องค์ชายหกที่ไม่มีคนสนใจ เมื่อมาถึงเมืองหลวงก็ยังคงถูกลืมเลือน องครักษ์ภายในจวนกินไม่อิ่ม น่าสงสารเพียงใด
คนที่จิตใจเมตตาอย่างคุณหนูเฉินตันจูจะไม่มาเยือนได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมีวาสนาได้พบกันครั้งหนึ่งที่หน้านสุสานท่านแม่ทัพ
สุดท้าย คุณหนูตันจูก็ไม่ได้สงสารองค์ชายหกจริงๆ
เฟิงหลินและคนอื่นต่างขนย้ายของกินอย่างคึกคัก ทางลานด้านนี้กลับคืนสู่ความสงบ
หวังเจียนนั่งหัวเราะอยู่บนเก้าอี้โยก “ข้ารู้ว่าท่านต้องการพูดเรื่องใด ถึงแม้คุณหนูตันจูไม่ได้มาเยือนท่าน แต่นางสั่งสอนเส้าฝู่เจี้ยนแทนท่านแล้ว อีกทั้งจัดการปัญหาของท่าน แต่…”
หวังเจียนยิ้มจนตาหยี
“คุณหนูตันจูยอมที่จะไปทำให้เส้าฝู่เจี้ยนขุ่นเคือง ก็ไม่ยอมมีสัมพันธ์กับท่าน”
ฉู่อวี๋หยงพยักหน้า แสดงสีหน้าระอาที่อีกฝ่ายพูดถูก
อาจเป็นเพราะยากที่จะเห็นอีกฝ่ายเห็นด้วยกับตนเอง หวังเจียนยิ่งดีใจ เขาลูบเครา “คนที่เฉินตันจูชอบ ประจบ และยอมสานสัมพันธ์คือแม่ทัพหน้ากากเหล็กที่มีอำนาจทหาร ไม่ใช่องค์ชายที่ไม่มีสิ่งใดอย่างท่าน”
ฉู่อวี๋หยงถอนหายใจเสียงเบา “ใช่ ดังนั้น ช่างน่าสงสาร”
หวังเจียนลูบเครา ถลึงตา “ไม่ใช่ ยังสงสารอีกหรือ” พฤติกรรมที่ละโมบในอำนาจไม่ควรแก่การดูถูกหรือ
ฉู่อวี๋หยงยืนอยู่ข้างกายเขา แผลบนแผ่นหลังเกือบหายดีแล้ว เขายืดแผ่นหลังตรง รูปร่างดูสูงขึ้น หวังเจียนจำเป็นต้องแหงนหน้ามอง…
“นางอยู่รอดอย่างยากลำบาก จำเป็นต้องละโมบในอำนาจ” ฉู่อวี๋หยงพูดเสียงเบา “ไม่กล้าแม้แต่จะดูความงดงามของมนุษย์และสิ่งต่างๆ บนโลกแม้แต่เวลาว่าง ยังไม่น่าสงสารหรือ”
คนที่งดงาม หมายถึงตัวเขาเองหรือ หวังเจียนกลอกตา
ฉู่อวี๋หยงมองลาน จวนที่สร้างใหม่แห่งนี้กว้างขวาง แต่เนื่องจากใหม่เกินไป ทุกสิ่งล้วนเป็นของใหม่ แม้แต่ต้นไม้ยังย้ายจากที่อื่นมาปลูก สิ่งที่มองเห็นมักให้ความรู้สึกอ้างว้าง…เดิมทีก็อ้างว้างไร้ผู้คนมากมายนัก เขาพาแค่อาหนิวมาจากเมืองซีจิง หยวนไต้ฟูยังคงอยู่ในเมืองซีจิง ไม่ว่าอย่างไร เมืองซีจิงยังคงต้องมีกำลังคน ในเมื่อองค์ชายหกต้องการมีชีวิตอยู่ ย่อมต้องคำนึงถึงทุกด้าน…
แต่หวังเจียนมักรู้สึกว่าหยวนไต้ฟูมีเจตนาอื่น อาทิคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉินท่านนั้น
จวนแห่งนี้นอกจากองครักษ์หลวงอย่างเฟิงหลินและคนอื่นอีกสิบกว่าคนแล้ว ก็เป็นองครักษ์ที่ฮ่องเต้ส่งมา พวกเขาไม่เข้ามาภายในจวน หากแต่ล้อมรอบภายนอกจวนแน่นหนาราวกับถังเหล็ก
“ท่านสงสารก็ไร้ประโยชน์” หวังเจียนส่งเสียงไม่พอใจ ยกชาขึ้นดื่ม “ท่านออกไปไม่ได้ คุณหนูตันจูไม่ยอมมา ท่านทำสิ่งใดไม่ได้ทั้งนั้น”
เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับชายหนุ่ม ฉู่อวี๋หยงพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าออกไปไม่ได้ นางไม่ยอมเข้ามา แต่ข้าจะเชิญนางมา” เขาพูดพลางเรียกขานอาหนิว
อาหนิวที่ไม่รู้หลบไปเล่นที่ใดวิ่งเข้ามา “องค์ชาย มีรับสั่งหรือพ่ะย่ะค่ะ”
หวังเจียนพูดเตือนอยู่ด้านหลัง “อาหนิวไม่คุ้นกับคุณหนูตันจู อีกทั้งไม่ฉลาดนัก ไม่อาจหลอกเฉินตันจูมาได้ แต่มีโอกาสที่จะถูกเฉินตันจูหลอกไป”
อาหนิวพูดอย่างไม่พอใจ “หยวนไต้ฟูบอกว่าข้าฉลาด”
ฉู่อวี๋หยงพูดด้วยรอยยิ้ม “อย่าฟังหวังไต้ฟู เจ้าเป็นศิษย์ของหยวนไต้ฟู ต้องฟังเขา อาหนิว เจ้าเข้าพระราชวังไปหาองค์หญิงจินเหยา”
อาหนิวถามอย่างคล่องแคล่ว “องค์ชายต้องการบรรลุจุดประสงค์ใด”
ฉู่อวี๋หยงพูด “ให้คุณหนูตันจูมาเยี่ยมข้า”
บอกว่าให้ไปหาองค์หญิงจินเหยา แต่จุดประสงค์กลับเพื่อเชิญคุณหนูตันจูมา ฟังแล้ววกวนเล็กน้อย แต่อาหนิวยังคงตอบรับทันที เขากระโดดโลดเต้นไปทางด้านนอก
หวังเจียนชี้ไปที่แผ่นหลังของเด็กน้อย “ตามคนแซ่หยวนไม่ได้เรียนรู้สิ่งอื่น แต่เรียนรู้การหลอกคนแต่เด็ก” ก่อนจะมองฉู่อวี๋หยง เบ้ปาก “จริงด้วย ท่านยังมีน้องสาวโง่เขลาคนหนึ่ง”
น้องสาวโง่เขลาคนนี้ยังสนิทกับเฉินตันจูอย่างมาก มีนางออกหน้า น้องสาวพาสหายมาเยี่ยมองค์ชายหก บรรลุเป้าหมาย
ไม่รู้อาหนิวไปพูดสิ่งใด องค์หญิงจินเหยาเสด็จมาในวันที่สองทันที แต่นางมาคนเดียว ไม่ได้พาเฉินตันจูมาด้วย
ฉู่อวี๋หยงกำลังยกโซ่หินฝึกฝนกำลังแขนอยู่ที่เรือนด้านหลัง องค์หญิงจินเหยาหมุนรอบตัวเขา
“จินเหยา เจ้าไปนั่งใต้ต้นไม้ทางนั้น” ฉู่อวี๋หยงพูด “อย่าให้ข้าทำชายกระโปรงเจ้าเปื้อน”
สนามปูไปด้วยทราย
“เปื้อนก็เปลี่ยนใหม่” องค์หญิงจินเหยาพูด “ข้าเปลี่ยนวันละสองสามครั้งเมื่ออยู่ในพระราชวัง ทุกครั้งหลังจากชนมุมล้วนเต็มไปด้วยเหงื่อและดิน”
ฉู่อวี๋หยงยิ้ม “จริงด้วย ข้าลืมไปแล้ว จินเหยาของพวกเราแตกต่างจากเมื่อก่อนแล้ว ไม่ใช่หญิงสาวที่อ่อนแออีกต่อไป”
องค์หญิงจินเหยาส่งเสียงไม่พอใจ จ้องมองฉู่อวี๋หยงอีกครั้ง “ข้ากลับจำไม่ได้ว่าเวลานี้ท่านคือผู้ใด เหตุใดท่านจึงอยากให้ตันจูมา”
ฉู่อวี๋หยงวางโซ่หินลง พูดอย่างเปิดเผย “อยากพบนาง”
องค์หญิงจินเหยาโยนผ้าให้เขา ให้เขาใช้เช็ดเหงื่อ “อย่าคิดว่าเวลานี้ร่างกายของตนเองหายดีแล้ว ท่านบกพร่องแต่กำเนิด ไม่อาจรักษาได้”
ฉู่อวี๋หยงยิ้ม พลางใช้ผ้าซับเหงื่อ
ถึงแม้องค์หญิงจินเหยาจะเป็นห่วงเขา แต่สีหน้ายังคงระแวง “เหตุใดท่านจึงอยากพบนาง ท่านมีเจตนาไม่ดีต่อตันจูหรือไม่ ครั้งที่พี่สามถูกลอบโจมตีก่อนเข้าวัง ท่านให้ข้าไปบอกตันจูเป็นเวลาแรก…เอ๊ะ ไม่ใช่”
หญิงสาวเอนศีรษะ เรื่องที่กระจ่างแล้วก็ราวกับไม่กระจ่างนัก
“ในเมื่อท่านมีเจตนาแอบแฝงต่อตันจู เหตุใดท่านจึงอยากให้นางรู้เรื่องของพี่สาม ให้นางพบพี่สาม”
เหตุผลที่นางได้เรียนรู้จากบทละครคืออยากให้คนที่ตนเองชื่นชอบมีแต่ตนเองภายในใจ
ฉู่อวี๋หยงยื่นมือตบหัวของน้องสาวเบาๆ พูดแก้ไขสิ่งที่นางพูด “ไม่ใช่ สำหรับคนที่ตนเองชอบ หวังเพียงให้นางไม่ต้องอกสั่นขวัญแขวน อยากหาทางให้นางมีจิตใจที่สงบ”
องค์หญิงจินเหยาจับปอยผมที่หล่นลงมาด้านหน้า ครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้า “ใช่ ข้าเป็นกังวลเรื่องตันจู ดังนั้นนางมีเรื่องใดที่กังวล ข้ารู้แล้วย่อมต้องบอกนางทันที เพื่อไม่ให้นางร้อนใจ”
ฉู่อวี๋หยงพยักหน้า “ใช่หรือไม่ ใช่หรือไม่ เป็นแบบนี้ ดังนั้นข้าจริงใจต่อคุณหนูตันจู”
แต่องค์หญิงจินเหยาไม่ใช่เด็กหญิงที่ถูกเขาหลอกให้นอนอยู่บนพื้นทั้งวันอีกแล้ว นางส่งเสียงไม่พอใจ “เหตุใดท่านต้องหลอกตันจูว่าจวนองค์ชายหกกินไม่อิ่มนอนไม่อุ่น ให้นางไปอาละวาดเส้าฝู่เจี้ยน”
ฉู่อวี๋หยงมองน้องสาว “จินเหยา เหตุใดเจ้าจึงแตกต่างจากน้องหญิงของผู้อื่น”
น้องสาวของผู้อื่นล้วนระแวงหญิงอื่นจับจ้องพี่ชายของตนเอง เหตุใดน้องสาวอย่างจินเหยาจึงระแวงพี่ชายของตนเองเช่นนี้
“อีกทั้ง เจ้าไม่เป็นเช่นนี้ต่อพี่สาม” ฉู่อวี๋หยงมององค์หญิงจินเหยาอย่างตัดพ้อ “เจ้ามักหาวิธีให้พี่สามพบหน้ากับคุณหนูตันจู เพราะข้าจากไปนาน หลายปีนี้ไม่ได้ดีต่อเจ้ามากนัก เจ้าจึงไม่สนิทกับข้าแล้วหรือ”
ถึงแม้จะไม่ใช่เด็กหญิงที่ถูกหลอกเป็นประจำในตอนเด็กแล้ว แต่เมื่อเห็นสายตาตัดพ้อของชายหนุ่ม ดวงตาคู่นั้นราวกับหินหยกสีขาว องค์หญิงจินเหยาก็รู้สึกว่าตนเองอาจจะลำเอียงไปจริงๆ
“ไม่ใช่ ไม่ใช่” นางอดที่จะอธิบายไม่ได้ “ข้าจะไม่สนิทกับพี่หกท่านได้อย่างไร อีกอย่าง หลายปีนี้ชื่อของพี่หกอาจจากไป แต่ตัวท่านไม่เคยจากไป”
ฉู่อวี๋หยงพูด “แต่เจ้าไม่ช่วยข้า ข้าเห็นว่าเจ้าปฏิบัติต่อพี่สามอย่างไร เจ้าพาเขาไปพบตันจูในงานเลี้ยง เจ้าเชิญตันจูมาเล่นในพระราชวัง ให้พี่สามได้พบกับตันจู เจ้ากล้าบอกว่าเจ้าไม่ได้กำลังช่วยพี่สาม?”
องค์หญิงจินเหยาครุ่นคิด นางกำลังช่วยพี่สามจริง…แต่ว่า ไม่ใช่ องค์หญิงจินเหยากระทืบเท้า
“พี่หก ท่านพูดเหลวไหลอีกแล้ว” นางพูดอย่างขุ่นเคือง “ข้าช่วยพี่สามไม่ใช่ไม่สนิทกับท่าน หากแต่เพราะตันจูชอบพี่สาม”
ฉู่อวี๋หยงตอบรับ ไม่ได้ตัดพ้อมากยิ่งขึ้นเพราะประโยคนี้ หากแต่พยักหน้าให้จินเหยา “ใช่ เหตุผลนี้ถูกต้อง เหตุใดข้าชอบตันจูเจ้าจึงไม่ช่วยข้า”
อ่อ เหตุผลนี้คือเหตุผลไหน องค์หญิงจินเหยากะพริบตา
“แต่ก่อนท่านแม่ทัพรู้จักนาง นางก็รู้จักท่านแม่ทัพ” ฉู่อวี๋หยงอธิบายต่อนางอย่างจริงจัง “เวลานี้ ข้าไม่ใช่ท่านแม่ทัพแล้ว คุณหนูตันจูก็ไม่รู้จักข้า ถึงแม้ก่อนหน้านี้ข้าแสร้งทำเป็นบังเอิญพบกับนาง นางส่งข้าที่บังเอิญพบเข้าพระราชวัง ทวงความยุติธรรมแทนข้า แต่สำหรับนางแล้วก็เป็นแค่ความช่วยเหลือ หากเป็นคนอื่นนางก็จะทำเช่นนี้ ดังนั้นนางไม่คิดจะคบหากับข้า จินเหยา เวลานี้ข้าไม่อาจออกจากจวนได้ ทำได้เพียงให้เจ้าช่วยเหลือ…เจ้ายังไม่ยอมช่วยข้า”
องค์หญิงจินเหยากำพู่ที่อยู่บนเสื้ออยู่พลางครุ่นคิด นางฟังเข้าใจแล้ว พี่หกชอบคุณหนูตันจูอย่างมาก อยากมีสัมพันธ์กับนางให้มากขึ้น แต่…
นางมองฉู่อวี๋หยง พูด “ตันจูชอบพี่สาม”
ฉู่อวี๋หยงไม่สนใจแม้แต่น้อย พูด “เพราะนางยังไม่รู้จักข้า หากนางรู้จักข้า บางทีอาจจะชอบข้า ก่อนหน้านี้คุณหนูตันจูชอบท่านแม่ทัพอย่างมาก ถึงแม้ข้าไม่ใช่ท่านแม่ทัพอีกต่อไป แต่เจ้าก็รู้ ข้ากับท่านแม่ทัพคือคนเดียวกัน”
ถึงแม้คำพูดนี้ฟังดูประหลาดนัก หญิงสาวชอบคนคนหนึ่ง จากนั้นพบอีกคนก็ชอบอีกคนขึ้นมา ถึงแม้จะไม่มีประสบการณ์เช่นนั้น แต่องค์หญิงจินเหยารู้สึกว่ามันคือการได้ใหม่ลืมเก่า
ไม่ดีหรือไม่
อีกอย่าง องค์หญิงจินเหยาถลึงตา “ตันจูชอบท่านแม่ทัพ ไม่ใช่ความชอบแบบนั้น นางแค่…”
“ละโมบในอำนาจของท่านแม่ทัพ แสร้งทำเป็นชอบหรือ” ฉู่อวี๋หยงพูดแทนนาง
ถึงแม้ทุกคนต่างรู้คำวิจารณ์นี้ แต่องค์หญิงจินเหยายังคงไม่สามารถพูดถึงสหายของนางเองเช่นนี้ “ไม่ใช่! นาง นาง…”
“ถึงแม้นางจะละโมบในอำนาจ แต่ก่อนอื่นนางก็ยอมรับในนิสัยของคนผู้นั้น อีกทั้งมอบหัวใจที่ใสสะอาดให้ผู้อื่นเห็น” ฉู่อวี๋หยงพูดแทนนางอีกครั้ง “ดังนั้นนางบอกเจ้าอย่างกระจ่าง อีกทั้งบอกกับข้า บอกกับองค์ชายสามว่ามันคือการเกาะเกี่ยว ต้องการให้พวกเราช่วยชีวิตของนางในยามวิกฤติ”
องค์หญิงจินเหยาอดที่จะพยักหน้าไม่ได้ ใช่ ตันจูเป็นหญิงสาวที่ดีเช่นนี้
“คนที่นางไม่ชอบ นางจะเข้าหาหรือ” ฉู่อวี๋หยงพูดต่อ “อาทิโจวเสวียน เจ้าดูท่าทีของตันจูต่อเขา”
องค์หญิงจินเหยาพยักหน้าระรัว ถูกต้องถูกต้อง
“ดังนั้น ถึงแม้ชื่อไม่เหมือนกัน รูปร่างไม่เหมือนกัน ฐานะไม่เหมือนกัน แต่ข้าก็เป็นข้า แม่ทัพหน้ากากเหล็กกับองค์ชายหกย่อมมีจุดที่เชื่อมโยงกัน หลังจากที่คุณหนูตันจูรู้จักกับข้า ย่อมต้องชอบข้า” ฉู่อวี๋หยงพูดด้วยรอยยิ้ม “เจ้าไม่อาจไม่ให้นางมาพบข้า เพียงเพราะรู้สึกว่านางไม่ชอบข้า”
องค์หญิงจินเหยาพยักหน้า สมเหตุสมผล
ฉู่อวี๋หยงคำนับนาง “พี่หกขอบใจเจ้าล่วงหน้า บรรดาพี่น้องมากมาย มีเพียงเจ้าที่รีบมาหาข้าทันทีหลังจากฟังอาหนิว”
องค์หญิงจินเหยาตำหนิ “พี่หก เหตุใดท่านจึงพูดเรื่องนี้” พูดพลางสะบัดแขนเสื้อ “ข้าไปแล้ว”
มององค์หญิงจินเหยาจากไปอย่างร่าเริง หวังเจียนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ยกชาส่งเสียงจิ๊ปาก “เด็กโง่เอ๋ย ถูกหลอกอีกแล้ว”
ฉู่อวี๋หยงเดินไปถึงข้างตัวเขา ผ่อนคลายแผ่นหลัง “จะเรียกหลอกได้อย่างไร มันเป็นความจริง”
หวังเจียนส่งเสียงหัวเราะ “ความจริงช่างวกวน องค์หญิงจินเหยาไม่ให้คุณหนูตันจูมาพบท่านหรือ ทั้งที่คุณหนูตันจูไม่อยากพบท่านเอง เพื่อพบเฉินตันจู ท่านต้องเปลืองแรงเพียงใด เหนื่อยหรือไม่”
ฉู่อวี๋หยงนอนอยู่บนเก้าอี้ เงยหน้ามองกิ่งไม้ที่แน่นหนา ดวงอาทิตย์สาดส่องลงมาท่ามกลาง เขายิ้มเล็กน้อย “ทำเรื่องที่ชอบเพื่อคนที่ชอบ จะเหนื่อยได้อย่างไร หวังไต้ฟู เรื่องของเด็กท่านไม่เข้าใจ”