ก่อนหน้านี้เฉินตันจูเห็นรถม้าจึงนึกถึงแม่ทัพหน้ากากเหล็ก เมื่อม่านบนรถเปิดขึ้น เห็นเพียงเงาคนนั้น นางก็รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ท่านแม่ทัพ…ย่อมไม่ใช่ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพจากไปแล้ว
แต่นางไม่ได้เบนสายตาหนี บางทีอาจเพราะความอยากรู้ บางทีอาจเพราะสายตาจับจ้องอยู่ตรงนั้นแล้วขี้คร้านจะเบนหนี
คนบนรถเดินลงมา ทั้งลมพัดทั้งยกแขนเสื้อ สายตาของเฉินตันจูเหม่อลอย ไม่เห็นลักษณะที่แท้จริงของเขา จนกระทั่งเขาเดินมาตรงหน้า พูดกับนาง สายตาของนางจึงจับจ้องไปบนตัวของเขา
ชายหนุ่มหรือ
ชายหนุ่มที่นั่งรถม้าโอ่อ่า ถูกองครักษ์คุ้มกัน สวมชุดงดงาม ท่าทางสง่างาม
เฉินตันจูมองเขา ยิ้มบางอย่างมีมารยาท “ข้าคือเฉินตันจู”
เวลานี้อาเถียนก็ตั้งสติกลับมา ถึงแม้ชายหนุ่มที่งดงามจนเกินจริงนี้มีบารมีนัก แต่นางก็ไม่ลืมที่จะเสริมสร้างบารมีของคุณหนู นางรีบพูดเสริม “องค์หญิงตันจู”
ฉู่อวี๋หยงยิ้ม เขามองออก เวลานี้เฉินตันจูยังไม่ได้สติกลับมา
เขายิ้ม “ข้าเดาออก” หันไปมองป้ายสุสานที่สูงใหญ่ด้านข้าง ถอนหายใจเสียงเบา “องค์หญิงมีความรักอันลึกซึ้งต่อท่านแม่ทัพ เฝ้าอยู่หน้าสุสานทุกเวลาย่อมต้องเป็นองค์หญิง”
เฉินตันจูถือกาสุราหัวเราะออกมา “ท่านพูดผิดแล้ว ข้ามาวันนี้ครั้งแรก”
คำพูดนี้ทำให้คนอึดอัดหรือไม่ หรืออาจทำให้คนผู้นี้ดูถูกคุณหนู อาเถียนมองชายหนุ่มผู้นี้อย่างระแวง
ชายหนุ่มถอนหายใจเสียงเบา ผ่านไปนานเพียงนี้ถึงมีพละกำลังมาสุสาน เห็นได้ชัดว่าเสียใจเพียงใด
“บังเอิญเสียจริง” ฉู่อวี๋หยงพูด “ข้ามาครั้งแรกก็ได้พบคุณหนูตันจู คงเป็นลิขิตจากท่านแม่ทัพ”
เวลานี้เฉินตันจูได้ยินคำพูดของเขาอย่างกระจ่าง นั่งตัวตรง “ลิขิตอันใด เหตุใดท่านแม่ทัพต้องลิขิตให้ข้ากับท่าน…อ่อ!” พูดถึงตรงนี้ สติของนางก็กระจ่างอย่างสิ้นเชิง นางเบิกตาโตมองชายหนุ่ม “ท่าน ท่านบอกว่าท่านชื่ออันใด”
รู้อยู่แล้วว่านางไม่ได้ยิน ฉู่อวี๋หยงยิ้ม แนะนำตัวอีกครั้ง “คุณหนูเฉินตันจู ข้าคือฉู่อวี๋หยง”
ฉู่อวี๋หยง? ชื่อนี้คุ้นหูยิ่งนัก ราวกับ…
อาเถียนนึกขึ้นได้เช่นกัน “ชื่อเหมือนองค์ชายสามอย่างมาก”
องค์ชายสามชื่อฉู่ซิวหยง แล้วฉู่อวี๋หยง…เฉินตันจูรีบยืนขึ้น มองเขาอย่างตกตะลึง “องค์ชายหก?”
ฉู่อวี๋หยงพยักหน้า “ใช่ ข้าเป็นโอรสคนเล็กสุดของเสด็จพ่อ องค์ชายสามเป็นพี่สามของข้า”
องค์ชายหกจริงด้วย เฉินตันจูมองเขาอีกครั้ง ที่แท้เขาคือองค์ชายหก เอ๊ะ องค์ชายหกมาในเวลานี้? ทั้งไม่ถูกต้อง แต่ก็ถูกต้อง เมื่ออดีตชาติองค์ชายหกก็เข้าเมืองหลวงหลังจากที่แม่ทัพหน้ากากเหล็กตาย
ฉู่อวี๋หยงมองหญิงสาวที่จ้องมองเขา สีหน้าเปลี่ยนแปลงไปจากตกตะลึงจนกลายเป็นโศกเศร้า ต้องห้ามนางเอาไว้ มิฉะนั้นคงจะเหม่อลอยไปไกลอีกครั้ง
“คุณหนูตันจู” เขาพูด พลางเดินไปทางป้ายสุสานของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก “ท่านแม่ทัพเคยบอกกับข้า คุณหนูตันจูชื่นชมข้าอย่างมาก ต้องการไหว้วานให้ข้าช่วยดูแลคนในตระกูล ข้าร่างกายอ่อนแออยู่แต่ในจวนนับแต่เด็ก ไม่เคยได้ใกล้ชิดกับคนภายนอก ไม่เคยทำเรื่องใด ได้รับการชื่นชมที่สูงส่งจากคุณหนูตันจูเช่นนี้ ข้าตกตะลึงอย่างมาก ตอนนั้นข้าคิดภายในใจ หากมีโอกาสได้พบคุณหนูตันจู ต้องกล่าวขอบคุณต่อคุณหนูตันจูให้ได้”
เวลานี้เฉินตันจูไม่เหม่อลอยแม้แต่น้อยแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางทำได้เพียงยิ้มแห้ง…ไม่รู้ว่าท่านแม่ทัพพูดอย่างไร องค์ชายหกท่านนี้เข้าใจผิดเสียแล้ว นางไม่ได้มีสายตาหลักแหลมอันใด เพียงแค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น
“มิบังอาจ” นางรีบพูด “หม่อมฉันควรขอบพระทัยองค์ชายหก…”
ชายหนุ่มผู้นั้นดูเหมือนเดินได้เชื่องช้า แต่รูปร่างของเขาสูงโปร่ง เพียงแค่ก้าวเดียวก็เดินออกไปได้ไกล เฉินตันจูยกกระโปรงเดินตามไป
“…องค์ชายดูแลคนในตระกูลหม่อมฉัน ท่านแม่ทัพบอกว่า โชคดีที่มีพระองค์ ตระกูลหม่อมฉันจึงอยู่รอดปลอดภัยในเมืองซีจิง”
ฉู่อวี๋หยงหันกลับมา พูด “อันที่จริงข้าไม่ได้ทำอันใด ท่านแม่ทัพพูดกับคุณหนูตันจูเช่นนี้หรือ”
ท่านแม่ทัพย่อมไม่ได้พูดเช่นนี้ แต่คุณหนูตันจูจะพูดอย่างไรย่อมได้ เฉินตันจูพยักหน้าอย่างไม่ลังเล “ใช่ ท่านแม่ทัพพูดเช่นนี้เพคะ” นางมองไปทางด้านหน้า…เวลานี้พวกเขาเดินมาถึงด้านหน้าสุสานของแม่ทัพหน้ากากเหล็ก…ป้ายสุสานสูงใหญ่ สีหน้าของเฉินตันจูเศร้าโศก “ท่านแม่ทัพชื่นชมองค์ชายหกเป็นอย่างมาก”
ฉู่อวี๋หยงกลั้นขำ มองไปทางสุสาน พูดอย่างเศร้าโศก “เสียดายข้าไม่ได้พบท่านแม่ทัพสักครั้ง”
เฉินตันจูนึกถึงอีกเรื่อง ถาม “องค์ชายหก เหตุใดท่านจึงมาเมืองหลวง พระวรกายของท่าน”
องค์ชายหกไม่ได้ประชวรจนไม่อาจห่างจากเมืองซีจิง อีกทั้งไม่อาจเดินทางไกลได้หรือ
ฉู่อวี๋หยงยกแขนเสื้อกระแอมไอเสียงเบา “ระยะนี้ข้าดีขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งจำเป็นต้องมา”
จำเป็นต้องมา? เฉินตันจูถามเสียงต่ำ “องค์ชาย ผู้ใดให้ท่านเสด็จเข้าเมืองหลวง องค์รัชทายาทหรือเพคะ”
ผู้อื่นไม่รู้ แต่นางรู้ดีที่สุด เมื่ออดีตชาติ องค์รัชทายาทให้หลี่เหลียงลอบสังหารองค์ชายหกที่เดินทางผ่านวัดถิงอวิ๋น...
ชาตินี้ แม้แม่ทัพหน้ากากเหล็กตายไปก่อนแล้ว องค์ชายหกเดินทางเข้าเมืองหลวงเร็วขึ้น การลอบสังหารองค์ชายหกขององค์รัชทายาทจะเร็วขึ้นด้วยหรือไม่ ถึงแม้เวลานี้ไม่มีหลี่เหลียงก็ตาม
ฉู่อวี๋หยงมองหญิงสาวที่กดเสียงต่ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความระแวงและกังวล รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งมากขึ้น นางไม่ทันสังเกต ถึงแม้เขาจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับนาง แต่นางก็ผ่อนคลายลงอย่างไม่รู้ตัวเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
“ไม่ใช่” เขาโน้มตัวเข้าใกล้หญิงสาวเล็กน้อย กดเสียงต่ำ “ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้าเข้าเมือง”
ฮ่องเต้หรือ ฮ่องเต้ก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกองค์รัชทายาทเกลี้ยกล่อม เฉินตันจูถามต่อเสียงเบา “ฝ่าบาททรงให้องค์ชายมาทำอันใด”
ฉู่อวี๋หยงกดเสียงต่ำส่ายหน้า “ไม่รู้ เสด็จพ่อไม่ได้รับสั่ง เพียงแค่รับสั่งให้ข้ามา” เขาแอบชี้ไปยังบริเวณที่ห่างออกไปเล็กน้อย “ทหารเหล่านั้นเสด็จพ่อส่งมาคุ้มกันข้า”
เฉินตันจูแอบมองตาม เห็นเพียงทหารเกราะดำเหล่านั้นประกายไอเย็นภายใต้แสงอาทิตย์ คุ้มกัน หรือว่านำส่ง? อืม ถึงแม้นางไม่ควรคาดเดาบิดาผู้หนึ่งในทางที่มีเจตนาร้าย แต่เมื่อนึกถึงชะตากรรมขององค์ชายสาม…
“แต่ว่าข้ายังคงดีใจอย่างมาก มาเมืองหลวงก็สามารถพบแม่ทัพหน้ากากเหล็กได้”
เสียงของฉู่อวี๋หยงยังคงพูดต่อ ดึงเฉินตันจูที่กำลังจะเหม่อลอยกลับมา เขายืนตัวตรงมองสุสาน เงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นกรอบหน้าที่สง่างาม
เฉินตันจูจ้องมองอย่างเหม่อลอย ก่อนจะเบนสายตาจากกรอบหน้าไปยังสุสาน คิดภายในใจ อันที่จริงก็ไม่มีเรื่องใดน่าดีใจ เขายังคงไม่ได้พบอยู่ดี
ราวกับรู้ว่าภายในใจของนางกำลังคิดเรื่องใด ฉู่อวี๋หยงพูด “ถึงแม้ข้าไม่อาจพบท่านแม่ทัพด้วยตนเอง แต่บางทีท่านแม่ทัพสามารถพบข้าได้”
คำพูดนี้เหมือนที่นางพูดก่อนหน้านั้น เฉินตันจูยิ้ม เวลานี้ท่านแม่ทัพกำลังมองดูพวกเขาอยู่หรือ
“นอกจากนี้” ข้างหูมีเสียงของฉู่อวี๋หยงพูดขึ้นต่อ “หากไม่มาเมืองหลวง ก็ไม่ได้พบคุณหนูตันจู”
ได้ยินคำพูดที่ดังขึ้นข้างหู เฉินตันจูหันไป “พบหม่อมฉันอาจไม่มีเรื่องดี องค์ชายท่านคงเคยได้ยิน หม่อมฉันเฉินตันจูเป็นคนชั่วร้าย”
ฉู่อวี๋หยงยิ้มเล็กน้อย “เคยได้ยิน คุณหนูตันจูเป็นคนชั่วร้าย ข้าเพิ่งมาใหม่ มีคนชั่วร้ายอย่างคุณหนูตันจูดูแล ย่อมไม่มีคนกล้ารังแกข้า”
เฉินตันจูหัวเราะร่า “องค์ชายหกช่างเป็นคนที่เฉลียวยิ่งนัก”
…
จู๋หลินยืนอยู่ด้านข้าง เขาไม่ได้รีบร้อนพุ่งตัวเข้าไปอยู่ข้างเฉินตันจู คนผู้นั้นคือองค์ชายหก…ในขณะที่ชายหนุ่มผู้นี้แนะนำตัวกับเฉินตันจูนั้น เฟิงหลินก็บอกกับเขาเช่นเดียวกัน ครานี้พวกเขาถูกย้ายไปทำภารกิจรับองค์ชายหกจากเมืองซีจิงมาเมืองหลวง
ที่แท้เขาก็คือองค์ชายหก จู๋หลินมองชายหนุ่มที่งดงามผู้นั้น ดูท่าทางอ่อนแอเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เหมือนกำลังจะตาย อีกทั้งยังรำลึกถึงแม่ทัพหน้ากากเหล็กอย่างจริงจัง เขากำลังให้คนวางของเซ่นไหว้ด้านหน้าสุสาน ล้วนเป็นของที่นำมาจากเมืองซีจิง
หลายปีนี้ท่านแม่ทัพนำทัพอยู่ด้านนอกเสมอมา กลับบ้านเกิดน้อยครั้งนัก เวลานี้วิญญาณของเขาอยู่ในเมืองหลวงใหม่ ถึงแม้ท่านแม่ทัพไม่สนใจเรื่องเล็กอย่างการกลับสู่บ้านเกิด แต่องค์ชายหกยังคงนำสิ่งของท้องถิ่นจากบ้านเกิดมา
จู๋หลินรู้สึกดวงตาร้อนผ่าว เมื่อเทียบกับเฉินตันจู องค์ชายหกตั้งใจกว่ามาก
ดูเฉินตันจู สนใจแต่ตัวเองกินดื่ม
เฉินตันจูยืนอยู่ด้านข้าง ไม่กินดื่มอีกต่อไป นางมององค์ชายหกระลึกถึงท่านแม่ทัพอย่างใจจดใจจ่อแต่ก็ราวกับเหม่อลอย
อาเถียนถามเสียงเบา “หรือไม่ นำของที่พวกเราเหลือวางเข้าไปด้วยเจ้าคะ”
ดูท่าทางองค์ชายหกผู้นี้เคารพแม่ทัพหน้ากากเหล็กอย่างมาก หากรังเกียจคุณหนูตันจูที่ไม่เคารพท่านแม่ทัพจะทำอย่างไร หากเขาพูดเรื่องไม่ดีของคุณหนูต่อหน้าฮ่องเต้คงจะแย่
เฉินตันจูมองสิ่งของที่ถูกตนเองกินจนเกือบหมด “วางของเหลือจะยิ่งไม่เคารพ” พูดพลางใช้พัดตีหัวไหล่ของอาเถียน “อย่ากังวล ไม่ใช่เรื่องใหญ่ ข้าอธิบายกับเขาเอง”
อธิบาย อาเถียนไม่เข้าใจ ยังไม่ทันพูด เฉินตันจูยัดพัดให้นาง เดินไปตรงหน้าสุสาน พูดเสียงเบา “องค์ชาย โปรดทรงทอดพระเนตร”
ให้ดูสิ่งใด ฉู่อวี๋หยงไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน
เฉินตันจูชี้ไปยังควันที่ลอยขึ้น “ควันของเทียนกำลังโล่ดแล่น ข้าวางของเซ่นไหว้ ไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เห็นได้ชัดว่าท่านแม่ทัพชอบสิ่งของที่พระองค์นำมาจากบ้านเกิดมากกว่า”
พูดเรื่องใดกัน จู๋หลินถลึงตาโต ก่อนจะยกมือขึ้นปิดหน้า คุณหนูตันจูผู้นั้นกลับมาอีกแล้ว