หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting – บทที่ 1124 เข้าข้าง!

บทที่ 1124 เข้าข้าง!

“โอกาสถึงฆาตมีมากนัก…โอกาสยิ่งใหญ่…” หวังเป่าเล่อไม่ได้ตอบกลับในทันที แต่หยัดกายขึ้น เอ่ยพึมพำเสียงเบาพลางยกมือไพล่หลังตามสัญชาตญาณ ก่อนเงยหน้าขึ้น ท่าทางสงบนิ่งเผยรอยยิ้มแบบท่าทางของผู้สูงส่ง จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเรียบ

“เรื่องในโลก เมื่อร้องขอก็ย่อมต้องมีการจ่าย ความเป็นความตายและโอกาสอยู่ด้วยกัน นี่เป็นเรื่องที่ดีมาก”

ปรมาจารย์แห่งไฟกะพริบตา กวาดตามองหวังเป่าเล่อ เขารู้สึกว่าหวังเป่าเล่อในตอนนี้มีบางอย่างแปลกตาไป อยู่ต่อหน้าอาจารย์กลับยกมือไพล่หลัง ทั้งยังทำท่าทางสูงส่งเช่นนี้อีก

เพราะอย่างนั้นปรมาจารย์แห่งไฟจึงแค่นเสียงอยู่ในใจ เขานั่งตัวตรง ปรับเปลวเพลิงด้านหลังของตนเล็กน้อยเพื่อให้ครอบคลุมไปทั่วทั้งดาราจักรไฟ ขณะเดียวกัน บุคลิกของตัวเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นในชั่วขณะนี้เองจนเหมือนกับสัตว์ร้ายบรรพกาลตัวหนึ่ง แล้วสยบท่วงท่าสูงส่งของหวังเป่าเล่อลงไปทันที

“พูดได้ดี”

เมื่อถูกสยบเช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว ทันใดนั้นที่หน้าผากก็มีเหงื่อไหลซึมเล็กน้อย เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่าช่วงนี้เขาทำท่าทางสูงส่งจนชินไปแล้ว ตอนนี้จึงรีบเก็บกลับมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มประจบ แล้วเอ่ยเสียงเบา

“อาจารย์ ความจริงแล้ว…ข้าคิดว่านี่เป็นสัญญาณที่ศิษย์พี่เฉินชิงจื่อมอบให้ข้า”

“สัญญาณหรือ” ปรมาจารย์แห่งไฟหรี่ตา ร่างกายกำลังจะเอนไปด้านหน้าเล็กน้อยตามสัญชาตญาณ แต่ไม่นานก็นึกถึงท่าทางเมื่อครู่ของหวังเป่าเล่อ ดังนั้นจึงควบคุมให้ตนนั่งตัวตรง ความสง่างามเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ทั่วร่างแผ่แสงออกมา ดูแล้วคล้ายกับเทพเจ้าผู้ทรงอานุภาพ

หวังเป่าเล่ออดขยี้ตาไม่ได้ เขารู้สึกแสบตาเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงต่ำ

“ใช่ขอรับ เป็นสัญญาณ ถึงแม้ข้าจะไม่แน่ใจมากนัก แต่ข้าคิดว่าถ้าหากศิษย์พี่เฉินชิงจื่อสังหารจักรพรรดิสวรรค์เดือนแยกจริงๆ ก็น่าจะไม่ปล่อยให้โลกภายนอกได้โอกาส กอปรกับหากจักรพรรดิสวรรค์แตกดับแล้ว ผู้คนทั่วทุกทิศย่อมได้รับโอกาสทั้งสิ้น ดังนั้นข้าเลยคิดว่า…ศิษย์พี่กำลังส่งสัญญาณลับให้ข้าไปหาหรือเปล่า”

“แม้จะไม่ใช่สัญญาณลับ แต่ถึงข้าไปก็มีอันตรายน้อยมาก มีอาจารย์อยู่ ผู้ที่กล้ามาหาเรื่องข้าย่อมมีไม่มาก อีกทั้งศิษย์พี่ก็ยังเป็นคนกันเองอีก…ดังนั้นข้าจึงคิดว่า โดยพื้นฐานแล้ว นี่คือสถานที่แห่งโชคซึ่งเตรียมไว้ให้ข้าขอรับ” หวังเป่าเล่อวิเคราะห์ทันที เขาบอกความคิดที่ตนได้ระหว่างขากลับออกมา

แน่นอนว่าเขายังมีเพลิงดำ ยังมีวัตถุเวทแห่งความมืด และตัวเขาเองยังเป็นบุตรแห่งความมืด เมื่ออยู่ในเต๋าสวรรค์ สำนักแห่งความมืด ไม่เพียงไม่อ่อนแอลง กลับกันยังเหมือนปลาได้น้ำ ต่อให้สำนักแห่งความมืดจะปรากฏตัวออกมา เขาก็น่าจะปลอดภัย

เรื่องเหล่านี้หวังเป่าเล่อไม่ได้กล่าวออกไป แต่ปรมาจารย์แห่งไฟก็เดาออก ดังนั้นเมื่อใคร่ครวญไปพักหนึ่ง ในใจลอบคิดว่ามีความเป็นไปได้มากจริงๆ ที่จะเป็นเช่นนี้

“เขาใช้วิธีการนี้มาบอกศิษย์รักของข้าให้ไปรับโชคอย่างนั้นหรือ”

“เฉินชิงจื่อเจ้าคนผู้นี้ร้ายกาจเกินไป นี่มันต้องการขุดมุมกำแพงข้านี่ ข้าเพิ่งจะมอบโชคแห่งดาวเคราะห์ชะตาให้ศิษย์รักของข้า แล้วเฉินชิงจื่อมาทำเช่นนี้ ไม่ได้ๆ…ข้าจะหาวิธีไม่ให้สำนักแห่งความมืดมาแย่งศิษย์กับข้า!” ปรมาจารย์แห่งไฟไม่รู้คิดอย่างไรถึงคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ดวงตาหรี่ลง กวาดมองหวังเป่าเล่อแล้วเอ่ยเสียงเรียบ

“เป่าเล่อ เรื่องนี้เป็นเพียงการคาดเดาของเจ้า ถ้าหากเป็นเรื่องจริงก็แล้วไป แต่ถ้าหากไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด ก็อันตรายมาก”

“อาจารย์สงสัยว่าตระกูลไม่รู้สิ้นน่าจะทำพิธีกรรมสังเวยยังสถานที่ต่อสู้ของเฉินชิงจื่อกับจักรพรรดิสวรรค์เดือนแยก หรือแอบช่วยเหลือเดือนแยกอย่างลับๆ ไม่ก็ทำการผนึก หรือไม่ก็ทำวิธีอื่นๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร จะต้องมีแผนแน่นอน”

“ส่วนที่ว่าท่าทางเหมือนไม่เต็มใจ แต่กลับไม่อาจขัดขวางให้มหาศิษย์ของทุกสำนักทุกตระกูลเดินทางไปที่นั่น ข้าสงสัยว่าน่าจะเป็นหนึ่งในแผนการ ถ้าหากคนเหล่านี้ตายอยู่ในเงื้อมมือศิษย์พี่ของเจ้า เช่นนั้นศิษย์พี่ของเจ้า…ก็จะเป็นศัตรูของหมื่นสำนัก!”

“ตอนนี้เจ้าไปที่นั่นจึงไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง!” ปรมาจารย์แห่งไฟค่อยๆ เอ่ย พูดมาแล้วก็มีเหตุผลจริงๆ แต่หลังจากหวังเป่าเล่อใคร่ครวญดูแล้วก็ยังแน่วแน่ในความคิดตน กำลังจะเอ่ยออกไป ปรมาจารย์แห่งไฟก็มองเห็นความคิดของหวังเป่าเล่ออย่างชัดเจน ดังนั้นจึงกระแอมไอแล้วเอ่ยต่อ

“แน่นอนว่าอาจารย์ก็รู้ว่าผู้ฝึกตนเช่นเรา ยิ่งพลังฝึกปรือสูงก็ยิ่งเลื่อนขั้นได้ช้า แต่เป่าเล่อ หากอยากจะเลื่อนขั้นเร็วๆ ไม่ใช่แค่ไปยังสถานที่ที่จักรพรรดิสวรรค์แตกดับเท่านั้น มันยังมีวิธีจัดการแบบอื่นอยู่อีก อย่างเช่นการยกระดับอารยธรรมระดับชั้นของสหพันธรัฐที่เจ้าอยู่ก็สามารถมอบกำไรคืนให้เจ้าได้ ทำให้พลังฝึกปรือของเจ้าเพิ่มพูนขึ้น”

“เช่นการที่ดาวพระเคราะห์ชั้นต้นของเจ้าเลื่อนขั้นเป็นชั้นกลาง นั่นไม่ใช่เพราะยกระดับชั้นสหพันธรัฐของระบบสุริยะจนได้กำไรกลับคืนมาหรอกหรือ” ปรมาจารย์แห่งไฟกล่าวพลางแย้มยิ้ม เมื่อเห็นหวังเป่าเล่อครุ่นคิด เขาก็กะพริบตาแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

“ดาราจักรไฟมีอาจารย์คอยขัดเกลาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจถ่ายโอนไปให้ระบบสุริยะได้ แต่จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ด้วยพลังฝึกปรือของเจ้า ย่อมมีวิธีการมากมายมาทำให้ระบบสุริยะมีดารานิรันดร์เยอะกว่าเดิม ทำให้อารยธรรมระดับขั้นที่บ้านเกิดของเจ้ายกระดับขึ้น” ไอรีนโนเวล

ความคิดของหวังเป่าเล่อเปลี่ยนไป นี่เป็นวิธีการหนึ่งจริงๆ ดังนั้นเขาจึงรีบเอ่ยถาม

“อาจารย์ การเลื่อนขั้นทางอารยธรรมของระบบสุริยะบ้านเกิดข้าไม่มีจำกัดใช่หรือไม่ หรือว่ายังมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่ขอรับ”

“จะบอกว่าไร้ข้อจำกัดก็ได้ และจะบอกว่ามีข้อจำกัดก็ได้เช่นกัน การผสานกับดารานิรันดร์ที่มาจากภายนอกจำเป็นต้องใช้เวลา….ผสานเสร็จแล้วขยายเป็นดาราจักรใหญ่ก็จำเป็นต้องใช้เวลา จนกระทั่งสุดท้ายกลายเป็นจักรพิภพ พลังฝึกปรือของเจ้าก็จะทะลวงเพราะเหตุนี้” ปรมาจารย์แห่งไฟลังเลครู่หนึ่ง แล้วค่อยเอ่ยช้าๆ

“อาจารย์ มีวิธีเร่งความเร็วหรือไม่ขอรับ” หวังเป่าเล่อขมวดคิ้ว มองดูปรมาจารย์แห่งไฟ

ปรมาจารย์แห่งไฟเงียบงัน ผ่านไปครู่หนึ่งจึงถอนหายใจ

“ไปหาศิษย์พี่เฉินชิงจื่อของเจ้าเถอะ วิธีที่จะให้ดาราจักรแห่งหนึ่งรีบผสานกับดารานิรันดร์แล้วกลายเป็นจักรพิภพเร็วๆ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี แต่นี่จำเป็นต้องมีการสนับสนุนของเต๋าสวรรค์ แต่เต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นย่อมไม่ยอมสนับสนุนเจ้าแน่ ตอนนี้ดูแล้ว ทางเดียวก็มีเพียงเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดเท่านั้น” ปรมาจารย์แห่งไฟรู้สึกอับจนเล็กน้อย รู้สึกเหมือนว่าถูกเอาไปเปรียบเทียบกับเฉินชิงจื่อ

ความรู้สึกนี้ทำให้เขาอึดอัดใจมาก ดังนั้นหลังจากกะพริบตาแล้วก็ยกมือขวาคว้าจับอากาศ ทันใดนั้นก็มีกลุ่มแสงปรากฏขึ้นมาจากอากาศแล้วตรงไปหาหวังเป่าเล่อ

ภายในกลุ่มแสงนี้คือใบไม้ใบหนึ่ง!

ใบไม้ใบนี้เป็นสีเขียวและมีแถบสีดำอยู่ ดูแล้วไม่ได้แปลกพิสดารเป็นพิเศษ แต่เมื่อมันลอยมาอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ เขาเพียงมองแวบเดียวจิตใจก็สั่นสะท้านรุนแรงแล้ว วิญญาณเทพส่งความรู้สึกอันตรายที่ร้ายแรงจนถึงที่สุดมาให้ ราวกับว่าถ้าหากใบไม้ใบนี้ระเบิดออกมา มันจะทำลายวิญญาณเทพจนสิ้นซาก

ความรู้สึกนี้ทำให้สีหน้าของหวังเป่าเล่อเปลี่ยนไป เขามองดูอย่างละเอียด มองเห็นได้รางๆ ว่าบนใบไม้ใบนั้นมีปราณมืดนับไม่ถ้วนสถิตอยู่ มองเห็นเสียงร้องคำรามบ้าคลั่งนับไม่ถ้วน ทั้งหมดนี้ทำให้เขานึกได้ทันทีว่าใบไม้ใบนี้คืออะไร

มันคือ…คำสาป!

มันมีต้นกำเนิดเดียวกับเขา แต่ระดับขั้นของมันสูงยิ่งกว่าคำสาปวิญญาณเพลิงมากมายนัก เห็นได้ชัดว่านี่คือส่วนหนึ่งของพลังฝึกตนของปรมาจารย์แห่งไฟ หรือกล่าวอีกอย่างก็คือ สิ่งนี้คือส่วนหนึ่งของคำสาปที่กักเก็บเอาไว้หลายพันปีและสามารถทำให้จักรพรรดิสวรรค์ตกตายไปพร้อมกันได้

“อาจารย์…” หวังเป่าเล่อหายใจเร็วรี่ มองไปยังปรมาจารย์แห่งไฟ

“ในเมื่อเจ้าจะไปยังที่ที่มีทั้งถูกและผิด นอกจากอาจารย์จะคุ้มกันเจ้าไปยังที่นั่นแล้วรอเจ้าอยู่ข้างนอก ก็มีแต่มอบของป้องกันตัวให้เจ้าอีกอย่างเท่านั้น”

“ในใบไม้นี้แฝงคำสาปของตัวข้าเอาไว้ สามารถสาปแช่งสังหารผู้เยี่ยมยุทธ์ในจักรพิภพทุกระดับได้ เดิมทีสามารถมอบให้เจ้าสักหลายร้อยหลายพันใบได้ แต่กลัวว่าความเย่อหยิ่งในใจเจ้าจะก่อให้เกิดหายนะใหญ่ ดังนั้นจึงมอบให้แค่ใบเดียว จำเอาไว้…เรียนรู้จากอาจารย์ของเจ้า ไม่ใช้ของสิ่งนี้มีประโยชน์กว่าใช้ออกมา!” ปรมาจารย์แห่งไฟเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าเป็นปกติ ราวกับทั้งหมดนี้เป็นอย่างที่เขาเอ่ยมาจริงๆ ว่าสามารถหยิบออกมาหลายพันหลายร้อยใบได้ตามใจชอบ…

จิตใจหวังเป่าเล่อสั่นสะท้าน คิดเพียงแต่อาจารย์ของตนผู้นี้มีพลังฝึกปรือสะเทือนฟ้าสะเทือนดินจริงๆ เขายกมือรับมาแล้วคำนับอย่างล้ำลึกให้กับปรมาจารย์แห่งไฟ

“ขอบคุณท่านอาจารย์ขอรับ!”

“ไปพักผ่อนเถอะ สามวันหลังจากนี้อาจารย์จะพาเจ้าออกเดินทาง!” ปรมาจารย์แห่งไฟโบกมือ พลังอ่อนโยนสายหนึ่งแผ่ออกมาพาตัวหวังเป่าเล่อออกจากตำหนักใหญ่ เมื่อหวังเป่าเล่อจากไป ปรมาจารย์แห่งไฟก็รีบหอบหายใจสองสามที แล้วมองเข้าไปในวิญญาณเทพของตนอย่างเจ็บปวดเล็กน้อย ข้างในวิญญาณเทพ ต้นไม้สีดำที่เดิมมีใบไม้อยู่สิบใบ ตอนนี้เหลือเพียงเก้าใบแล้ว

“หนึ่งใบคือคำสาปพันปี ข้าเป็นอาจารย์ ต้องเสียเลือดเนื้อให้กับศิษย์จริงๆ” ขณะที่เอ่ยพึมพำ ปรมาจารย์แห่งไฟก็ถอนหายใจ แต่ไม่นานก็รู้สึกสงสัย

“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง” จู่ๆ เขาก็คิดว่าทั้งหมดนี้ราวกับประจวบเหมาะไปสักหน่อย ศิษย์ของตนเพิ่งจะเลื่อนขั้น เฉินชิงจื่อก็จะสังหารเดือนแยกแล้ว ขณะเดียวกันการสนับสนุนจากเต๋าสวรรค์ก็เป็นวิธีเดียวที่สามารถเร่งให้ดาราจักรเลื่อนขั้นได้

“ไม่หรอก ต่อให้เฉินชิงจื่อสังหารจักรพรรดิสวรรค์ได้ แต่ก็ไม่มีทางคาดการณ์ได้ไกลขนาดนี้…อีกอย่างเขายังต่อสู้กับเดือนแยกอยู่เลย” ปรมาจารย์แห่งไฟเกาหัว รู้สึกอยู่ตลอดว่าเรื่องนี้คล้ายมีปัญหาบางอย่าง

“เจ้าคนนี้คงไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับศิษย์ของข้าใช่ไหม” ผ่านไปครู่หนึ่ง ปรมาจารย์แห่งไฟก็เงยหน้าขึ้นกะทันหัน พริบตาเดียวในดวงตาก็มีประกายแสงเจิดจ้า ทั่วทั้งดาราจักรไฟสั่นสะเทือนรุนแรงในพริบตา

“หวังว่าข้าจะคิดมากไปเอง…ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ข้าจะไม่สนใจสำนักแห่งความมืดของเจ้าแล้ว กล้ามาแตะต้องศิษย์ของข้า เฉินชิงจื่อแล้วอย่างไร ข้าจะหยิบเอาคำสาปที่อัดอั้นเอาไว้หลายพันหมื่นปีออกมาแล้วสาปแช่งเจ้า!”

……………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting

Status: Ongoing

เรื่อง : หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา (三寸人间)ผู้เขียน : เอ่อร์เกิน (耳根) ผู้แปล : Thunderbird Translators ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศ ปักเข้าใจกลาง ดวงอาทิตย์ ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนจำนวนมาก กระจัดกระจายไปทั่ว ทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก และก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัด พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ปราณวิญญาณ ‘หวังเป่าเล่อ’ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาใน สำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความหน้าหนาหน้าทน ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตาย หากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท