บทที่ 384 ให้ข้าขอขมา เจ้าอาศัยสิ่งใดมาให้ข้าขอขมา?
หัวเราะ
เซี่ยเหยียนหัวเราะออกมาจริง ๆ
คนผู้นี้ช่างพูดเอาดีเข้าตัวเหลือเกิน
หากนางไม่ยอมส่งมอบคันศรออกไปหมายถึงนางจะทำผิดต่อทุกคนบนโลกเช่นนั้นหรือ?
ยโสนัก! แล้วยังชอบพูดอวดอ้างศีลธรรมสูงส่ง คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?
นางรู้เหตุผลในการก่อตั้งสถานศึกษา ทั้งยังรู้ว่ามีอาณาจักรเทียนหยวนจับจ้องและกำลังพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อบุกเข้ามายังโลกใบนี้
ทว่าเหตุใดนางจึงต้องส่งมอบคันศรออกไปด้วย?
นี่เป็นคันศรที่ท่านเซียนมอบให้นาง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นคันศรที่นางเป็นผู้ตั้งชื่อเองทำให้เชื่อมชะตาเข้ากับนาง กล่าวว่ามันคือศาสตราประจำกายของนางก็ไม่ผิด
คิดว่าผู้อื่นจะสามารถใช้งานพลังของคันศรราชันได้อย่างนั้นหรือ?
เพ้อฝันอันใดอยู่!
กระทั่งมหาจักรพรรดิเองก็ไม่อาจดึงพลังของคันศรราชันออกมาใช้งานได้…
“นี่เป็นความคิดของเจ้าหรือตระกูลไป๋ที่อยู่เบื้องหลังเจ้า?”
เซี่ยเหยียนมองไป๋อวี่เฟย
หากเป็นเพียงความคิดของไป๋อวี่เฟยคนเดียวก็ช่างมันเสียเถอะ แต่ถ้าหากเป็นความคิดของตระกูลไป๋ทั้งหมด นางก็คงต้องไปเยือนยังตระกูลไป๋แล้วพูดคุยสนทนาด้วยกันสักครา
“ไม่ต่างกัน“
ไป๋อวี่เฟยกล่าวออกมาเสียงเรียบ “ข้าบอกแล้ว ทุกคนล้วนสนใจเพียงคันศรในมือของเจ้าเท่านั้น หากปราศจากคันศรแล้ว เจ้าก็ไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้”
เขาลุกขึ้นยืน ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยแสงเทวะลอยวน จากลมปราณที่แผ่ออกมาแล้ว เขาเป็นถึงราชันเทวาผู้หนึ่ง!
นี่คือความน่ากลัวและน่าหวาดหวั่นของยอดนิกายอย่างนั้นหรือ?
ไป๋อวี่เฟยดูแล้วอายุเพียงแค่ประมาณยี่สิบปี แต่กลับอยู่ถึงขั้นราชันเทวา!
“ยอดนิกายคือสิ่งใด? เจ้าไม่รู้เรื่องราวแม้แต่น้อย! ยอดนิกายที่แท้จริงสืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล สายเลือดสูงส่งไร้ผู้เทียบเคียง ทุกคนล้วนเรียกขานว่าเป็นสายเลือดในตำนาน สายเลือดที่สามารถเป็นราชันได้อย่างแท้จริง อยู่เหนือสิ่งมีชีวิตอื่นทั้งปวง!”
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งจากความภาคภูมิใจในยอดนิกาย!
ยอดนิกายรุ่งโรจน์ไร้ผู้เทียบเคียง สายเลือดอื่นล้วนไม่สามารถเปรียบเทียบได้!
นี่เป็นสายเลือดที่อยู่เหนือระดับขึ้นไปอย่างแท้จริง เกรงว่ากระทั่งสายเลือดของสิบสัตว์ร้ายก็ยังไม่อาจเอาชนะได้ เต็มที่ก็เทียบเท่ากันหรืออ่อนแอกว่าเล็กน้อย
“กลายเป็นขั้นเทวะตั้งแต่อายุยังน้อย เทียบกับสิ่งมีชีวิตทั่วไปแล้วนับว่าแข็งแกร่งก็จริง แต่หากเทียบกับพวกเราแล้วเจ้าก็ยังคงห่างไกล เป็นได้ก็แค่เพียงแสงสว่างริบหรี่!”
ไป๋อวี่เฟยมองเซี่ยเหยียนด้วยความผยองอย่างถึงที่สุด “จะบอกเจ้าไว้ก็ได้ ภายในตระกูลข้านับได้ว่าเป็นเพียงระดับสามัญ ยอดอัจฉริยะที่แท้จริงได้ทะลวงผ่านขอบเขตเทวะกลายเป็นกึ่งนักบุญไปแล้ว! มีกระทั่งผู้หนึ่งที่สามารถบรรลุขอบเขตนักบุญอย่างแท้จริงจนกลายเป็นขั้นนักบุญแล้ว!”
ยอดเยี่ยมขนาดนั้นเชียวหรือ?
เซี่ยเหยียนเลิกคิ้วขั้นน้อย ๆ ด้วยความประหลาดใจ
สภาพแวดล้อมในปัจจุบันนั้นเลวร้ายเป็นอย่างมาก ผู้ฝึกตนจำนวนมากใช้เวลาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถทะลวงเข้าสู่ขอบเขตนักบุญแล้วกลายเป็นนักบุญได้ แต่ภายในยอดนิกายกลับมีรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งสามารถบรรลุขอบเขตกลายเป็นนักบุญได้…
ยอดนิกายข่างน่าตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!
นางเกิดความสงสัยขึ้นมาในใจ ถึงที่มาและรากเหง้าของยอดนิกาย
“ตอนนี้เจ้าก็รู้แล้วใช่หรือไม่ ว่าเจ้าไม่ได้เก่งกาจอะไรมากมาย? วางมาดลงเสีย จากนั้นก็มาขอขมา ข้ายังสามารถให้โอกาสเจ้าได้เข้าร่วมสถานศึกษาได้อีกครั้งหนึ่ง”
ไป๋อวี่เฟยเหยียดตามองต่ำใส่เซี่ยเหยียน แล้วกล่าวออกมาด้วยความผยอง
จริงที่ยอดนิกายน่าตื่นตะลึงชวนครั่นคร้าม
ทว่านางไม่ขอประจบประแจงอยู่ดี
เซี่ยเหยียนเอ่ยออกมาอย่างสงบนิ่ง “เหตุใดข้าต้องให้เจ้ามอบโอกาสให้? เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน?”
นางกล่าวต่อ “เจ้ามาที่สำนักไท่หัวของข้า โอ้อวดยอดนิกายของเจ้า ดูหมิ่นเหยียดยามข้า ผยองวางอำนาจบาตรใหญ่ เจ้าต่างหากที่มีคุณสมบัติอะไรมาทำเช่นนี้? แม้ผู้แข็งแกร่งของตระกูลเจ้ามาเอง ก็ยังไม่กล้ากระทำตนเช่นนี้!”
หญิงสาวหัวเราะออกมา “ทั้งยังบอกให้ข้าขอขมา เจ้าเอาสิ่งใดมาให้ข้าขมากัน?”
“รนหาที่ตาย! หรือคิดว่าตนเองมีโอกาสได้รับวาสนาจากการเปลี่ยนเปลงเล็กน้อยก็หาญกล้าทำทุกสิ่ง? ยอดนิกายใช่สิ่งที่เจ้าสามารถท้าทายตามต้องการได้หรือ?“
ไป๋อวี่เฟยตะคอกออกมาเสียงเย็นชา “ตอนนี้เจ้าหมดโอกาสเข้าร่วมสถานศึกษาแล้ว มอบคันศร จากนั้นก็บอกทุกสิ่งเกี่ยวกับตอนที่เจ้าได้รับคันศรมา หากได้รับโอกาสวาสนาการเปลี่ยนแปลงอะไรมาอีกก็มอบออกมาด้วย เช่นนั้นข้าจึงจะปล่อยเจ้าไปไม่ให้ถูกลงโทษ! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะต้องชดใช้ความผิดที่ปลอมเป็นยอดนิกาย!”
คันศรล้ำค่าเช่นนี้ ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ ๆ เซี่ยเหยียนจะได้รับมันมา
เขาสงสัยว่าเซี่ยเหยียนจะประสบโชคลาภครั้งใหญ่ มีความเป็นได้มากว่าโชคลาภนั้นจะมาจากโบราณสถานที่น่าตื่นตะลึงสักแห่ง และบนตัวของนางก็ยังมีโอกาสที่จะมีสมบัติชิ้นอื่นอยู่
“เจ้าช่างหาญกล้าเสียจริง…ต่อหน้าข้ายังกล้าวางอำนาจอวดดี ไม่กลัวว่าจะถูกข้ายิงศรใส่หรือ?”
เซี่ยเหยียนมองไปทางไป๋อวี่เฟย ในคำพูดเริ่มมีร่องรอยความไม่พอใจ
เป็นแค่ราชันเทวา นางไม่จำเป็นต้องรวบรวมพลังของคันศรเสียด้วยซ้ำ แค่รั้งสายแล้วยิงออกไปก็เพียงพอแล้วที่จะสังหารไป๋อวี่เฟย
“เหตุใดข้าต้องกลัวเจ้าด้วย?”
ไป๋อวี่เฟยหัวเราะเย้ยออกมาหนึ่งคำ “เจ้าคิดหลงตัวเองเกินไป ความล้ำลึกของยอดนิกายนั้นมากเกินกว่าที่เจ้าจะสามารถจินตนาการถึง!”
เขามองเซี่ยเหยียนด้วยสีหน้าไม่แยแส “อย่าแม้แต่จะคิดเชียว บนร่างของข้ามีร่างอวตารของท่านปู่อยู่ นี่เป็นถึงร่างอวตารของขั้นวิถีสูงสุด หากเจ้ากล้าแตะต้องข้า ไม่เพียงแต่เจ้าที่จะต้องตาย กระทั่งสำนักไท่หัวเองก็ไม่อาจหนีพ้นต้องชดใช้ด้วยราคาสูงลิ่ว!”
ท่านปู่ของเขาไม่ธรรมดาสามัญ เป็นถึงหนึ่งในสิบเจ็ดผู้อาวุโสตระกูลไป๋ บรรลุขั้นวิถีสูงสุดแล้ว อยู่ห่างจากขอบเขตจักรพรรดิไม่ไกล
ขั้นวิถีสูงสุด นี่คือขั้นสูงสุดของขอบเขตสูงสุด แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด เพียงโบกมือก็สามารถปกคลุมท้องฟ้าบดบังตะวัน เพียงเหยียบย่ำก็สามารถบดขยี้ดวงดารา
อีกทั้งท่านปู่ยังรักเอ็นดูเขาเป็นอย่างมาก จนแยกร่างอวตารทิ้งไว้ภายในตัวของเขาเพื่อคุ้มครองให้ปลอดภัย
ไม่เช่นนั้นเขาจะกล้ามาวางท่าใหญ่โตเช่นนี้ต่อหน้าเซี่ยเหยียนได้อย่างไร?
กระต่ายร้อนใจก็ยังกัดคนได้*[1]
หากไม่มีสิ่งรับประกันชีวิตตนเองได้ เขาคงไม่กล้าทำตัวเช่นนี้ต่อหน้าเซี่ยเหยียน
อย่างไรเสียคันศรในมือของเซี่ยเหยียนก็ทรงพลังมาก สามารถสังหารอสูรขั้นกษัตริย์นักบุญได้อย่างง่ายดาย ราชันเทวะอย่างเขายังคงห่างไกลจากการเป็นคู่ต่อสู้
“ร่างอวตารของขั้นวิถีสูงสุด? ร้ายกาจปานนั้น…”
เซี่ยเหยียนกล่าว “ถ้าเช่นนั้นข้าคงได้แต่ยอมประนีประนอม มอบคันศรราชันให้ แต่ทว่าเจ้าจะสามารถถือมันได้หรือไม่?”
นางเรียกคันศรราชันออกมา ก่อนยื่นมันออกไปให้ไป๋อวี่เฟย
คันศรราชันเปล่งประกายงดงามเป็นอย่างยิ่ง บนคันศรมีเต๋าสูงสุดไร้ที่เปรียบไหลเวียน สามารถยับยั้งกฎแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่ต่ำกว่าได้ ช่างน่าตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด!
เมื่อไป๋อวี่เฟยเห็นคันศรราชันแล้ว ดวงตาก็ถึงกับลุกเป็นไฟ
คันศรนี้ไม่ธรรมดาเลย กระทั่งภายในยอดนิกาย ก็ยังไม่มีสมบัติล้ำค่าที่ไหลเวียนสามารถยับยั้งกฎแห่งสวรรค์และโลกที่อยู่ต่ำกว่าได้เช่นนี้
“เสียของ เสียของเกินไปแล้ว คันศรล้ำค่าเช่นนี้กลับตกอยู่ในมือของเจ้า นับเป็นการดูหมิ่นทำให้ศันธนูด่างพร้อย! เจ้าจะคู่ควรกับคันศรล้ำค่าเช่นนี้ได้อย่างไร? สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถครอบครองได้!”
เขาอดกล่าวออกมาไม่ได้ ภายในใจเต็มไปด้วยความผยองเย่อหยิ่ง ไม่ชอบใจเซี่ยเหยียนอย่างถึงที่สุด คิดว่านางทำให้คันศรล้ำค่าเช่นนี้แปดเปื้อน
หลังจากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป เตรียมจะหยิบคันศรราชันมาถือไว้ในมือ
“นับว่าเจ้ายังรู้ความ ยอมมอบคันศรให้ด้วยตัวเอง เจ้าจงอย่างปิดบังแล้วส่งมอบสมบัติล้ำค่าชิ้นอื่นบนตัวของเจ้าออกมาด้วย”
เขากล่าวออกมาก่อนที่มือจะเอื้อมไปถึงคันศรราชัน เนื่องจากคิดว่าเซี่ยเหยียนเกิดความรู้สึกเกรงกลัวขึ้นมาแล้ว
หลังจากได้เห็นคันศรด้วยตาตัวเอง เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าเซี่ยเหยียนยังคงมีสมบัติอย่างอื่นอีก
ภายในใจของเขาตั้งหน้าตั้งตารอเป็นอย่างมาก!
[1] กระต่ายร้อนใจก็ยังกัดคนได้ หมายถึง กระต่ายที่เป็นสัตว์อ่อนแอยามร้อนใจหรือกดดันขึ้นมาก็สามารถกัดคนได้ เปรียบเปรียบกับคนที่อ่อนแอหรืออ่อนโยน เมื่อทนไม่ได้ก็สามารถขัดขืนหรือสู้กลับอย่างสิ้นหวังได้