ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 383 บุปผาโบยบิน (กลาง)

ตอนที่ 383 บุปผาโบยบิน (กลาง)

นาย​หญิง​สาม​สกุล​หลัว​ได้ยิน​แล้วก็​น้ำตา​คลอ​ ​“​ข้า​เอง​ก็​ไม่ได้​เจอ​มาส​อง​ปี​แล้ว​ ​ใน​จดหมาย​ท่าน​พ่อ​และ​พี่ชาย​เขียน​มาบ​อก​ว่า​สบายดี​”​ ​พูด​จบ​ก็​เช็ดน้ำ​ตา​แล้ว​จับมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​มากุม​ไว้​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​ได้ยิน​จาก​อาสาม​ของ​เจ้า​แล้ว​ ​ตอนนี้​พระราชโอรส​คนโต​ถูก​แต่งตั้ง​เป็น​องค์​รัชทายาท​ ​ถึงแม้ว่า​ท่าน​โหว​จะ​ถอย​ออกห่าง​จาก​ราชสำนัก​ ​แต่​เหล่า​ขุนนาง​ทั้ง​เบื้องบน​เบื้องล่าง​ต่าง​ก็​ไม่มีใคร​กล้า​ที่จะ​ดูหมิ่นดูแคลน​เขา​เลย​ ​ข้า​จึง​มีเรื่อง​จะ​ขอร้อง​ให้​เจ้า​ช่วย​ ​ช่วย​ให้​อาสาม​ของ​เจ้า​ได้รับ​ตำแหน่ง​ที่​ซาน​ซีที​ ​เช่นนี้​ข้า​และ​เจิ​้น​ไค​กับ​เจิ​้​นอ​วี​้​จะ​ได้​อยู่​ใกล้​กัน​ยิ่งขึ้น​ ​ไม่ต้อง​คอย​เป็นห่วง​และ​กังวลใจ​จน​เกินไป​”

ที่​สือ​อี​เหนียง​มาก​็​ตั้งใจ​จะ​มา​พูด​เรื่อง​นี้​อยู่​แล้ว​ ​เพียงแต่ว่า​ไม่​สามารถ​รับปาก​ได้​อย่างเต็มที่​ก็​เท่านั้น​ ​“​…​ที่​ท่าน​โหว​ให้​ข้ามา​ ​ก็​เพื่อมา​ถาม​เรื่อง​นี้​ ​สิ่ง​ไหน​ที่สามา​รถ​ช่วยเหลือ​ได้​ ​ก็​จะ​ช่วยเหลือ​อย่างเต็มที่​แน่นอน​”

นาย​หญิง​สาม​สกุล​หลัว​จึง​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​แล้ว​เอ่ยปาก​ชวน​ให้​สือ​อี​เหนียง​อยู่​ทานอาหาร​ค่ำ​ด้วยกัน​ก่อน​ ​จึง​ค่อย​ให้​นาง​เดินทาง​กลับ​จวน

สวี​ลิ่ง​อี๋​ทราบ​เรื่อง​แล้วก็​เพียงแค่​พยักหน้า​รับรู้

ผ่าน​ไป​สอง​สาม​วันนาย​ท่าน​สาม​สกุล​หลัว​ก็​ถูก​ส่ง​ไปรับ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ข้าหลวง​ที่​ต้าถง​เมือง​ซาน​ซี​ ​ส่วน​นายท่าน​สอง​สกุล​หลัว​ได้รับ​ตำแหน่งหน้าที่​อยู่​ที่​ซาน​ตง​เหมือนเดิม

พอ​ถึง​วันที่​ยี่สิบ​แปด​เดือน​สาม​ ​ก็ได้​ส่ง​คน​ไป​ตรวจดู​รายชื่อ​แต่เช้า​มืด​ ​พ่อบ้าน​ก็ได้​กลับมา​รายงาน​ว่า​ ​“​ไม่เห็น​ชื่อ​ของ​นายท่าน​เฉียน​หมิง​ขอรับ​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก​ ​จากนั้น​ก็ได้​ส่ง​คน​ไป​ตรวจสอบ​อีกครั้ง

แต่​ก็​ยังคง​ไม่มี​ชื่อ​ของ​เฉียน​หมิง​อยู่ดี

เขา​เงียบงัน​ไป​ครู่ใหญ่​ ​แล้วจึง​ค่อย​ตัดสินใจ​บอก​เรื่อง​นี้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ตนเอง

ถึงแม้ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​คาดการณ์​ผลลัพธ์​ไว้​อยู่​แล้ว​ ​แต่​ทุกอย่าง​กลับ​ตั้งอยู่​บน​เหตุผล​และ​น้ำใจ​ ​เป็นห่วง​ก็​แต่ว่า​ภายภาคหน้า​เขา​จะ​ทำ​อย่างไร​ ​จะ​อยู่​ที่​สำนัก​ศึกษา​เช่นนี้​ตลอดทั้ง​ชีวิต​ก็​คงจะ​เป็นไปไม่ได้​ ​และ​ถึงแม้ว่า​เขา​คิด​จะ​อยู่​จริงๆ​ ​แต่​ที่​สำนัก​ศึกษา​ก็​มี​กฎเกณฑ์​ชัดเจน

“​พรุ่งนี้​ข้า​จะเข้า​ไปดู​เขา​เสียหน่อย​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​“​ดู​ว่า​เขา​วางแผน​ไว้​อย่างไรบ้าง​”​ ​เขา​นึกถึง​เรื่อง​ที่​ครั้งหนึ่ง​เฉียน​หมิง​เคย​เกือบ​ได้รับ​ ​‘​เงินกำไร​’​ ​ก้อน​ใหญ่​ผ่าน​ฟั่น​เหวย​กัง​ ​เงินก้อน​ใหญ่​ที่​เพียงพอ​จะ​สามารถ​ช่วย​ให้​เขา​ไม่ต้อง​กังวล​เรื่อง​อาหารการกิน​รวมไปถึง​ข้าวของเครื่องใช้​เป็นเวลา​นับ​สิบ​ปี​ ​“​ฐานะ​ทางบ้าน​ของ​เขา​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​นัก​ ​เข้าไป​เยี่ยมเยียน​เขา​สักหน่อย​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​เห็นด้วย​เสีย​ทั้งหมด​ ​แต่​นี่​ก็​คือ​อีก​หนึ่ง​ใน​สาเหตุ​ใหญ่​เหมือนกัน​ ​เพราะ​ฐานะ​ทางบ้าน​ไม่​ค่อย​ดี​เท่าไร​ถึง​ได้​ต้องการ​จะ​คบหา​เพื่อนฝูง​ที่สามา​รถ​เปลี่ยน​ดวงชะตา​ของ​ตน​ได้​ ​แต่กลับ​ลืม​ไป​ว่าการ​สอบ​เคอจ​วี่​ถึง​จะ​เป็น​หน้าที่​ของ​ตน​ที่​ต้อง​ทำ​ ​หาก​ไม่มี​เวที​นี้​ ​ต่อให้​ขยัน​สัก​แค่ไหน​ ​สุดท้าย​ก็​จะ​เป็นได้​แค่​สหาย​สุรา​เท่านั้น​ ​คนที​่​ให้ความสำคัญ​กับ​ตำแหน่ง​และ​อำนาจ​เช่น​เขา​ ​คำพูด​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แค่​คำ​เดียว​นั้น​มีน​้ำ​หนัก​กว่า​คำพูด​ของ​ผู้อื่น​เป็น​ไหน​ๆ

“​ท่าน​โหว​ไป​โน้มน้าว​เขา​เสียหน่อย​ก็ดี​เจ้าค่ะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ ​“​ตั้งใจ​ทุ่มเท​ให้​กับ​การเล่าเรียน​ถึง​จะ​เป็น​เส้นทาง​ที่​ถูกต้อง​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ได้​ให้​พ่อบ้าน​ส่ง​เทียบ​เชิญ​ไป​ที่​ตรอก​ซื่อ​เซี่ยง​ ​เชื้อเชิญ​เฉียน​หมิง​มาทา​นอา​หาร​เที่ยง​ที่​หอ​ชุน​ซีกับ​เขา​ ​หลังจากที่​ส่ง​เทียบ​เชิญ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​พ่อบ้าน​ก็ได้​ย้อนกลับ​มารา​ยงา​นว​่า​ ​“​นายท่าน​เฉียน​บอกว่า​เขา​จะ​ไป​ถึงที่​นั่น​แต่เช้า​ขอรับ​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​จึง​ได้​เปลี่ยน​ชุด​จากนั้น​ก็​ไป​ยัง​หอ​ชุน​ซี​ ​ตกดึก​ถึง​เพิ่งจะ​กลับมา​ ​เขา​ดื่ม​สุรา​ไป​ประมาณ​หนึ่ง

“​…​ก็​ยัง​มี​อาการ​หดหู่​อยู่เล็ก​น้อย​ ​พอ​ดื่ม​สุรา​เข้าไป​ก็​พูด​ความในใจ​ออกมา​ตามประสา​ ​สภาพ​จิตใจ​ก็ดี​ขึ้น​มา​หน่อย​”​ ​เขา​กางแขน​ออก​ทั้งสอง​ข้าง​เพื่อให้​สือ​อี​เหนียง​ช่วย​เปลี่ยน​ชุด​ ​“​ตอนที่​กำลังจะ​ลุก​กลับ​ ​อี๋​ชิง​ก็​มาหา​เขา​พอดี​ ​เขา​เอง​ก็​ให้​คน​ไป​ตรวจดู​รายชื่อ​ตั้งแต่​เช้าตรู่​ ​พอ​รู้​ว่า​ไม่มี​ชื่อ​ของ​เฉียน​หมิง​ ​ก็​เลย​ตั้งใจ​มาดู​เฉียน​หมิง​โดยเฉพาะ​ ​พวกเขา​ก็​เลย​เพิ่ม​อาหาร​ไป​อีก​สอง​สาม​อย่าง​ ​แล้วจึง​ดื่ม​ต่อ​จนถึง​ตอนนี้​!​”

สาวใช้​น้อย​ก็ได้​ยก​น้ำแกง​สร่าง​เมา​เข้ามา​ให้

สวี​ลิ่ง​อี๋​ยก​ดื่ม​รวดเดียว​จน​หมด​ ​จึง​รู้สึก​ดีขึ้น​มาก​ ​เขา​สูด​ลมหายใจ​เข้า​เฮือก​ใหญ่​ ​จากนั้น​ก็​หย่อน​ตัว​นั่งลง​บน​เตียง​เตา​ ​ลังเล​อยู่​ครู่ใหญ่​ ​สุดท้าย​ก็​ตัดสินใจ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​วันนี้​คำพูด​ที่​อี๋​ชิง​พูด​ออกมา​นั้น​จริงใจ​เป็นอย่างมาก​ ​เพียงแต่ว่า​พูด​ตรง​จน​เกินไป​ ​ข้า​กลัว​ว่าวั​นข​้าง​หน้า​คำพูด​เหล่านี้​จะ​กลายเป็น​ปม​ใน​ใจ​ของ​เฉียน​หมิง​”

“​พูด​อะไร​บ้าง​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​สือ​อี​เหนียง​นั่งลง​ฝั่ง​ตรงข้าม​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋

“​โน้มน้าว​ให้​เขา​เพลา​ๆ​ ​เรื่อง​คบค้าสมาคม​บ้าง​ ​ใส่ใจ​กับ​การเล่าเรียน​ให้​มากขึ้น​กว่านี​้​ ​ยัง​ยกตัวอย่าง​ตั้ง​หลาย​ตัวอย่าง​อีกด้วย​…​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เล่า​เหตุการณ์​ใน​ตอนนั้น​ให้​สือ​อี​เหนียง​ฟัง

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ประทับใจ​ใน​ตัว​พี่เขย​สี่​คน​นี้​ขึ้น​มา​เป็น​เท่าตัว​ทันที​ ​นาง​นึกถึง​การกระทำ​เวลา​ปกติ​ทั่วไป​ของ​อวี​๋​อี๋​ชิง​ขึ้น​มา​ ​“​พี่เขย​สี่​สามารถ​ได้รับ​การ​ชื่นชม​จาก​ฝ่า​บาท​ได้​ ​แสดงว่า​จะ​ต้อง​เป็น​คนที​่​มี​ไมตรีจิต​และ​รอบรู้​กว้างขวาง​อย่างแน่นอน​ ​เขา​จะ​ไม่รู้​ว่า​คำพูด​ไหน​ควร​พูด​หรือไม่​ควร​พูด​ได้​อย่างไร​กัน​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​เป็น​เพราะ​รัก​มาก​ ​จึง​คาดหวัง​มาก​เช่นเดียวกัน​ ​เลย​ไม่ได้​มอง​พี่เขย​เป็น​คนนอก​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​“​อี๋​ชิง​เป็น​คนที​่​ควรค่า​แก่​การคบ​หา​!​”

สำหรับ​สวี​ลิ่ง​อี๋​แล้ว​ ​นี่​ถือว่า​เป็นการ​ประเมินค่า​ที่สูง​มาก​ทีเดียว

เขา​ก็ได้​พูดถึง​เรื่อง​นายท่าน​สอง​สกุล​หลัว​และ​นายท่าน​สาม​สกุล​หลัว​ขึ้น​มา​ ​“​…​เห็น​ว่า​ท่าน​อา​สอง​จะ​เดินทาง​พรุ่งนี้​และ​ท่าน​อาสา​มก​็​จะ​เดินทาง​วันมะรืนนี้​แล้ว​ ​ถึง​เวลา​นั้น​เจ้า​ก็​ไป​ส่ง​พวกเขา​พร้อม​ข้า​ก็แล้วกัน​!​”

สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​ ​จากนั้น​ทั้งสอง​ก็ได้​พากั​นนอ​นพัก​ผ่อน

ท่ามกลาง​ความมืด​มิด​ ​ก็​มีเสียง​เสียดสี​ของ​เสื้อผ้า​ดัง​ขึ้น​ ​จากนั้น​ก็ตาม​มาด​้ว​ยน​้ำ​เสียง​แผ่วเบา​ที่​เต็มไปด้วย​ความ​เขินอาย​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ข้า​กำลัง​เป็น​ระดู​อยู่​เจ้าค่ะ​!​”

“​เป็น​อีกแล้ว​หรือ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ ​น้ำเสียง​เจือปน​ไป​ด้วย​ความผิดหวัง​เล็กน้อย​ ​แต่​แล้ว​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ดีใจ​ขึ้น​มา​ ​“​เหมือนว่า​จะ​มาตร​งกับ​เดือน​ที่แล้ว​”

“​เจ้าค่ะ​!​”​ ​มือ​ที่​ใหญ่​และ​อบอุ่น​ของ​เขา​คอย​ลูบ​แผ่น​หลัง​ของ​สือ​อี​เหนียง​ด้วย​ความอ่อนโยน​ ​พลอย​ทำให้​สือ​อี​เหนียง​เคลิ้ม​จน​แทบจะ​หลับ​ไป​ ​“​เดือน​นี้​ตรง​แล้ว​เจ้าค่ะ​”

“​แสดงว่า​ยานี​้​ใช้ได้​ผลดี​ทีเดียว​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หอม​แก้ม​ของ​นาง​เบา​ๆ​ ​“​วันข้างหน้า​เจ้า​อย่า​ลืม​ทาน​ยาล​่ะ​!​”

“​ข้า​ทาน​ทุกวัน​เจ้าค่ะ​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​เริ่ม​ง่วงนอน​และ​กำลังจะ​เคลิ้ม​หลับ​ ​“​ตอนนี้​แม้แต่​กระดูก​ของ​ข้า​ก็​ยัง​เต็มไปด้วย​กลิ่น​ยาตั​วนี​้​!​”​ ​น้ำเสียง​ปน​ความ​ไม่เต็มใจ​เล็กน้อย​ ​แต่​ส่วนใหญ่​จะ​เป็นน้ำ​เสียง​ที่​ออดอ้อน​เสียมา​กก​ว่า

“​จริง​หรือ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​แล้วก็​กอด​นาง​แนบแน่น​ยิ่งขึ้น​ ​“​ไหน​ข้า​ลอง​ดม​ดูซิ​ ​ว่า​กระดูก​ของ​เจ้า​ได้กลิ่น​ยาจ​ริง​หรือไม่​!​”​ ​เขา​รู้สึก​ถึง​เพียงแค่​ร่างกาย​ที่​นุ่มนิ่ม​ ​ทั้ง​บาง​และ​อ่อนแอ​้น​ ​เกรง​ว่า​หาก​ออกแรง​กอดรัด​มากกว่า​นี้​ ​ร่าง​บาง​ๆ​ ​นี้​คงจะ​แหลก​เป็นแน่แท้​ ​แต่​ก็​ทำใจ​ปล่อย​ไม่​ลง​อยู่ดี

เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​ได้ยิน​น้ำเสียง​ที่​หยอกเย้า​เคล้า​ทะเล้น​ของ​เขา​ ​ก็​หาย​ง่วง​ไป​กว่า​ครึ่ง

ชายชาตรี​มีนิ​สัย​เช่นนี้​ทุกคน​หรือไม่​นะ​ ​คน​สุขุม​นิ่ง​สงบ​เช่น​สวี​ลิ่ง​อี๋​บางครั้ง​ก็​ซุกซน​ราวกับ​เด็กผู้ชาย​อย่างไร​อย่างนั้น​ ​ชอบ​แกล้ง​จน​นาง​ร้อง​หรือ​หัวเราะ​จึง​ค่อย​ยอม​รามือ

“​ข้า​จะ​นอน​แล้ว​!​”​ ​สือ​อี​เหนียง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เง้า​งอน​ ​“​พรุ่งนี้​ยัง​ต้อง​ไป​ปรึกษาหารือ​เรื่อง​วัน​แปด​ค่ำ​เดือน​สี่​กับ​ท่าน​แม่​อีก​!​”

ช่วงนี้​สือ​อี​เหนียง​ไม่ได้​นอนหลับ​สนิท​มา​หลาย​คืน​แล้ว​ ​เวลา​ที่​ใช้​นอน​พัก​ช่วง​กลางวัน​ยิ่ง​อยู่​ก็​ยิ่ง​น้อยลง​ ​เขา​เอง​ก็​ไม่​อยาก​ให้​นาง​เหนื่อย​เช่นนี้

“​อืม​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ลูบ​ศีรษะ​ของ​นาง​เบา​ๆ​ ​“​รีบ​นอน​เถิด​!​”

สือ​อี​เหนียง​ค่อนข้าง​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

วันนี้​เขา​เป็น​อะไร​ไป​นะ​ ​ไม่เพียงแต่​จะ​ไม่​แกล้ง​จน​ตน​ไม่​เป็นอัน​จะ​นอน​อย่างเช่น​ที่ผ่านมา​ ​แต่กลับ​กอด​ตน​ไว้​และ​โอ๋​ราวกับว่า​ตน​เป็น​เด็กน้อย​อย่างไร​อย่างนั้น

เหตุใด​จู่ๆ​ ​ถึง​เปลี่ยนไป​ได้ขนาด​นี้

แต่​นาง​ไม่ได้​เป็น​คนที​่​จะ​ปฏิเสธ​ต่อ​ความโชคดี​ ​และ​ไม่ใช่​คนที​่​ชอบ​ขุดคุ้ย​ความเป็นจริง​จน​ไป​ถึง​ราก​ถึง​โคน​ ​นาง​จึง​หลับตา​ลง​และ​ค่อยๆ​ ​หลับ​ไป

เมื่อ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เห็น​นาง​หายใจ​สม่ำเสมอ​แล้ว​ ​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​ก้มลง​มา​หอม​หน้าผาก​ของ​สือ​อี​เหนียง​เบา​ๆ​ ​แล้วจึง​ค่อย​หลับตา​มนาง​ไป

*****

วัน​ถัดมา​ก็ได้​ไป​ปรึกษาหารือ​ถึง​เรื่อง​วัน​ค่ำ​แปด​เดือน​สี่​กับ​ไท่ฮู​หยิน​ ​ไท่ฮู​หยิน​ยังคง​ตั้งใจ​จะ​ไป​ที่​วัด​เย​่า​หวัง​เหมือนเดิม​ ​“​…​ลาภ​ยศ​บรรดาศักดิ์​มากมาย​ ​สำหรับ​ข้า​ ​ข้า​ได้​ปลง​หมด​ทุกสิ่งทุกอย่าง​แล้ว​ ​สิ่ง​สำคัญ​ที่สุด​ก็​คือ​พวก​เจ้า​สามารถ​ใช้ชีวิต​อยู่​ได้​อย่าง​ร่มเย็น​เป็นสุข​ต่างหาก​”

กราบไหว้​พระพุทธเจ้า​ก็​เพื่อที่จะ​ขอ​ความสงบ​ร่มเย็น​เป็นสุข​ ​สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​ว่า​จะ​เป็น​ที่ไหน​ก็​เหมือนกัน​ ​ขอ​เพียงแค่​ไท่ฮู​หยิน​รู้สึก​ว่า​ดี​ก็​เพียงพอ​แล้ว

สือ​อี​เหนียง​จึง​ได้​ให้​หู่​พั่ว​นำ​ป้าย​คู่​ไปหา​พ่อบ้าน​ไป๋​ที่​ลาน​นอก​ ​เพื่อให้​พ่อบ้าน​ไป๋​จัดเตรียม​ข้าวของสัมภาระ​รวมไปถึง​รถม้า​ที่จะ​ใช้​ใน​การ​เดินทาง

ฮู​หยิน​ห้า​ก็​มาถึง​พอดี

เหล่า​บรรดา​สะใภ้​ต่าง​กล่าว​ทักทาย​ซึ่งกันและกัน​ ฮู​หยิน​ห้า​คุย​เกี่ยวกับ​เรื่อง​ทั่วไป​ ​สือ​อี​เหนียง​เห็น​แล้วจึง​ขอตัว​ลาก​ลับ​ก่อน

ฮู​หยิน​ห้า​จึง​ค่อย​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เมื่อวาน​นี้​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลิน​บอกว่า​หมิง​หย่วน​จะ​เริ่ม​เก็บตัว​อยู่​เรือน​ก่อน​แต่งงาน​แล้ว​ ​ท่าน​ว่า​เรื่อง​นี้​…​”

นาง​และ​หมิง​หย่วน​เป็น​ลูกพี่ลูกน้อง​กัน​ ​คาด​ว่า​ทาง​จวน​สกุล​หลิน​ไม่ได้​เอ่ยปาก​เอง​ ​จึง​ให้​นาง​มาช​่วย​บอกกล่าว​โดยเฉพาะ

“​ข้า​จะ​ช่วย​บอก​สือ​อี​เหนียง​เอง​”​ ​ไท่ฮู​หยิน​ไม่ได้​รู้สึก​ว่า​เป็นเรื่อง​ลำบากใจ​แต่อย่างใด​ ​“​นาง​ไม่ใช่​เป็น​คนที​่​ไร้เหตุผล​หรือ​เป็น​คน​แล้งน้ำใจ​”​ ​พอต​กก​ลาง​คืน​ก็ได้​บอกกล่าว​เรื่อง​นี้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ว่า​ ​“​การ​ถือ​เรื่อง​เก็บตัว​ก่อน​แต่งงาน​ของ​หมิง​หย่วน​ค่อนข้าง​เคร่งครัด​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ก็​เข้าใจ​ได้​ในทันที​ ​นาง​จึง​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​ข้า​จะ​อยู่​จวน​ดูแล​เด็ก​ๆ​ ​เอง​เจ้าค่ะ​!​”

ฮู​หยิน​ห้า​ได้ยิน​แล้วก็​ถอนหายใจ​ออกมา​เฮือก​ใหญ่​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​สิ่ง​ที่​คุณนาย​ใหญ่​สกุล​หลิน​มอบหมาย​มาก​็​ถือว่า​สำเร็จ​ลุล่วง​ ​เมื่อถึง​วัน​ค่ำ​แปด​เดือน​สี่​ก็ได้​เดินทาง​ไป​ที่​จวน​สกุล​เวย​หย่วน​โหว​เป็นเพื่อน​ไท่ฮู​หยิน

พอส​วี​ซื่อ​จุน​รู้เรื่อง​เข้า​ก็ได้​เขียน​รายการอาหาร​ที่​อยาก​ทานให้​กับ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​ท่าน​แม่​ ​ข้า​อยาก​กิน​ของ​เหล่านี้​ขอรับ​!​”

สือ​อี​เหนียง​อ่าน​ดู​คร่าวๆ​ ​แล้วก็​เห็น​ว่า​หนึ่ง​ใน​รายการ​มี​เนื้อ​กวาง​ย่าง​ด้วย​ ​จึง​ท้วง​ไป​ว่า​ ​“​อันนี้​ไม่ได้​!​ ​ทาน​แล้ว​จะ​ร้อนใน​เอา​ได้​ ​อีกทั้ง​ยัง​ไม่ใช่​ฤดู​ที่จะ​ทาน​มัน​!​ ​ถ้า​อยาก​ทาน​จริงๆ​ ​รอ​ให้​ถึง​ฤดูหนาว​ก่อน​ ​แล้ว​ข้า​ค่อย​ทำให้​เจ้า​ทาน​”

สวี​ซื่อ​จุน​ก็​ทำ​ปาก​จู๋​พลาง​ดึง​ชาย​เสื้อ​ของ​นาง​ด้วย​สีหน้า​ออดอ้อน

แต่​สีหน้า​ท่าที​ของ​สือ​อี​เหนียง​ยังคง​หนักแน่น​เหมือนเดิม​ ​ไม่​หาเหตุ​ผล​มา​อธิบาย​หรือ​ปลอบ​เขา​แม้แต่​คำ​เดียว

เขา​ไม่ใช่​เด็ก​สามสี​่​ขวบ​แล้ว​ ​สิ่ง​ไหน​สมควร​หรือไม่​สมควร​นั้น​เขา​ควรจะ​เข้าใจ

แต่​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ที่มา​คารวะ​สือ​อี​เหนียง​กลับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​คุณชาย​น้อย​สี่​ ​ที่ฮู​หยิน​ทำ​ไป​ก็​เพราะ​หวังดี​กับ​ท่าน​ ​หาก​ท่าน​ทาน​แล้ว​เกิด​ไม่สบาย​ขึ้น​มา​ ​พวก​ข้า​จะ​ไปรับ​ผิด​ชอบ​ไหว​ได้​อย่างไร​กัน​”

สวี​ซื่อ​จุน​ได้ยิน​แล้วก็​แสดง​สีหน้า​งอน​ทำ​แก้ม​ป่อง

สือ​อี​เหนียง​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ขมวดคิ้ว​แน่น

ฉิน​อี๋​เหนียง​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​เห็น​แล้วก็​ช่วย​เกลี้ยกล่อม​อีก​แรง​ ​“​คุณชาย​น้อย​สี่​ ฮู​หยิน​ก็​คือ​มารดา​ของ​ท่าน​ ​และ​ยัง​เป็น​น้า​หญิง​ของ​ท่าน​ด้วย​ ​ไม่มีทาง​ทำร้าย​ท่าน​อย่างแน่นอน​ ​ที่นาง​ทำ​เช่นนี้​ ​ก็​เพราะ​หวังดี​ต่อ​ท่าน​ ​ท่าน​ต้อง​เชื่อฟัง​และ​เป็น​เด็กดี​ถึง​จะ​ถูก​ ​มิเช่นนั้น​ก็​รอ​ไท่ฮู​หยิน​กลับมา​แล้ว​ ​ค่อย​ลอง​ถาม​ท่าน​ดู​อีกที​ว่า​ทาน​ได้​หรือไม่​”

แน่นอน​ว่า​สวี​ซื่อ​จุน​รู้อยู่​แล้ว​ว่า​ทาน​ไม่ได้

ก็​เพราะ​ทุกคน​ไม่ยอม​ให้​เขา​ทาน​ ​เขา​จึง​อยาก​ทาน​มาก​เป็นพิเศษ​ ​ตอนแรก​ก็​เพราะ​เห็น​ว่า​มารดา​นั้น​รัก​และ​เอาใจ​ตน​เป็นอย่างมาก​ ​อีกทั้ง​ท่าน​ย่า​ก็​ไม่ได้​อยู่​จวน​ ​ตน​จึง​ได้​ลอง​อ้อน​ดู​ ​ไม่แน่​อาจจะ​ได้​ลิ้มลอง​รสชาติ​เนื้อ​กวาง​ย่าง​ว่า​เป็น​อย่างไร​ ​ใคร​จะ​ไป​นึก​ว่า​มารดา​ไม่เพียงแต่​จะ​ไม่​อนุญาต​ ​แต่​ยัง​หนักแน่น​เป็นอย่างมาก​…

เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ก็ได้​ออกมา​ช่วย​คลี่คลาย​สถานการณ์​อีก​แรง​ ​“​ข้าว​่า​ทำ​พรุ่งนี้​ดีกว่า​ ​เนื้อ​กวาง​ไม่​เหมือนกับ​เนื้อ​เป็ด​ ​เนื้อไก่​หรือ​เนื้อ​แพะ​ ​อาหาร​ที่​ห้อง​อุโมงค์​น้ำแข็ง​เก็บตุน​ไว้​ ​อยาก​ทาน​อะไร​ก็ได้​ทาน​ได้​หมด​”

สวี​ซื่อ​จุน​ยังคง​ไม่ดี​ใจ​เหมือนเดิม

หยาง​อี๋​เหนียง​ที่นั่ง​เงียบ​ไม่​พูด​อะไร​ตั้งแต่​ตอนต้น​ ​จู่ๆ​ ​ก็​อุทาน​ขึ้น​มา​ ​“​เอ๋​!​ ​คุณชาย​น้อย​สี่​ ​เวลา​ไม่​เช้า​แล้ว​ ​หาก​ตอนนี้​ท่าน​ยัง​ไม่​รีบ​ไป​ที่​เรือน​ซวงฝู​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ไม่ทัน​เป็นแน่แท้​!​”

สวี​ซื่อ​จุน​ได้ยิน​แล้ว​ ​มี​หรือ​จะ​ยัง​สนใจ​เรื่อง​เนื้อ​กวาง​อีก​ ​เขา​รีบ​หันไป​คว้า​มือ​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยพร​้​อม​กับ​วิ่ง​ออก​ไป​ด้านนอก​ด้วย​ความ​รวดเร็ว​ ​“​ท่าน​แม่​ ​พวก​ข้า​ไป​เรียน​ก่อน​นะ​ขอรับ​!​”

สาวใช้​และ​ป้า​รับใช้​ที่​ติดตาม​ทั้งคู่​ก็​รีบ​วิ่ง​ตามหลัง​พวกเขา​ไป​ติดๆ

บรรยากาศ​ใน​เรือน​จึง​เงียบ​ลง​ในที่สุด

สายตา​ของ​ทุกคน​ใน​ห้อง​ล้วน​จับจ้อง​ไป​ยัง​หยาง​อี๋​เหนียง

สายตา​ของ​นาง​ปรากฏ​ความกลัว​ขึ้น​มา​เล็กน้อย​ ​จากนั้น​ก็​ยิ้ม​เจื่อน​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“ฮู​หยิน​ ​ข้า​…​น้องชาย​ของ​ข้า​ก็​เป็น​เหมือนเช่น​คุณชาย​น้อย​สี่​ ​ดังนั้น​ข้า​ก็​เลย​…​”​ ​สีหน้า​ของ​นาง​เต็มไปด้วย​ความกังวลใจ​และ​กลัว​ว่า​สือ​อี​เหนียง​จะ​กล่าวโทษ

สือ​อี​เหนียง​เห็น​แล้วก็​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เจ้า​เอง​ก็​มี​เจตนา​ดี​”

หยาง​อี๋​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​ถอนหายใจ​ออกมา​เฮือก​ใหญ่​ด้วย​ความ​โล่งอก​ ​สีหน้า​ของ​นาง​ดีขึ้น​กว่า​เมื่อ​สักครู่​นี้​มาก​ ​การ​พูด​การ​จาก​็​ฟัง​ฉะฉาน​ว่องไว​ขึ้น​มา​ ​“​ขอ​แค่ฮู​หยิน​ไม่​กล่าวโทษ​ก็​เพียงพอ​แล้ว​”

สือ​อี​เหนียง​ไม่​พูด​อะไร​ต่อ​ ​แต่กลับ​หัวเราะ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​สีหน้า​ท่าที​ดูใจ​ดี​และ​โอบอ้อมอารี​เป็นอย่างมาก

เฉียว​เหลียน​ฝัง​เห็น​แล้วก็​ขบ​กราม​แน่น

เมื่อ​สือ​อี​เหนียง​ยก​ชา​ขึ้น​มา​จิบ​ ​ทุกคน​ใน​ห้อง​ก็ได้​พากัน​ถอย​ออกมา​ ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ที่​เดิน​อยู่​ข้างๆ​ ​หยาง​อี๋​เหนียง​ก็ได้​พูด​ขึ้น​ด้วย​เสียง​ที่​ค่อนข้าง​เบา​แต่กลับ​ดัง​พอที่​จะ​ให้​ทุกคน​ใน​ที่​นั้น​ได้ยิน​ ​“​น้อง​หญิง​หยาง​ ​สอง​วันก่อน​ข้า​เห็น​ถุงเท้า​ลาย​ดอก​เป่า​เซียง​อยู่​คู่​หนึ่ง​ที่​เรือน​ของ​พี่​หญิง​เหวิน​ ​ได้ยิน​มา​ว่า​เจ้า​เป็น​คน​ทำ​หรือ​ ​ช่าง​เป็น​คนที​่​พิถีพิถัน​และ​ให้ความสำคัญ​เสีย​จริง​ ​กลับ​ไป​แล้ว​ช่วย​ทำตัว​อย่าง​ลาย​ปัก​ของ​ดอก​ให้​ข้า​ได้​หรือไม่​ ​ข้า​อยาก​จะ​ทำให้ฮู​หยิน​สัก​คู่​”

“​ได้​สิ​!​”​ ​สะใภ้​หยาง​ตอบกลับ​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​ดีอกดีใจ​ ​“​พี่​หญิง​เฉียว​เก่ง​จัง​ ​ข้า​ได้ยิน​มา​ว่า​ฝีมือ​งานเย็บปักถักร้อย​ของฮู​หยิน​ยอดเยี่ยม​เป็นอย่างมาก​ ​ก็​เลย​ไม่กล้า​ไป​แสดง​ฝีมือ​อัน​ต้อยต่ำ​ของ​ข้า​ต่อหน้าฮู​หยิน​ ​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ข้า​เอง​มี​แบบ​อีก​ตั้ง​หลาย​แบบ​ ​ลวดลาย​งดงาม​ซับซ้อน​และ​พิถีพิถัน​กว่า​คู่​ที่​มอบให้​พี่​หญิง​เหวิน​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​ข้า​ให้​พี่​หญิง​เสีย​ทุก​ลาย​เลย​ก็แล้วกัน​!​”

เฉียว​เหลียน​ฝัง​ได้ยิน​แล้วก็​ชะงัก​ไป​ชั่วขณะ

ฉิน​อี๋​เหนียง​และ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ต่าง​ก็​หันมา​จ้อง​ไป​ยัง​สือ​อี​เหนียง​พร้อมกัน​โดย​ไม่ได้​นัดหมาย

​ก็​เห็น​ว่า​ใบหน้า​นั้น​ปรากฏ​สีหน้า​ที่​ขุ่นเคือง​ขึ้น​มา​เล็กน้อย

สายตา​ของ​เหวิ​นอี​๋​เหนียง​ก็ได้​หันไป​จับจ้อง​เฉียว​เหลียน​ฝัง​ต่อ

นาง​ทำ​เช่นนี้​ ​ย่อม​ทำให้ฮู​หยิน​ไม่พอใจ​เป็นอย่างมาก​อย่างแน่นอน

แต่​สายตา​ของ​ฉิน​อี๋​เหนียง​กลับ​จับจ้อง​ไป​ที่​หยาง​อี๋​เหนียง​แทน

การ​ที่​หยาง​อี๋​เหนียง​มีตัว​ตน​อยู่​ที่นี่​หนึ่ง​วัน​ ​เฉียว​เหลียน​ฝัง​จะ​ต้อง​ไม่ยอม​รามือ​ไป​ง่ายๆ​ ​อย่างแน่นอน

ใบหน้า​ของ​ทั้งสอง​พลัน​ปรากฏ​รอยยิ้ม​ที่​เต็มไปด้วย​เลศนัย

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท