ตอนที่ 340 จักรพรรดินีแห่งหอเซียน ทลายด้วยหนึ่งกระบี่!
เมื่อเห็นหนิงฝานมองมา กลุ่มเซียนที่นำโดยกู้จิ่วเฟิ่งพลันหน้าซีดทันทีด้วยความตกใจและตัวสั่นไปทั้งตัว!
ภาพเสมือนของจักรพรรดิจุนถูกทำลาย!
รถม้าเซียนหลบหนีไป!
เมื่อเผชิญหน้ากับหนิงฝาน พวกเขาไม่รู้จะทำอย่างไรนอกจากกลัวจนตัวสั่น และรู้สึกสิ้นหวัง!
พรึ่บ!
หนิงฝานโบกมือเล็กน้อย พลันเซียนทั้งหมดของหอเซียนก็ถูกมือขนาดใหญ่คว้าไว้ แล้วพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็ทำให้ทุกคนคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด
พลั่ก!
กู้จิ่วเฟิ่งถูกสายตาของชายหนุ่มกดดันอย่างหนักหน่วง “ขอให้โอกาสเจ้าตอบอีกครั้ง หากเจ้ากล้าพูดคำเท็จ ข้าจะหั่นร่างกายของเจ้าเป็นชิ้น ๆ และหลอมวิญญาณเซียนของเจ้าไปนับล้านปี!!”
“พูด!”
“ข้าจะบอกเจ้าทุกอย่าง!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้จิ่วเฟิ่งพยักหน้าอย่างลนลานด้วยความหวาดกลัว
“สตรีที่หลบหนีไปเมื่อครู่คือผู้ที่เจ้าพามาจากโลกเซียนยุทธ์ใช่หรือไม่” หนิงฝานถาม
“ใช่!” กู้จิ่วเฟิ่งพยักหน้า
“เจ้าทำอะไรกับนาง ข้าเป็นคนสนิทของนาง เหตุใดนางถึงไม่รู้จักข้า แถมยังจะฆ่าข้าอีกด้วย!” หนิงฝานยังคงถามต่อไป
กู้จิ่วเฟิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วอธิบาย “เพราะตอนนี้นางเป็นจักรพรรดินีแห่งหอเซียนของเรา ย่อมไม่รู้จักเจ้า!”
“จักรพรรดินีแห่งหอเซียน?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ คิ้วของหนิงฝานพลันขมวดขึ้น จากนั้นเขาก็ตะโกนอีกครั้ง “เกิดอะไรขึ้น บอกข้ามมาให้ชัดเจนทีละคำ เริ่มตั้งแต่วันที่เจ้าพานางไป!”
กู้จิ่วเฟิ่งบอกกล่าวทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น “ตอนนั้น ข้าพบจักรพรรดินีโดยบังเอิญ…ไม่สิ คือหลัวชิงเซียน ซึ่งค้นพบว่านางมีร่างของมหาเต๋า และร่างกายนี้ก็เหมือนกับของจักรพรรดินีหอเซียนของเรา ซึ่งสามารถใส่ผลแห่งวิถีนิพพานที่ถูกทิ้งไว้โดยจักรพรรดินีของเราได้… ”
ปรากฎว่า หลัวชิงเซียนในตอนนี้ก็คือหลัวชิงเซียนในอดีต แต่สาเหตุที่นางกลายเป็นเช่นนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะผลแห่งวิถีนิพพานที่จักรพรรดินีแห่งหอเซียนทิ้งไว้!
ผลแห่งวิถีนิพพานแตกต่างจากการชิงร่าง ผู้ที่ชิงร่างจะลบล้างจิตวิญญาณเดิมและครอบครองร่างกายนั้น ในขณะที่ผู้ที่ถือผลครองวิถีนิพพานทั้งร่างกายและวิญญาณเซียนจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน จนกระทั่งผู้ที่เหลือรอดอยู่ลืมทุกสิ่งหมดสิ้น!
พูดอย่างง่าย ๆ คือหลัวชิงเซียนคนปัจจุบันไม่ใช่หลัวชิงเซียนในอดีตอีกต่อไป แต่เป็นจักรพรรดินีแห่งหอเซียน!
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม ‘หลัวชิงเซียน’ ถึงลงมือฆ่าหนิงฝาน!
สำหรับจักรพรรดินีแห่งหอเซียน นางไม่เคยรู้จักหนิงฝานเลย!
“ไม่!”
“เป็นไปไม่ได้!”
“ข้าไม่เชื่อ!”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ หนิงฝานไม่สามารถหยุดส่ายหัวได้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหลัวชิงเซียนไม่ได้อยู่ในโลกนี้อีกต่อไปแล้ว
ตู้ม!
เขาบีบคอกู้จิ่วเฟิ่งและยกนางขึ้นทันที สายตาแทบจะฉีกร่างเป็นชิ้น ๆ “พาข้าไปหานาง หากไม่พบนาง ข้าจะทำให้เจ้าใช้ชีวิตที่เหลือทุกวันอย่างเจ็บปวดไม่รู้จบ!!”
“ไป…ข้าพาเจ้า…ไป!”
เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาอย่างน่าสะพรึงกลัว กู้จิ่วเฟิ่งรู้สึกสั่นสะท้านจนพูดด้วยความยากลำบาก!
ตู้ม!
ลมหายใจต่อมา หนิงฝานโยนกู้จิ่วเฟิ่งออกไป “นำไป!”
…
หนิงฝานออกจากตำหนักสวรรค์พร้อมกับจักรพรรดิเหรินและคนอื่น ๆ เช่นเดียวกับพวกของกู้จิ่วเฟิ่งที่ถูกคุมตัวไป!
แต่ภายนอกตำหนักสวรรค์นั้น เมื่อมองไปรอบ ๆ กลับไม่มีเงาของ ‘หลัวชิงเซียน’ ในโลกนี้แล้ว!
ทว่าตอนนี้เอง เพราะจักรพรรดิสวรรค์ถูกสยบ และคนอื่น ๆ ก็ดับสูญไปแล้วทำให้ขั้นบันไดสามพันก้าวหายไป
“เอ๊ะ!”
“เหตุใดขั้นบันไดโลกถึงหายไป!”
“เกิดอะไรขึ้น เราเพิ่งปีนขึ้นไปได้พันกว่าขั้น ทำไมขั้นที่เหลือถึงหายไปแล้ว!”
“ใช่ เสียงที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้นก็หายไปด้วย!”
“ไม่เป็นไร ไม่มีขั้นบันไดก็ดี รีบไปบนตำหนักสวรรค์เถิด!”
“ถูกต้อง! แม้แต่โลกขั้นบันไดก็มีสมบัติมากมาย ในตำหนักสวรรค์ย่อมต้องมีมากกว่านั้นเป็นแน่!”
“…”
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ผู้คนจากกองกำลังหลักทั้งแปดต่างทะยานไปที่ตำหนักสวรรค์ทันที!
ทว่าทันทีที่พวกเขาบินขึ้นไปบนตำหนักสวรรค์ พวกเขาก็เห็นหนิงฝานและกู้จิ่วเฟิ่งเดินออกมา!
“หืม? คนจากอาณาจักรเซียนฮวงเทียนและหอเซียน!”
“พวกเขาขึ้นไปบนตำหนักสวรรค์ก่อนแล้วหรือนี่!”
“พวกเขาเจอสมบัติในตำหนักสวรรค์และกำลังจะออกไปแล้วใช่หรือไม่!”
“เจ้ายังต้องคิดเกี่ยวกับมันด้วยหรือ ต้องใช่เป็นแน่”
“หยุดพวกมันเร็วเข้า! มิอาจให้พวกมันเอาสมบัติไปได้!”
“…”
ฟึ่บ! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
จากนั้นภายใต้การนำของแปดองค์ราชัน ผู้คนจากกองกำลังทั้งแปดได้ปิดกั้นหนิงฝานและคนอื่น ๆ ไว้อย่างรวดเร็ว!
“องค์ราชันหนิง เหตุใดท่านถึงรีบออกไปเช่นนี้เล่า”
“หึหึ เจ้าได้รับสมบัติล้ำค่าใดมาบ้างเล่า กลัวว่าเราจะเห็นมันหรือ!”
“หึ! เศษสวะขอบเขตจักรพรรดิเซียนขั้นกลาง เจ้าคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะได้สมบัติล้ำค่ามาครอบครองหรือ”
“หึ่ม! ดูสถานการณ์ให้ดี รีบส่งสมบัติออกมา!”
แปดองค์ราชันเอ่ยปากพูดทีละคน ขณะมองหนิงฝานด้วยเจตนาร้าย และยอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่ข้างหลังเขาก็ระดมพลังอันน่าเกรงขามออกมา!
ทว่า…
เงียบ!
เงียบราวกับคนตาย!
เมื่อเผชิญหน้ากับการขวางกั้นของกองกำลังทั้งแปด ทั้งจักรพรรดิเหรินกับคนอื่น ๆ กู้จิ่วเฟิ่งก็แค่เงียบและไม่มีใครพูดอะไร!
ตัวตนเช่นหนิงฝาน ขนาดผู้ที่มีพลังสูงสุดอย่างจักรพรรดิสวรรค์ แม้มิได้สังหารแต่ยังสยบไว้ได้!
ตอนนี้ผู้คนจากแปดกองกำลัง กล้าที่จะลูบเคราเสือของหนิงฝาน นี่ไม่ใช่ความดุร้ายธรรมดา!
สิ่งนี้ทำให้พวกเขามองคนของกองกำลังทั้งแปดด้วยสายตาสงสารและสมเพช!
“หืม?”
“สารเลว! นั่นคือสายตาอะไรกัน!”
เมื่อเห็นเช่นนั้น แปดองค์ราชันก็ขมวดคิ้วและเอ่ยขึ้น เพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อพวกเขานึกถึงสมบัติมากมาย ก็ไม่สนใจที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้
“หึ ดูเหมือนว่าหากไม่ลงมือ พวกเจ้าคงจะไม่ส่งมอบมัน!”
“โจมตี โจมตีพร้อมกัน!”
“สมบัติที่ได้มาจะต้องถูกแบ่งปันอย่างเท่าเทียมกัน!”
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ลมหายใจต่อมา ภายใต้การนำของแปดองค์ราชัน ผู้คนมากกว่าสองพันคนจากกองกำลังทั้งแปดต่างบุกโจมตี พลังมากกว่าสองพันสายปะทุออกอย่างรุนแรง รวมถึงพลังสูงสุดของสุดยอดจักรพรรดิเซียนขั้นสุดทั้งแปด!
ด้วยความแข็งแกร่งเช่นนี้ แม้จะมีสุดยอดจักรพรรดิเซียนขั้นสุดที่ทรงพลังมหาศาลมากกว่าสิบคน ผู้คนจากกองกำลังหลักทั้งแปดย่อมไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย!
นี่คือความมั่นใจที่พวกเขากล้าที่จะเคลื่อนไหว!
“ไสหัวไป!”
หนิงฝานคำรามราวกับมังกร ทำให้โสตประสาทของแต่ละคนอื้ออึง!
ตู้ม!
ลมหายใจต่อมา เขายกกระบี่ขึ้นฟันอย่างอุกอาจ แล้วแสงกระบี่หนึ่งหมื่นจั้งก็พุ่งออกมาทันที!
“หืม?”
“อ๊าก!”
“ไม่!”
“เป็นไปไม่ได้!”
“…”
เมื่อเห็นพลังกระบี่ของหนิงฝาน ใบหน้าเย้ยหยันของแปดองค์ราชันพลันแข็งทื่อ ก่อนจะแทนที่ด้วยความสยดสยองไม่รู้จบ!
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ลมหายใจต่อมา เมื่อแสงกระบี่วาดผ่านไป ผู้คนจากกองกำลังทั้งแปดที่กำลังจะเคลื่อนไหวก็ปลิดปลิวราวกับใบไม้ที่ร่วงหล่น ส่วนใหญ่ร่างระเบิดออกเป็นหมอกสีเลือดในความว่างเปล่า!
แม้แต่แปดองค์ราชันก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ณ จุดนั้น แล้วพวกเขาทั้งหมดก็ถูกโยนทิ้งไปราวกับถุงขยะ เมื่อร่างพวกเขาหยุดลง องค์ราชันทั้งแปดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและสลบไปเป็นที่เรียบร้อย!
กระบี่เดียวทลายทั้งแปดกองกำลัง!