หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1094 คู่มือใช้สมุดแห่งโชคชะตา!

บทที่ 1094 คู่มือใช้สมุดแห่งโชคชะตา!

ดวงตาของร่างยักษ์ค่อยๆ เปิดออก ดูคล้ายดารานิรันดร์สองดวง แสงที่ราวกับเปลวเพลิงระเบิดออกไปทั่วท้องนภา ทั้งดาราจักรกลายเป็นเป็นสีแดง ขณะเดียวกันก็สั่นไหว ก่อนร่างนี้จะเอ่ยเสียงเบา ส่งเสียงราบเรียบ

“สังหารผู้ใด!”

“ชื่อคนผู้นี้คือหวังเป่าเล่อ แม้ว่าจะมีระดับการฝึกตนขั้นดาวพระเคราะห์ แต่มีพลังต่อสู้ขั้นดารานิรันดร์” ร่างงดงามที่จำแลงจากจันทร์เสี้ยวสีม่วงในความว่างเปล่ายิ้มอย่างนุ่มนวล แล้วกล่าวเสียงแผ่ว ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับพลังที่แผ่ออกมาจากร่างยักษ์ที่กำลังเผชิญอยู่แม้แต่น้อย

“อยู่ที่ใด” ร่างยักษ์ที่นั่งขัดสมาธิบนท้องฟ้ามีสีหน้าสงบ ไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย หลังจากจ้องมองไปทางหญิงสาวที่งดงามตรงหน้าเป็นเวลานาน จึงกล่าวเสียงเบา

“ตอนนี้อยู่บนดาวชะตา ข้าไม่สะดวกที่จะลงมือกับเขา เจ้าอาจสังหารเขาหลังจากที่เขาออกไปแล้ว แต่จำไว้ว่า…ทุกอย่างต้องรวดเร็ว เพราะอาจารย์ของเขาคือปรมาจารย์แห่งไฟ!”

เซียนเต๋าลำดับสองแห่งเต๋าเก้ารัฐที่เดิมทีสงบนิ่ง หลังจากได้ยินชื่อปรมาจารย์แห่งไฟ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ข้าจะร่ายคาถา ขัดขวางที่มา เพื่อไม่ให้ปรมาจารย์แห่งไฟสัมผัสได้ถึงเรื่องนี้” หญิงงามกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ได้!” เห็นได้ชัดว่าชงอี้จื่อเชื่อใจหญิงสาวผู้นี้มาก หลังจากได้ยินและไตร่ตรองแล้ว จึงพยักหน้า ไม่กล่าวสิ่งใดอีก

“อย่าได้ประมาทคนผู้นี้ ทำให้เต็มกำลัง” หญิงสาวผู้นั้นมองชงอี้จื่อที่อยู่ตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง ร่างของนางค่อยๆ หายไป และหลังจากนางจากไปแล้ว ชงอี้จื่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนท้องฟ้า ดวงตาก็ทอประกายแวววาว

“อย่าได้ประมาทหรือ… ก็แค่ดาวพระเคราะห์ผู้หนึ่ง ถึงกับต้องให้ข้าลงมือเองเชียวรึ ไม่จำเป็น พลังต่อสู้เพียงส่วนเดียวของข้า ก็สามารถสังหารดารานิรันดร์ขั้นต้นได้ทั้งหมด ครั้งนี้…ก็ใช้ร่างอวตารพลังต่อสู้สามส่วนแล้วกัน” หลังจากไตร่ตรองแล้ว ชงอี้จื่อก็ยกมือขวาขึ้น และคว้าความว่างเปล่าไว้ทันที ทันใดนั้นเสียงคลิ๊กก็พลันส่งออกมาจากภายในฝ่ามือ ชั่วอึดใจ แขนขวาทั้งแขนก็แยกออกจากร่าง หลังจากบินออกไปไกลขณะที่บิดตัว ก็จำแลงเป็นชายวัยกลางคนที่มีรูปลักษณ์สง่างามผู้หนึ่ง สีหน้าเย็นชา ก่อนจะหันกายจากไป มุ่งตรงไปยัง…ดาวชะตา!

ในเวลาเดียวกัน บนดาวเคราะห์ดาวชะตา หวังเป่าเล่อที่มือแตะสมุดแห่งโชคชะตาอยู่ พลันลืมตาขึ้น เขาไม่ได้สนใจขจัดพลังระเบิดในสมุดแห่งโชคชะตา หากแต่ดวงตากลับส่องประกายล้ำลึก คิ้วยังคงขมวดอยู่

“เป็นเช่นไร” ประมุขกฎสวรรค์กล่าวอย่างอ่อนโยน

“ยังเห็นได้ไม่ชัดเจน คงต้องทำมันอีกครั้ง” หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นและกล่าวอย่างจริงจัง

ประมุขกฎสวรรค์นิ่งเงียบ ผู้รับใช้เฒ่าที่อยู่อีกด้านหนึ่ง ใบหน้ากระตุกอย่างอดไม่ได้ หลังจากผู้สังเกตการณ์ที่อยู่โดยรอบได้ยินวาจานี้ ต่างก็มีสีหน้าประหลาด หากแต่ผู้ที่มีการตอบสนองมากที่สุด…ไม่ใช่พวกเขา แต่เป็น…สมุดแห่งโชคชะตาเล่มนั้น.Aileen-novel.

หนังสือเล่มนี้ยังคงพยายามที่จะขัดขืน ปรารถนาให้หวังเป่าเล่อนำมือออกไป แต่เห็นได้ชัดว่ามันมีดวงจิต พอได้ยินว่าหวังเป่าเล่อจะทำมันอีกครั้งหนึ่ง ก็คล้ายกับคลุ้มคลั่ง มีเสียงแผดร้องออกมาจากสมุด ราวกับเป็นเสียงคำรามเพราะโดนคุกคามและไม่พอใจ แม้กระทั่งแสงเจิดจ้าก็กระจายออกมาจากสมุดเล่มนั้น คล้ายต้องการก่อรูปก่อร่างเป็นคมมีด เพื่อโจมตีหวังเป่าเล่อ

มันไม่พอใจและไม่ยินยอม เวลานี้ด้วยเสียงร้องกังวานและแสงที่กระจายออกมา บนสมุดแห่งโชคชะตาดูเหมือนจะมีกลิ่นอายบางอย่างขจรขจาย ราวกับในสายตาของทุกคนมันขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด ใหญ่จนกระทั่งหวังเป่าเล่อที่อยู่ตรงหน้ามัน แทบจะกลายเป็นมด ดูแล้วเหมือนจะถูกมันกำราบโดยตรง

แม้แต่อสูรยักษ์สามสิบเก้าตัวที่อยู่รอบด้าน ก็ยังได้รับผลกระทบจากมัน ขณะนี้ พวกมันคำรามและดวงตาปรากฏความชั่วร้าย ทำให้ผู้คนต่างโกลาหล อุทานอย่างไร้เสียง

“หวังเป่าเล่อยโสเกินไป ท่านประมุขมีเมตตา แต่เขาก็ไม่ควรยั่วยุสมุดแห่งโชคชะตาอันล้ำค่านี้!”

“ในอดีตต่อหน้าสมุดแห่งโชคชะตานี้ จะมีผู้ใดไม่เคารพและให้เกียรติ หวังเป่าเล่อผู้นี้ช่างไร้มารยาท!”

“ละโมบโลภมาก ดูแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว สมุดแห่งโชคชะตายินยอมให้เขาดูเป็นครั้งที่สอง ที่จริงก็น่าจะคุกเข่าลงกราบไหว้ แต่เขายังจะดูครั้งที่สาม…”

คำพูดอิจฉาส่งออกมาจากฝูงชน ทว่าดังก้องได้ไม่นาน ในพริบตาก็ปรากฏเหตุการณ์ไม่คาดคิด หวังเป่าเล่อและสมุดแห่งโชคชะตา ทำให้คนเอ่ยปากขี้อิจฉาเหล่านั้นต่างตื่นตระหนก สีหน้าปรากฏความประหลาดใจยิ่งขึ้น

เพราะ… ขณะที่สมุดแห่งโชคชะตาระเบิดออก ในเวลาเดียวกันกับที่พยายามกดดันหวังเป่าเล่อ สีหน้าของเขายังเรียบเฉย คล้ายกับมองไม่เห็นการระเบิดออกของสมุดแห่งโชคชะตา มือขวายกขึ้นเล็กน้อย และตบลงไป…อีกครั้ง

ยามที่ฝ่ามือตบลงไป สมุดแห่งโชคชะตาที่มีท่าทีโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่ ก็คล้ายกับหญิงสาวท่าทางเศร้าโศก แม้จะขัดขืนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ยังคงถูกบังคับให้อยู่ตรงนั้น ไร้ทางต่อต้าน ราวกับมือของหวังเป่าเล่อมีพลังมหาศาล จนมันไม่สามารถต้านทานได้ จึงทำได้แค่เพียงไม่ให้ความร่วมมือ!

ถึงแม้ว่ามือของหวังเป่าเล่อ จะกดอยู่บนสมุดแห่งโชคชะตา แต่ระลอกคลื่นกลับไม่ปรากฏออกมา หากสมุดแห่งโชคชะตาสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ เช่นนั้นเวลานี้มันคงจ้องหวังเป่าเล่อด้วยความโกรธแค้น และกล่าวคำพูดประเภทว่าถึงตายก็ไม่ยอมร่วมมือกับเจ้า

สีหน้าหวังเป่าเล่อยังคงเรียบเฉย เพียงแค่ปล่อยกลิ่นอายความโกรธในอดีตชาติออกไปบ้าง แม้จะเป็นบางส่วน แต่ท่าทีชั่วร้ายสะท้านฟ้าสะเทือนดินนั้นก็มีพลังมหาศาล แม้คนภายนอกจะไม่สังเกตเห็น เพราะหวังเป่าเล่อปล่อยแล้วรีบเก็บมันกลับมา แต่ด้านสมุดแห่งโชคชะตานั้นกลับตื่นตระหนกมาก เพราะความตกใจนี้เอง มันจึงไม่ลังเลที่จะทำความดีความชอบ ปล่อยระลอกคลื่นออกไปอย่างรวดเร็ว ระลอกคลื่นนี้แผ่กระจายออกไปทั่วดาวชะตาในทันที

ครั้นประมุขกฎสวรรค์เห็นเหตุการณ์นี้เข้า ก็มีท่าทีกระอักกระอ่วนเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด ทำเพียงส่งสายตามองสมุดแห่งโชคชะตาด้วยความเห็นใจ

ระลอกคลื่นกระจายออก โลกเบื้องหน้าของหวังเป่าเล่อ ก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง

ภาพเบื้องหน้า ไม่ใช่แผ่นดินไร้ขอบเขตอย่างคราวก่อนอีก แต่เป็นสิ่งที่ไม่ชัดเจน ทั้งหมดตรงหน้าล้วนไม่ชัดเจน นี่ทำให้หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วขึ้นอีกครั้ง แต่ในขณะที่เขาไม่ค่อยพอใจ จิตสำนึกอ่อนวูบก็ส่งมาจากทุกด้าน สะท้อนอยู่ภายในใจของหวังเป่าเล่อ

ไม่ใช่คำพูด เป็นเพียงจิตสำนึกวูบหนึ่ง แฝงด้วยความเศร้าโศกอันแรงกล้า กล่าวกับหวังเป่าเล่อ ไม่ใช่มันไม่พยายาม แต่แท้จริงแล้วความเปลี่ยนแปลงในภายหน้า ล้วนอนุมานได้จากวิถีที่เคยเป็นมา ก่อนหน้านี้ที่หลงเหลือบนดาวชะตาเป็นภาพกระจ่างชัด จึงมีร่องรอยให้ติดตามได้ แต่ความคลุมเครือในตอนนี้ เป็นอีกเส้นทางที่หวังเป่าเล่อเลือกแล้ว เช่นนั้นสมุดแห่งโชคชะตา ก็ยากที่จะอนุมานได้อย่างสมบูรณ์

“พยายาม!” หวังเป่าเล่อกล่าวช้าๆ

จิตสำนึกนั้นช่างทุกข์ระทม บริเวณโดยรอบก็ยิ่งพร่ามัว จนหลังจากนั้นครู่ใหญ่ จึงชัดเจนขึ้นมาบ้าง แล้วกลายเป็นท้องฟ้า ในท้องฟ้า หวังเป่าเล่อเห็นเรือรบลำแล้วลำเล่ากำลังแล่นเข้ามา และตัวเขาอีกคน เวลานี้อยู่ภายในเรือรบลำหนึ่ง กำลังสนทนาอยู่กับเซี่ยไห่หยาง

แต่ในขณะที่ท้องฟ้าเบื้องหน้าเรือรบ สะท้อนเป็นระลอกคลื่น ร่างหนึ่งที่เห็นได้ไม่ชัดเจนนักก็เดินออกมาจากด้านใน หลังจากร่างนี้ปรากฏกาย ก็ลงมือกับเรือรบโดยพลัน เกิดเสียงก้องกังวาน และภาพเบื้องหน้าก็พร่ามัวอีกครั้ง

หวังเป่าเล่อมองเหตุการณ์ตรงหน้า ดวงตาพลันหรี่ลง ก่อนจะกล่าวขึ้น

“ดูอีกครั้ง!”

จิตสำนึกอันทุกข์ระทม คล้ายจะกระตุ้นให้สาปแช่ง แต่ก็ยังนำภาพก่อนหน้ามาอย่างเชื่อฟัง ภาพจึงปรากฏตรงหน้าหวังเป่าเล่ออีกครั้ง ครั้งนี้หวังเป่าเล่อตาไม่กระพริบ จนขณะที่ร่างไม่ชัดเจนนั้นปรากฏขึ้นอีก เขาจึงกล่าวออกมา

“หยุดก่อน!”

ภาพหยุดนิ่ง

“ขยายใหญ่!”

ภาพขยายใหญ่ขึ้นทันที ทำให้ร่างที่เดินออกมาจากความว่างเปล่า หลังจากเปลี่ยนแปลงไปเรื่อย เขาก็เห็นมันแล้ว เบื้องหลังของร่างนี้มีเส้นใยสีม่วงเส้นหนึ่ง เชื่อมโยงกับเขาอย่างน่าประทับใจ!

เส้นใยสีม่วงนี้ แผ่กระจายเข้าไปในส่วนลึกของความว่างเปล่า ราวกับไร้ที่สิ้นสุด

หวังเป่าเล่อมองไปที่เส้นใยสีม่วง แล้วกล่าวช้าๆ

“ตามหาเส้นใยนี้ ประเมินต่อไป”

รอบด้านเงียบสงัด ภาพไม่เคลื่อนไหว จิตสำนึกทุกข์ระทมนั้นราวกับจะหายไปแล้ว ความโกรธเกรี้ยวที่ดูเหมือนจะก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกำลังรวบรวมจากรอบด้าน และกำลังจะระเบิดออก ทว่าหวังเป่าเล่อกลับระงับความโกรธของตนไว้ไม่แสดงออกมา กระจายมันออกไป แล้วรับกลับมาอีก

ในเวลาต่อมา ความโกรธก็หายลับ ภาพเคลื่อนไหว ตามคำกำชับของหวังเป่าเล่อก่อนหน้า ภาพนี้เคลื่อนไหวอย่างว่างเปล่าไปตามเส้นใยสีม่วงไม่หยุด ราวกับกำลังติดตาม

หวังเป่าเล่อพอใจมาก เขารู้สึกว่าในที่สุดเขาก็พบวิธีในการใช้สมุดแห่งโชคชะตาอย่างถูกต้อง

…………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท