ตอนที่ 395 แม่จ๋าออกทีวี!
ขณะที่เดินไปตามถนนเจี่ยเฟิง หลินม่ายก็ได้ยินเสียงรายงานข่าวดังมาจากบ้านของคนอื่น
เงี่ยหูฟังอยู่พักหนึ่งก็รีบตรงดิ่งกลับบ้านทันที
หลังจากเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ นักข่าวจากทางสถานีโทรทัศน์บอกเธอว่าเทปการสัมภาษณ์จะถูกฉายออกอากาศทางช่องสถานีท้องถิ่นในคืนนี้
เธออยากเห็นตัวเองปรากฏตัวในโทรทัศน์เหมือนกัน
ขณะนั้นเอง กลิ่นหอมหวานของมันเทศเผาก็โชยมาแตะจมูก
เธออดแปลกใจไม่ได้ เป็นไปได้ไหมว่าร้านเซาเข่าของเธอเริ่มขายมันเทศเผากันเย็นวันนี้แล้ว?
เธอเงยหน้าขึ้นมอง และพบว่าเป็นความจริง!
เตาเผาสองเตาตั้งขนาบทั้งสองด้านของร้านเซาเข่า ซึ่งเตาเผาแต่ละเตาก็ห้อมล้อมไปด้วยลูกค้าจำนวนมาก
คุณป้าสองคนกำลังง่วนอยู่กับการขายและเผามันเทศไปพร้อม ๆ กัน
หลินม่ายลอบพยักหน้า
ไม่คาดคิดว่าวังเสี่ยวลี่จะจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้เร็วขนาดนี้ เธอสั่งให้ขายมันเทศเผาในวันมะรืน ปรากฏว่าหล่อนเรียกคุณป้ากลับมาขายภายในวันนี้เสียแล้ว
หลังจากวิ่งไปมาตลอดทั้งช่วงบ่าย หลินม่ายก็ท้องร้องด้วยความหิว
เธอเดินไปข้างหน้า ขอซื้อมันเทศเผาอุ่น ๆ แปดลูกในคราวเดียว
คุณป้าที่ขายมันเทศเผาเคยทำงานให้กับร้านของเธอมาก่อน จึงจำเธอได้ พูดคุยทักทายกับเธอตามประสา
หลินม่ายเลือกมันเทศเผาลูกใหญ่สุดจากทั้งหมดเพื่อกัดกินในระหว่างเดินไปด้วย ส่วนมันเทศอีกเจ็ดลูกที่เหลือก็จัดการห่อด้วยหนังสือพิมพ์ ใส่ถุงหิ้วกลับบ้าน
ถึงมันเทศเผาจะร้อนลวกปากไปหน่อย แต่รสชาติก็อร่อยมาก พอประทังความหิวได้
เมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็กินมันเทศเผาในมือหมดพอดี ตอนนี้เธอไม่รู้สึกหิวอีกต่อไป
ในขณะที่เธอยังไม่กลับ ฟางจั๋วหรานตั้งใจว่าวันนี้จะไม่รีบขอตัวกลับหลังจากกินอาหารมื้อเย็นเสร็จ เพราะต้องการอยู่ดูข่าวของหลินม่ายพร้อมกับทุกคน
พอเห็นว่าเธอกลับมาแล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปในครัวเพื่อยกจานกับข้าวที่แบ่งไว้ออกมาเสิร์ฟ
โต้วโต้วสูดกลิ่นหอมเข้าไปเต็มปอด วิ่งไปหาหลินม่าย แล้วถามด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “แม่จ๋า วันนี้แม่ซื้อของอร่อยอะไรกลับมาด้วย? ทำไมกลิ่นหอมแบบนี้?”
“มันเทศเผาจ้ะ” หลินม่ายหยิบมันเทศเผาเจ็ดลูกที่ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์ออกมาจากถุง แล้ววางเรียงรายไว้บนโต๊ะน้ำชา “อย่าเก็บไว้กินคนเดียว ต้องแบ่งให้คุณปู่ คุณย่า และพี่ฟู่เฉียงกับคุณป้าด้วย”
โต้วโต้วแจกจ่ายมันเทศเผาให้คุณปู่ฟางกับภรรยาของเขา และฟู่เฉียงกับแม่ของเขาอย่างเชื่อฟัง
ถึงอย่างนั้นหล่อนก็ยังเก็บมันเทศเผาลูกใหญ่ที่สุดไว้สำหรับตัวเอง
หลินม่ายอดยิ้มไม่ได้ สมแล้วที่พวกเธอเป็นแม่ลูกกัน ทุกครั้งที่กินมันเทศเผา มักเลือกหัวที่ใหญ่ที่สุดให้กับตัวเองเสมอ
ฟู่เฉียงรับมันเทศเผาจากมือโต้วโต้ว ก่อนจะพูดด้วยความเกรงใจ “โต้วโต้วเก็บมันเทศหัวนี้ไว้กินเองเถอะ ตอนอยู่ที่ชนบทพวกเรากินบ่อยแล้ว”
คุณย่าฟางพูดจาเคร่งขรึม “ในเมื่อน้องแบ่งให้แล้วก็กิน ๆ ไปเถอะ อย่าเกรงใจให้มากไปหน่อยเลย นอกจากนี้มันเทศเผาเก็บไว้กินตอนเย็นชืดจะไม่อร่อยเอา”
พอได้ยินแบบนั้น ฟู่เฉียงก็ยอมกินมันเทศเผาแต่โดยดี
พอเห็นท่าทางของลูกชาย แม่เสียสติของเขาก็กัดกินมันเผาเข้าไปเต็มปากเต็มคำ จนฟู่เฉียงต้องคอยใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากให้ผู้เป็นแม่
ฟางจั๋วหรานเร่งหลินม่าย “รีบไปล้างมือ จะได้กินข้าวกัน”
หลินม่ายตอบรับอย่างรวดเร็ว เข้าไปวางกระเป๋าในห้อง จากนั้นก็ล้างมือ แล้วนั่งลงที่โต๊ะอาหารเพื่อกินข้าวมื้อเย็น
เย็นวันนี้ฟางจั๋วหรานเข้าครัวทำกุ้งอบน้ำมัน แบ่งกับข้าวไว้ให้หลินม่ายมากมายทีเดียว
พอหลินม่ายเริ่มกิน เขาก็อาสาแกะเปลือกกุ้งให้เธอเงียบ ๆ
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางหันมาสบตากัน แล้วยิ้มกว้าง
รายการข่าวของทางสถานีท้องถิ่นจะออกอากาศหลังจากรายการข่าวของทางสถานีโทรทัศน์กลางสิ้นสุด
รายการข่าวของทางสถานีโทรทัศน์กลางจบลงเวลาหนึ่งทุ่มครึ่ง จากนั้นก็ตามด้วยรายการข่าวของสถานีท้องถิ่น
เป็นเวลาเดียวกันกับที่หลินม่ายกินข้าวเสร็จพอดี
ทุกคนนั่งเฝ้าหน้าจอ รอฟังเทปสัมภาษณ์ของหลินม่ายอย่างใจจดใจจ่อ
ทุกคนรอดูอยู่นาน กระทั่งเหลืออีกไม่กี่นาทีรายการข่าวก็จะหมดเวลาแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นเทปสัมภาษณ์ของหลินม่าย
ความตื่นเต้นในตอนแรกของทุกคนกลายเป็นความผิดหวัง
คุณย่าฟางพึมพำอย่างไม่พอใจ “ไหนบอกว่าจะออกอากาศคืนนี้ไงล่ะ ทำไมข่าวถึงยังไม่มาอีก?”
หลินม่ายพูดปลอบใจนาง “บางทีทางสถานีอาจจะยังตัดต่อไม่ทันก็ได้ค่ะ ถึงวันนี้ออกอากาศไม่ทัน แต่วันพรุ่งนี้ต้องออกอากาศแน่”
ทันทีที่เธอพูดจบ โต้วโต้วก็ชี้ไปที่โทรทัศน์แล้วตะโกนเสียงดังด้วยความตื่นเต้น “แม่จ๋า นั่นไงแม่จ๋า แม่จ๋าออกทีวีแล้ว!”
ทุกคนเห็นภาพหลินม่ายกำลังสนทนาอยู่กับผอ.เขตในโทรทัศน์
ในจอ นักข่าวสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา และกำลังแนะนำสถานการณ์ให้กับผู้ชม
“ขณะนี้ดิฉันอยู่ที่หน้าโรงงานไป๋เหอโถวซื่อซึ่งตั้งอยู่บนถนนลี่จีตะวันออก ไป๋เหอโถวซื่อเป็นโรงงานขนาดเล็กที่เพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นานมานี้ มีพนักงานทั้งหมดเพียงสิบคน ทำไมเราถึงมาทำข่าวที่โรงงานเล็ก ๆ ที่เรียกได้ว่าเป็นกิจการขนาดย่อมน่ะเหรอคะ? นั่นก็เพราะไป๋เหอโถวซื่อเป็นโรงงานเอกชนแห่งแรกในมณฑลของเรา ที่เปิดรับสมัครผู้พิการเข้าทำงาน ตอนนี้เรามาสัมภาษณ์ผู้จัดการหลินม่าย ผู้ก่อตั้งโรงงานไป๋เหอโถวซื่อแห่งนี้ ว่าเธอมีความคิดอย่างไรในการจัดหางานให้กับผู้พิการกันค่ะ”
นักข่าวเดินเข้าไปหาหลินม่าย ถามคำถามที่ฉะฉานตรงไปตรงมา การให้สัมภาษณ์จึงเริ่มขึ้น
หลินม่ายยิ้มกว้าง “เหตุผลหลักที่ทำให้ฉันเกิดความคิดอยากจัดหางานให้กับผู้พิการ เป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากคำแนะนำของท่านผู้อำนวยการเขตโอวหยางค่ะ”
ผอ.เขตโอวหยางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แสดงสีหน้าประหลาดใจ “ทำไมถึงได้กล่าวพาดพิงผมล่ะ? เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับผมกัน? ทั้งหมดนี้เป็นการตัดสินใจของคุณเองทั้งนั้น”
หลินม่ายรีบพูดจาขึงขัง “ท่านเคยบอกไม่ใช่หรือคะ ว่าคนหนุ่มสาวควรช่วยเหลือสังคมให้มาก ไม่ใช่คิดคำนึงถึงการแสวงหาผลกำไรเพียงอย่างเดียว? ท่านต้องลืมทุกสิ่งที่ตัวเองเป็นคนพูดแล้วแน่เลย?”
ผอ.เขตสั่นศีรษะ “ไม่ลืมหรอกน่า แต่ประโยคข้างต้นเป็นสิ่งที่คนหนุ่มสาวทุกคนควรจดจำเอาไว้ให้ดี หนุ่มสาวรุ่นใหม่ถือได้ว่าเป็นกระดูกสันหลังของมาตุภูมิ ดังนั้นเราจะต้องกระตุ้นให้พวกเขามีความรับผิดชอบต่อประเทศชาติและสังคม ร่วมสร้างประเทศของเราให้พัฒนา ทำให้สังคมเกิดความสามัคคีกันมากขึ้น”
หลินม่ายยิ้มก่อนจะอธิบายต่อ “เป็นเพราะคำแนะนำอย่างจริงจังของท่าน ทำให้ฉันนำประโยคดังกล่าวกลับมาพิจารณา ว่าฉันสามารถทำประโยชน์ใดให้กับสังคมนี้ได้บ้าง? พอคิดไปถึงจุดหนึ่งว่าบรรดาผู้พิการมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากกว่าคนทั่วไปมาก ฉันจึงเกิดความคิดอยากจัดหางานให้กับพวกเขา เพื่อให้พวกเขามีอาชีพที่มั่นคง สามารถดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างมีศักดิ์ศรี”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ เธอก็ถอนหายใจ “น่าเสียดายที่โรงงานของฉันมีขนาดเล็กเกินไป ทำให้ในขณะนี้สามารถจ้างงานผู้พิการได้เพียงสิบคนเท่านั้น ตราบใดที่โรงงานขยายใหญ่ขึ้น ก็จะสามารถเปิดรับพนักงานพิการและให้ความช่วยเหลือแก่ผู้พิการได้มากขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้ชมหน้าทีวีจะมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและสนับสนุนพวกเขา”
นักข่าวสาวถามอย่างจริงใจ “ท่านผู้ชมหน้าทีวีสามารถทำอะไรเพื่อช่วยสนับสนุนผู้พิการเหล่านี้ได้บ้างคะ?”
หลินม่ายหันมายิ้มหวานให้กล้อง “นั่นก็คือ ช่วยอุดหนุนหมวกจากโรงงานไป๋เหอโถวซื่อที่ผลิตโดยผู้พิการนั่นเองค่ะ”
เมื่อเห็นแบบนั้น ฟางจั๋วหรานก็ยิ้มออก แล้วโน้มตัวไปกระซิบข้างหูหลินม่าย “โฆษณาชุดนี้ทำได้ดีมาก!”
หลินม่ายเม้มริมฝีปากอมยิ้ม
หลังจากนั้น นักข่าวคนเดิมได้สัมภาษณ์พนักงานพิการทั้งสิบคนในโรงงานไป๋เหอโถวซื่อ
หงซิ่วเหมยและคนอื่น ๆ ตอบไปในทางเดียวกันว่าพวกหล่อนรู้สึกขอบคุณหลินม่ายมาก ที่มอบโอกาสให้พวกหล่อนมีรายได้สำหรับจุนเจือตัวเอง
รายการนำเสนอข่าวจบลงแล้ว แต่กว่าคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจะสงบสติอารมณ์ลงได้ก็ใช้เวลานานพอสมควร
คุณย่าฟางพูดชมเชย “ผอ.เขตโอวหยางคนนี้เป็นคนดีจริง ๆ รู้สักสั่งสอนให้เยาวชนรุ่นใหม่มีความรู้และมีความรับผิดชอบ”
คุณปู่ฟางพยักหน้าซ้ำ ๆ อย่างเห็นด้วย
ฟางจั๋วหรานเป็นคนเดียวในที่นี้ที่รู้ดีว่าเจตนารมณ์ของหลินม่ายในการจัดหางานให้กับผู้พิการนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนอื่นแต่อย่างใด เป็นความคิดของเธอเองทั้งนั้น
สาเหตุที่เธอพูดออกสื่อแบบนั้น ก็เพราะต้องการยกความดีความชอบให้กับผอ.เขต
เขาหัวเราะเบา ๆ “ทำไมคุณย่าไม่คิดว่าม่ายจื่อมีจิตสำนึกสูงส่งบ้างล่ะครับ? ผอ.เขตชี้แนะเธอไม่กี่ประโยค เธอก็เกิดความคิดอยากช่วยเหลือผู้พิการแล้ว”
คุณย่าฟางมองค้อนก่อนจะตอบกลับ “ถ้าม่ายจื่อไม่เก่ง คิดว่าย่าจะชอบหล่อนเหรอ?”
ขณะนอนอยู่บนเตียงในตอนกลางคืน หลินม่ายอดสงสัยไม่ได้ว่าข่าวนี้จะส่งผลตอบรับต่อสินค้าจากร้านไป๋เหอโถวซื่อมากน้อยแค่ไหน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ดังใหญ่แล้วม่ายจื่อ ใครจะมาหาเรื่องก็หาเรื่องยากแล้ว
ไหหม่า(海馬)