บทที่ 392 โลกใบนี้ไม่สมบูรณ์ขนาดนี้เชียวหรือ? อ่อนแอ่เกินไปแล้ว!
ท่ามกลางมหาสุมทรสีดำอันไร้ที่สิ้นสุด
แปลกประหลาด น่าประหวั่น กลิ่นอายแห่งความตายลอยคละคลุ้ง
ด้านในส่วนลึกของมหาสมุทรสีดำ บนเกาะลอยน้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเกิดความบิดเบี้ยวขึ้นกลางอากาศ จากนั้นก็ปรากฏหลุมดำขนาดใหญ่คล้ายเชื่อมต่อกับบางแห่งกลายเป็นเส้นทางอันเต็มไปด้วยกลิ่นอายน่าหวาดหวั่นแผ่กระจาย
ด้านล่างหลุมดำ จ้าวสมุทรและเหล่าสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งของทะเลต้องห้ามกำลังยืนอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขึม ราวกับกำลังเฝ้ารอการมาเยือนของสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือกว่า
เพียงไม่นานหลังจากนั้นก็มีสิ่งมีชีวิตออกมาจากหลุมดำจริง ๆ
สิ่งมีชีวิตตนนี้ไม่ธรรมดา ทั้งยังน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก
มันเหมือนกับสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในทะเลต้องห้าม ไม่เหมือนกับเผ่าใด ๆ แต่คล้ายหลากหลายเผ่าพันธุ์ถูกเย็บติดประกอบขึ้นมา ส่วนหัวนั้นเป็นกิเลน ลำตัวเป็นมังกร ทั้งยังมีปีกของวิหค
หลังจากที่มันออกมา โลกทั้งใบก็สั่นคลอน กลิ่นอายน่าสยดสยองแผ่กระจายออกไป ทำให้สิ่งมีชีวิตทั่วมหาสมุทรสีดำสั่นสะท้าน จิตวิญญาณแทบแหลกสลาย!
เปรี้ยง!
อสนีบาตผ่าลงมาจากฟากฟ้า มันคือทัณฑ์สวรรค์ที่เปี่ยมด้วยพลังกฎแห่งสวรรค์และโลกชวนให้ประหวั่นพรั่นพรึงเป็นอย่างยิ่ง สายฟ้าก็ไม่ได้ฟาดลงมาทีละสาย ทว่าเป็นทะเลอสนีบาตส่งสายฟ้าเป็นวงกว้างฟาดลงมาในคราเดียว ชวนสยดสยองประหนึ่งฉากวันโลกาวินาศ
สิ่งมีชีวิตที่ออกมาจากหลุมดำส่งเสียงคำรามอย่างไร้ความเกรงกลัว ปล่อยให้มวลสายฟ้ามหาศาลโจมตีใส่ร่างของมัน
มันทรงพลังน่าหวาดหวั่นเกินไป แม้นถูกสายฟ้าวงกว้างกระหน่ำโจมตีใส่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ ทั้งสิ้น กระทั่งเคราสักเส้นบนหัวกิเลนก็ยังไม่หลุดออกเสียด้วยซ้ำ
อสนีบาตยังคงถาโถม ทว่ามันกลับไม่เป็นอะไร เสมือนกับอาบน้ำโดยมีสายฟ้าอันน่าหวาดเกรงเป็นเพียงน้ำหยดเล็ก ๆ ไร้กำลัง
ในท้ายที่สุด สายฟ้าก็ล่าถอย ฟ้าดินกลับคืนสู่ความสงบนิ่ง
“คาดไม่ถึงเลยว่าฟ้าดินจะอ่อนแอลงถึงเพียงนี้ มีพลังไม่ถึงหนึ่งในพันส่วนของอดีตเสียด้วยซ้ำ”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นพึมพำกับตนเอง “หากเป็นในอดีต ข้าจะกล้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? สายฟ้าเพียงหนึ่งเส้นก็เพียงพอที่จะทำลายข้าให้สูญสิ้นได้!”
มันเป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากภายนอกโลก จึงถูกโจมตีโดยเจตจำนงฟ้าดิน
ทว่าน่าเสียดายนัก… เป็นดั่งคำที่มันพูด
โลกใบนี้ไม่ได้น่าหวาดกลัวอย่างที่เคยเป็นมาในอดีตอีกต่อไป ไม่สมบูรณ์จนกระทั่งไม่อาจทำร้ายมันได้อีกเลย
“ท่านปรมาจารย์ช่างเก่งกาจ!”
“ท่านปรมาจารย์มาถึงแล้ว ผู้ที่มาสร้างเรื่องในทะเลต้องห้ามจะต้องชดใช้อย่างสาสมแน่นอน!”
สิ่งมีชีวิตในทะเลต้องห้ามต่างส่งเสียงร้อง แต่ละตนดูตื่นเต้นฮึกเหิมมาก
โฮก!
สิ่งมีชีวิตตนนั้นร่อนลงมาจากกลางอากาศพร้อมเสียงคำราม
“ท่านปรมาจารย์!”
จ้าวสมุทรแห่งทะเลต้องห้ามรีบเดินไปหยุดเบื้องหน้าแล้วทำความเคารพ
“ให้พวกเจ้ารั้งอยู่ที่แห่งนี้มานาน ลำบากพวกเจ้าแล้ว”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นพยักหน้าให้กับจ้าวสมุทร ก่อนกล่าวต่อ “แต่วันคืนยาวนานกำลังจะสิ้นสุดแล้ว ทุกอย่างกำลังจะปรากฏขึ้นบนใลกใบนี้ หลังจากเรื่องราวทั้งหลายจบลง พวกเจ้าก็สามารถกลับไปได้แล้ว”
“ไม่ใช่เรื่องลำบากแต่อย่างใด ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่พวกเราสมควรกระทำ!”
จ้าวสมุทรกล่าวออกมาด้วยท่าทางภาคภูมิใจที่ตนเองสามารถรับหน้าที่นี้ได้
“ท่านปรมาจารย์ พวกเราควรจะจัดการหลิงอินผู้นั้นก่อนหรือไม่?”
จากนั้นมันก็เอ่ยถามปรมาจารย์
“ไม่ต้องรีบ”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นกล่าวออกมา “มีสัญญาณว่าสถานที่แห่งนั้นจะปรากฏออกมา เมื่อยามนั้นมาถึงจะต้องเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่สะเทือนฟ้าดินอย่างแน่นอน ที่แห่งนี้จะเป็นฐานทัพของพวกเรา ต้องจัดการให้เรียบร้อย”
มันมาจากดินแดนที่อยู่เบื้องหลังทะเลต้องห้าม จ้าวสมุทรรายงานทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ จึงทำให้มันรู้ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น
นี่เป็นสาเหตุให้เก้าแดนต้องห้ามร่วมมือกันโจมตีแดนสังสารวัฏ
สมรภูมิใหญ่ที่นั้นยังคงดำเนินต่อไปไม่จบสิ้น
แดนสังสารวัฏเชื่อมต่อกับแดนนับหมื่นลึกลับเกินจะหยั่งถึง แม้ว่าเก้าแดนต้องห้ามจะร่วมมือกันโจมตี ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการได้
สมรภูมิครั้งนี้จะต้องใช้เวลายาวนานเป็นอย่างมาก
“ทุกอย่างล้วนฟังคำสั่งของท่านปรมาจารย์”
จ้าวสมุทรกล่าวออกมาด้วยความเคารพ
สิ่งมีชีวิตตนนั้นพยักหน้าแล้วเอ่ยถาม “ส่วนลึกได้รับความเสียหายหรือไม่?”
“ไม่ได้รับความเสียหายใด” จ้าวสมุทรรีบตอบกลับ
“เช่นนั้นก็ดี!”
สิ่งมีชีวิตตนนั้นกล่าว “ตราบใดที่ส่วนลึกไม่ได้รับความเสียหาย กระทั่งส่วนที่เหลือถูกทำลายทิ้งจนหมดสิ้นก็ไม่สำคัญ”
ส่วนลึกนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ที่แห่งนั้นคือหมากตัวสำคัญสุดของพวกมันที่จัดวางเอาไว้
…
อีกด้านหนึ่ง หลิงอินและเสี่ยวหยากำลังเดินทางออกจากเมืองชิงซานเพื่อตามหาวัว
หลิงอินอาศัยอยู่ในเมืองชิงซานมาเป็นเวลานานทำให้รู้เรื่องราวเกี่ยวกับสถานการณ์ภายนอกน้อยมาก
นางจึงพาเสี่ยวหยาไปหุบเขาคงหลิง โดยคิดว่าจะได้รับข่าวสารบางอย่างจากที่นี่
หลิงอินมีแท่นค่ายกลเคลื่อนย้ายตรงเข้าไปยังหุบเขาคงหลิงติดตัว ดังนั้นใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถเดินทางมาถึงหุบเขาคงหลิง
“แม่นางหลิงอินมาที่นี่ด้วยเหตุใดหรือ?”
จ้าวหุบเขาออกมาต้อนรับนางด้วยตนเอง ดูแล้วสถานการณ์น่าจะยังดีอยู่
ทองยังไม่บริสุทธิ์ แล้วคนใดเล่าจะสมบูรณ์*[1] คำนี้ไม่เคยผิดมาก่อน
ทุกคนย่อมมีความโลภ ล้วนเคยพลาดพลั้ง ทำผิดไม่น่ากลัว รู้ตัวแต่ไม่คิดแก้ไขต่างหากที่น่ากลัว!
แม้ก่อนหน้าที่จ้าวหุบเขาจะเคยโลภจนทำเรื่องผิดพลาดมาก่อน แต่ในท้ายที่สุด อย่างน้อยในใจนางก็ยังคงมีมโนธรรม
หลังจากรู้เรื่องราวโหดร้ายที่จักรพรรดิบุปผาได้กระทำ นางก็แตกหักกับจักรพรรดิบุปผาด้วยความเด็ดเดี่ยว ตีกลองรบนำสมาชิกของหุบเขาคงหลิงเข้าต่อสู้กับจักรพรรดิบุปผา
กระทั่งหลังจากนั้น ตอนที่คนจากทะเลต้องห้ามมา ก่อนการสังหารหมู่ในหุบเขาคงหลิง จ้าวหุบเขาก็ไม่ได้ติดต่อและขอความช่วยเหลือจากนาง
นางรู้ดีว่าจ้าวหุบต้องการจะชดเชยความผิดพลาดในอดีตกาลของหุบเขาคงหลิง หวังให้เรื่องราวทั้งหมดจบลงที่นี่ ไม่อยากให้สิ่งมีชีวิตจากทะเลต้องห้ามพบตัวนาง
หลิงอินเห็นทั้งหมดด้วยตาของตัวเอง แล้วเก็บเรื่องราวเหล่านี้เอาไว้ในใจ
ครั้งแรกที่มา นางไม่ได้ช่วยเหลือจ้าวหุบเขา แต่หลังกลับจากทะเลต้องห้าม นางก็ตั้งใจเดินทางมายังหุบเขาคงหลิงหนหนึ่ง เพื่อช่วยจ้าวหุบเขาฟื้นตัวสร้างกระดูกในร่างขึ้นมาใหม่
สาเหตุที่จ้าวหุบเขาอยู่ในสภาพดีก็เป็นเพราะนาง
ถ้าหากนางไม่ช่วยเหลือ แม้ว่าจ้าวหุบเขาจะสามารถหลอมกระดูกใหม่ขึ้นมาได้ แต่มันย่อมไม่สำเร็จด้วยระยะเวลาอันสั้น จำเป็นต้องใช้เวลานานเป็นอย่างมาก
นางไม่ได้มอบสมบัติล้ำค่าอะไรให้กับจ้าวหุบเขาเพื่อสร้างกระดูก
สิ่งที่นางใช้คือพลังของฉินเฟิ่งหมิง
ฉินเฟิ่งหมิงไม่ได้มีเพียงพลังโจมตีอันน่าสะพรึงกลัว แต่ยังมีพลังเยียวยาอันน่าทึ่งอีกด้วย นางบรรเลงฉินเฟิ่งหมิงใช้พลังของมันช่วยเหลือจ้าวหุบเขาในการฟื้นฟูและหลอมกระดูกในร่างขึ้นมาใหม่
หลิงอินพยักหน้าให้จ้าวหุบเขาแล้วกล่าว “ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากจะสอบถามเล็กน้อย”
“แม่นางหลิงอินต้องการทราบเรื่องใดโปรดบอกมา!”
จ้าวหุบเขากล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตราบใดที่ข้ารู้ ข้าจะบอกท่านอย่างละเอียดแน่นอน”
หลังจากกล่าวจบ นางก็อดไม่ได้ที่จะมองไปทางเสี่ยวหยา
ยามได้เห็นเสี่ยวหยา นางก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ยิ่งมองไปที่เสี่ยวหยาเท่าไรก็ยิ่งคุ้นเคยมากขึ้น เหมือนเคยพบเสี่ยวหยามาแล้วที่ไหนสักแห่ง
“ฟ่านหยาเหยียน เสี่ยวหยา!?”
ในที่สุดนางก็นึกออก คนผู้นี้ไม่ใช่เสี่ยวหยาหรอกหรือ? ในใจราวกับมีคลื่นนับพันถาโถม นางตกใจเสียจนเผลอตะโกนออกมา
เมื่อตอนนั้นจักรพรรดิบุปผาได้แสดงภาพเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ทำให้นางได้เห็นรูปลักษณ์ของเสี่ยวหยา
และเป็นเพราะว่านางได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทำให้นางแตกหักกับจักรพรรดิบุปผาอย่างสมบูรณ์
นางไม่คาดคิดเลยว่าจักรพรรดิบุปผาจะโหดร้ายเลือดเย็นถึงเพียงนี้ มันเกินกว่าขอบเขตที่นางจะรับได้
กระทั่งคนที่สิ้นชีพไปตั้งแต่ครั้งโบราณกาลก็สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้ สวรรค์! แท้จริงแล้วหลิงอินเป็นใครกันแน่?
ต้องน่าพรั่นพรึงมากแค่ไหนถึงสามารถทำเช่นนี้ได้!
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หลิงอินสามารถออกจากทะเลต้องห้ามได้โดยไร้รอยขีดข่วน!