก​ทาน​อะไร​ก็​สั่ง​ให้​ทำได้​เต็มที่​!​”​ ​พูด​จบ​ ​ใบหน้า​ก็​ปรากฏ​รอยยิ้ม​ขึ้น

ชุ่ย​เอ๋อร​์​เห็น​ว่า​อารมณ์​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​ดีขึ้น​มาก​แล้ว​ ​นาง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​รีบ​ขานรับ​ทันที​ ​จากนั้น​ก็ได้​ไปหา​หยาง​อี๋​เหนียง​ที่​เรือน​ของ​คุณชาย​สาม​พร้อมกับ​ฉิน​อี๋​เหนียง

*****

จี้​หนิง​เห็น​ว่านี​่​ก็​ใกล้​เวลาอาหาร​เที่ยง​แล้ว​ ​จึง​ได้​ลุกขึ้น​ขอตัว​ลาก​ลับ

สือ​อี​เหนียง​จึง​สั่ง​ให้​หู่​พั่ว​ออก​ไป​ส่ง​นาง​ ​จากนั้น​ก็​มีบ​่า​วรับ​ใช้​ชาย​เข้ามา​เรียน​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​ท่าน​โหว​ให้​มาเรีย​นว​่า​เที่ยง​นี้​จะ​ทานข้าว​ที่​ลาน​นอก​ ​ไม่ได้​กลับมา​ขอรับ​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​พยักหน้า​รับรู้​เบา​ๆ​ ​แล้วจึง​ค่อย​ไป​ทานอาหาร​เที่ยง​ที่​เรือน​ของ​ไท่ฮู​หยิน

ขากลับ​หู่​พั่ว​ก็ได้​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“​ไต้​ซือ​จี้​หนิง​ไม่ได้​แวะ​ที่อื่น​เจ้าค่ะ​ ​ออกจาก​จวน​ก็​ตรง​กลับ​วัด​เลย​ ​หยาง​อี๋​เหนียง​เอง​ก็​ไม่ได้​ออกจาก​เรือน​เลย​ ​นาง​นั่ง​เย็บปักถักร้อย​อยู่​แต่​ใน​เรือน​เจ้าค่ะ​”

เป็น​เช่นนี้​ก็ดี​!

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​เบา​ๆ

หลังจากที่​เปลี่ยน​ชุด​เสร็จ​เรียบร้อย​และ​กำลังจะ​นอน​พักผ่อน​ช่วง​บ่าย​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​กลับมา​ถึง​พอดี

คงจะ​มีเรื่อง​สำคัญ​อย่างแน่นอน​ ​เพราะ​ปกติ​แล้ว​การ​ที่​หม่า​จั่ว​เหวิ​นมา​หานั​้น​ ​หากว่า​ไม่ต้อง​เข้าเวร​ ​เขา​ก็​มักจะ​มานั​่ง​เสวนา​กับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ใน​เรือน​อยู่​เสมอ​ ​ส่วนใหญ่​แล้วก็​มักจะ​อยู่​คุย​กัน​ทั้ง​บ่าย​ก็​ว่า​ได้​ ​การ​มาช​่​วง​เช้า​และ​กลับ​ทันที​หลังจากที่​ทานอาหาร​เสร็จ​เช่นนี้​แทบจะ​ไม่เคย​มี​เสียด​้วย​ซ้ำ​!

สือ​อี​เหนียง​ช่วย​เขา​เปลี่ยน​ชุด​พลาง​ถาม​เขา​ว่า​ ​“​เหตุใด​วันนี้​ใต้เท้า​หม่า​จึง​กลับ​เร็ว​เช่นนี้​เล่า​เจ้า​คะ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ตอบกลับ​ไป​ว่า​ ​“​เขา​ลาออก​จาก​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ที่​กว่าง​ตง​และ​กำลังจะ​เดินทาง​เร็ว​ๆ​ ​นี้​ ​ก็​เลย​ตั้งใจ​มาลา​ข้า​โดยเฉพาะ​ ​ช่วง​เย็น​ยัง​มีที​่​อื่น​ที่​ต้อง​ไป​!​”

สือ​อี​เหนียง​ค่อนข้าง​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

คนที​่​เคย​เป็น​ถึง​ราช​เลขา​ของ​ฝ่า​บาท​แล้ว​มาลา​ออก​ ​บางครั้ง​ก็​เป็นการ​ฝึกฝน​ตน​อย่างหนึ่ง​ ​แต่​บางครั้ง​ก็​ถือเป็น​การ​เปลี่ยน​ถิ่นฐาน​ ​แต่​เมื่อ​เห็น​สีหน้า​ท่าที​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แล้ว​ ​ดูท่า​คงจะ​ไม่ใช่​เรื่อง​แย่​ ​นาง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เช่นนี้​ก็​แสดงว่า​ใต้เท้า​หม่า​จะ​ไป​เป็น​ราชทูต​ประจำ​เขต​ชายแดน​อย่างนั้น​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​มีเรื่อง​ง่าย​อย่างนี้​เสียที​่​ไหน​กัน​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หย่อน​ตัว​นั่งลง​บน​เตียง​ ​“​ฝ่า​บาท​ทรง​ประสงค์​ให้​เขา​ไป​ตรวจสอบ​ระบบ​ศุลกากร​ของ​ทาง​กว่าง​ตง​ ​หาก​รับ​ตำแหน่ง​ผู้ว่าการ​มณฑล​แล้ว​ ​การ​ทำ​ทุกอย่าง​ให้​ดีย​่​อม​เป็น​หน้าที่​ที่​หนี​ไม่​พ้น​อยู่​แล้ว​ ​แต่​หาก​ทำได้​ไม่ดี​เท่าที่ควร​ ​เกรง​ว่า​ต้อง​อยู่​ที่​กว่าง​ตง​อย่า​หวัง​ว่า​จะ​ได้​กลับมา​”​ ​จากนั้น​ก็ได้​เปลี่ยนไป​คุย​เรื่อง​อื่น​แทน​ ​เขา​ได้​ถาม​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​กำลังจะ​เตรียมตัว​นอน​พักผ่อน​ช่วง​กลางวัน​หรือ​”

สือ​อี​เหนียง​พยักหน้า​ตอบ​เบา​ๆ

สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ถอด​รองเท้า​ออก​ ​“​พอดี​เลย​ ​ข้า​เอง​ก็​จะ​นอน​พัก​เหมือนกัน​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​ปรนนิบัติ​เขา​นอน​ ​จากนั้น​ก็​เตรียมตัว​จะ​ไป​นอน​พัก​ที่​เตียง​เตา​ ​แต่​จู่ๆ​ ​ก็​ถูก​สวี​ลิ่ง​อี๋​กอด​จาก​ทาง​ด้านหลัง​ ​“​เจ้า​นอน​เป็นเพื่อน​ข้า​หน่อย​”

สาวใช้​ใน​ห้อง​จึง​พากัน​ทยอย​ถอย​ออกจาก​ห้อง​ชั้นใน​ไป​อย่างเบามือ​เบา​เท้า

ใบหน้า​ของ​สือ​อี​เหนียง​พลัน​แดงก่ำ​ขึ้น​มา​ ​“​ท่าน​โหว​อย่า​แกล้ง​ข้า​เล่น​เลย​!​”

“​ข้า​แกล้ง​เจ้า​เล่น​ตรงไหน​กัน​!​”​ ​ลมหายใจ​ที่​เป่า​โดน​ใบ​หู​ของ​นาง​ ​“​ภรรยา​ต้อง​ยึด​สามี​เป็นหลัก​ ​ข้า​จะ​ให้​เจ้า​ปรนนิบัติ​ข้าง​กาย​ตอน​ข้า​นอน​พักกลางวัน​ไม่ได้​หรือ​อย่างไร​กัน​”

สือ​อี​เหนียง​ฟัง​คำพูด​ที่​เต็มไปด้วย​น้ำเสียง​หยอกเย้า​ของ​เขา​แล้ว​ ​ก็​รู้​ว่า​เขา​ตั้งใจ​จะ​แกล้ง​ตน​เล่น​ ​จึง​คิด​อยาก​จะ​แกล้ง​เขา​กลับ​ ​“​ในเมื่อ​เป็น​เช่นนี้​ ​งั้น​ข้า​ก็​อยู่​ปรนนิบัติ​ท่าน​โหว​ที่นี่​ก็แล้วกัน​!​”​ ​พูด​จบ​นาง​ก็​พยายาม​จะ​ดิ้น​ให้​หลุด​ ​แต่​ใคร​จะ​ไปรู​้​ว่า​จะ​สามารถ​สะบัด​ให้​หลุด​ได้​ใน​คราว​เดียว

นาง​อึ้ง​ไป​ชั่วขณะ​ ​แต่​แล้ว​ท่าน​โหว​ผู้​นั้น​ก็ได้​เอน​ตัว​ลงนอน​เหยียด​ขา​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​นวด​ขา​ให้​ข้า​หน่อย​!​”

สือ​อี​เหนียง​จึง​หัวเราะ​ออกมา​ด้วย​ความ​ตลก​ ​แล้ว​ลงมือ​ช่วย​เขา​นวด​ขา

แต่​สวี​ลิ่ง​อี๋​กลับ​เดี๋ยว​ก็​ปวดหลัง​ ​เดี๋ยว​ก็​ปวด​ไหล่​ ​แกล้ง​สือ​อี​เหนียง​จน​นาง​หัวหมุน​ไป​หมด

ใน​ตอนแรก​สือ​อี​เหนียง​อดทน​เล่น​กับ​เขา​ด้วย​ ​เพียงแต่ว่า​ร่างกาย​ของ​เขา​แน่น​และ​กำยำ​มาก​ ​ส่วน​นาง​นั้น​ก็​แรง​น้อย​ ​นวด​ไป​ครู่เดียว​ก็​เหนื่อย​จน​หายใจ​หอบ​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​แล้วก็​ดัน​นาง​ไป​ที่​เตียง​ ​“​มานี​่​สิ​ ​ข้า​นวด​ให้​เจ้า​ด้วย​!​”​ ​แต่​แรง​ที่​เขา​ใช้​นั้น​เยอะ​เกินไป​ ​นวด​ไป​แค่​สอง​สาม​ที​ ​อีก​คน​ก็​ร้อง​เจ็บ​ขึ้น​มา​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​หัวเราะ​เสียงดัง​ด้วย​ความชอบ​ใจ​ ​จากนั้น​ก็​เบาแรง​ลง​กลายเป็น​ลูบ​คลึง​แทน​…

“​ท่าน​โหว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ทั้ง​อาย​ทั้ง​ฉุน

“​รู้​แล้ว​ ​รู้​แล้ว​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ชอบ​แกล้ง​นาง​เล่น​เป็น​ที่สุด​ ​หลังจากนั้น​เขา​ก็​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“​ข้า​กำลัง​คิด​ว่า​สอง​สาม​วันนี้​ท่าน​อา​สอง​และ​ท่าน​อาสาม​คงจะ​กลับ​ไปรา​ยงาน​ตัว​ที่​เมืองหลวง​แล้ว​ ​เจ้า​หา​เวลาว่าง​แวะ​ไป​ที่​ตรอก​เหล่าจ​วิน​ถัง​และ​ตรอก​เฉียน​ถัง​เสียหน่อย​ ​ถาม​ท่าน​อา​ทั้งสอง​ว่า​มี​ความคิดเห็น​อย่างไร​ ​ถึง​เวลา​นั้น​ข้า​จะ​ได้คิด​วางแผน​ถูก​”

สือ​อี​เหนียง​ลืม​เรื่อง​นี้​ไป​เสีย​สนิท

นายท่าน​สอง​และ​นายท่าน​สาม​ปลด​ประจำการ​ร่วม​สาม​ปี​ ​ตาม​หลัก​แล้ว​จะ​ต้อง​กลับ​ไปรา​ยงาน​ตัว​ที่​เมืองหลวง​ ​เพื่อที่จะ​รอทา​งการ​เรียกตัว​ไปรับ​ตำแหน่ง​ใหม่​อีกครั้ง

“​ตอนเย็น​ข้า​จะ​ส่ง​คน​เข้าไป​ดู​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เขิน​จน​เหงื่อ​ตก​ ​“​ถึง​เวลา​ข้า​ค่อย​แจ้ง​ท่าน​โหว​อีกที​”

“​ก็​ไม่ได้​รีบร้อน​ถึงขนาด​นั้น​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ก้มหน้า​ลงมา​มอง​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ข้า​ได้​สั่ง​ให้​พ่อบ้าน​ไป​แจ้ง​ทาง​นั้นแล​้ว​ ​ว่า​หาก​มี​ข่าวคราว​อะไร​ก็​ให้​ส่ง​คน​มาบ​อก​ ​เพียงแต่ว่า​มีบา​งคำ​พูด​ที่​ไม่​สะดวก​จะ​ถาม​ตรงๆ​…​”

“​ข้า​เข้าใจ​แล้ว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​พลาง​มองตาม​สายตา​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ ​ก็​เห็น​ว่า​คอเสื้อ​ของ​ตน​ได้​ถูก​ปลดออก​ ​เผย​ให้​เห็น​เนื้อหนังมังสา​เต็มตา​ ​แต่​พอกำ​ลัง​จะ​ปิด​คอเสื้อ​ ​ปลายเนิน​อก​ก็​รู้สึก​เจ็บ​จี๊ด​ขึ้น​มา​ ​นาง​ถูก​สวี​ลิ่ง​อี๋​คาบ​ยอด​เนิน​อก​ไว้​แล้ว​…

*****

สวี​ลิ่ง​อี๋​ก็​ไม่ได้​ทำ​อะไร​มาก​ ​ก็​แค่​รบกวน​จน​สือ​อี​เหนียง​ไม่​เป็นอัน​นอน​พัก​ช่วง​กลางวัน​เลย​ ​กำลัง​เป็นช่วง​เวลา​ที่​เหนื่อยล้า​และ​น่า​ง่วงเหงาหาวนอน​ที่สุด​ของ​ฤดูใบไม้ผลิ​ ​ตอนเย็น​ไท่ฮู​หยิน​ก็ได้​ให้​คน​มาเรียก​สือ​อี​เหนียง​ไป​ปรึกษาหารือ​เรื่อง​ของขวัญ​วัน​แต่งงาน​ที่จะ​ให้​หลิน​หมิง​หย่วน​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​นอนหลับ​ต่อ​ ​ส่วน​สือ​อี​เหนียง​ก็ได้​ไป​ล้างหน้าล้างตา​ด้วย​น้ำเย็น​จึง​ค่อย​รู้สึก​ดีขึ้น​มา​หน่อย​ ​ตก​กลางคืน​มาสื​ออี​เหนียง​ก็​เอาแต่​หันหลัง​ไม่สน​ใจ​เขา​ ​จน​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยอมรับ​ปาก​ว่า​เวลากลางวัน​จะ​ไม่​แกล้ง​แบบนี้​อีกแล้ว​ ​ใบหน้า​ที่​เง้า​งอน​จึง​ค่อย​คลาย​ลง​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​กอด​นาง​แน่น​พร้อมกับ​หัวเราะ​เสียงดัง​ ​รู้สึก​ว่า​ชีวิต​ผ่านพ้น​ไป​อย่างรวดเร็ว​และ​สนุกสนาน

เมื่อถึง​วันที่​สิบ​เจ็ด​เดือน​สาม​ ​นอกจาก​สั่ง​ชุด​เข้า​สอบ​จอ​หงวน​จาก​หอ​ชุน​ซี​แล้ว​ ​ก็​ยังคง​ส่ง​พู่กัน​ ​หมึก​ ​กระดาษ​และ​จาน​ฝน​หมึก​ให้​กับ​เฉียน​หมิง​ดังเดิม

หลังจากที่​รอ​เฉียน​หมิง​ออกจาก​สนาม​สอบ​แล้ว​ ​นายท่าน​สอง​และ​นายท่าน​สาม​สกุล​หลัว​ก็ได้​เดินทาง​มาถึง​ใน​เมืองหลวง​ตามหลัง​กัน​มาติด​ๆ​ ​เมื่อ​คนใน​บ้าน​ได้​รวมตัวกัน​ก็​ย่อม​ต้อง​สังสรรค์​กัน​เป็นธรรมดา​ ​แต่​เพราะ​สือ​อี​เหนียง​กำลัง​อยู่​ใน​ช่วง​ไว้ทุกข์​ ​จึง​เลือก​ที่จะ​กลับ​ไป​เยี่ยม​ที่​ตรอก​เหล่าจ​วิน​ถัง​และ​ตรอก​เฉียน​ถัง​แทน

นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​ดู​สมบูรณ์​ขึ้น​มา​ไม่น้อย​ ​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​ก็ดี​ใจ​เป็นอย่างมาก​ ​คะยั้นคะยอ​ให้​นำ​ลูก​พุทรา​ใหญ่​และ​เออร์​เจียว​กลับ​ไป​ด้วย​เยอะ​ๆ​ ​“​…​ยังดี​ที่​ชี​เหนียง​เจอ​กับ​ท่าน​โหว​ ​และ​เจ้า​เอง​ก็​เป็น​คนที​่​รู้จักคิด​รอบคอบ​มาโดยตลอด​ ​มิเช่นนั้น​ ​ก็​ไม่รู้​ว่า​จะแจ้ง​กับ​ทาง​สกุล​จู​ว่า​อย่างไร​ดี​”

“​เพราะฮู​หยิน​ของ​พี่​หญิง​เจ็ด​เป็น​คนดี​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความเกรงใจ​ ​“​และ​เป็น​เพราะ​ท่าน​อาสะใภ้​สอง​เลือก​ลูกเขย​ได้ดี​ ​พี่​หญิง​เจ็ด​เอง​ก็​เป็น​คนที​่​มี​วาสนา​ดีด​้วย​”

นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​ได้ยิน​แล้วก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​แสดง​สีหน้า​เศร้าใจ​ออกมา​ ​“​หากว่า​สามารถ​มีลูก​สัก​คน​ก็​คงจะ​สมบูรณ์แบบ​ไม่น้อย​”

สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​ลังเล​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​“​ยัง​ไม่มี​ข่าวคราว​เลย​หรือ​เจ้า​คะ​”

นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​ส่ายหน้า​เบา​ๆ

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​คำ​ว่า​ ​‘​สมบูรณ์แบบ​’​ ​ที่นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​พูด​ขึ้น​…​แล้ว​ใต้​หล้า​นี้​มีสิ​่ง​ไหน​ที่​สมบูรณ์แบบ​บ้าง​หรือ​ ​แต่​สุดท้าย​นาง​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​ออกมา

คุณนาย​สาม​สกุล​หลัว​ได้​นำ​ว่าว​จุฬา​ใหญ่​เข้ามา​อยู่​จำนวน​หนึ่ง​ ​“​…​นำ​กลับมา​จาก​เหวย​ฟัง​ ​คุณหนู​สิบเอ็ด​เอา​กลับ​ไป​ให้​เด็ก​ๆ​ ​ที่​จวน​เล่น​กัน​เถิด​”

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ทอดถอนใจ

ตอนนี้​ที่​ตน​กำลัง​เศร้าใจ​อยู่​ก็​เพราะ​เรื่อง​เด็ก​ๆ​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​หลัว​ก็​ยัง​จะ​พูดถึง​เรื่อง​ว่าว​จุฬา​ขึ้น​มา​ ​บุตร​เขย​ทั้งสอง​คน​ของ​บ้าน​นายท่าน​สอง​เป็น​คนที​่​ฉลาด​หัวไว​และ​มี​ความสามารถ​ ​แต่กลับ​มีบุ​ตร​ชาย​ที่​หัวอ่อน​เช่น​หลัว​เจิ​้นต​๋า​ ​ไม่​เพียง​เท่านั้น​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​หลัว​เอง​ก็​ฉลาด​สู้​คุณนาย​สี่​สกุล​หลัว​ไม่ได้​อีกด้วย​…

ใน​ใจ​นาง​กำลัง​ครุ่นคิด​ ​แต่​ก็​รับ​ว่าว​จุฬา​มาด​้ว​ยสี​หน้าที่​ยิ้มแย้ม​ ​และ​ยัง​ได้​ชม​ว่าว​จุฬา​ว่า​สวยงาม​อะไร​จำพวก​นี้​อยู่​ครู่หนึ่ง

นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​พลัน​นึกถึง​คำพูด​ของ​ซื่อ​เหนียง​บุตรี​ของ​นาง​ที่​เคย​เตือน​นาง​ว่า​ ​‘​…​หาก​น้อง​หญิง​สิบเอ็ด​เป็นฮู​หยิน​ของ​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​แล้ว​ ​ท่าน​ก็​อย่า​ได้​มอง​นาง​เป็นคุณ​หนู​สิบเอ็ด​คน​เดิม​อีก​ ​ท่าน​เอง​ควร​ต้อง​มี​ความลับ​บ้าง​ถึง​จะ​ถูก​ ​เนื่องจาก​ทุกวันนี้​อี๋​ชิง​ที่​ด้อย​ซึ่ง​ประสบการณ์​ ​แวดวง​คับแคบ​ไม่​กว้างขวาง​ ​ถึง​เวลา​นั้น​เกรง​ว่า​อนาคต​ของ​ท่าน​พ่อ​อาจจะ​ต้อง​อาศัย​ความช่วยเหลือ​จาก​ท่าน​โหวด​้วย​’

ถึงแม้ว่า​ตอนนั้น​ใน​ใจ​ของ​นาง​จะ​ท่วมท้น​ไป​ด้วย​ความ​ไม่เข้าใจ​ ​แต่​พอ​มาต​อนนี​้​ก็​เห็น​ว่า​บน​ศีรษะ​ของ​สือ​อี​เหนียง​นั้น​ได้​ปักปิ่น​ที่​ฝัง​ด้วย​หยก​ ​บน​ร่างกาย​ก็​สวม​ชุด​เป้ย​จื่อ​แบบ​ใหม่​ลาย​ดอกบัว​สีน้ำเงิน​อม​เขียว​ ​ใบหน้า​มี​เลือดฝาด​แลดู​สุขภาพ​ดี​ ​สีหน้า​ท่าที​ดู​สบายใจ​ไร้​ซึ่ง​ความกังวล​ ​ไม่​หลงเหลือ​ความระมัดระวัง​และ​ความหวาดระแวง​ที่​กลัว​ไป​เสีย​ทุกอย่าง​เหมือนเช่น​เมื่อก่อน​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​ทุกอย่าง​เป็นไปตาม​คำพูด​ที่​บุตรสาว​ของ​นาง​เคย​พูด​ไว้​ ​นาง​จึง​สลัด​เรื่อง​ของ​ชี​เหนียง​ออกจาก​ไป​ ​จากนั้น​ก็ได้​ตั้งอกตั้งใจ​พูดคุย​ถามไถ่​สารทุกข์สุกดิบ​กับ​สือ​อี​เหนียง

สือ​อี​เหนียง​ถือโอกาส​นี้​บอกกล่าว​จุดประสงค์​ที่​ตน​มา​ใน​วันนี้​ให้​กับ​นาง​ฟัง

นาย​หญิง​สอง​สกุล​หลัว​ได้ยิน​แล้วก็​แสดง​สีหน้า​ดีใจ​ออกมา​อย่างเห็นได้ชัด​ ​“​รอ​ข้า​ถาม​ความคิดเห็น​จาก​นายท่าน​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ข้า​จะ​รีบ​ส่งข่าว​ให้​คุณหนู​สิบเอ็ด​ทันที​”

สือ​อี​เหนียง​นึกถึง​เมื่อก่อน​ ​ก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​รู้สึก​ทำตัว​ไม่​ถูก​ขึ้น​มา​ ​จากนั้น​ก็ได้​เดินทาง​ไป​ยัง​ตรอก​เฉียน​ถัง​ต่อ

ตั้งแต่​บิดา​ลาออก​จาก​งาน​ใน​ราชสำนัก​และ​ย้ายถิ่น​ฐาน​กลับ​ไป​ยัง​บ้านเกิด​แล้ว​ ​นาย​หญิง​สาม​สกุล​หลัว​ก็ได้​เห็น​ถึง​จิตใจ​ผู้คน​เยอะแยะ​มากมาย​ ​จึง​กลายเป็น​คนที​่​อบอุ่น​และ​อ่อนโยน​ขึ้น​มา​ไม่น้อย​ ​เมื่อ​เห็น​สือ​อี​เหนียง​นาง​ก็ดี​ใจ​เป็นอย่างมาก​ ​รีบ​เข้ามา​กุมมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​พลาง​หันไป​สั่ง​กับ​ป้า​รับใช้​ว่า​ ​“​…​ไป​จัดเตรียม​ผัก​ดอง​อย่าง​ละ​ไห​ให้​คุณหนู​สิบเอ็ด​เอา​กลับ​ไป​ด้วย​”

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​ขึ้น​พร้อมกับ​กล่าว​ขอบคุณ​ ​จากนั้น​ก็ได้​พากั​นนั​่ง​ลง​พูดคุย​และ​ถามไถ่​ถึง​เรื่อง​หลัว​เจิ​้น​ไค​กับ​หลัว​เจิ​้​นอ​วี​้​ขึ้น​มา

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท