องค์ชายห้าไม่สถาปนาท่านอ๋องสมเหตุสมผล แต่องค์ชายหกก็ไม่สถาปนา?
เฉินตันจูครุ่นคิด เหล่าองค์ชายถูกสถาปนาเป็นท่านอ๋องย่อมมีจวนของตนเอง มีรายรับ…
เนื่องจากมีบทเรียนจากความโกลาหลของเหล่าท่านอ๋องก่อนหน้านี้ อีกทั้งมีการผลักดันพระราชโองการเรียกคืนพื้นที่ศักดินา เวลานี้การสถาปนาท่านอ๋องไม่ให้เหล่าองค์ชายไปอยู่ประจำที่พื้นที่ศักดินาแล้ว ไม่มีทั้งขุนนางและกองกำลังจากราชสำนัก ไม่สามารถหาเงิน แต่ว่ารายรับจากพื้นที่ศักดินาเป็นของเหล่าท่านอ๋อง
รายรับจากพื้นที่ศักดินาย่อมมากกว่าการเป็นองค์ชาย ถึงแม้จะไม่มีข้าราชบริพารเหมือนเหล่าท่านอ๋องแต่ก่อน แต่จวนท่านอ๋องก็มีขุนนางประจำจวน มีทหารอารักขา
อีกทั้งมีรายรับ สามารถเลี้ยงคนได้มากขึ้น เลี้ยงคนมากขึ้นยังสามารถหาเงินได้มากขึ้น
ดังนั้นองค์ชายที่ถูกสถาปนากับองค์ชายที่ไม่ถูกสถาปนาจึงเริ่มมีระยะห่างมากขึ้น
องค์ชายห้าก็แล้วไป การมีชีวิตอยู่คือผลประโยชน์สูงสุดจากฐานะองค์ชายของเขา แต่องค์ชายหกน่าสงสารเล็กน้อย
เหตุใดร่างกายอ่อนแอจึงสถาปนาไม่ได้ ไม่แน่ว่าการสถาปนาอาจเป็นการเสริมความมงคล ร่างกายอ่อนแอขององค์ชายหกอาจแข็งแรงขึ้น
เฉินตันจูเบ้ปาก ประหลาด ฮ่องเต้ราวกับเจตนาปฏิบัติต่อองค์ชายหกแตกต่างจากเหล่าองค์ชายอื่น เมื่ออดีตชาติ นางคิดว่าองค์ชายหกได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อย่างมาก มิฉะนั้นจะนำมาซึ่งการลอบสังหารขององค์รัชทายาทได้อย่างไร แต่ดูจากชาตินี้…ความโปรดปรานของฮ่องเต้ไม่ต้องพูดถึง ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่ไม่เลว แต่เขาไม่ใช่บิดาที่ดี
ตอนนั้น นางให้แม่ทัพหน้ากากเหล็กวานองค์ชายหกให้ดูแลคนในตระกูล องค์ชายที่ถูกละเลยผู้นี้ทำเรื่องนี้ย่อมไม่ได้ เขาทำได้เพียงพยายามดูแลด้วยตนเอง…
“คุณหนู คุณหนู” อาเถียนถามอยู่ข้างหู “ท่านกำลังคิดเรื่องใดอยู่”
เฉินตันจูส่งเสียงอย่างเอื่อยเฉื่อย “ไม่มีอันใด” ฟังเสียงฆ้องที่ยังดังอย่างต่อเนื่องจากด้านนอก “พวกเจ้าอย่าได้เข้าไป เรื่องใหญ่เพียงนี้ หากก่อความวุ่นวายอาจมีปัญหา”
อาเถียนกับเหล่าสาวใช้ต่างตอบรับ ก่อนจะทำงานของตนเองต่อไป เฉินตันจูรับท่อนไม้ขนาดเล็กในมือของสาวรับใช้มา แหย่นกใต้ทางเดินเล่น
“แต่ว่า” อาเถียนถามอยู่ด้านข้าง “พวกเราต้องส่งของขวัญร่วมยินดีหรือไม่เจ้าคะ การสถาปนาท่านอ๋องเป็นเรื่องมงคล ผู้ที่ไม่ถูกสถาปนาท่านอ๋องก็มีจวนของตนเอง ถือเป็นเรื่องมงคลเช่นเดียวกัน”
เหล่าตระกูลขุนนางต่างต้องส่งของขวัญร่วมยินดี
เฉินตันจูส่งเสียงไม่พอใจ “ไม่ส่ง ตอนที่ข้าสถาปนาเป็นองค์หญิง พวกเขาก็ไม่ได้ส่งของขวัญยินดีกับข้า ให้มาย่อมให้กลับ พวกเขาไม่มีมารยาทก่อน”
พูดเรื่องมารยาทกับองค์ชาย ไม่ใช่ กับเหล่าท่านอ๋อง คงจะ…แต่ว่าไม่สำคัญ คุณหนูพอใจก็พอ อาเถียนตอบรับ
วันที่สองที่เสียงฆ้องดังสนั่น ความคึกคักยังไม่สงบลง บนถนนมีรถม้าวิ่งวุ่น
“ฝ่าบาททรงจัดงานเลี้ยงใหญ่สามรอบ” อาเถียนพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น “งานเลี้ยงที่ใหญ่มากๆ เล่าว่าจะวางให้เต็มด้านหน้าตำหนักพระราชวัง ร้องรำทำเพลงทั้งวันทั้งคืน”
เฉินตันจูพูด “เหมือนที่ท่านอ๋องอู๋จัดเป็นประจำหรือ”
อาเถียนแทบจะยื่นมือปิดปากนาง “คุณหนูของข้า! พูดไม่ได้นะเจ้าคะ!”
เฉินตันจูหัวเราะ “รู้แล้ว ไม่พูดแล้ว ไม่เกี่ยวกับพวกเรา”
อาเถียนส่ายหน้า “ได้อย่างไร เวลานี้คุณหนูเป็นองค์หญิง งานเลี้ยงใหญ่นี้ย่อมต้องเข้าร่วม”
นางรีบจัดเตรียมชุดและเครื่องประดับ ในขณะที่กำลังครุ่นคิดจะไปหาของดีในเส้าฝู่เจี้ยน ยังไม่ทันได้คิดเสร็จ ขันทีอาจี๋ก็วิ่งมากำชับให้เฉินตันจูอย่าเข้าร่วมงานเลี้ยง
อาเถียนโกรธจนหน้าแดงก่ำ “องค์หญิงของพวกเราเป็นองค์หญิง!”
ฐานะสูงส่ง แต่กลับถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าร่วมงานเลี้ยง ครานี้เป็นงานเลี้ยงของราชวงศ์ ถูกฮ่องเต้ปฏิเสธ เสียหน้ายิ่งกว่าถูกตระกูลขุนนางปฏิเสธในงานเลี้ยงตระกูลกู้เสียอีก…
ต่อจากนี้จะให้คุณหนูของพวกนางยืนอยู่ในแผ่นดินได้อย่างไร
อาจี๋ไม่ได้เฉยเมยเหมือนแต่ก่อน สีหน้าของเขากังวลเล็กน้อย เขาพูด “หรือไม่คุณหนูตันจูท่านเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท อาจมีเรื่องเข้าใจผิด…”
เฉินตันจูส่งเสียงหยอกล้ออาจี๋ “อาจี๋ใจกล้าแล้ว กล้าชักนำให้ข้าไปหาฮ่องเต้ เมื่อถึงเวลาฮ่องเต้ลงโทษข้า เจ้าย่อมเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด”
อาจี๋โกรธจนกระทืบเท้า
“เอาเถิด เอาเถิด อย่ากังวล” เฉินตันจูยิ้มปลอบเขา “ไม่ใช่ฮ่องเต้ต้องการหักหน้าข้า หากแต่ครานี้งานเลี้ยงมีความพิเศษ พวกเจ้าลืมแล้วหรือ นอกจากเฉลิมฉลองสถาปนาท่านอ๋อง ยังมีอีกหนึ่งจุดประสงค์”
ครานี้ฮ่องเต้ทรงจัดงานเลี้ยงใหญ่ คัดเลือกตระกูลที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยง ส่งบัตรเชิญให้แต่ละตระกูล ส่วนแต่ละตระกูลจะส่งผู้ใดไปนั้น ล้วนแล้วแต่แต่ละตระกูลเขียนลงไป ซึ่งหมายความว่า ตระกูลหนึ่งไปกี่คนก็ได้…
งานเลี้ยงใหญ่นี้ นอกจากเฉลิมฉลองสถาปนาอ๋องของเหล่าองค์ชายแล้ว ยังต้องการคัดเลือกพระชายาให้เหล่าท่านอ๋องใหม่ด้วย
“สถานการณ์แบบนี้ ฝ่าบาทกลัวข้าจะสร้างความวุ่นวาย” เฉินตันจูพูดอย่างมีนัย
ใช่ คุณหนูตันจูช่าง อืม อาทิองค์ชายสาม โจวเสวียน ไม่เหมาะไม่ควรเล็กน้อย
อาจี๋เข้าใจแล้ว โล่งอก “คุณหนูตันจูไม่ไปก็ดี อยู่อย่างสงบในจวนดีที่สุด”
เฉินตันจูพยักหน้า “ใช่ ข้าไม่ไป กินก็ไม่ดี ข้าให้เส้าฝู่เจี้ยนจัดงานเลี้ยงในจวนข้าเหมือนกันก็พอ ข้ากับอาเถียนกินอย่างสบายใจ”
…
อาจี๋กลับถึงพระราชวัง ฮ่องเต้กำลังทรงงานในห้องทรงพระอักษร เขาชะเง้อมองจากด้านนอก ตัดสินใจว่าจะมาใหม่ เพื่อไม่ให้เรื่องเล็กเหล่านี้รบกวนฝ่าบาท แต่ฮ่องเต้มองเห็นเขา รีบเรียก “อาจี๋เข้ามา”
เหล่าขันทีด้านนอกต่างมองอาจี๋ด้วยความอิจฉาอย่างยากที่จะปิดบัง ขันทีตัวน้อยผู้นี้ได้รับความโปรดปรานยิ่งนัก ก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งถูกตักเตือนไม่ให้รบกวนฮ่องเต้ แต่เมื่ออาจี๋มาก็ถูกฮ่องเต้เรียกเข้าไป ขันทีสองคนแย่งกันเปิดม่านให้อาจี๋ “อาจี๋กงกงเชิญ”
อาจี๋เดินเข้าไป ฮ่องเต้ถามขึ้นทันที “คุณหนูตันจูว่าอย่างไร”
อาจี๋พูด “คุณหนูตันจูไม่อยากมาพ่ะย่ะค่ะ บอกว่ากินไม่ดี กำลังครุ่นคิดให้เส้าฝู่เจี้ยนจัดงานเลี้ยงให้นาง”
ครานี้เขาพูดคำพูดยโสโอหังของเฉินตันจูออกมาอย่างไม่เกรงกลัว
ฮ่องเต้ไม่โกรธ เขาโล่งใจ เขากลัวคนไร้ระเบียบอย่างคุณหนูตันจูวิ่งมาอาละวาดกับเขา ถือว่านางรู้ตัว ฮ่องเต้โบกมือให้อาจี๋
อาจี๋เพิ่งถอยออกไป ขันทีจิ้นจงก็เดินยิ้มเข้ามา เช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“ฝ่าบาท กระหม่อมเข้าเฝ้าองค์ชายหกแล้ว” เขาพูด “องค์ชายหกตรัสว่าฝ่าบาทคำนึงรอบคอบ หากเขาอาการกำเริบในงานเลี้ยง คงไม่ดีต่อเหล่าท่านอ๋องนัก”
ฮ่องเต้ปรบมือ เอาล่ะ หายนะทั้งสองล้วนขังไว้ในจวนแล้ว คราวนี้สงบสุขแล้ว
เขายกชาขึ้นดื่ม ก่อนจะพูดกับขันทีจิ้นจง “เจ้าเดินเร็วเกินไปหรือ เหงื่อตกแล้ว รีบดื่มชา…เขายังพูดสิ่งใดอีก”
ขันทีจิ้นจงกล่าวขอบพระทัย หากแต่ไม่ได้ยกชาขึ้นดื่ม เขาลังเลเล็กน้อย
“ไม่ได้ตรัสถึงเรื่องอื่น เพียงแค่ตรัสถามว่าคุณหนูตันจูไปหรือไม่ กระหม่อมบอกว่าฝ่าบาทไม่ให้นางไป องค์ชายหกดีใจอย่างมาก ถามกระหม่อมว่าฝ่าบาทจะจับคู่ให้เขากับคุณหนูตันจูใช่หรือไม่ มิฉะนั้นเหตุใดจึงไม่ให้คุณหนูตันจูไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเพียงคนเดียว เช่นนี้นางย่อมไม่ถูกเหล่าพี่ๆ เลือก…”
ฮ่องเต้พ่นน้ำชาออกมา
เจ้าเด็กคนนี้! คุณหนูตันจูเหลือให้เขาอันใดกัน ผู้ใดทำเพื่อเขากัน!
“ฝ่าบาท!” ขันทีจิ้นจงเดินเข้ามาตรงหน้า ยื่นมือก็สามารถลูบหลังเขาได้…เขาเตรียมการไว้แล้ว “อย่าร้อนใจพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมตำหนิองค์ชายหกแล้ว คุณหนูตันจูไม่เข้าร่วมไม่เกี่ยวกับเขา ให้เขาอย่าได้ครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย”
ตำหนิ? ฉู่อวี๋หยงจะฟังหรือ? เขามีเพียงแต่จะไขว่คว้าโอกาสพูดจาเหลวไหล! ไม่ได้ ให้โอกาสเขาไม่ได้เด็ดขาด
ฮ่องเต้โบกมือ พลางกระแอมไอพลางตะโกนเรียกด้านนอก “อาจี๋ อาจี๋ กลับมา”
อาจี๋ที่ออกไปได้ไม่นานถูกเรียกกลับมา เขาทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย
“ไปๆ” ฮ่องเต้หยิบบัตรเชิญแปะทองโยนมา “ส่งไปให้เฉินตันจู ให้นางมาเข้าร่วมงานเลี้ยงให้ได้ หากกล้าไม่มา ข้าจะตัดหัวนาง!”